The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
65) ตึกอัพเลเวล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก http://wallpaperswide.com
ในตอนสายของวันนั้น ทั้งสามเตรียมตัวเดินทางไปยังสถานที่หนึ่ง เพียงแต่ครั้งนี้ พาหนะที่ใช้เป็นรถม้าที่ดูเลิศหรูอลังการ
มาวิน เหมยลี่และโจจี้ก้าวขึ้นรถม้าสีบรอนซ์ซึ่งผูกติดกับม้านับสิบตัว เมื่อเข้าสู่ภายใน ก็พบว่ามีขนาดค่อนข้างกว้างชนิดที่มนุษย์หกคนสามารถนั่งได้ โดยไม่รู้สึกแออัดแต่ประการใด
โจจี้เคาะผนังเป็นสัญญาณให้พลขับออกเดินทาง อึดใจต่อมา ทั้งสามก็รู้สึกถึงแรงสะเทือน พร้อมเสียงฝีเท้าม้า
“ คึก….”
“ โว้…. เยี่ยมไปเลย ”
เด็กหนุ่มหัวเขียวร้องลั่น ท่าทางตื่นเต้น เขายืนบนที่นั่ง เพื่อชะเง้อมองวิวที่ฉายนอกหน้าต่าง
ระหว่างที่มาวินกำลังปีนป่าย ก็หยิบโน่นคว้านี่ตามประสาลิงน้อยแสนซน ส่วนเหมยลี่ซึ่งนั่งสงบอยู่ที่มุมหนึ่ง ได้ทอดสายตามองด้วยประกายอ่อนโยน แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เกิด ล้วนไม่พ้นสายตาของโจจี้ ทำให้เขาสงสัยมากขึ้น
“ เหมยลี่เป็นชายจริงเหรอ ไม่ว่ามองมุมไหน เธอก็เป็นผู้หญิงชัดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นคนที่สวยเอามากๆ ”
จังหวะที่โจจี้กำลังเหม่อมอง เด็กสาวร่างสูงก็หันมา ทำให้สองดวงตาสบกันโดยบังเอิญ
“ อึ้ย ซวยแล้ว เผลอสบตาจนได้ ต้องรีบหลบ ไม่งั้นโดนยัดเยียดให้กินถั่วดำแน่ ” โจจี้อุทานเบาๆ พร้อมหันไปมองวิวนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เหมยลี่นั่งงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกลับคืนสู่ความสงบ
ขณะที่โจจี้กำลังเพลิดเพลินกับสายลมที่พัดโชย เขาก็รู้สึกว่ามีนิ้วเล็กๆจิ้มมาที่ซอกเอว เลยหันกลับไปมอง จึงพบว่าผู้กระทำคือ…….มาวิน ลิงน้อยจอมซน
“ มีอะไรอีกเล่า ไอ้น้องชาย ” โจจี้ถามเสียงดุ ด้วยนึกรำคาญเด็กหนุ่มผู้อยู่ไม่สุข
“ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะถามว่า…..ใกล้ถึงรึยัง ” มาวินยื่นหน้าทะเล้นเข้ามาใกล้ๆ
“ เฮ้อ…..ยัง อีกซักพักนั่นแหละ ” โจจี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมตอบตัดบทเสียงขุ่น
“ ซักพักนี่ประมาณกี่นาที ” มาวินดึงแขน พลางถามต่อ
“ ประมาณครึ่งชั่วโมงโว้ย ” โจจี้ตะคอกกลับ เพราะเริ่มทนพฤติกรรมเซ้าซี้ของเด็กหนุ่มไม่ไหว
“ เอ๊ะ โอ๋ ถามแค่นี้ ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ขี้หูจะออกมาเต้นระบำแล้ว ” มาวินถอยหนี จากนั้นก็บ่นพึมพำเบาๆ
โจจี้พยายามสูดลมหายใจเข้าออก สลับนับหนึ่งถึงสิบ ที่ผ่านมา เขาเองก็เครียดพอดู เพราะได้รับรู้ว่าคนที่สวยจัดแบบ เหมยลี่ ดันเป็นผู้ชาย มิหนำซ้ำยังต้องรับมือกับความน่ารำคาญของมาวิน ทุกสิ่งแทบทำให้กลายเป็นบ้า เมื่อนับถึงสิบห้า หนุ่มหล่อก็คลายโมโห
“ ฟู่….. ยุบหนอพองหนอ อย่าไปโมโหเด็ก เรามันรุ่นใหญ่แล้ว ” หนุ่มผมทองครุ่นคิดในใจ ทันใดนั้นเอง เสียงแหลมเล็กของเด็กหนุ่มก็ดังแทรกโสตประสาท
“ นี่พี่ชาย เราจะไปไหน แล้วเราจะไปทำอะไรที่นั่น ”
“ หยุดพูดได้แล้วโว้ย รำคาญ ” คราวนี้โจจี้ถึงกับสติแตก เขากระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มขึ้นมาอย่างรุนแรงจนร่างเล็กบางลอยสูงเหนือพื้น
“ เหวอ….. ใจเย็น พี่ชายอย่าเพิ่งเป็นบ้า ชั้นไม่อยากฉีดยารอบสะดือ แค่อยากถามเท่านั้นเอง ไม่ได้แกล้งป่วนนายเหมือนครั้งก่อนๆหรอก ” เด็กหนุ่มหัวเขียวร้องละล่ำละลัก
“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นายบอกว่าป่วนชั้นเหมือนครั้งก่อนๆ บอกมาซะดีๆ นายวางแผนอะไร ไอ้น้องชายหัวเขียว ” โจจี้สะกิดใจในคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาจึงเริ่มคาดคั้น
“ ฮะๆ ฟังผิดแล้ว เมื่อกี้แค่บอกว่า.....ชั้นข่วนนาย แล้วนายก็แกล้งชั้นกลับเท่านั้นเอง เหอๆ ” มาวินเถหน้าด้านๆจนสีข้างถลอกปอกเปิก แน่นอนว่าคำแก้ตัวที่แสนทุเรศล้วนฟังไม่ขึ้น
ก่อนที่มาวินจะขี้แตกตายจากการโดนคาดคั้น เสียงห้าวใหญ่ของเด็กสาวร่างสูงก็ดังแทรกเข้ามา
“ สถานที่ๆเราจะไปคือตึกอัพเลเวล เป็นศูนย์ฝึกของพวกที่ระดับไม่สูงนัก เมื่อไปถึงแล้ว นายจะถูกวัดพลัง จากนั้นก็ส่งไปดันเจี้ยนที่เหมาะสม เพื่อทดสอบฝีมือและพัฒนาให้เก่งกว่าเดิม ”
“ อ้าว เหรอ.....เป็นอย่างงั้นไป นี่ชั้นจะได้ลงอะไรนะ อ้อ ดันเจี้ยน เพื่อเก็บเลเวลใช่มั้ย พี่ชายผมทอง ” แม้จะถูกโจจี้โกรธอยู่ แต่มาวินยังแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้ พร้อมถามต่อด้วยน้ำเสียงที่กวนโอ๊ยสุดๆ
“ เออ ”
โจจี้กระแทกเสียงกลับ จากนั้นก็หลบมุมไปนั่งลำพัง
“ เหอๆ น่าสนุก อย่างนี้ต้องแกล้งต่อ ” มาวินปิดปากหัวเราะ จากนั้นก็เตรียมแกล้งหนุ่มผมทองต่อ แต่ก่อนจะทำตามประสงค์ ก็ถูกเหมยลี่รั้งด้วยการดึงหู แล้วลากให้เข้ามานั่งใกล้ๆ
“ มานั่งนี่เลย ไม่ต้องไปกวนประสาทใครแล้ว ” เหมยลี่ตะคอกเสียงเข้ม
แน่นอนว่าประกาศิตของคนจริงอย่างเหมยลี่ สามารถกำราบให้ลิงจอมซนกลับมาเรียบร้อยได้ ดังคำกล่าวที่ว่าทุกอย่างในโลกล้วนมีสิ่งที่แพ้ทางกัน
ทั้งสามนั่งเงียบอยู่ในรถม้าราวครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็รู้สึกว่าพาหนะคันโตเริ่มชะลอความเร็วและสงบนิ่งในเวลาต่อมา
“ ถึงแล้ว ลงได้ ” โจจี้กล่าวห้วนๆ ท่าทีเคร่งขรึม เขาก้าวลงจากรถม้าเป็นคนแรก
มาวินหันไปมองเหมยลี่เป็นเชิงสอบถามด้วยสายตาว่าลงได้รึยัง พอเด็กสาวพยักหน้ารับ เขาก็ยิ้มร่าด้วยความดีใจ พร้อมกระโดดโลดเต้นสู่โลกภายนอก
ทันทีที่เด็กหนุ่มลงมาสัมผัสพื้น เขาก็พบว่าตนเองอยู่แถวชานเมืองซึ่งมีผู้คนบางตา ชุดที่สวมใส่ก็ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าหยาบราคาถูก
เหมยลี่มองสภาพโดยรอบ เธอพบว่าพื้นที่แถวนี้ค่อนข้างโล่ง นาหลายแปลงวางเรียงกันเป็นแนวยาว ต้นข้าวเหลืองอร่ามปลิวไสวตามแรงลม ทิวทัศน์ดูสวยงามราวกับว่ามันคือภาพฝันในจินตนาการ
“ แถวนี้เป็นแถบชานเมืองที่มีการทำนา ตึกอัพเลเวลอยู่ข้างหน้า ” โจจี้พูดจบ ก็ชี้นิ้วไปที่ตึกทรงกลมสูงหกชั้นซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าในระยะห่างไม่เกิน 50 เมตร
ขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังมองตึกใหญ่ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงแหลมเล็กของเจ้าลิงหัวเขียว
“ ย้าฮู้….. ถึงซักที เมื่อยชะมัด นั่งนิ่งๆอยู่บนรถมาตั้งชั่วโมงแล้ว ฮ่าๆ ”
มาวินพูดจบ เขาก็เริ่มบิดขี้เกียจ พร้อมหัวเราะเสียงดัง โดยไม่สนผู้คนที่เริ่มเมียงมอง
“ ถึงแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ ” โจจี้ตัดบทและนำทางไปยังตึกใหญ่ ใบหน้าของชายหนุ่มรู้สึกจะแดงน้อยๆด้วยความอายที่มาวินทำสะเหล่อให้ผู้คนสนใจ
“ เย้ ได้เล่นในดันเจี้ยนแล้ว ย้าฮู้......” มาวินยังคงร้องลั่น สลับกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ มันเป็นอาการที่คล้ายกับเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ ไปได้แล้ว อย่าพูดมาก อายเขา ” เหมยลี่สุดทนกับพฤติกรรมของมาวิน จึงเข้ามาทางด้านหลัง แล้วล็อกคอ จากนั้นก็ลากตัวให้เดินตาม จุดหมายคือตึกใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า
“ ปล่อยช้าน….. ” มาวินได้แต่อึกอักในลำคอ พร้อมดิ้นหนีสุดกำลัง แต่นั่นคือความพยายามที่ไร้ความหมาย
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ