The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
89) ถึงป่าตะวันออก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpaperup.com
เช้าวันรุ่งขึ้น วัยรุ่นทั้งสามออกจากเมืองแกรนด์ยาร์ด เพื่อไปทำภารกิจล่าคองโกล่า พวกเขาเดินทางด้วยเท้าเปล่า เนื่องจากหนทางในป่าตะวันออกค่อนข้างรกและเคี้ยวคดจนไม่สามารถใช้พาหนะใดๆได้ พอผ่านไปซักระยะ มาวินก็เริ่มบ่นงึมงำ
“ เฮ้อ....เซ็ง ไม่เจอใครเลย ไม่มีอะไรเล่น น่าเบื่อชะมัด ”
แน่นอนว่าโจจี้ก็รู้สึกเซ็งเช่นกัน เพราะช่วงที่มีผู้คนเดินผ่าน ชายหนุ่มมักจะแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวๆเป็นประจำ แต่ในเวลานี้ ไม่มีนางใดเดินผ่านให้หลีเลย ส่วนทางฝ่ายเหมยลี่ เธอยังดูสงบเยือกเย็นดังเดิม สีหน้าเย็นชาอยู่ตลอด
ทั้งสามมาถึงชายป่าตะวันออกตอนเย็น ริมทางเข้ามีลำธารใสที่แผ่ละอองน้ำและความชุ่มฉ่ำ ทำให้คณะเดินทางรู้สึกสดชื่นไปตามๆกัน
“ อืม...... นับว่าพวกเราทำเวลาได้ดีพอสมควร เพียงวันเดียวก็ถึงชายป่า คืนนี้เราจะพักแรมกันที่นี่ ” โจจี้เงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกดิน จากนั้นแจกแจงแผนการ
เหมยลี่ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนแยกตัวไปนั่งสงบที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมลำธาร ส่วนมาวินดูจะอ่อนล้ากว่าใครๆ พอขาดคำ เขาก็ล้มตัวลงนอน พร้อมโวยเสียงดัง
“ เฮ้อ....... ได้พักซักที เหนื่อยชะมัด วันหลังอย่าพาเดินทรหดแบบตามควายหายอย่างนี้อีกนะ ไอ้บ้าโจจี้ ”
โจจี้ส่ายหัวไปมา เขาเริ่มชินกับนิสัยแย่ๆของมาวิน เลยไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงให้มากความ ครู่หนึ่ง หนุ่มผมทองก็หยิบอุปกรณ์สนามที่อยู่ในเป้หลังออกมา เพื่อสร้างที่พักแรม โดยมีเจ้าลิงหัวเขียวประจำคณะแอบมองด้วยความสนใจ
เวลาผ่านไปไม่นาน ที่พักแบบง่ายๆก็เสร็จสิ้น แคมป์นั้นประกอบด้วยกระโจมจำนวนสามหลังที่เรียงตัวกันเป็นรูปวงกลม กลางวงล้อมปรากฏกองไฟขนาดย่อม มีขอนไม้วางอยู่ข้างๆ เพื่อสะดวกในการนำไปใช้ปิ้งย่างและให้ความอบอุ่น
“ ว้าว....... นายนี่มันประณีตกว่าที่ชั้นคิด ” มาวินอุทานออกมาด้วยความลืมตัว เพราะในยามที่เขาพักแรมกับเหมยลี่ เด็กหนุ่มจะพบแค่กองไฟลวกๆเพียงแค่กองเดียว
“ ฮ่าๆ ถึงชั้นจะเดินป่าเป็นอาชีพ แต่ก็ชอบอะไรที่มันละเอียดอ่อน นี่ยังไม่ได้จัดเต็มนะ มีออปชั่นอีกหลายอย่างที่ไม่ได้โชว์ ” หนุ่มผมทองหัวเราะร่าด้วยความภาคภูมิใจ
“ โอ้ว...... ชักอยากเห็นแล้วสิ ทำไมนายไม่ลองจัดเต็มให้ชั้นดูล่ะ ” มาวินร้องบอก แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยประกายเลื่อมใส
“ ฮะๆ ใจเย็นน่า ช่วงนี้ชั้นยังแห้งทรัพย์อยู่ ไว้ได้เงินรางวัลมา จะโชว์ที่พักแรมแบบจัดเต็ม ” โจจี้พูดจบ ก็ตบหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม
“ เออ แล้วชั้นจะคอยดูฝีมือของนาย ” มาวินหยอกกลับด้วยการต่อยไปที่หน้าอก ท่าทางของพวกเขาเหมือนสนิทกันมาเป็นแรมปี ทั้งที่สองหน่อเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วัน
ทั้งสองนั่งคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย อาทิเช่นมีแฟนมาแล้วกี่คน มีโมเม้นท์หรือความหลังอะไรดีๆกับสาวมั้ย ซึ่งหนุ่มผมทองก็เล่าชีวิตรักที่โลดโผนของตนเองอย่างเมามัน ทำให้มาวินผู้ไร้ประสบการณ์ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อถึงจุดหนึ่งของการสนทนา เด็กหนุ่มก็เริ่มเอ่ยถามในเรื่องที่มีสาระ
“ นี่ ถามจริงเถอะ ตกลงแล้ว นายเป็นนักล่าจริงๆ ใช่มั้ย ”
โจจี้ไม่ตอบทันที เขาเอนกายพิงขอนไม้ใหญ่ซึ่งใช้แทนโซฟา ดวงตาคมซึ้งจับจ้องไปที่กองไฟเบื้องหน้า ครู่หนึ่งก็ตอบกลับมาเรียบๆด้วยใบหน้ายิ้มละไมที่ทรงเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม
“ แล้วเหตุใด นายถึงคิดว่าชั้นไม่น่าจะเป็นนักล่าล่ะ ”
“ อืม...... ทำไมน่ะเหรอ บอกก็ได้ แต่นายต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธชั้น ” มาวินทำท่าขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตั้งเงื่อนไข
“ ฮะๆ ว่ามาเลย ชั้นไม่โกรธนายหรอก ” โจจี้หัวเราะชอบใจ
“ อืม..... คืองี้นะ เริ่มจากข้อหนึ่ง แม้นายจะรวดเร็วชนิดที่คนธรรมดาตามไม่ทัน แต่นั่นก็ดีไม่พอ ถ้าเจอความเร็วของพวกนักสู้ อาจหลบไม่ได้ ยิ่งเป็นความเร็วของพวกสัตว์ป่าซึ่งสูงขึ้นไปอีกระดับ นายยิ่งรั้งท้ายชนิดไม่เห็นฝุ่น ” มาวินชี้แจงโดยละเอียด เนื่องจากเขาเพิ่งผ่านดันเจี้ยนที่มีสัตว์ป่าเป็นมอนสเตอร์ประจำด่าน จึงรู้ซึ้งถึงความเร็วของพวกมันเป็นอย่างดี
“ อืม...... น่าคิดนะ มีอะไรอีกมั้ย ” โจจี้ถามยิ้มๆ
“ ข้อสอง แม้นายจะมีเพลงดาบที่รุนแรง แต่กระบวนท่านั้นต้องหยุดนิ่ง เพื่อรวบรวมกำลังอยู่หลายอึดใจ จึงไม่น่าใช้กับศัตรูซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ว่องไวได้ แล้วจะใช้ท่านั้นกับเจ้าคองได้รึ ” มาวินเผยเหตุผลข้อที่สอง
โจจี้เหลือบมองมาวิน ประกายตาแฝงแววชื่นชม หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะชอบใจ
“ ฮ่าๆ นายนี่มันยอดกว่าที่คิดแฮะ คมในฝักจริงๆ ”
“ อ้าว.... เฮ้ย ชั้นพูดตรงๆ แต่นายกลับหลอกด่า ” มาวินชักฉุน
โจจี้เริ่มงง เด็กหนุ่มเบื้องหน้านั้นฉลาดหรือปัญญาอ่อนกันแน่ เพราะเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาไม่เห็นว่าประโยคที่เอ่ยออกมา จะมีคำด่าตรงไหนเลย แต่ก็แกล้งทำเมิน พร้อมตอบกลับมา ท่าทางเนือยๆ
“ ถ้าไม่แน่ใจว่าชั้นเป็นฮันเตอร์จริงหรือไม่ ลองพิสูจน์ดูมั้ย ”
“ พิสูจน์ยังไง ” มาวินทำหน้างง
“ ไม่ยาก ก็ให้เราลองสู้กันเท่านั้นเอง ” โจจี้กล่าวเรื่อยๆ ท่วงท่าคล้ายเชื้อเชิญเพื่อนฝูงไปเที่ยวเล่นที่บ้าน
“ หา....... เอาจริงดิ ” สีหน้าของมาวินดูเอ๋อเหรอ
………………………
ลานประลองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกสร้างขึ้นมาแบบง่ายๆด้วยการเคลียร์พื้นที่ให้โล่ง มันมีความกว้างประมาณ 10 เมตรและยาว 30 เมตร ตรงหัวมุมติดคบไฟไว้ทั้ง 4 ด้าน เพื่อเพิ่มแสงสว่าง
“ เฮ้ นายแน่ใจแล้วเหรอที่จะสู้กับชั้น ความเร็วของชั้นต่างจากพวกกุ๊ยที่เคยเจอในร้านเหล้านะ ” มาวินยืดเส้นยืดสายตรงมุมเวที ปากก็ร้องถามเสียงดัง
“ ฮ่าๆ เอาเถอะน่า มาลองดูกัน ” โจจี้ยืนสงบนิ่งอยู่อีกมุมหนึ่ง ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
“ โอเค ถ้าเจ็บตัว ก็อย่ามาโทษกัน ” มาวินยกการ์ดขึ้นสูง เขาเต้นด้วยปลายเท้าเบาๆ คล้ายฟุตเวิร์คแบบมวยสากล
“ ได้เลยพวก ไม่ว่ากันอยู่แล้ว ” หนุ่มหล่อผมทองรับคำ พร้อมผายมือเป็นเชิงท้าทาย
“ แฮะๆ ว่าไงก็ว่าตามกัน ” มาวินยิ้มแหยๆ หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็หยุดฟุตเวิร์คและย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อตั้งกระบวนท่าต่อสู้ ดวงตาจับจ้องมาที่โจจี้
ก่อนที่การประลองเล็กๆจะเริ่มต้น เหมยลี่ได้กลับมารวมกลุ่ม เด็กสาวร่างสูงมองไปที่สองหนุ่มแน่วนิ่ง ท่าทางสนใจพอสมควร
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ