The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

76) ถึงสวรรค์แล้วใช่มั้ย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.pexels.com

 

       มาวินล้มลงไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น แต่แทนที่จะพบคมเขี้ยว กลับสัมผัสถึงสายลมและแสงแดด สิ่งนั้นทำให้เขาประหลาดใจ

 

“ เอ๋....พวกค้างคาวหายไปไหน หรือเราตายไปแล้ว และนี่คือสวรรค์ สงสัยจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง ” 

           

 

        เด็กหนุ่มนอนนิ่งๆ เพื่อพักเอาแรงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆพยุงกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เพราะเพิ่งใช้กระบวนท่าพยุหะกรงเล็บแมวป่าอย่างหนักจนแทบไม่เหลือพลัง

       

 

        ภาพแรกที่มาวินได้เห็นก็คือ.....ทุ่งกว้างเขียวขจีที่มีสายลมพัดแรงจนยอดหญ้าปลิวไสว เบื้องบนเป็นท้องฟ้าสีครามที่มีปุยเมฆลอยละล่อง ใกล้ๆกันปรากฏพระอาทิตย์ดวงโตส่องแสงสว่างอ่อนๆมาสู่พื้นพสุธา มันช่างสวยงามราววิจิตรศิลป์จากสรวงสวรรค์ ทำให้เด็กหนุ่มออกปากชมโดยไม่รู้ตัว 

 

“ ว้าว...... สวยเหลือเกิน นี่เราคงตายไปแล้วจริงๆ และที่แห่งนี้คือสวรรค์ ” 

           

 

       มาวินดื่มด่ำกับธรรมชาติอันสงบสุขและสวยงามได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกถึงความเศร้าโศกที่ถาโถมเข้ามา จึงล้มตัวลงนอนและเหม่อมองท้องฟ้า น้ำตาแห่งความอาดูรเริ่มไหลริน

 

“ เฮ้อ...... ในที่สุดเราก็ตายจริงๆ น่าเสียดายที่ไม่ได้กลับบ้าน คงไม่พบคนที่รักอีกแล้ว ” 

          

 

         มโนภาพในหัวของมาวินปรากฏเงาร่างของบุคคลที่ใกล้ชิดหลายคน ไม่ว่าจะเป็นลุงจอมซ่า(พ่อของจัน) น้าเดชสติเฟื่อง ป้าผู้ใจดี(แม่ของจัน) สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าคมงามของเด็กสาวนางหนึ่ง เธอก็คือ….จัน เพื่อนสาวคนสนิทและลูกพี่ลูกน้องที่โตมาด้วยกัน 

           

 

        หยาดน้ำตาเริ่มไหลพรากอาบสองแก้ม มือขวายกขึ้นกุมหน้าผาก ท่าทางซึมเศร้าสุดๆ ทว่ามาวินโชว์บทโศกได้ไม่นาน เสียงหัวเราะของชายหนุ่มก็ดังแทรกเข้ามา 

 

“ ฮะๆ ” 

           

 

        เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นมานั่ง และหันซ้ายแลขวา เพื่อมองหาที่มาของเสียง แต่ก็พบเพียงทุ่งกว้างที่ว่างเปล่า นั่นทำให้เขาเกิดความหวาดระแวง

 

“ ผีเหรอ ไม่สิ ตอนนี้เราตายไปแล้ว วิญญาณเหล่านั้นน่าจะเป็นพวกเดียวกับเรา จะกลัวไปทำไม เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาว ได้ข่าวว่าพวกนี้ชอบลักพาตัวมนุษย์ซะด้วยสิ เอ๋ เดี๋ยวนะ ตอนนี้เราไม่ใช่คน พวกมันจะลักพาตัวเราไปได้ยังไง ” 

           

 

        ความคิดของมาวินวกวนจนเริ่มปวดหัว ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจคืออะไร ทันใดนั้นเอง เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา

 

“ เฮ้ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เห็นแล้วตลกว่ะ ชั้นจะบอกข่าวดีให้ฟัง ตอนนี้นายยังไม่ตาย ” 

           

 

       มาวินพยายามนึกทบทวนอยู่นาน ในที่สุด เด็กหนุ่มก็จำเจ้าของเสียงได้ เขาจึงฉีกยิ้มกว้างจนหน้าบานเป็นกระด้ง ปากก็ร้องทักเสียงแหลม 

 

“ เฮ้ย นี่มัน โจจี้นี่หว่า ” 

 

“ เออ ใช่ ชั้นเอง และสิ่งที่ยืนยันว่านายยังไม่ตายอยู่ข้างหลัง ถ้าไม่เชื่อ ลองหันกลับไปดู ฮะๆ.....” โจจี้ตอบกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ 

         

 

        มาวินรีบหันกลับไปดูตามคำบอก จึงพบกับปากถ้ำใหญ่ อันน่าจะเป็นทางออกของด่านที่สอง 

 

“ ฮะๆ นี่ก็แปลว่า……” มาวินยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เสียงที่เปล่งออกมาดูสั่นเทา 

 

“ ใช่แล้ว นายผ่านด่านถ้ำมืดมาได้ ดีใจด้วยนะ มาถึงด่านสามแล้ว มีฝีมือเหมือนกันนี่หว่า ” โจจี้เอ่ยชม

 

“ ย้าฮู้..... เรายังไม่ตาย ดีใจที่สุดเลยโว้ย ” มาวินแหงนหน้าขึ้นฟ้า ปากก็โห่ร้องออกมาจนสุดเสียง แต่ด้วยความที่ไร้กำลัง เลยยังกระโดดโลดเต้นไม่ได้ 

          

 

       เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็เริ่มคลายความดีใจและพยุงกายลุกขึ้นยืน ทั่วร่างสั่นเทาอย่างหนักหน่วง เมื่อเดินไปข้างหน้าได้หนึ่งก้าว เขาก็…… 

 

“ เอ๊ะ ” 

            

 

       เด็กหนุ่มอุทานได้คำเดียว จากนั้นก็ล้มลงไปนั่งชันเข่า ใบหน้าเรียวเล็กที่ขมุกขมัวดูซีดเซียว คล้ายจะเป็นลม 

 

“ เฮ้ น้องชายหัวเขียว นายไหวรึเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเอาซะเลย ” โจจี้ถามผ่านลำโพงนาฬิกา น้ำเสียงดูห่วงใย 

 

“ ฮะๆ ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะชั้นมาถึงครึ่งทางแล้ว หรือนายจะให้ย้อนกลับไปที่จุดสตาร์ท ” มาวินตอบกลับด้วยเสียงที่ขาดห้วงสลับหอบเหนื่อย 

          

 

        ปลายสายเงียบอยู่พักใหญ่ คล้ายกำลังพิจารณาบางอย่าง เวลาผ่านไปหลายอึดใจ เสียงโจจี้ก็ดังขึ้นมา

 

“ โอเค เมื่อดูจากสถานการณ์ คงต้องลุยต่อ แต่ก่อนจะไป ควรพักฟื้นร่างกายซักพัก และชั้นกำลังส่งของไปให้นาย ” 

 

“ หา...... มันคืออะไร ส่งทางไหน ส่งยังไง ” มาวินเกิดเอ๋อรับประทาน พร้อมหันรีหันขวางด้วยอาการร้อนรน ในใจมีแต่คำถาม หรือโจจี้จะส่งของทางอากาศ ที่นี่มีเฮลิคอปเตอร์ด้วยเหรอ 

 

“ เอ้า เตรียมรับนะ น้องชายหัวเขียว ” โจจี้ร้องบอก 

 

“ เฮ้ เดี๋ยวนะ จะให้รับทางไหน ชั้นงงไปหมดแล้ว ” มาวินร้องถามเสียงหลง 

 

“ เจ้างั่ง นายนี่มันบ้านนอกขนานแท้ ชั้นจะส่งให้ทางนาฬิกาไงเล่า เตรียมรับให้ดีๆ ” โจจี้ตวาดกลับ

 

“ เฮ้ เราจะส่งของทางนาฬิกาได้ยังไง นายเพิ่งออกมาจากศรีธัญญารึไงฟะ  ” มาวินโต้กลับทันควัน ในใจแอบคิด......เจ้าหมอนี่คงหล่อเกินไปจนสติสตังเลอะเลือน

 

“ ได้สิ ใครๆก็รู้ว่ามันส่งของให้กันได้ เจ้าเด็กบ้านนอก เอ๊ะ ว่าแต่….ศรีธัญญาคืออะไร ” โจจี้ตอบกลับเสียงขุ่น พร้อมนึกสงสัยในสิ่งที่มาวินพูดถึง 

 

“ ศรีธัญญาก็คือ…. เฮ้อ ช่างมันเถอะ ตกลงจะให้ชั้นรับยังไง ว่ามา ” มาวินทำท่าจะตอบคำถาม แต่ก็เปลี่ยนใจ เพราะกลัวว่าเรื่องจะยาวเกินพอดี  

 

“ อ้อ นายต้องดูหน้าจอนาฬิกาของตัวเอง ถ้ามีข้อความเข้ามา ให้กดหน้าจอ แล้วมันจะปรากฏภาพสิ่งของ หลังจากนั้นจะมีตัวอักษรให้เลือกว่ารับหรือไม่ ให้กดรับ ของที่ส่งก็จะเด้งออกมาเอง ” โจจี้อธิบายอย่างละเอียด เนื่องจากกลัวว่าเด็กหนุ่มจะเปิ่นจนรับของไม่ได้ 

 

“ โห..... นี่นาฬิกาเส็งเคร็งของชั้นสามารถทำได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอเนี่ย เทคโนโลยีของโลกนี้ โคตรล้ำกว่าเมืองไทยหลายล้านปีแสง ” มาวินถึงกับเหวอ เขามองนาฬิกาสีกระดำกระด่างบนข้อมือของตนเองแบบไม่ใคร่จะศรัทธา

 

“ เดี๋ยวนะ ถิ่นที่อยู่ของนายคือเมืองไทยเหรอ แล้วมันอยู่ตรงจุดไหนของโลก เพราะตั้งแต่เกิดมา ชั้นยังไม่เคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้เลย ” หนุ่มผมทองเอ่ยถามอีกครั้ง ไม่ต้องเห็นหน้า ก็รู้ว่า....สงสัยมาก 

            

 

        มาวินนึกด่าตัวเอง เขาอยากทำโทษด้วยการตบปากซัก 9,999 หน แต่เพราะกลัวเสียเวลาและกลัวปากบวม เลยทำได้แค่เถกลับไปแบบเนียนๆ

 

“ บ้านของชั้นเป็นพื้นที่นอกสำรวจน่ะ เลยไม่ปรากฏในแผนที่โลก ว่าแต่นายส่งของมาให้รึยัง ” 

 

“ อ้อ ได้ ชั้นจะส่งไปให้แล้ว ” อุบายของมาวินได้ผล หนุ่มหล่อเลิกสนใจและหันกลับมาทำในสิ่งที่สมควร 

        

 

        มาวินนั่งพักผ่อนในท่าเดิม ไม่ถึงนาที หน้าจอนาฬิกาก็ปรากฏข้อความเป็นอักษรสีขาวดำ อ่านจับใจความได้ว่า……. 

 

“ มีวัสดุส่งเข้ามา 2 รายการ ” 

 

“ สิ่งที่พี่ชายหน้าหล่อส่งมา คืออะไร ” มาวินแลบลิ้นเลียปาก เขาอยากรู้สุดขีด จึงรีบกดหน้าจอนาฬิกา วินาทีต่อมา ก็ปรากฏภาพสิ่งของที่โจจี้ส่งมา       

      

 

        สิ่งนั้นคือ......ขวดทรงกลมจำนวนสองขวด ขวดแรกบรรจุหมึกสีแดงสด ส่วนอีกขวดบรรจุหมึกสีน้ำเงินเข้ม

 

“ แล้วมันจะส่งหมึกน้ำเงินกับหมึกแดงมาให้เราทำไม แถวนี้มีปากกากับกระดาษให้ใช้รึไง เจ้าพี่ชายผมทองน่าจะเพี้ยนไปแล้ว ” มาวินนึกด่าในใจ ใบหน้าเรียวเล็กขมวดนิ่วด้วยความสงสัย

 
 
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา