The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
83) เสียงเรียกปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://wallpapersafari.com
“ เหวอ..... ” มาวินร้องได้แค่คำเดียว ก่อนจะ…..กระโจนหลบสุดกำลัง
“ แคว้ก ”
กรงเล็บแหลมคมถากอก ทำให้เสื้อของมาวินฉีกขาดเป็นทางยาว แถมยังกระเด็นกระดอนไปหลายตลบ
มาวินรีบยันกายลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ แต่ทันทีที่สองเท้าเหยียบพื้น เขาก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน มีดาวระยิบระยับรายล้อมรอบตัว ปากก็พึมพำเบาๆ
“ โห.....ถึงกลับมึนจนเห็นดาวเลย ”
“ กรร..... ” เสือดาวหันกลับมาคำราม มันแหกปากกว้าง เพื่อโชว์เขี้ยวยาวเป็นเชิงข่มขู่ ดูเหมือนมันจะเริ่มหงุดหงิด เพราะมาวินสามารถหลบการจู่โจมได้ถึงสองครั้งสองคราว
“ ฮะๆ ใจเย็นน่า พี่เสือดาว ว่าแต่พี่ชายผมทอง นายมีอะไรจะแนะนำอีกมั้ย ” มาวินไถ่ถามโจจี้
“ เอ่อ..... ก็มีสิ่งที่อยากแนะนำนะ อย่างแรกเลย นายไม่เจ็บเหรอ ” โจจี้ตอบกลับ น้ำเสียงดูฉงนเล็กน้อย
“ เจ็บเหรอ ไม่นะ ตอนนี้แค่รู้สึกมึนเท่านั้น หัวของชั้นน่าจะไปชนกับก้นเสือ ท่าทางมันจะเป็นตัวเมียนะ เพราะตูดแข็งเป็นบ้าเลย ” มาวินสะบัดศีรษะไปมา เพื่อปรับโฟกัสสายตาให้เข้าที่
“ ถ้าอย่างงั้น นายลองก้มลงไปมองหน้าอกของตัวเอง แต่ขอเตือนไว้ก่อน…..อย่าตกใจ ” โจจี้ตอบแปลกๆ ทำให้มาวินรู้สึกงงหนักกว่าเดิม
" มันจะให้เราดูหน้าอกของตัวเองทำไมนะ "
เมื่อมาวินทำตามคำแนะนำของโจจี้ หัวใจของเด็กหนุ่มก็แทบหยุดเต้น เพราะเกิดบาดแผลเป็นทางยาวที่ทรวงอก ส่วนเสื้อกังฟูก็ขาดกระจุยจนแทบใส่ไม่ได้แล้ว
“ โห..... เสื้อตัวเก่งของชั้นขาดซะไม่มีชิ้นดีเลย ” มาวินโวยดังด้วยอาการหัวเสีย ท่าทางเขาจะชอบเสื้อตัวนี้เอามากๆ
“ ไอ้บ้า แกจะมัวห่วงเสื้อไปทำไม ห่วงชีวิตตัวเองดีกว่า แผลนั่นสาหัสไม่ใช่น้อย นายยังไหวอยู่มั้ย ” โจจี้ตวาดด่า เพราะหมั่นไส้ความปัญญาอ่อนของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ ฮะๆ ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละน่า แต่อย่างที่นายว่า แผลนี้น่าจะหนักพอตัว และตอนนี้ชั้นก็เริ่มจะเจ็บแล้ว ” มาวินหัวเราะแห้งๆ แต่ไม่ทันได้พูดต่อ เสือร้ายก็ขู่คำรามอีกครั้ง
“ โฮก....... ”
สิ้นเสียงร้อง เสือดาวร่างเพรียวก็กระโจนเข้าใส่อีกคำรบ มาวินพุ่งหลบได้อีกครั้ง แต่เพราะอาการเหนื่อยล้าและแผลฉกรรจ์ที่ได้รับ เลยทำให้ความเร็วตกลงจนกรงเล็บคมพุ่งถากหัวไหล่ขวา
“ ปึก ”
มาวินกลิ้งตัวบนพื้นหญ้า ก่อนจะลุกขึ้นมาเอามือกุมหัวไหล่ ของเหลวสีแดงสดหลั่งไหลออกจากบาดแผล แขนข้างนั้นถึงกับชาดิก
มาวินเงยหน้าขึ้นมองเสือร้าย เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริง เพราะหนวดของสัตว์ป่าเหมือนจะกระตุกขึ้นลงนิดๆจนดูคล้ายคนแสยะยิ้ม
“ แฮะๆ เสือยิ้มได้วุ้ย ประหลาดชะมัด แต่ที่แย่สุด น่าจะเป็นแขนขวาของเรา มันขยับไม่ได้เลย ” มาวินกล่าวช้าๆ น้ำเสียงดูเอื่อยเฉื่อย ไม่ต่างจากคนที่หมดอาลัยตายอยาก
“ โฮก....... ” เสือร้ายคำรามดัง พร้อมย่อตัวลงต่ำ ท่าทางเหมือนจะกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
“ ฮะๆ ในที่สุด เราก็ต้องมาจบตรงนี้ แย่จัง ยังไม่ได้บอกลาใครเลย ” ดวงตาของมาวินเริ่มปรือลอย กำลังใจเริ่มหดหาย และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เด็กหนุ่มก็พลันได้ยินเสียงห้าวที่แสนคุ้นหู
“ จะยอมตายเพียงเท่านี้เหรอ ไม่อยากกลับไปหาจันรึไง นายวิน ”
มาวินจดจำได้ทันที นี่คือเสียงของจัน เพื่อนสาวคนสนิทในโลกเก่า ความรู้สึกต่อมาที่บังเกิดในจิตใจก็คือ…..
“ ชั้นต้องรอดกลับไปหาจันให้ได้ ”
มาวินไม่รู้เลย พละกำลังที่หลั่งไหลไปทั่วร่างกายมาจากไหน เด็กหนุ่มกลับมาว่องไวดังเดิมจนพลิกหลบกรงเล็บคมได้อย่างง่ายดาย แถมยังต่อยสวนเข้าไปหนึ่งหมัดด้วยแขนขวาที่บาดเจ็บ กำปั้นพุ่งปะทะใบหน้ายาวของเสือดาวแบบเต็มๆจนก่อให้เกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ
“ เปรี้ยง ”
“ โฮก...... ” เสือร้ายผงะถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมคำรามดังด้วยความเจ็บปวด มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่ามนุษย์ตัวเล็กบางที่อยู่ตรงหน้า จะมีปัญญาตอบโต้
“ เป็นไงเล่า ไอ้เสือบ้า กินหมัดของชั้นเข้าไปเต็มๆ สะใจมั้ย ” มาวินโห่ร้องท้าทาย แต่ภายในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสที่กำปั้นขวา
“ อู้ย..... อย่างกับต่อยกำแพงปูนเลย หน้าของมันแข็งชะมัด ”
เสือดาวสะบัดศีรษะไปมาเบาๆ มันมองเด็กหนุ่ม เกิดรอยช้ำเป็นรูปหมัดตรงบริเวณคิ้วซ้าย นอกจากนั้นดูเหมือนว่าสัตว์ป่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ แฮะๆ เราต่อยโดนเต็มๆ แต่มันกลับไม่เป็นอะไรเลย แถมยังแสยะยิ้มให้อีก จะทำยังไงดีนะ ” มาวินรู้สึกอึดอัด แต่ภายนอกยังแสร้งยิ้ม เขายื่นกำปั้นขวาไปข้างหน้า เป็นเชิงข่มขู่ทำนองว่า....ถ้าแหยมเข้ามา จะโดนหมัดเด็ดอีก
เสือดาวลังเลใจ มันไม่กล้าเข้ามาขย้ำ สัตว์ป่าได้แต่เยื้องย่างไปรอบๆ สายตาอันดุร้ายจับจ้องเด็กหนุ่ม ท่าทางระแวง
…………………..
ภายในห้องทดลอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งสามชีวิตดูภาพบนจอมอนิเตอร์ด้วยท่าทีที่ต่างกัน ศาสตราจารย์อ็อคซี่นั่งตัวเกร็งบนเก้าอี้และกัดเล็บระบายอารมณ์ ส่วนโจจี้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก็กำมือแน่น พร้อมกัดฟันกรอดใหญ่ มีเพียงเหมยลี่ที่นั่งไขว่ห้างบนโซฟาหนัง เธอเงียบขรึมและนิ่งเฉย สายตาคมดูไร้อารมณ์
“ เจ้าหนูนั่นตีโต้จนได้โอกาสแล้ว แต่ทำไมไม่บุกต่อล่ะ ” ศาสตราอ็อคซี่เริ่มโวยดัง กิริยาไม่ต่างจากแฟนบอลซึ่งกำลังเชียร์ทีมรักของตนเอง
“ น้องชายหัวเขียวก็อยากลุยต่อ แต่ทำไม่ได้มากกว่า เนื่องจากหมัดเด็ดของหมอนั่นแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย และถ้าให้เดา ผมคิดว่ามือข้างนั้นน่าจะใช้งานไม่ได้แล้ว ” โจจี้วิเคราะห์ เหมยลี่เลยหันมามองหนุ่มหล่อ ดวงตาเปล่งประกายชื่นชม
“ เอ....แต่เจ้าหนูหน้าลิงยังมีท่ากรงเล็บอะไรซักอย่างที่สามารถปล่อยได้หลายหมัดในทีเดียวกับกระบวนท่าชุดที่ใช้ล้มหมาป่าจ่าฝูงอยู่นี่นา ทำไมถึงไม่ใช้ล่ะ ” ศาสตราจารย์เฒ่ายังถกเถียง
“ น้องชายหัวเขียวก็อยากใช้ แต่ใช้ไม่ได้ต่างหาก เพราะเท่าที่ดู กรงเล็บแมวป่าเป็นการปล่อยหมัดนับสิบในเวลาเดียวกัน ทว่าทุกหมัดไม่รุนแรงเท่าหมัดเด็ดที่ต่อยเมื่อครู่ ดังนั้นท่านี้จึงไม่อาจทำอะไรได้ ส่วนกระบวนท่าต่อเนื่องที่ชื่อว่า…..” โจจี้เริ่มแจกแจงอย่างละเอียด มันเป็นการวิเคราะห์ที่เเม่นยำ บ่งบอกถึงเซ้นส์การต่อสู้ที่เฉียบคม แต่ไม่ทันจบ เหมยลี่ก็สานต่อ
“ มันมีชื่อว่า......เสือดาวไล่เหยื่อ เป็นกระบวนท่าที่ต้องคำนวณจังหวะก้าวและการยืนของเป้าหมาย ลองคิดดู ถ้าใช้กระบวนท่านี้กับเสือดาวซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ปราดเปรียว มันจะประสบผลสำเร็จมั้ย ”
ศาสตราจารย์อ็อคซี่หันกลับมามองเด็กสาวมาดขรึมเป็นเชิงสงสัย เพราะจู่ๆคนน่ากลัวอย่างเธอกลับอธิบายยืดยาว ส่วนโจจี้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็พยักหน้ารับคำเป็นเชิงเห็นด้วย ทว่าภายในกลับนึกสงสัยว่าสิ่งที่เหมยลี่พูดเมื่อครู่ หมายถึงอะไรและใครคือ….จัน หนุ่มผมทองยอมรับว่าให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้มากกว่าความเป็นความตายของมาวินเสียด้วยซ้ำ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ