The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
67) ยาระงับบ้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://wallpapersafari.com
“ อ้อ..... อย่างนี้นี่เอง ” หลังจากโจจี้พูดจบ เด็กหนุ่มหัวเขียวก็รับคำ
“ เฮ้อ.....ในที่สุด นายก็เข้าใจซักที ” โจจี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิดว่ามาวินน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ตนอธิบาย
“ ฮ่าๆ......” ทันใดนั้นเอง มาวินก็หัวเราะแบบลากยาว ทำให้โจจี้นึกขำจนหัวเราะตาม
" ฮ่าๆ..........."
การกระทำของสองหนุ่มก่อให้เกิดความกลุ้มในจิตใจของเหมยลี่ เธอยืนกุมขมับและนึกเสียใจที่หลงเดินทางมากับคนวิกลจริต ทันใดนั้นเอง มาวินก็หยุดหัวเราะอย่างฉับพลัน พร้อมพูดว่า…..
“ ไม่เข้าใจ ”
ใบหน้ายิ้มแย้มของโจจี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว ไม่ช้าก็กลายสภาพเป็นสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง เมื่อถึงขีดสุดของอารมณ์ หนุ่มผมทองก็พุ่งเข้าไปบีบคอ พร้อมตะโกนเสียงดัง
“ ไอ้เด็กบ้า แกแกล้งชั้นอีกแล้วนะ ”
“ อั้กๆ โอ๊ย ใจเย็น ไอ้พี่ชายหน้าหล่อ ชั้นหายใจไม่ออก ” มาวินดิ้นสุดกำลัง หวังหลุดพ้นจากมือมาร
ทางด้านเหมยลี่ เธอเริ่มปลงตกต่อชะตากรรม เพราะต้องร่วมเดินทางกับกลุ่มคนไม่สมประกอบไปอีกนาน ความสลดหดหู่บังคับให้ถอนหายใจยาว
“ เฮ้อ.....ปล่อยพวกมันฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยดีกว่า จะได้เหลือไอ้บ้าแค่คนเดียว ”
ขณะที่ความวุ่นวายกำลังก่อตัว เสียงชายแก่ก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
“ ใครมาวุ่นวายในห้องทดลองของชั้น ”
ทั้งสามคนหันกลับมามองพร้อมกัน สิ่งที่เห็นคือ.....ชายแก่ร่างเล็ก เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาว กางเกงสแล็คสีน้ำตาล ใบหน้าผอมปรากฏหนวดเครารุงรังที่ขาวโพลน ดวงตาเรียวเล็กเปล่งประกายคมกล้าถูกปกปิดด้วยแว่นตาทรงกลม เส้นผมบนศีรษะทั้งหยิกหย็องและฟูฟ่อง ทำให้ดูคล้ายอัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ศาสตราจารย์สติเฟื่อง ผู้ค้นพบระเบิดปรมาณู
“ ว้าว......ไอนสไตน์กลับชาติมาเกิด ” มาวินร้องเหวออ แต่ไม่ทันไร โจจี้ก็พุ่งเข้ามาปิดปาก พร้อมกล่าวขอโทษชายแก่ผู้มาใหม่
“ โอ้......ขอโทษครับที่มาวุ่นวาย เด็กหนุ่มคนนี้เป็นน้องชายสติไม่ดีที่ผมเก็บมาเลี้ยง โปรดอย่าถือสาคนบ้าเลยครับ ส่วนผมชื่อโจจี้ เป็นฮันเตอร์ระดับสาม วันนี้มาขอรับการทดสอบจากศาสตราจารย์ ”
เหมยลี่เข้าใจทันทีว่าอะไรเป็นอะไร เธอจึงก้มหัวให้ผู้มาใหม่ ทว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวกลับไม่สนใจ เขาสะบัดหลุด พร้อมตะโกนใส่ชายแก่
“ พวกนายไปก้มหัวให้ตาแก่ทำไม ตัวกะเปี๊ยกแบบนี้ ต่อยทีเดียวก็หงายท้อง ร้องเอ๋งแล้ว อะ.....อั่นแน่ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ จะร้องไห้ฟ้องแม่รึไงจ๊ะ ฮ่าๆ..... ” พอพูดจบ เด็กหนุ่มก็ยักคิ้วหลิ่วตาเป็นเชิงล้อเลียน ส่วนศาสตราจารย์ ใบหน้าเริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ
เหมยลี่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเตะสูงเข้าไปที่ท้ายทอยของเด็กหนุ่ม
“ เปรี้ยง ”
ผลของการแก้ปัญหาก็คือ……การร่วงลงไปนอนแน่นิ่งของมาวิน ทำให้สถานการณ์โดยรวมกลับมาสงบดังเดิม
“ ฮะๆ แก้ไขปัญหาได้ยอดเยี่ยม ” โจจี้หัวเราะแห้งๆ เขาตะลึงกับการแก้ไขสถานการณ์ที่รุนแรงและรวดเร็ว ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
……………………
มาวินหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่ช่วงที่อยู่ในภวังค์ เด็กหนุ่มฝันร้ายตลอดเวลา มโนทวารฉายภาพฝูงตัวประหลาดที่ตามไล่ล่า พอจับเขาได้ พวกมันก็ประเคนค้อนใหญ่ลงบนศีรษะ แม้ลิงหัวเขียวจะขอร้องอ้อนวอนเพียงใด อมนุษย์ก็ไม่ยอมยั้งมือ
“ เหวอ....... ” มาวินลุกพรวดขึ้นมานั่ง พร้อมตะโกนสุดเสียง จนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
“ เออ......ที่นี่ที่ไหน แล้วชั้นเป็นใคร ” มาวินเหลียวมองรอบกาย จึงพบว่าตนกำลังอยู่บนโซฟาใหญ่ โดยมีโจจี้ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ มองไปลิบๆ เห็นศาสตราจารย์อ็อคซี่นั่งอยู่หน้าแป้นเหล็กที่มีปุ่มมากมาย น่ากลัวสุด หนีไม่พ้นเด็กสาวร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“ เตรียมอาละวาดอีกรอบมั้ย น้องชาย ” โจจี้ถามยิ้มๆ พลางบุ้ยใบ้ไปที่เด็กสาวร่างสูงซึ่งกำลังยืนกอดอก
“ ฮะๆ ไม่ล่ะ เกรงใจ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวยิ้มแห้งๆ เขาสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนผิดสังเกต เพราะตอนนี้เริ่มจดจำได้แล้วว่าตนเองสลบไป เพราะอะไร
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ศาสตราจารย์เฒ่าก็เดินมาหาเด็กหนุ่ม ก่อนจะแนะนำตัวสั้นๆ รอยยิ้มบนใบหน้าคล้ายจะเย้ยอยู่นิดๆ
“ ชั้นคือศาสตราจารย์อ็อคซี่ วาสซิโอเน่ เป็นผู้ดูแลตึกอัพเลเวลประจำเมืองแกรนด์ยารด์ ”
มาวินรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง เพราะท่าทางที่แสดงออกมาดูกวนอวัยวะเบื้องต่ำ อันชวนให้อยากกระหน่ำส้นเท้าใส่กบาล แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเด็กสาวร่างสูงซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เจ้าลิงหัวเขียวก็เริ่มปรับอารมณ์จนสงบลง พร้อมตอบให้สุภาพที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้
“ เอ่อ....ชั้น....อ้อ.....ผมชื่อมาวิน ดีใจที่ได้พบนะ ลุง เฮ้ย ไม่ใช่สิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ”
“ เอาล่ะ ในเมื่อพวกเรารู้จักกันแล้ว ก็มาเริ่มวัดค่าพลังกัน ถอดนาฬิกาวิญญาณของนายออกมา ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่ยื่นมือออกไปรับ รอยยิ้มกวนๆตามสไตค์พวกคงแก่เรียนถูกฉายออกมา
ทันทีที่มาวินเจอไม้นี้เข้าไป เขาก็ออกอาการเอ๋อรับประทานจนโจจี้ต้องกระทุ้งศอกที่สีข้าง พร้อมร้องบอกเบาๆแค่พอได้ยิน
“ นาฬิกาวิญญาณคือ.....นาฬิกาที่นายได้รับตอนลงทะเบียนอาชีพไง ”
“ อ้อ...... ไอ้นั่นน่ะเหรอ ” มาวินเริ่มรู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาจึงปลดนาฬิกาสปอร์ตทรงเหลี่ยมที่มือขวา มันมีสีกระดำกระด่าง แลดูสกปรก
“ อะ....ฮ้า นี่มันคือ.... ตั้งแต่ทำงานมา 30 กว่าปี ยังไม่เคยเห็นนาฬิกาอะไรที่ดู…..อืม...ด้อยค่า ไร้ราคาและห่วยแตกขนาดนี้มาก่อนเลย ตกลงนายทำอาชีพอะไร ” ศาสตราจารย์เฒ่ารับนาฬิกาจากมาวิน จากนั้นก็สอบถามเด็กหนุ่มแบบตรงๆ
มาวินอยากโดดเตะคนแก่ซักทีสองที เพราะน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา แฝงแววเหยียดหยามอย่างชัดเจน แต่พอเหลือบไปเห็นเหมยลี่ที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ก็ทำให้เด็กหนุ่มสงบลง พร้อมตอบกลับไปแต่โดยดี ด้วยเกรงว่าตนจะพบกับบาทาพิฆาตเหมือนเมื่อครู่
“ NPC บอกว่าชั้นคือพวก…..ไร้อาชีพ เออ น่าจะเป็นอาชีพขั้นที่หนึ่งน่ะ ”
“ หา.......มันมีอาชีพนี้ด้วยเหรอ ” ศาสตราจารย์ทำหน้างง ส่วนโจจี้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็มึนไม่แพ้กัน แม้แต่เหมยลี่ที่เก็บอารมณ์ได้ดีที่สุด ก็ยังขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ แฮะๆ แล้วตกลงที่ไม่เหมือนใคร มันดีหรือไม่ดีล่ะ ” มาวินเกาหัวแกรกๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเชื้อโรคที่ทุกคนบนดาวเคราะห์ดวงนี้นึกรังเกียจ
ศาสตราจารย์เฒ่ามองหน้าเด็กหนุ่มนิ่งๆ ดวงตาคมแฝงแววพิศวง ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสก็กล่าวเรียบๆ
“ เดี๋ยวเอาชิปเข้าเครื่องตรวจพลังก่อน แล้วค่อยดูอีกทีว่าจะทำยังไงต่อไป ”
ศาสตราจารย์พูดจบ เขาก็เดินไปที่แท่นควบคุมสมองกล จากนั้นก็ใช้ไขควงแกะแผ่นเหล็กที่ด้านหลังนาฬิกาวิญญาณ แล้วใช้คีมเล็กคีบแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีรูปร่างคล้ายแบตเตอรี่แห้งออกมาอย่างประณีต
“ นั่นเขาทำอะไรเหรอ พี่ชายหน้าหล่อ ” มาวินดูการทำงานของศาสตราจารย์เฒ่าแวบหนึ่ง ก่อนหันมาถามโจจี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ เขากำลังแกะชิปที่อยู่ในนาฬิกาวิญญาณของนายออก เพื่อนำมันเข้าเครื่องตรวจพลัง ” โจจี้ตอบกลับเบาๆ เพราะตัวเองก็ลุ้นระทึกต่อค่าพลังของเด็กหนุ่ม
ศาสตราจารย์ใช้คีมเหล็กคีบชิปอย่างบรรจง จากนั้นก็นำมันหย่อนลงไปในช่องเล็กๆที่อยู่บนแผงควบคุม แล้วกดปุ่มอีกสามสี่ที
“ เอาล่ะ เรามาดูกันว่าค่าพลังของเจ้าหนูคนนี้อยู่ในระดับไหน ” ศาสตราจารย์กล่าวกับทุกคนที่อยู่ในห้อง พวกเขารู้สึกตื่นเต้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง
สิ้นคำของศาสตราจารย์เฒ่า หน้าจอพลาสมาขนาด 300 นิ้วที่ตั้งอยู่เหนือแผงเหล็กควบคุมก็กะพริบถี่รัว ก่อนจะปรากฏค่าพลังของเด็กหนุ่มขึ้นมา
“ หา...... นี่มันอะไรกัน ”
เมื่อได้เห็นค่าพลัง ทั้งโจจี้และศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็ถึงกับตะลึงพลึงเพลิด ส่วนเหมยลี่รู้สึกว่าหนังตาจะแอบกระตุกนิดๆ เป็นนัยว่าตกใจไม่น้อย
มีเพียงมาวินเท่านั้นที่นั่งเอ๋ออยู่บนโซฟาดำ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงร้องถามด้วยสำเนียงเศร้าๆที่ชวนสังเวช
“ ตกลง ตัวเลขพวกนี้มันดีหรือไม่ดี ใครรู้ ช่วยบอกที ชั้นขอร้อง ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ