The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
68) ใจสู้หรือเปล่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com
ค่าพลังของมาวินที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นดังนี้
ชื่อ มาวิน เทพอัศวิน
ระดับ 9 อาชีพขั้นที่ 1 ไร้อาชีพ
พลังชีวิต 100 กำลัง 7 โชค 6
พลังกาย 55 ความเร็ว 18 ปัญญา 7
พลังเวทย์ 0 ทนทาน 7 ทักษะ 12
ทุกคนที่เห็นค่าพลังนี้ ล้วนเซ็งบ่อนไปตามๆกัน เพราะมันอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมากจนแทบจะเรียดดิน โดยเฉพาะโจจี้ เขาถึงกับสบถออกมาดังๆ
“ บ้าเอย ทำไมค่าพลังถึงได้ห่วยแบบนี้ ”
“ หา…..ค่าพลังของชั้น มันห่วยขนาดนั้นเลยเหรอ บ้าน่า เครื่องเสียรึเปล่า ตาเฒ่า ” มาวินหันไปโวยศาสตราจารย์อ็อคซี่
“ ชั้นชื่อศาสตราจารย์อ็อคซี่ ไม่ใช่ตาเฒ่าโว้ย อีกอย่าง เครื่องไม่มีวันเสียหรอก เพราะสมองกลชิ้นนี้ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี นายพูดแบบนี้ ดูถูกฝีมือกันนี่หว่า ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่โวยกลับมั่ง
“ อ้าว แล้วทำไมค่าพลังของชั้นถึงห่วยแตกแบบนี้ ” มาวินลุกขึ้นยืน พร้อมตวาดใส่แบบไม่นึกเกรงกลัว
“ ก็เพราะนายมันห่วยเองต่างหาก ” โจจี้ร่วมวงวิวาทอีกคน
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังโต้เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมยลี่ก็เกิดอาการคิ้วกระตุก ความสงสัยและสับสนพุ่งทะยานอย่างรุนแรง เพราะก่อนวัดค่าพลัง เธอมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าต้องทะลุไปถึงระดับที่ 20-25 แต่กลับหยุดแค่ระดับ 9
“ น่าแปลกจริงๆ พลังของหมอนี่ควรจะสูงกว่านี้ซิ เพราะเจ้าลิงติ๊งต๊องฝึกหนักขนาดนั้น อีกประการ ถ้าระดับอยู่แค่นี้จริง แล้วที่ผ่านมา มันสู้กับศัตรูได้ยังไง บางคนที่เคยต่อกรเป็นถึงพวกอาชีพระดับสองเลยนะ ” เหมยลี่คิดใคร่ครวญ แต่มองมุมใด ก็ไม่สมเหตุผลเลย ในโลก The Dark world ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าพวกอาชีพระดับ 1 จะชนะพวกอาชีพระดับ 2
เหมยลี่ขบคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบมารับรอง ทว่าอึดใจต่อมา เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ เฮ้ หยุดทะเลาะกันก่อน ชั้นคิดอะไรได้แล้ว ” เหมยลี่ร้องบอกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่กำลังโต้เถียงกันอย่างเมามัน
ทั้งสามหยุดทะเลาะอย่างฉับพลัน แล้วหันมามองเด็กสาวร่างสูงเป็นตาเดียว จากนั้นก็กลับไปวิวาทกันต่อ
เหมยลี่ยืนมองความวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่ง เด็กสาวร่างสูงก็เกิดอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือทั้งสองกำแน่นด้วยไฟแค้นที่สุมอยู่ภายใน วินาทีต่อมา เธอก็โผนเข้าไปเขกกะโหลกของเด็กหนุ่ม
“ โป๊ก ”
“ เจี้ยก….. ”
เสียงกำปั้นอัดกระบาลน้อยๆของเด็กหนุ่มดังสนั่น ไม่ทันที่โจจี้จะได้พูดอะไร หน้าหล่อๆก็ถูกกระทุ้งด้วยหมัดลุ่นๆจนหงายหลังลงไปนอนคว่ำกับพื้น
“ โครม ”
เสี้ยววินาทีต่อมา เด็กสาวร่างสูงหันไปหาศาสตราจารย์อ็อคซี่ หวังเก็บงานชิ้นสุดท้าย แต่ก่อนที่เท้าขวาจะตวัดไปที่ขมับ เธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ถ้านักวิทยาศาสตร์เฒ่าสลบไป คงไม่มีใครใช้งานสมองกล
“ อะ…..เอ่อ…..ชะ……ชั้นไม่ดื้อแล้ว แม่หนู หยุดทะเลาะตลอดกาลเลย แฮะๆ ” ศาสตราจารย์เฒ่ายิ้มแหยๆ เหงื่อแตกท่วมกาย
“ อืม…..ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้อยู่ยาวจนแก่ตาย ” เด็กสาวยกเท้าลง ก่อนลั่นคำขู่
แม่เสือสาวมองสองหนุ่มที่นั่งคลำส่วนที่ถูกอัด จากนั้นก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง
“ พวกนายเลิกสำออย แล้วมาฟังแผนของชั้น ”
สองหนุ่มหันมามองหน้ากันเอง ทั้งคู่มีความคิดตรงกัน
“ สำออยบ้าอะไร มือเท้าหนักระดับช้างถีบแบบนี้ ใครจะไม่เจ็บเล่า ”
…………………….
ศาสตราจารย์อ็อคซี่พาทั้งสามไปอีกห้อง มีแผงสมองกลขนาดเท่าโต๊ะทำงานวางอยู่ที่ท้ายห้อง เหนือขึ้นไปปรากฏจอใหญ่ขนาด 50 นิ้วติดอยู่ที่ผนัง ฝั่งตรงกันข้ามมีแท่นทรงกลมที่ใหญ่พอให้สามคนขึ้นไปเหยียบ แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาจางๆ
“ แน่ใจแล้วเหรอว่าจะทำแบบนี้ เพราะเท่าที่ดูจากค่าพลังของเจ้าหนูคนนี้ บอกได้เลยว่าอันตรายมาก บางทีอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยนะ ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่เตือนอีกครั้ง สีหน้าเคร่งเครียด
เหมยลี่นิ่งเงียบ ดวงตาคมเข้มขมวดนิ่วเป็นเชิงใช้ความคิด ส่วนโจจี้แอบลุ้นให้แม่เสือสาวเปลี่ยนใจ เพราะเห็นด้วยกับศาสตราจารย์เฒ่า ทางด้านมาวิน เขาได้แต่กลืนน้ำลายหลายเฮือกใหญ่ แม้เด็กหนุ่มหัวเขียวจะไม่รู้อะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังรอคอย
“ ให้เจ้าลิงหัวเขียวเข้าดันเจี้ยนระดับ 20 ตกลงตามนี้ ” เหมยลี่ตอบเสียงเข้ม อันบ่งบอกถึงจิตใจที่แน่วแน่
ทันทีที่มีประกาศิต โจจี้ก็รุดเข้ามาตบไหล่มาวิน พร้อมกล่าวแผ่วเบา น้ำเสียงโศกเศร้าราวกับมีใครตาย
“ เหอๆ เจ้าน้องชายหัวเขียว นายมีอะไรจะสั่งเสียมั้ย ”
“ ยังไม่ตายเฟ้ย ” มาวินสะบัดแขนออก ท่าทางฉุนเฉียว จากนั้นก็หันไปทำตาละห้อยใส่เหมยลี่
“ นี่ชั้นต้องไป ใช่มั้ย ”
“ ใช่ ” เหมยลี่ตอบสั้นๆ
มาวินเดินคอตกไปหยุดยืนกลางแท่นทรงกลม เด็กหนุ่มหันกลับมามองเหมยลี่อีกครั้ง แววตาแฝงแวววิงวอน จากนั้นก็กล่าวขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย
“ ไม่ไปได้มั้ย เท่าที่ฟังมา ชั้นคงไม่รอดจากงานนี้ ”
“ ใช่ เจ้าหนูนั่นมันกลัวแล้ว เลิกล้มแค่นี้เถอะ เหมยลี่ ” โจจี้ได้ที เขาจึงเข้ามาขอร้องเด็กสาวร่างสูงอีกคน
“ ไม่ได้ ” เหมยลี่ตอบกลับเสียงดังจนโจจี้และศาสตราจารย์เฒ่าเกิดอาการผวา เพราะกลัวจะโดนมือเท้าระดับช้างถีบรอบสอง แต่เด็กสาวกลับมองมาที่มาวิน พร้อมกล่าวอย่างจริงจัง
“ นายไม่อยากพิสูจน์ตัวเองเหรอ ถ้าผ่านการทดสอบ ก็จะพูดได้เต็มปากว่าตัวเลขที่ปรากฏบนเครื่องวัดพลังนั้นไม่สำคัญ ตัวนายมีความสามารถพอที่จะทำภารกิจฮันเตอร์และแกร่งพอจะเดินทางกลับไปหาคนรัก ”
เพียงได้ยินคำพูดที่แทงทะลุถึงหัวใจ อากัปกิริยาของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป ดวงตาเล็กเรียวที่ขลาดเขลากลับกลายเป็นดุดัน สีหน้าผันแปรเป็นจริงจัง ปิดท้ายด้วยการตะโกนกลับมา
“ มาเลย ชั้นพร้อมแล้ว ”
เหมยลี่ยิ้มมุมปาก ท่าทางพอใจ เธอหันไปสั่งศาสตราจารย์อ็อคซี่
“ เดินเครื่องย้ายมวลสาร เพื่อส่งเจ้าลิงตัวนี้ไปดันเจี้ยนระดับ 20 ได้แล้ว ศาสตราจารย์ ”
“ เฮ้อ…เอาก็เอา ” ศาสตราจารย์เฒ่าส่ายหัวไปมา เขาจำใจรับคำ ก่อนจะกดปุ่มบนแผงควบคุมสมองกล
แท่นทรงกลมส่องแสงสีฟ้าออกมาอย่างฉับพลัน กระแสนั้นเริ่มอาบไปทั่วร่างของมาวิน ครู่หนึ่ง มันก็เข้มขึ้นจนกลบทับกายเล็กบาง ไม่นาน แสงนั้นก็จางหายไป เหลือไว้แต่ความว่างเปล่า
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ