The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
70) เชื่อใจได้มั้ยเนี่ย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://unsplash.com
…………………..
ที่ห้องทดลองของตึกอัพเลเวล ทุกสิ่งยังอยู่ในสภาพเดิม ชายชราร่างเล็กที่คล้ายนักวิทยาศาสตร์กำลังจิ้มโน่นกดนี่บนแผงควบคุมสมองกล โดยมีหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลายืนลุ้นตัวโก่งอยู่ด้านหลัง ทว่าที่โซฟา กลับปรากฏกายเด็กสาววัยรุ่นหน้าคม เธอกำลังนอนเอกเขนกด้วยท่าทีสบายอารมณ์
“ ศาสตราจารย์อ็อคซี่ เมื่อไหร่คุณจะส่งสัญญาณภาพขึ้นจอได้ ” หนุ่มหล่อร้องถาม ท่าทางกังวลใจ
“ ใจเย็นๆสิ โจจี้ เจ้าเครื่องนี้ต้องปรับจูนซักเล็กน้อย เพราะมันไม่เคยส่งใครลงดันเจี้ยนมานานแล้ว เลยติดขัดนิดหน่อย ” ชายสูงอายุผู้มีนามว่า “ศาสตราจารย์อ็อคซี่” ตอบกลับ เขาดูกระวนกระวายไม่แพ้กัน
“ เหอๆ นี่เหรอที่ว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ชักสงสัยแล้วว่าค่าพลังของเจ้ามาวินที่ออกมาเมื่อครู่ จะถูกต้องรึเปล่า ” โจจี้กุมขมับ พลางบ่นเบาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ศาสตราจารย์เฒ่าได้ยิน
ขณะที่สองชายกำลังง่วนอยู่กับระบบภาพ เหมยลี่ก็แอบถอนหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองจอภาพใหญ่ยักษ์ที่ว่างเปล่า แววตาของเธอนิ่งเฉยจนไม่อาจคาดเดาถึงอารมณ์
ศาสตราจารย์เฒ่ายุ่งกับแผงควบคุมสมองกลอยู่พักหนึ่ง เครื่องจักรก็เริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบ มันร้องดังลั่นห้อง
“ วื้ด……… ”
“ เสียงอะไรน่ะ ศาสตราจารย์อ็อคซี่ ” โจจี้ร้องถามเสียงหลง พลางเหลียวซ้ายแลขวา แสงสว่างในห้องเริ่มติดๆดับๆ คล้ายไฟตก
“ โอ....เยี่ยม ที่เป็นแบบนี้ เพราะสมองกลกำลังจะกลับมาทำงานโดยสมบูรณ์ ” ศาสตราจารย์เฒ่าตอบเสียงสั่น เขารู้สึกภาคภูมิที่สามารถทำให้เครื่องจักรล้ำยุคทำงานได้อีกครั้ง
สิ้นคำของศาสตราจารย์เฒ่า จอพลาสม่าติดผนังเหนือศีรษะก็ปรากฏภาพ ทีแรก มันทั้งจางและพร่ามัว ต่อมา ภาพนั้นก็ชัดขึ้นๆเรื่อย เผยให้เห็นป่าแห่งหนึ่งที่มีสองชีวิตวิ่งไล่ตามกันอย่างเมามัน
โจจี้และศาสตราจารย์อ็อคซี่ตกใจ เพราะมันคือภาพ……มาวินที่กำลังวิ่งหน้าตั้ง เพื่อหนีบางสิ่งซึ่งคล้ายวัว (ก็คือวัวนั่นแหละ) เจ้าสี่เท้าจอมโหดวิ่งไล่ตามมาติดๆ พร้อมพกพาใบหน้าถมึงทึงที่หมายมั่นปั้นมือจะเข่นฆ่าศัตรูให้แหลกคากีบ
“ เหวอ…… ไม่เอา อย่าเข้ามา ชั้นกลัวแล้ว ” มาวินซอยเท้าสั้นๆสุดกำลัง เพื่อหนีให้พ้นจากทูตมรณะเขาโง้งที่ตามไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ บ้าชะมัด ผมถึงได้ค้านแล้วค้านอีกว่า…..หมอนี่ยังไม่พร้อม รีบส่งผมเข้าไปในดันเจี้ยน จะได้ช่วยน้องชายหัวเขียวให้รอดตาย ” โจจี้ร้องบอกฉุนๆ พร้อมหันไปสั่งศาสตราจารย์เฒ่า
ศาสตราจารย์เฒ่ารัวนิ้วเรียวใส่ปุ่มอีกหลายสิบ เพื่อตั้งโปรแกรมให้สมองกลทำงาน ก่อนร้องบอกโจจี้ด้วยเสียงอันดัง
“ โอเค ชั้นตั้งระบบนำทางสู่ดันเจี้ยนแล้ว นายรีบไปยืนกลางแท่นส่งตัว ”
“ ครับผม ” โจจี้รับคำสั้นๆ เขาสลัดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นชุดเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวสีขาวที่ดูรัดกุม ซอกเอวมีดาบคาตานะเหน็บอยู่ แต่ก่อนที่หนุ่มหล่อจะก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นส่งตัว ก็ถูกเหมยลี่จับหัวไหล่ เป็นเชิงห้ามปราม
“ เฮ้ เธอจะมาห้ามชั้นทำไม ถ้าไปถึงช้ากว่านี้ เจ้าน้องชายหัวเขียวต้องโดนวัวบ้านั่นขวิดไส้ไหลแน่ๆ ” โจจี้ร้องบอกเสียงเครียด เพราะยามนี้ถือว่าวิกฤติสุดๆ
“ ใช่แล้ว เจ้าหนูนั่นมีเลเวลแค่ 9 แถมยังเป็นอาชีพระดับหนึ่ง ดูยังไงก็ไม่มีทางสู้วัวป่าซึ่งมีเลเวล 18 ได้หรอก ” ศาสตราจารย์เฒ่ากล่าวสนับสนุน
เหมยลี่หันไปมองโจจี้ที ศาสตราจารย์อ็อคซี่ที แววตาสงบนิ่งจนชวนให้ทุกคนคิดว่าเธอเป็นคนที่เลือดเย็นสุดๆ เพราะทนดูเพื่อนตายไปต่อหน้าต่อตา ทว่าเจ้าตัวกลับไม่สนใจ เด็กสาวเพียงกล่าวเบาๆ
“ รอดูก่อน อย่าเพิ่งเข้าไปช่วย ”
“ เธอจะปล่อยให้เจ้าหนูนั่นตายจริงๆเหรอ ไม่เห็นรึไงว่ามันทำได้แค่วิ่งหนี อีกนิดเดียว เจ้าวัวป่าก็จะไล่ตามทัน ” โจจี้บันดาลโทสะ เขาตวาดใส่เหมยลี่อย่างรุนแรง ดวงตามองการหนีตายของมาวินไม่วางวาย
ทันทีที่สิ้นเสียงตวาด เหมยลี่ก็เหวี่ยงโจจี้ ส่งผลให้ร่างสูงเพรียวปลิวไปนอนแอ้งแม้งบนโซฟาหนังสีดำ
“ ผลั๊ก ”
“ อู้ย….. ”
โจจี้กุมศีรษะ เขามึนงงเล็กน้อย การโจมตีของเด็กสาวร่างสูงนั้นรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน รู้อีกที ก็นอนหงายบนโซฟานุ่มๆไปซะแล้ว
เหมยลี่มองโจจี้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบเบาๆ แต่กระแสเสียงกลับแฝงความเชื่อมั่นอย่างชัดเจน
“ หมอนั่นไม่ตายด้วยเรื่องแค่นี้แน่ ”
แม้เหมยลี่จะออกปากแบบนั้น แต่ทั้งโจจี้และศาสตราจารย์อ็อคซี่ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เธอพูด เพราะในยามนี้ ทั้งคู่ได้ยินแต่เสียงโหยหวนของเด็กหนุ่มหัวเขียว
“ ว้าก...... ใครก็ได้ช่วยด้วย ชั้นกำลังจะโดนขวิดก้นแล้ว ”
ทั้งสองแอบเหล่หางตามายังเหมยลี่ด้วยท่าทางเคลือบแคลง พร้อมพกพาความสงสัยไว้ในใจ
“ เชื่อได้แน่เร้อ…… ”
ว่ากันตามตรง เหมยลี่เองก็ซ่อนความกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะเธอมักจะเห็นสภาพท่าดีทีเหลวและอาการปอดแหกของเด็กหนุ่มมาตลอด จนแทบไม่เหลือมาดพระเอก แต่ในตอนนี้ เด็กสาวทำได้แค่เงยหน้ามองจอภาพ พร้อมภาวนาอยู่ในใจ
“ อย่าเป็นอะไรไปนะ เจ้าลิงหัวเขียว ขอให้ชั้นมองนายถูกทีเถอะน่า ”
……………………
ณ.กลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ของดันเจี้ยนระดับ 20 เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่จนทำให้สัตว์เล็กสัตว์น้อยอาทิเช่น นก ไก่ป่า กระต่าย จิ้งจก จิ้งเหลน กิ้งกือ หนีตายกันสุดชีวิต สาเหตุมาจากการวิ่งไล่จับกันระหว่างหนึ่งวัวกับหนึ่งเด็กหนุ่ม ฝีเท้าของสัตว์เขาโง้งนับว่าเร็วมาก แต่ฝีเท้าของมาวินนั้นเร็วยิ่งกว่า จึงทำให้นำห่างถึงสองช่วงตัว
“ เหวอ….. ช่วยชั้นด้วย ”
มาวินตะโกนดัง สีหน้าแตกตื่นสุดขีด ส่วนเจ้าสัตว์สี่เท้าผู้หนักร่วมร้อยกิโลกรัม ได้ห้อตามเด็กหนุ่มมาติดๆ พร้อมคำรามดังอย่างต่อเนื่อง คล้ายประสงค์จะข่มขวัญ
“ มอ…… ”
มาวินวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง เสียงชายหนุ่มก็ดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือ เขาจดจำได้ทันที เจ้าของเสียงนั้นคือโจจี้
“ เฮ้ ไอ้น้องชาย นายได้ยินชั้นมั้ย ”
“ โอ้....ชัดเจนทุกถ้อยคำเลย พี่ชายรูปหล่อ ดีใจชะมัดที่ได้ยินเสียงนาย ” มาวินตอบกลับ พร้อมรอยยิ้ม วินาทีนี้ ต่อให้เขาได้ยินเสียงใคร ก็ย่อมจะดีใจสุดขีดอยู่แล้ว
“ ดีล่ะ งั้นฟังชั้นให้ดี อีก 100 เมตรจะถึงทางแยก ถ้าไปซ้าย จะเจอเนินหินขนาดใหญ่อันเป็นทางตัน ส่วนด้านขวาเป็นจุดสตาร์ท ให้วิ่งมาทางนั้น พอถึง ก็รีบโดดขึ้นแท่นส่งตัว พวกเราจะวาร์ปนายกลับมา เข้าใจมั้ย ” โจจี้รีบอธิบายให้มาวินฟัง
“ โอเค เอ๊ะ นายว่าไงนะ ซ้ายเจอเนินหิน ขวาเจอทางออก ใช่มั้ย ” มาวินทวนคำของหนุ่มหล่อ ระหว่างนั้น คิ้วบนใบหน้าก็กระตุกเล็กน้อย
“ เออ ใช่ อย่าลืมไปทางขวาล่ะ อีก 50 เมตรก็จะถึงทางแยกแล้ว ” โจจี้ย้ำอีกครั้ง
“ รับทราบ ” มาวินรับคำสั้นๆ อึดใจต่อมา เขาก็เริ่มแสยะยิ้มชั่วร้าย พร้อมสบถออกมาเบาๆ
“ หึๆ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ไอ้วัวบ้าเลือด ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ