The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
9.7
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
174 LV
22 วิจารณ์
165.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
71) ฟลุ๊คหรือตั้งใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallsdesk.com
พอมองเห็นทางรอดชีวิต มาวินก็มีแรงใจมากขึ้น ทำให้เร่งสปีดหนีห่างจากวัวป่าที่ไล่ตามหลังถึงสามช่วงตัว
“ อีก 20 เมตร ก็จะถึงทางแยก อย่าลืมนะ นายต้องไปทางขวา ” โจจี้ย้ำอีกครั้ง แต่มาวินไม่พูดอะไร เขาเอาแต่วิ่ง วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็เห็นปลายทาง
“ ทางแยกอยู่ข้างหน้าแล้ว นายวิ่งไปทางขวาเลย ” โจจี้ร้องบอก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรนและห่วงใย ทว่ามาวินกลับวิ่งไปทางซ้าย ใบหน้าเล็กเรียวแฝงแววมั่นใจอย่างชัดเจน
“ เฮ้ย ไปผิดทางแล้ว ไอ้น้องชาย สุดทางมีหินผาก้อนใหญ่ขวางอยู่ ” เสียงโจจี้ดังขึ้นมาอีกครั้ง กระแสดูตระหนกไม่ต่างจากเจ๊กตื่นไฟ
มาวินยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาจับจ้องไปยังเส้นทางข้างหน้าแน่วนิ่ง มุมปากแสยะยิ้มเล็กน้อย ส่วนเท้าก็จ้ำสุดแรงเกิด เพื่อหนีวัวป่าที่วิ่งไล่ตามมาติดๆ อึดใจต่อมา เขาก็กล่าวเบาๆ
“ เออ รู้แล้วเฟ้ย ”
………………….
“ แย่แล้ว ทำไงดีนะ เจ้าน้องชายหัวเขียวดันไปผิดทาง ” โจจี้เครียดจัด เขาถึงกับยกสองมือขึ้นกุมขมับ
“ นั่นน่ะสิ คราวนี้เจ้าหนูนั่นต้องโดนวัวขวิดไส้ไหลแน่ๆ ไม่น่าเลย ยังเด็กอยู่แท้ๆ ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่ส่ายหน้าไปมา ในใจนึกเวทนา
“ ไม่มีทางเลือกแล้ว ถึงช้าหน่อย แต่อาจจะทัน ” โจจี้ขยับกายไปยังแท่นส่งตัว หวังจะช่วยมาวิน แต่ก่อนได้ทำตามประสงค์ เหมยลี่ก็เข้าขวาง
“ ถอยไปเถอะน่า เหมยลี่ ขืนชักช้า จะช่วยชีวิตเจ้าหนูนั่นไม่ทัน ” โจจี้ร้องบอกอย่างรวดเร็ว ท่าทางร้อนใจ
เหมยลี่จ้องโจจี้อยู่หลายอึดใจ หนุ่มหล่อผมทองรู้สึกถึงความเลือดเย็นที่ฉายอยู่ในแววตา ทำให้เขาแอบขนลุกอยู่นิดๆ ครู่หนึ่ง เด็กสาวร่างสูงก็กล่าวสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“ ก่อนจะไปช่วย นายลองดูสีหน้าของเจ้าลิงหัวเขียวนั่นก่อนดีกว่ามั้ย ”
“ เอ๊ะ สีหน้า….หมายความว่าไง ” โจจี้เกิดความสงสัยอย่างรุนแรง เขามองจอภาพที่บัดนี้กำลังซูมไปที่ใบหน้าของมาวิน แน่นอนว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวกำลังยิ้ม มันก็เป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์สุดๆ
“ เฮ้ย ทำไมหมอนั่นถึงได้ยิ้มแบบนั้น หรือกลัวตายจนเพี้ยนไปซะแล้ว ” โจจี้อุทานดัง สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความงุนงง
“ ไม่หรอก ชั้นคิดว่าเจ้าลิงหัวเขียวน่าจะมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ ” เหมยลี่ตอบกลับ ประกายตาซ่อนความคาดหวังอยู่ลึกๆ
………………….
หลังจากมาวินวิ่งไปทางซ้าย เด็กหนุ่มก็จ้ำสุดชีวิต แต่ถึงอย่างไร เขาก็เป็นเพียงมนุษย์เดินดินกินข้าวแกง ความอดทนจึงไม่อาจเท่าเทียมวัวคลั่งที่เป็นสัตว์ป่า ไม่นาน ฝีเท้าก็เริ่มตกจนทำให้อริเขาโง้งอยู่ห่างเพียงหนึ่งช่วงตัว
“ อีกนิดเดียว ขออีกนิดเดียวเท่านั้น ” มาวินนึกลุ้น พร้อมกัดฟันทน เพื่อเค้นพลังแฝงออกมา
ในที่สุด ความหวังของมาวินก็สัมฤทธิผล เมื่อสายตาประสบกับเนินหินสูงใหญ่ มันส่งผลให้กำลังใจของเด็กหนุ่มพุ่งทะยานถึงขีดสุด จนสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกระดับ
“ มอ....... ” วัวป่าคำรามดัง มันสับสนเล็กน้อยที่เห็นว่ามนุษย์ตัวน้อยวิ่งเร็วขึ้น จึงเป็นการบังคับกลายๆให้เร่งฝีเท้าตาม
สิ่งที่เกิดในยามนี้เป็นเรื่องประหลาดสุดๆ เพราะแทนที่มาวินจะชะลอความเร็ว แต่เด็กหนุ่มกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีก โดยไม่สนว่าตนจะพุ่งปะทะผาขนาดมหึมาหรือไม่ เมื่อเข้าสู่ระยะห้าก้าว เขาก็กระโดดใส่เนินหิน จากนั้นก็ยกสองเท้าขึ้นถีบสุดกำลัง ส่งผลร่างเล็กบางกระเด้งกลับอย่างรวดเร็ว
จังหวะที่มาวินกระเด้งกลับหลัง ร่างเล็กบางได้ลอยเหนือวัวป่าที่วิ่งตาม ทำให้มันตกใจจนเบรกกีบตัวงอ เพราะเบื้องหน้าเหลือเพียงหินผาขนาดมหึมาเท่านั้น ด้วยความที่อริเขาโง้งเร่งฝีเท้าจนสุด เลยยั้งตัวเองไม่อยู่ ปากก็อุทานดังตามประสาสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว
“ มอ...... ”
“ โครม ”
ร่างใหญ่โตของสัตว์ป่าอัดเข้ากับหินผาอย่างรุนแรงจนพื้นดินสะเทือน ฝุ่นละอองลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ส่วนมาวิน เขารีบยันกายลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมรับศึกที่อาจจะเกิด
“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก..... เรียบร้อยมั้ยนะ ” เด็กหนุ่มหอบเหนื่อย เขาพยายามมองฝ่าควันที่ลอยคละคลุ้ง
มาวินยืนดูเหตุการณ์อยู่ครู่ใหญ่ พอควันเริ่มจางลง เลือดในกายของเด็กหนุ่มก็แทบจับตัวเป็นน้ำแข็ง เนื่องจากเจ้าวัวป่าร่างใหญ่กำลังยืนจังก้าต่อหน้าด้วยท่าทีดุดัน
“ บ้าน่า มันยังยืนได้อีกเหรอเนี่ย ” มาวินครางเบาๆในลำคอ เขารู้สึกท้อแท้
วัวป่าแยกเขี้ยวยิงฟัน สีหน้าบูดบึ้งราวกับโกรธใครมาซักร้อยชาติ อึดใจต่อมา มันก็ขยับกายไปข้างหน้า พร้อมกู่ก้องร้องตะโกนด้วยเสียงที่ดังยาว
“ มอ....... ”
“ เฮ้ย ซวยแล้ว ทำไมมันถึงทนทายาดแบบนี้ ” มาวินตั้งกระบวนท่า เขาเตรียมสู้ตาย เพราะหมดมุกที่จะเอาชนะโดยไม่เจ็บตัวแล้ว
ขณะที่มาวินคิดว่าวัวตัวนั้นจะพุ่งเข้ามาขวิด สัตว์ป่าร่างยักษ์ก็ค่อยๆทรุดตัวลงไปนอน ทันทีที่แผ่นหลังสัมผัสพสุธา ดวงตาดุดันก็ปิดลง เป็นนัยว่า…..สลบร้อยเปอร์เซ็นต์
มาวินยืนเอ๋ออยู่หลายอึดใจ เด็กหนุ่มหัวเขียวจึงเริ่มหัวเราะเบาๆ
“ เหอๆ ทำเอาใจหายใจคว่ำเลยนะ เจ้าวัวบ้า ”
……………………….
ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์เงียบกริบไปชั่วขณะ ทั้งโจจี้ ศาสตราจารย์เฒ่า และเหมยลี่ต่างจับจ้องไปที่จอภาพ เพื่อดูเหตุการณ์
“ เฮ้อ...... รอดไปทีนะ เจ้าหนู ” โจจี้รู้สึกโล่งอก แต่ไม่แน่ใจว่าที่เด็กหนุ่มทำแบบนี้ เป็นเพราะแผนการหรือฟลุ๊ค
“ เป็นแผนของเจ้าลิงหัวเขียวแน่ๆ นายไม่ต้องสงสัยไปหรอก โจจี้ ” เหมยลี่ล้วงลึกถึงจิตใจ ทำให้โจจี้อึ้งกิมกี่ไปชั่วขณะ เพราะนึกสงสัยว่าเด็กสาวร่างสูงล่วงรู้ความคิดได้ยังไง เขาจึงเอ่ยถาม
“ เธอรู้ได้ยังไงว่าชั้นคิดแบบนั้น ”
พอเด็กสาวร่างสูงได้ยินคำถาม เธอก็ยิ้มน้อยๆด้วยท่าทางที่ดูขบขัน หลังจากนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ ชั้นรู้อยู่แล้วว่านายต้องนึกดูถูกเจ้าลิงหัวเขียว เพราะไม่ว่าใครที่ได้เจอมัน ย่อมต้องเกิดความรู้สึกดูแคลนไปซะทุกคน ด้วยพวกเขามักจะเห็นท่าทางติ๊งต๊อง ปัญหาอ่อน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว แถมขี้ขลาดเป็นที่สุด แต่นั่นเป็นแค่เปลือกนอก แท้จริงแล้ว หมอนั่นเป็นคนที่…….”
“ คนที่…..อะไร ” โจจี้รีบถามต่อ เพราะกระหายใคร่รู้เป็นที่สุด
คราวนี้เหมยลี่ไม่กล่าวคำใด เธอหันกลับมามองโจจี้ พร้อมรอยยิ้มที่สดใสสมวัย ทำให้หนุ่มผมทองรู้สึกเขินอายจนต้องก้มหน้าหลบ ภายในใจนึกสับสน
“ ตกลงเหมยลี่เป็นผู้ชายจริงรึเปล่า ถ้าจริง ก็น่าเสียดายมากๆ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ