The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
81) สงครามน้ำลาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://unsplash.com
…………………..
ภายในห้องทดลองของตึกอัพเลเวลเต็มไปด้วยความเงียบงัน จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดผนังปรากฏภาพของเด็กหนุ่มหัวเขียว เขากำลังยืนสงบนิ่งบนพื้นหญ้ากว้าง รอบกายมีหมาป่านอนกองอยู่สามตัว สิ่งที่ประจักษ์ทำให้โจจี้หุบยิ้มไม่อยู่ ปากก็กล่าวชม
“ ว้าว…… เจ้าน้องชายหัวเขียวนี่มันเอาจนได้แฮะ ฝีมือไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย ”
ทันใดนั้นเอง ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็พูดแทรกขึ้นมาบ้าง หน้าเบ้เล็กน้อยด้วยความมึนงง
“ อืม…… นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่เจ้าหนูนั่นสามารถรอดมาถึงด่านสุดท้ายได้ ”
“ เกินความคาดหมายไปมาก ไม่คิดเลยว่าลิงซนๆอย่างหมอนั่นจะฉลาดขนาดนี้ ” โจจี้พยักหน้ารับคำเบาๆ เป็นเชิงยอมรับในความสามารถของมาวิน
“ ฉลาด หมายความว่า….” ศาสตราจารย์อ็อคซี่เอ่ยถาม สีหน้าดูงงหนักกว่าเดิม โจจี้จึงหันกลับมายิ้มให้ พร้อมอธิบายต่ออย่างใจเย็น
“ คืองี้ ศาสตราจารย์เห็นตอนที่น้องชายหัวเขียวสู้กับฝูงหมาป่าที่ทุ่งหญ้ากว้างมั้ย ”
“ อืม….เห็น แล้วยังไง ” ศาสตราจารย์สูงวัยไถ่ถามรัวเร็ว
“ เมื่อเห็นแล้ว ศาสตราจารย์ก็น่าจะรู้ว่าเจ้าน้องชายหัวเขียวไม่อาจต่อกรการโจมตีที่สอดประสานกันอย่างลงตัวของสามหมาป่า นั่นเป็นเพราะอะไร…..” โจจี้ถามกลับ รอยยิ้มมุมปากฉายออกมาแบบมีนัยยะ
แม้ศาสตราจารย์เฒ่าไม่ได้เป็นนักสู้ แต่ด้วยความช่างสังเกตแบบนักวิทยาศาสตร์ จึงทำให้นึกออก
“ เพราะหมาป่าเหล่านั้นบุกเข้ามาในทุกทิศทางจนเจ้าหนูนั่นตั้งรับไม่ทัน ”
“ เยี่ยมมาก หัวไวสมกับเป็นศาสตราจารย์ ” โจจี้เลิกคิ้วสูง พร้อมกล่าวชมเชยคู่สนทนา
“ เพราะเป็นแบบนี้ เจ้าหนูนั่นเลยวิ่งไปที่หินผา แล้วใช้หลังพิง เพื่อจำกัดทิศทางที่ต้องเผชิญศัตรูให้เหลือแค่ซ้าย ขวาและด้านหน้าเท่านั้น ” ศาสตราจารย์เฒ่าเริ่มวิเคราะห์ต่อ
“ ใช่แล้ว นี่คือสาเหตุที่ทำให้น้องชายหัวเขียวเอาชนะฝูงหมาป่าได้ ” โจจี้เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่อยู่ในจอภาพอีกครั้ง แววตาเปล่งประกายชื่นชม ในใจเริ่มคิดถึงแผนการพิชิตคองโกล่า มอนสเตอร์ค่าหัวสูง ต่อมาก็เริ่มมโนถึงภาพการเสพสุขจากเงินรางวัลก้อนใหญ่จนใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบิดเบี้ยว เหยเก
ระหว่างที่โจจี้กำลังเหม่อลอย ก็ปรากฏเสียงห้าวใหญ่ของเหมยลี่ที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหนัง
“ อย่าเพิ่งคิดเรื่อยเปื่อย เจ้าลิงหัวเขียวยังเหลืออีกด่านที่ต้องผ่าน ชั้นคิดว่านายควรหาข้อมูลของมอนสเตอร์ตัวสุดท้าย จะได้ไปบอกให้มันหาวิธีรับมือ ”
“ เออ ใช่ ศาสตราจารย์ครับ ขอข้อมูลด่วนเลย ” โจจี้กลับคืนสู่ความจริง เขาหันกลับมาสั่งศาสตราจารย์เฒ่าที่มัวแต่ยืนทึ่งในความสามารถอันเหลือเชื่อของมาวิน
“ อ้อๆ ได้ ขอเวลาเดี๋ยว ” ศาสตราจารย์เฒ่ารับคำ ท่าทางงกๆเงิ่นๆ เขาหันกลับไปง่วนกับแผงควบคุมเหล็กขนาดใหญ่ เพื่อหาข้อมูลต่อไป
…………………….
มาวินยังจ้องศัตรู เพื่อดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีหมาป่าตัวไหนลุกขึ้นมาบู๊อีก แต่ไม่ว่ามองมุมไหน พวกมันก็เอาแต่นอนนิ่ง ดวงตาเหลือกขาว
“ ฟู่…… เอาล่ะ ผ่านไปอีกด่าน เอ….. ว่าแต่เหลืออีกกี่ด่านกันนะ ” มาวินยกมือขึ้นมาเกาคางในท่าทางที่คล้ายจะขบคิด
“ เหลืออีกแค่ด่านเดียวแล้ว น้องชายหัวเขียว ” เสียงของโจจี้ดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือ
“ โอ้….. ดีเลย อยากได้ยินเสียงของนายเหมือนกัน แต่ก่อนอื่น ขอไอ้ขวดยาที่เคยให้มาหน่อยดิ ชั้นหมดเรี่ยวแรงในการสู้กับหมาป่าฝูงนี้ไปพอสมควร ” มาวินเลิกคิ้วสูง พร้อมแย้มยิ้มด้วยความดีใจ
“ เฮ้อ….. นี่แหละนา เซ่อและบ้าสมกับเป็นนายจริงๆ ตกลง ไม่ได้ฟังที่ชั้นพูดเมื่อครู่เลยรึ ” เสียงถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายของโจจี้ดังขึ้น พร้อมเสียงบ่นที่ตามมาติดๆ
“ เออ ก็ใช่อ่ะดิ ชั้นมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง จะมีเวลาไปฟังนายพล่ามได้ยังไง ว่าแต่เมื่อกี้ นายพูดถึงอะไร ” ใบหน้าของมาวินดูเหลอหลา ภายในใจแอบขบคิด......มันชักไม่ชอบมาพากลแล้ว
“ คืองี้.....ตอนนั้น ชั้นบอกนายว่า…..ยาสองขวดนั่นคือชุดสุดท้าย ” โจจี้ตอบกลับแบบเน้นๆทุกถ้อยวาจา หวังให้มาวินเข้าใจในทีเดียว
“ ฮ้า….. หมายความว่า….” มาวินตะโกนดังลั่นทุ่งด้วยความตกใจ
“ ใช่ ต่อไปนี้ ก็ตัวใครตัวมันแล้ว ” โจจี้ตอบกลับง่ายๆ คล้ายการเดินไปซื้อมาม่าที่เซเว่นใกล้บ้าน
มาวินยกสองมือขึ้นกุมขมับ พร้อมจิกทึ้งเส้นผมอย่างรุนแรงจนดูคล้ายคนวิกลจริต ครู่หนึ่ง เขาก็ด่าโจจี้ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ ไอ้บ้าหน้าหล่อ แล้วทำไมไม่ซื้อมาเก็บไว้ในสต๊อกซะหลายๆขวดล่ะเฟ้ย งี่เง่าชะมัด ”
“ นายนั่นแหละที่งี่เง่า รู้มั้ยว่าขวดน้ำยาฟื้นพลังขนาดกลางที่ให้ไป มันมีราคาเท่ากับค่าอาหารหนึ่งอาทิตย์เลยนะโว้ย ” โจจี้ตวาดกลับ
“ ไม่รู้เฟ้ย ไอ้นักล่ายาจก ” มาวินปิดหูปิดตา ไม่รับฟังเหตุผลใดๆ
“ หน็อย....ไอ้เด็กปัญญาอ่อน ถ้าแกกลับมาได้ ชั้นจะเอาดาบยาวทะลวงให้ตูดบานเลยทีเดียว ” โจจี้เดือดจัดจนเริ่มโต้ตอบด้วยความรุนแรง
“ ก็เอาดิ ชั้นจะตดให้แกดมจนสมอยากเลย ไอ้นักดาบซังกะบ๊วย ” มาวินไม่ยอมเช่นกัน
แต่ก่อนที่สงครามน้ำลายจะก่อกำเนิดจนดึงทุกคนให้ออกทะเลไปมากกว่านี้ เด็กสาวก็ตรงเข้าไปห้ามทัพ
“ หยุด ”
สิ้นประกาศิต ทุกคนถึงกับเงียบกริบ เพราะรู้ฤทธิ์ของเหมยลี่เป็นอย่างดี เวลาแห่งความเงียบงันผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็กล่าวเรียบๆ
“ เหลืออีกด่านเดียว ทางไปก็คือยอดผาสูงที่อยู่ตรงหน้า ที่นั่นจะมีแท่นวาร์ปส่งตัวนายกลับมาที่ตึกอัพเลเวล ”
มาวินเงียบไปอึดใจ ก่อนตัดสินใจถามด้วยท่าทางที่ดูกล้าๆกลัวๆ
“ เอ่อ…… ในระหว่างทาง เธอคิดว่าจะมีตัวอะไรโผล่มามั้ย ”
“ มีแน่นอน รายละเอียดของตัวที่จะโผล่มา นายถามจากโจจี้ได้เลย ” เหมยลี่ตอบสั้นๆ
มาวินกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือก เพราะรู้สึกหวาดกลัว เขากำลังจะเจอบอสใหญ่ ไม่นาน โจจี้ก็เอ่ยปาก
“ เอ่อ มอนสเตอร์ประจำด่านสุดท้ายก็คือ…..”
“ เดี๋ยวๆ พอกันที นายไม่ต้องบอกอะไรชั้นแล้ว เดี๋ยวเจ้าตัวนั้นจะโผล่มาอีก ” มาวินร้องห้ามเสียงหลง
“ เอ๊ะ เจ้าบ้า ถึงชั้นไม่บอกอะไร นายก็ต้องเจอมอนสเตอร์พวกนั้นอยู่ดี งี่เง่าชะมัด ” โจจี้สบถ
“ เออ รู้แล้ว แต่ไม่ต้องบอก นายน่ะมันโคตรตัวซวยเลย ลองหุบปากดูซะที เผื่อชั้นจะผ่านไปถึงจุดวาร์ปโดยไม่ต้องเจอตัวอะไร ” มาวินตอบกลับอย่างดุเดือด
“ เออ ต่อไปชั้นจะไม่บอกอะไรนายแล้ว เชิญไปตายตามสบาย ไอ้เด็กปัญญาอ่อน ” โจจี้ตวาดด่า ก่อนตัดสายไป
“ เออ ดีแล้วที่ไม่บอก ไอ้หน้าขาวเจ้าสำอาง ” มาวินตอกกลับไปรุนแรงเช่นกัน
พอสิ้นบทสนทนาที่ดุเดือด (น่าจะเป็นการด่ากันมากกว่า) เด็กหนุ่มก็มองทิศทางที่ต้องไป จึงพบกับเนินเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน กะด้วยสายตา น่าจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร
“ ว้าว…… อยู่ไกลไม่ใช่เล่น เดินไปดีกว่า เพราะเราเริ่มเหนื่อยแล้ว ” มาวินพึมพำเบาๆ เขามองจุดหมายปลายทาง ประกายตาฉายแววละเหี่ยใจ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ