The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
95) เพราะอะไร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaperaccess.com
สิ้นคำกล่าว เหมยลี่ก็อึ้งไปชั่วขณะ ทั้งสองเข้าสู่โหมดใบ้รับประทาน สีหน้าของเด็กสาวแฝงแววมึนงง ส่วนทางฝ่ายมาวิน ไม่จำเป็นต้องสืบให้เสียเวลา เพราะทั่วทั้งตัวได้แดงซ่านไปหมดแล้ว
ในช่วงวัดใจนั้นเอง ดูเหมือนว่าเด็กสาวร่างสูงจะเด็ดขาดกว่า เธอจึงเอ่ยถามสั้นๆด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ ทำไม……”
“ ทำไมคืออะไร ” มาวินสงสัย แต่พอเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ออกอาการเขินอาย เพราะสองดวงตาได้สบกันแบบเต็มๆ ในใจแอบขบคิด
“ ดวงตาของยัยโย่งสวยจัง เหมือนดวงตาของจันเลย ”
เด็กสาวร่างสูงเปิดโอกาสให้มาวินได้ตอบครู่หนึ่ง เมื่อไม่มีความคืบหน้า เธอจึงเอ่ยถามอีกครั้ง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเหมือนจะสั่นเล็กน้อย คล้ายมีความไม่แน่ใจซ่อนอยู่ภายใน
“ ทำไมนายถึงไม่อยากให้…….โจจี้ทำแบบนั้น ”
“ เอ่อ......อ่า.....เอ่อ..... ” มาวินเริ่มองค์ลง ปากคอสั่นเทาและกลับมาติดอ่าง กระนั้น เด็กสาวร่างสูงก็ยังยืนรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเผยความในใจ ก็บังเกิดเสียงร้องทักที่ด้านหลัง
“ เฮ้ พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่ อาหารเช้าเสร็จแล้วนะ ”
ทั้งสองหันกลับไปมอง จึงพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ….โจจี้ ใบหน้าของหนุ่มผมทองฉายแววสงสัยอย่างชัดเจน
เหมือนเสียงระฆังพักยกดังขึ้น เด็กหนุ่มหัวเขียวนึกขอบใจฟ้าดินอย่างใหญ่หลวงที่ส่งโจจี้มาห้ามทัพ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เหมยลี่จึงชิ่งหนีไปก่อน โดยไม่พูดคำใดออกมา
โจจี้เหลือบมองเหมยลี่ที่เดินผ่านสลับกับใบหน้าที่แดงก่ำของมาวิน ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยถามเสียงอ่อย
“ เอ่อ.....นี่ชั้นมาขัดจังหวะรึเปล่า ”
“ เหอๆ ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ.....แค่เหมยลี่กำลังแอบชมว่านายหล่อมากเท่านั้นเอง ” มาวินแสร้งอำต่อไป นับว่าเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
“ ชะ....อุ๋ย อย่าพูดแบบนี้ดิ นายต้องไปพูดหรือทำยังไงก็ได้ให้ชั้นดูทุเรศที่สุด เพราะชั้นไม่อยากตกเป็นเมียของพ่อหนุ่มหน้าสวยคนนั้น ” โจจี้โวยเสียงดัง เขาเผลอเอามือจับก้นตัวเอง
“ ได้จ้า...... ” มาวินรับคำเสียงยานคาง ภายในนึกกังวล เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะอำโจจี้ได้อีกนานแค่ไหน
……………………
อาหารเช้าวันนั้นได้แก่ปลาทอดเหลืองอร่าม สลัดผักและเบคอนย่างกรอบ ในด้านรสชาตินับว่าเป็นเลิศระดับห้าดาว แต่บรรยากาศกลับเงียบงัน คล้ายว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นรายล้อมรอบตัว
เหมยลี่กินอาหารอยู่เงียบๆ ส่วนมาวินก็รับประทานด้วยท่าทางที่เรียบร้อยจนผิดปกติ แต่ที่น่าประหลาด เห็นจะหนีไม่พ้นโจจี้ เขาดูลุกลี้ลุกลน คล้ายว่าตนเองกำลังอยู่ในสนามรบที่ร้อนแรง หนุ่มผมทองแอบชำเลืองเด็กสาวร่างสูงเป็นระยะ มือขวาเอื้อมไปปิดก้น ปากพึมพำเบาๆในลำคอ อันใจความได้ว่า......
“ อู้ย......เสียวโว้ย ”
หลังเสร็จสิ้นการกินอาหารเช้าที่แสนอึดอัด ทุกคนก็รวมตัวกัน เพื่อออกเดินทาง โจจี้พยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แม้ใจลึกๆยังรู้สึกหลอน เขาตัดสินใจแล้วว่า......ถ้าเหมยลี่เข้าประชิดตัวในระยะหนึ่งก้าวเมื่อไหร่ หนุ่มหล่อจะชู้ตอีกฝ่ายให้กระเด็นออกนอกโลกทันที
“ เอาล่ะ ทุกคนพร้อมนะ ” โจจี้สอบถามลูกทีมด้วยน้ำเสียงที่พยายามขึงขัง
“ พร้อมตั้งแต่ไก่โห่แล้ว ลูกพี่ ” มาวินเท้าเอวตอบกวนๆ เขาผิวปากเบาๆ ส่วนเหมยลี่ไม่ได้พูดคำใด เธอเพียงพยักหน้ารับ
โจจี้พยายามไม่ใส่ใจต่ออาการกวนโอ๊ยของมาวิน เนื่องจากกลัวจะเสียเวลาเดินทาง หลังจากที่ชายหนุ่มข่มความโกรธของตัวเองไว้ได้ เขาก็เริ่มอธิบายทุกสิ่งให้เหล่าสมาชิกได้รับรู้
“ ป่าตะวันออกเป็นแดนพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ”
“ ทำไม ต้นไม้มันมีขาเดินได้รึไง หรือมันมีปากพูดได้ เหอๆ ” มาวินกล่าวแซว เพื่อหวังป่วนประสาท แต่ไม่ทันหัวเราะจบ เหมยลี่ก็ประเคนมะเหงกก้อนโตเข้าไปที่ศีรษะ
“ โป๊ก ”
“ โอ๊ย มือหนักชะมัด ” มาวินร้องจ้าก พร้อมกุมในจุดที่ถูกเขก แต่พอจะหันไปโวย ก็พบกับดวงตาคมเข้มที่แฝงแววดุดัน สิ่งนั้นทำให้เด็กหนุ่มล้มเลิกความคิดไปโดยปริยายและกลับมาสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“ ฮะ.....แฮ่ม ขอบใจนะ ” โจจี้กระแอมเบาๆ พร้อมกล่าวขอบคุณ
เมื่อไม่มีใครมาคอยป่วนให้เสียงาน โจจี้ก็เริ่มอธิบายเรื่องราวให้ฟังอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นงานเป็นการ
“ ป่าตะวันออกเป็นแดนอาถรรพ์ ว่ากันว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นที่สิงสถิตของเทพศาสตรา อันเป็นเทพโบราณที่อยู่มาตั้งแต่สมัยกำเนิดโลก ”
มาถึงตรงนี้ มาวินเริ่มอ้าปากหาวหวอดๆ เพราะรู้สึกง่วงนอนเป็นที่สุด ส่วนเหมยลี่ เธอตั้งใจฟังด้วยอาการสงบ
โจจี้เว้นช่วงหายใจนิดหนึ่ง ก่อนอธิบายต่อ
“ ดังนั้น ถ้าพวกนายไม่อยากหลงทาง ต้องคอยตามติดชั้นชนิดไปไหนไปกัน แต่คิดดูอีกที ห่างนิดหนึ่งก็ดีนะ อู้ย......” โจจี้รีบกลับคำในช่วงท้าย เพราะเหลือบไปเห็นเหมยลี่ มือขวาเผลอกุมก้นตัวเองอีกครั้ง
ขณะที่ทุกคนกำลังจะออกเดินทาง มาวินก็แกล้งถามกวนๆตามสไตค์ของตัวเอง
“ ถ้าเกิดชั้นพลัดหลงกับพวกนาย แล้วติดอยู่ในป่าอาถรรพ์ จากนั้นมันจะเป็นยังไงต่อเหรอ........ ” ท้ายประโยคมีการเล่นเสียงสูง อันเป็นการยียวนให้อารมณ์เสีย
ถ้าเป็นเหมือนทุกที โจจี้คงขัดเคืองใจ แต่คราวนี้ หนุ่มหล่อกลับยิ้มเยือกเย็นจนทำให้มาวินนิ่งอึ้งในบัดดล อึดใจต่อมา เขาก็ตอบกลับด้วยเสียงที่หนักแน่นและจริงจังในแบบที่พ่อหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้ไม่เคยกระทำมาก่อน
“ นายก็จะหลงอยู่ในโลกที่ไร้ทางออก ต้องติดอยู่ในสถานที่นั้นไปตลอดกาล ”
สิ้นคำกล่าว ทุกคนในวงสนทนาต่างพากันเงียบกริบ ไม่นานนัก มาวินก็เริ่มยิ้มแห้งๆ พร้อมกล่าวแก้เกี้ยว
“ อำแน่ๆเลย นายอย่าพูดเล่นแบบนี้ซิ อย่างกะป่านั้นเป็นทางเข้าสู่มิติลี้ลับแบบในหนังการ์ตูนบ้านนอก เรื่องแบบนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไง เหอๆ....... ”
“ จะเชื่อหรือไม่ มันก็เรื่องของนาย แต่ขอย้ำไว้เลยว่า…..ห้ามแตกกลุ่มเป็นอันขาด ” โจจี้ไม่สนใจคำว่า……หนังการ์ตูน อันบ่งบอกถึงความจริงจังในน้ำคำที่กล่าวเตือน
“ เหอๆ รับทราบครับผม ” มาวินยิ้มแห้งๆและรับคำอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มเริ่มกลัวจริงๆจนไม่กล้าออกนอกกรอบในแบบที่เคย
เวลา 9.00 น. ทุกคนพร้อมใจกันปรับเวลาบนนาฬิกาข้อมือให้ตรงกัน จากนั้น ชาวแก๊งก็เริ่มออกเดินทางสู่ป่าตะวันออก เพื่อตามล่า "คองโกล่า" มอนสเตอร์ค่าหัวสูง
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ