The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
9.7
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
174 LV
22 วิจารณ์
166.64K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
81) สงครามน้ำลาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://unsplash.com
…………………..
ภายในห้องทดลองของตึกอัพเลเวลเต็มไปด้วยความเงียบงัน จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดผนังปรากฏภาพของเด็กหนุ่มหัวเขียว เขากำลังยืนสงบนิ่งบนพื้นหญ้ากว้าง รอบกายมีหมาป่านอนกองอยู่สามตัว สิ่งที่ประจักษ์ทำให้โจจี้หุบยิ้มไม่อยู่ ปากก็กล่าวชม
“ ว้าว…… เจ้าน้องชายหัวเขียวนี่มันเอาจนได้แฮะ ฝีมือไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย ”
ทันใดนั้นเอง ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็พูดแทรกขึ้นมาบ้าง หน้าเบ้เล็กน้อยด้วยความมึนงง
“ อืม…… นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่เจ้าหนูนั่นสามารถรอดมาถึงด่านสุดท้ายได้ ”
“ เกินความคาดหมายไปมาก ไม่คิดเลยว่าลิงซนๆอย่างหมอนั่นจะฉลาดขนาดนี้ ” โจจี้พยักหน้ารับคำเบาๆ เป็นเชิงยอมรับในความสามารถของมาวิน
“ ฉลาด หมายความว่า….” ศาสตราจารย์อ็อคซี่เอ่ยถาม สีหน้าดูงงหนักกว่าเดิม โจจี้จึงหันกลับมายิ้มให้ พร้อมอธิบายต่ออย่างใจเย็น
“ คืองี้ ศาสตราจารย์เห็นตอนที่น้องชายหัวเขียวสู้กับฝูงหมาป่าที่ทุ่งหญ้ากว้างมั้ย ”
“ อืม….เห็น แล้วยังไง ” ศาสตราจารย์สูงวัยไถ่ถามรัวเร็ว
“ เมื่อเห็นแล้ว ศาสตราจารย์ก็น่าจะรู้ว่าเจ้าน้องชายหัวเขียวไม่อาจต่อกรการโจมตีที่สอดประสานกันอย่างลงตัวของสามหมาป่า นั่นเป็นเพราะอะไร…..” โจจี้ถามกลับ รอยยิ้มมุมปากฉายออกมาแบบมีนัยยะ
แม้ศาสตราจารย์เฒ่าไม่ได้เป็นนักสู้ แต่ด้วยความช่างสังเกตแบบนักวิทยาศาสตร์ จึงทำให้นึกออก
“ เพราะหมาป่าเหล่านั้นบุกเข้ามาในทุกทิศทางจนเจ้าหนูนั่นตั้งรับไม่ทัน ”
“ เยี่ยมมาก หัวไวสมกับเป็นศาสตราจารย์ ” โจจี้เลิกคิ้วสูง พร้อมกล่าวชมเชยคู่สนทนา
“ เพราะเป็นแบบนี้ เจ้าหนูนั่นเลยวิ่งไปที่หินผา แล้วใช้หลังพิง เพื่อจำกัดทิศทางที่ต้องเผชิญศัตรูให้เหลือแค่ซ้าย ขวาและด้านหน้าเท่านั้น ” ศาสตราจารย์เฒ่าเริ่มวิเคราะห์ต่อ
“ ใช่แล้ว นี่คือสาเหตุที่ทำให้น้องชายหัวเขียวเอาชนะฝูงหมาป่าได้ ” โจจี้เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่อยู่ในจอภาพอีกครั้ง แววตาเปล่งประกายชื่นชม ในใจเริ่มคิดถึงแผนการพิชิตคองโกล่า มอนสเตอร์ค่าหัวสูง ต่อมาก็เริ่มมโนถึงภาพการเสพสุขจากเงินรางวัลก้อนใหญ่จนใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบิดเบี้ยว เหยเก
ระหว่างที่โจจี้กำลังเหม่อลอย ก็ปรากฏเสียงห้าวใหญ่ของเหมยลี่ที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหนัง
“ อย่าเพิ่งคิดเรื่อยเปื่อย เจ้าลิงหัวเขียวยังเหลืออีกด่านที่ต้องผ่าน ชั้นคิดว่านายควรหาข้อมูลของมอนสเตอร์ตัวสุดท้าย จะได้ไปบอกให้มันหาวิธีรับมือ ”
“ เออ ใช่ ศาสตราจารย์ครับ ขอข้อมูลด่วนเลย ” โจจี้กลับคืนสู่ความจริง เขาหันกลับมาสั่งศาสตราจารย์เฒ่าที่มัวแต่ยืนทึ่งในความสามารถอันเหลือเชื่อของมาวิน
“ อ้อๆ ได้ ขอเวลาเดี๋ยว ” ศาสตราจารย์เฒ่ารับคำ ท่าทางงกๆเงิ่นๆ เขาหันกลับไปง่วนกับแผงควบคุมเหล็กขนาดใหญ่ เพื่อหาข้อมูลต่อไป
…………………….
มาวินยังจ้องศัตรู เพื่อดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีหมาป่าตัวไหนลุกขึ้นมาบู๊อีก แต่ไม่ว่ามองมุมไหน พวกมันก็เอาแต่นอนนิ่ง ดวงตาเหลือกขาว
“ ฟู่…… เอาล่ะ ผ่านไปอีกด่าน เอ….. ว่าแต่เหลืออีกกี่ด่านกันนะ ” มาวินยกมือขึ้นมาเกาคางในท่าทางที่คล้ายจะขบคิด
“ เหลืออีกแค่ด่านเดียวแล้ว น้องชายหัวเขียว ” เสียงของโจจี้ดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือ
“ โอ้….. ดีเลย อยากได้ยินเสียงของนายเหมือนกัน แต่ก่อนอื่น ขอไอ้ขวดยาที่เคยให้มาหน่อยดิ ชั้นหมดเรี่ยวแรงในการสู้กับหมาป่าฝูงนี้ไปพอสมควร ” มาวินเลิกคิ้วสูง พร้อมแย้มยิ้มด้วยความดีใจ
“ เฮ้อ….. นี่แหละนา เซ่อและบ้าสมกับเป็นนายจริงๆ ตกลง ไม่ได้ฟังที่ชั้นพูดเมื่อครู่เลยรึ ” เสียงถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายของโจจี้ดังขึ้น พร้อมเสียงบ่นที่ตามมาติดๆ
“ เออ ก็ใช่อ่ะดิ ชั้นมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง จะมีเวลาไปฟังนายพล่ามได้ยังไง ว่าแต่เมื่อกี้ นายพูดถึงอะไร ” ใบหน้าของมาวินดูเหลอหลา ภายในใจแอบขบคิด......มันชักไม่ชอบมาพากลแล้ว
“ คืองี้.....ตอนนั้น ชั้นบอกนายว่า…..ยาสองขวดนั่นคือชุดสุดท้าย ” โจจี้ตอบกลับแบบเน้นๆทุกถ้อยวาจา หวังให้มาวินเข้าใจในทีเดียว
“ ฮ้า….. หมายความว่า….” มาวินตะโกนดังลั่นทุ่งด้วยความตกใจ
“ ใช่ ต่อไปนี้ ก็ตัวใครตัวมันแล้ว ” โจจี้ตอบกลับง่ายๆ คล้ายการเดินไปซื้อมาม่าที่เซเว่นใกล้บ้าน
มาวินยกสองมือขึ้นกุมขมับ พร้อมจิกทึ้งเส้นผมอย่างรุนแรงจนดูคล้ายคนวิกลจริต ครู่หนึ่ง เขาก็ด่าโจจี้ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ ไอ้บ้าหน้าหล่อ แล้วทำไมไม่ซื้อมาเก็บไว้ในสต๊อกซะหลายๆขวดล่ะเฟ้ย งี่เง่าชะมัด ”
“ นายนั่นแหละที่งี่เง่า รู้มั้ยว่าขวดน้ำยาฟื้นพลังขนาดกลางที่ให้ไป มันมีราคาเท่ากับค่าอาหารหนึ่งอาทิตย์เลยนะโว้ย ” โจจี้ตวาดกลับ
“ ไม่รู้เฟ้ย ไอ้นักล่ายาจก ” มาวินปิดหูปิดตา ไม่รับฟังเหตุผลใดๆ
“ หน็อย....ไอ้เด็กปัญญาอ่อน ถ้าแกกลับมาได้ ชั้นจะเอาดาบยาวทะลวงให้ตูดบานเลยทีเดียว ” โจจี้เดือดจัดจนเริ่มโต้ตอบด้วยความรุนแรง
“ ก็เอาดิ ชั้นจะตดให้แกดมจนสมอยากเลย ไอ้นักดาบซังกะบ๊วย ” มาวินไม่ยอมเช่นกัน
แต่ก่อนที่สงครามน้ำลายจะก่อกำเนิดจนดึงทุกคนให้ออกทะเลไปมากกว่านี้ เด็กสาวก็ตรงเข้าไปห้ามทัพ
“ หยุด ”
สิ้นประกาศิต ทุกคนถึงกับเงียบกริบ เพราะรู้ฤทธิ์ของเหมยลี่เป็นอย่างดี เวลาแห่งความเงียบงันผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็กล่าวเรียบๆ
“ เหลืออีกด่านเดียว ทางไปก็คือยอดผาสูงที่อยู่ตรงหน้า ที่นั่นจะมีแท่นวาร์ปส่งตัวนายกลับมาที่ตึกอัพเลเวล ”
มาวินเงียบไปอึดใจ ก่อนตัดสินใจถามด้วยท่าทางที่ดูกล้าๆกลัวๆ
“ เอ่อ…… ในระหว่างทาง เธอคิดว่าจะมีตัวอะไรโผล่มามั้ย ”
“ มีแน่นอน รายละเอียดของตัวที่จะโผล่มา นายถามจากโจจี้ได้เลย ” เหมยลี่ตอบสั้นๆ
มาวินกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือก เพราะรู้สึกหวาดกลัว เขากำลังจะเจอบอสใหญ่ ไม่นาน โจจี้ก็เอ่ยปาก
“ เอ่อ มอนสเตอร์ประจำด่านสุดท้ายก็คือ…..”
“ เดี๋ยวๆ พอกันที นายไม่ต้องบอกอะไรชั้นแล้ว เดี๋ยวเจ้าตัวนั้นจะโผล่มาอีก ” มาวินร้องห้ามเสียงหลง
“ เอ๊ะ เจ้าบ้า ถึงชั้นไม่บอกอะไร นายก็ต้องเจอมอนสเตอร์พวกนั้นอยู่ดี งี่เง่าชะมัด ” โจจี้สบถ
“ เออ รู้แล้ว แต่ไม่ต้องบอก นายน่ะมันโคตรตัวซวยเลย ลองหุบปากดูซะที เผื่อชั้นจะผ่านไปถึงจุดวาร์ปโดยไม่ต้องเจอตัวอะไร ” มาวินตอบกลับอย่างดุเดือด
“ เออ ต่อไปชั้นจะไม่บอกอะไรนายแล้ว เชิญไปตายตามสบาย ไอ้เด็กปัญญาอ่อน ” โจจี้ตวาดด่า ก่อนตัดสายไป
“ เออ ดีแล้วที่ไม่บอก ไอ้หน้าขาวเจ้าสำอาง ” มาวินตอกกลับไปรุนแรงเช่นกัน
พอสิ้นบทสนทนาที่ดุเดือด (น่าจะเป็นการด่ากันมากกว่า) เด็กหนุ่มก็มองทิศทางที่ต้องไป จึงพบกับเนินเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน กะด้วยสายตา น่าจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร
“ ว้าว…… อยู่ไกลไม่ใช่เล่น เดินไปดีกว่า เพราะเราเริ่มเหนื่อยแล้ว ” มาวินพึมพำเบาๆ เขามองจุดหมายปลายทาง ประกายตาฉายแววละเหี่ยใจ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ