The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
66) หนุ่มหล่อล้างแค้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://www.teahub.io
……………………..
ทั้งสามเดินเข้ามาในตึก สิ่งแรกที่ได้เห็นคือห้องโถงขนาดใหญ่ พื้นปูพรมแดง ด้านหน้ามีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ทำจากไม้ขัดมันชั้นดี ภายในนั้นมีชายวัยกลางคนร่างสันทัดที่ไว้หนวดเรียวเล็ก เขายืนต้อนรับ พร้อมรอยยิ้ม
“ ว้าว….อย่างกะอยู่ในโรงแรมห้าดาวเลย ทั้งกว้างขวาง ทั้งหรูหรา ” เด็กหนุ่มเฮดัง ใบหน้าเรียวเล็กหมุนซ้ายแลขวาจนดูเลิ่กลั่ก
เหมยลี่รู้สึกระอาพฤติกรรมของมาวิน แต่ก่อนจะหันไปกำราบ บริกรวัยกลางคนก็เอ่ยถามอย่างนิ่มนวล
“ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ ”
ทั้งสามนิ่งไปอึดใจ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายมาวินที่ตอบกลับแบบกวนๆ
“ ว้าว……ลุงนี่ช่างสุภาพอย่างกะคนโบราณเลย พูดธรรมดาก็ได้ อุ้บ อู้….. ”
มาวินพูดไม่ทันไม่จบประโยค เหมยลี่ก็ตรงเข้ามาปิดปาก อันเป็นการสกัด ไม่ให้เจ้าลิงหัวเขียวซุกซนเป็นครั้งที่สอง
พอเหตุการณ์สงบ โจจี้ก็เข้าไปแจ้งความจำนง ทันทีที่บริกรหนุ่มรับฟังความต้องการ เขาก็ยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนชี้ไปที่ประตูทางด้านขวามือ
โจจี้เดินกลับมาหาเพื่อนร่วมทาง จากนั้นก็กล่าวเบาๆ
“ คุณบริกรบอกให้เราไปที่ชั้นสี่ ศาสตราจารย์อ็อคซี่กำลังว่างอยู่ ”
เหมยลี่พยักหน้ารับคำ แต่มาวินไม่เข้าใจ เขาร้องถามรัวเร็ว
“ เดี๋ยวซิ ตกลงพวกนายจะเข้าใจกันแค่สองคนใช่มั้ย ไม่คิดเล่ารายละเอียดให้ชั้นฟังเลยเหรอ นี่ชักงอนแล้วนะ ” เด็กหนุ่มพูดจบ ก็แกล้งทำแก้มป่องเหมือนเด็กๆ
“ ฮ่าๆ โอเค เล่าก็ได้ คืองี้….” โจจี้หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เตรียมอธิบาย แต่ก่อนจะเอ่ยปาก เขากลับหยุดชะงักอย่างฉับพลัน
“ อ้าว…..ตกลง จะเล่าหรือไม่เล่าล่ะ พ่อคุณ ” พอมาวินเห็นโจจี้หยุด เขาก็ทวงถามถึงคำตอบ
“ อ้อ คืองี้…..ก่อนลงดันเจี้ยน เขาจะจับนายไปทดลองทางวิทยาศาสตร์ก่อน อย่างเช่นนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ผ่าสมอง เลื่อยไต ตัดม้าม และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อพิสูจน์ว่าเหมาะสมจะลงดันเจี้ยนหรือไม่ ” โจจี้สาธยายถึงขั้นตอนการทดลองที่น่ากลัว สีหน้าเคร่งขรึม พอเล่าจบ เด็กหนุ่มหัวเขียวก็ยิ้มร่า พร้อมหัวเราะออกมาดังๆ
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…….. ”
“ ฮ่าๆ เป็นไง สนุกมั้ย ” โจจี้ยิ้มยียวน แต่เมื่อเสียงหัวเราะสงบลง เด็กหนุ่มก็หันมาตอบนิ่มๆว่า…..
“ ไม่สนุกเลย ชั้นจะกลับแล้ว ”
มาวินรีบจ้ำอ้าว เพื่อออกจากสถานที่นี้ ทว่าเหมยลี่คาดไว้แล้วว่าเหตุการณ์ต้องเป็นเช่นนี้ จึงตรงเข้ามาล็อกคอเด็กหนุ่มเป็นครั้งที่สาม
“ ปล่อย.... ไม่เอา ชั้นไม่อยากเป็นหนูทดลองยา ปล่อยช้าน….. ม่าย….. ” มาวินร้องขอชีวิต พร้อมดิ้นหนีสุดกำลัง แต่ดูเหมือนจะไร้ผล ส่วนโจจี้ เขาหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง เหมยลี่เริ่มทนความบ้าบอของเด็กหนุ่มไม่ไหว จึงตวาดใส่อย่างรุนแรง
“ เงียบ ”
ด้วยเสียงอันดังของแม่เสือสาว ทำให้สองหนุ่มหยุดนิ่ง แม้กระทั่งบริกรก็หุบยิ้ม พร้อมแสร้งก้มลงไปหาของที่ใต้เคาน์เตอร์
เด็กสาวหันไปมองสองหนุ่มเป็นเชิงดุ จากนั้นก็กล่าวกับมาวิน
“ ไม่ต้องกลัวจนเกินเหตุ เราแค่พานายไปทดสอบค่าพลัง จะได้ตัดสินใจว่าจะให้ลงดันเจี้ยนระดับไหน ”
“ หา….. แค่นี้เองเร้อ….. ชั้นไม่ต้องไปทดลองบ้าๆบอๆแบบที่พี่ชายผมทองเล่าให้ฟัง ใช่มั้ย ” มาวินถามย้ำอีกครั้ง เพื่อความชัวร์
“ ใช่ ” เด็กสาวตอบสั้นๆ
“ งั้นแบบนี้แปลว่า….เหอๆ ” มาวินเหล่มองโจจี้ แววตาประสงค์ร้าย
“ ถูกต้องนะคร้าบ……นายโดนชั้นอำ ฮ่าๆ ” คราวนี้หนุ่มผมทองถึงกับเลิกเก๊กและชี้หน้าเด็กหนุ่ม ปากก็หัวเราะใส่ ท่าทางสะใจเป็นที่สุด
“ หน็อย.... ไอ้พี่ชายหัวทอง ทีใครทีมันเฟ้ย ฝากไว้ก่อนเถอะ ” มาวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า พร้อมขู่อาฆาต
“ ฮ่าๆ ถ้าฝาก ก็รีบมาถอนนา ดอกแพงเด้อ ” โจจี้กระเซ้าเย้าแหย่ เขารู้สึกสาแก่ใจเป็นที่สุด เพราะที่ผ่านมา หนุ่มหล่อมักจะถูกลิงหัวเขียวแกล้งโดยตลอด คราวนี้จึงถือว่าเป็นการเอาคืน แต่เชื่อเถอะว่านี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าบุคลที่น่าจะเอือมระอาที่สุดหนีไม่พ้น....…เหมยลี่ เด็กสาวผู้เงียบขรึม
…………………….
ทั้งสามเปิดประตูที่บริกรชี้บอก เผยให้เห็นห้องเล็กขนาด 4 คูณ 4เมตร พวกเขาก้าวเข้าไปในนั้น
มาวินรู้สึกว่าพื้นที่ในห้องนี้ทั้งแคบและเล็ก ริมผนังฝั่งซ้ายปรากฏแผงบังคับที่มีปุ่มสีเขียวประดับอยู่ แน่นอนว่าโจจี้ไม่รอช้า เขากดมันโดยพลัน ทันทีที่กดปุ่ม ภาพใบหน้าของหญิงสาวไว้ผมเปียก็ปรากฏที่กลางอากาศ รอยยิ้มของเธอดูสดใส สวยงาม
“ อะจึ้ย ผีหลอก เหวอ…..” มาวินกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ พร้อมเตรียมเผ่นหนีออกนอกห้อง ทว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะประตูถูกปิดไปแล้ว จึงได้แต่ลุกลี้ลุกลนและหมุนกายไปมา
“ เจ้าบ้า นั่นไม่ใช่ผี แต่เป็นภาพจำลองที่สมองกลสร้างขึ้นมา นายนี่มันบ้านนอกขนานแท้ ” โจจี้หันมาตวาด ส่วนเหมยลี่ไม่ได้พูดอะไร เธอส่ายหัวไปมา ท่าทางละเหี่ยใจ
“ อ้าว……เหรอ เอ ว่าแต่สมองกลที่ว่า มันคือ…..คอมพิวเตอร์ ใช่มั้ย ” พอมาวินสงบจิตใจ เขาจึงเริ่มเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย
“ สมองกลก็คือสมองกล ว่าแต่คอมพิวเตอร์แปลว่าอะไรฟะ งงแฮะ ” โจจี้ขมวดคิ้ว ส่วนเหมยลี่ แม้จะดูเฉยชา แต่ถ้าพิจารณาให้ดี ก็จะพบว่าร่องรอยแห่งความสงสัยอยู่บนใบหน้า
“ เอ่อ…..มันคือ เอ่อ อ่า อ้อ คอมพิวเตอร์ก็แปลว่าสมองกลนั่นแหละ ที่บ้านชั้นเขาเรียกสมองกลว่าคอมพิวเตอร์น่ะ เหอ เหอ เหอ ” มาวินติดอ่างอยู่นาน ในที่สุด เขาก็หาทางออกได้สำเร็จ
“ อ้อ เข้าใจแล้ว ” โจจี้และเหมยลี่พยักหน้ารับคำ ระหว่างนั้นเอง โฮโลแกรมสาวสวยก็เอ่ยถาม น้ำเสียงหวานใส
“ ยินดีต้อนรับสู่ตึกอัพเลเวลประจำเมืองแกรนด์ยารด์ค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ ”
“ ว้าว…..พูดได้ด้วย โคตรไฮเทคเลย ” เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง แต่คราวนี้ทั้งเหมยลี่และโจจี้เลิกสนใจ แม้ว่าส่วนหนึ่งยังแอบสงสัยคำว่า…..ไฮเทคอยู่นิดๆ
“ ไปชั้นสี่ จุดหมายคือห้องของศาสตราจารย์อ็อคซี่ครับ ” โจจี้แจ้งเจตจำนง ภาพจำลองของหญิงสาวจึงยิ้มหวานและตอบกลับมาสั้นๆว่า……
“ รับทราบค่ะ ”
สิ้นคำของสมองกล ภาพห้องแคบๆก็หายไป กลายเป็นห้องขนาดใหญ่ มีโต๊ะไม้มะกอกขัดมันตั้งอยู่ แถมยังมีเคาน์เตอร์บาร์ทำอาหาร ตู้เก็บเอกสารและตู้หนังสือที่ทำจากไม้สัก พื้นปูพรมขาวที่เหยียบแล้วให้ความรู้สึกสบายเท้า คล้ายยืนบนปุยเมฆ แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ.....แผงเหล็กซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
แผงเหล็กนั้นยาวราวๆ 10 เมตร มีปุ่มเล็กๆประดับอยู่หลายสิบ เหนือขึ้นไปปรากฏจอทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 300 นิ้ว
“ ว้าว.... นี่ เราหายตัวมาอยู่ที่ไหนกัน แถมบนผนังก็มีจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่เวอร์นั่นอีก สุดยอดไปเลย ” มาวินอุทานดัง ส่วนโจจี้ได้แต่เกาหัวแกรกๆ เพราะเซ็งต่อความไม่รู้อะไรของเด็กหนุ่ม
“ ฮะๆ คืองี้…..เราไม่ได้หายตัวไปไหนหรอก แค่ถูกสมองกลวาร์ปส่งมาที่ห้องศาสตราจารย์เท่านั้นเอง ส่วนจอใหญ่นั่น เขาไม่ได้เรียกว่าโทรทัศน์ แต่เรียกว่าจอภาพ นายเข้าใจมั้ย ” โจจี้หัวเราะแห้งๆ พร้อมอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังอย่างใจเย็น
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ