The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) กลับบ้าน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
……………………..
เช้าวันรุ่งขึ้น จันได้ปรากฏกายที่หน้าบ้านของมาวิน เธอซ่อนร่างสูงเพรียวสมส่วนในชุดเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าลายทหาร กางเกงยีนส์ขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน ดูเป็นการแต่งตัวที่ทะมัดทะแมงเกินกว่าเด็กสาวทั่วไปพึงกระทำ ใบหน้าที่ดูมุ่งมั่นภายใต้หมวกแก๊ปลายทหารเริ่มขมวดนิ่ว
“ เมื่อไหร่มันจะมาซักทีนะ นัด 7 โมงเช้า แต่นี่ปาไป 8 โมงเช้าแล้วยังไม่โผล่หัวเลย มันน่ามั้ยเนี่ย ” เด็กสาวบ่นพึมพำระบายอารมณ์
ทันใดนั้นเองความอดทนของจันก็ถึงขีดจำกัด เด็กสาวสะพายเป้ขึ้นบ่า จากนั้นก็เดินตรงไปที่หน้าบ้านของมาวิน
“ หน็อย......เจ้าหมอนี่ เห็นทีต้องสอนให้รู้จักเวล่ำเวลาซะบ้าง ” เด็กสาวถกแขนเสื้อ ท่าทางเอาเรื่อง
เธอเริ่มเคาะประตูแบบรัวๆ พร้อมส่งเสียงเรียกอย่างดุดัน
“ ปัง……. ”
“ นายวิน นายจะนอนไปถึงไหน ตื่นซะทีสิ เช้าแล้วนะ เจ้าบ้า ”
ทุกสิ่งที่สะท้อนกลับมาคือความเงียบ ขณะที่เด็กสาวเตรียมจะปลุกรอบสอง ทันใดนั้นเองประตูบ้านก็แง้มออกมา มันทำให้จันยิ้มขึ้นมาได้ เพราะคิดว่าการปลุกได้ผล ระหว่างที่จะเปิดฉากด่าเจ้าจอมแสบโทษฐานผิดนัด ก็ต้องตกตะลึงอย่างรุนแรง เมื่อได้เห็นสารรูปของบุคคลที่ก้าวออกมา
บุคคลผู้นั้นคือ มาวิน เด็กหนุ่มจอมกวน ทว่าสภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้กลับดูยับเยินราวกับเพิ่งถูกรถสิบล้อเหยียบมาหมาดๆ ผมสีเขียวบนหัวยุ่งเหยิงกระเจิงไร้การเซ็ตจนดูไม่เป็นทรง สีหน้าก็อ่อนระโหยโรยแรง แถมขอบตายังหมองคล้ำราวกับคนอดนอน แม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขาสามส่วน รองเท้าผ้าใบที่พร้อมออกเดินทาง แต่จากสารรูปโดยรวมไม่บ่งบอกว่าเขาพร้อมเลยซักนิด
“ เฮ้ย นายไปทำอะไรมา ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ ” เด็กสาวถามเสียงตื่น
“ เหอๆ ไม่มีอะไรหรอก ไปกันได้รึยัง ” เด็กหนุ่มตอบแบบส่งๆ
“ นี่ นายเล่นเกมยันเช้าอีกแล้ว ใช่มั้ย ” เด็กสาวนิ่งคิดแพลบนึง ก่อนเอ่ยถาม
“ ใช่แล้ว ตอนแรกกะว่าจะใช้เวลาเล่นแค่สองชั่วโมง แต่ดันไปตายด่านสุดท้ายตั้งสามรอบ เลยทำให้จบเกมได้ช้ากว่าที่คิด สุดท้ายชั้นก็ชนะ เพิ่งจะโค่นหัวหน้าใหญ่ได้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี้เอง เหอๆ ” มาวินแจงด้วยท่าทีภาคภูมิใจที่จบเกมแสนหินได้ แม้เขาจะดูอ่อนระโหยโรยแรงอยู่ก็ตาม
“ โป๊ก ”
มะเหงกลูกใหญ่ถูกฟาดเข้าไปที่กลางกระหม่อม ทำเอาผู้ถูกกระทำถึงกลับฟื้นจากอาการซึมเซาในทันที
“ โอ๊ย..... เจ็บนะ ยัยจัน นี่ชั้นไปทำอะไรให้เธอนักหนาเนี่ย ถึงได้ทุบตีอย่างกับลูกไม่มีพ่อ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวร้องจ้าก พลางโวยวายเสียงดัง
“ ก็นายมันอยากบ้าเอง มีอย่างที่ไหน จะเดินทางในตอนเช้า แต่กลับไม่ยอมหลับยอมนอน มัวแต่นั่งเล่นเกม อีกซักทีดีมั้ยเนี่ย ” เด็กสาวขยับกาย เพื่อเตรียมซัดอีกที
“ อย่านะ กลัวแล้ว ชั้นผิดไปแล้ว ยอมๆ ” มาวินตะโกนลั่น พร้อมถอยหลังหนีด้วยความตื่นกลัว
ทันใดนั้นเองก็มีคุณป้าแถวหมู่บ้านเดินผ่านมา เมื่อผู้อาวุโสร่างเล็กได้เห็นเหตุการณ์ เธอจึงรีบร้องห้ามด้วยเสียงที่ยานคาง
“ หนู......อย่าทะเลาะกันสิจ๊ะ เป็นผัวเมียกัน คุยกันดีๆก็ได้ อย่าตบตีกันเลย...... ”
ทันทีที่สองหนุ่มสาวได้ยินเสียงร้องห้าม ทั้งคู่ก็เกิดสตั๊นในบัดดล อาการถัดมาก็คือ พูดไม่ออก หน้าแดงก่ำ
“ เอ่อ….. หนู มะ….ไม่ใช่ ” เด็กสาวปฏิเสธตะกุกตะกัก
“ ผะ…..ผมกะก็ไม่ใช่ ” เด็กหนุ่มก็เอ๋อไม่แพ้กัน
“ ดีแล้วจ้ะ อย่าทะเลาะกัน มีอะไรค่อยพูดค่อยจา ชีวิตคู่จะได้ยืนยาว ” ป้าสูงอายุพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มละไม โดยไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใดๆ จากนั้นก็เดินจากไป ทิ้งให้สองหนุ่มสาวตกเป็นจำเลยของความอาย
ความเงียบเข้ามาเยือนได้ไม่นาน เด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ เอ่อ...... ยัยจัน พวกเราไปกันได้รึยัง ”
“ ไป ไปสิ ” จันรีบตอบกลับในทันที ท่าทางของเธอยังดูเคอะเขินอยู่เล็กน้อย
เด็กหนุ่มหัวเขียวขยับกายไปที่มอเตอร์ไซด์ฮอนด้า เพื่อเตรียมออกเดินทาง ทว่าเด็กสาวได้ร้องทัก
“ เดี๋ยวก่อน วันนี้ชั้นขอขับเอง ขืนให้นายขับ มีหวังว่าเราไปไม่ถึงบ้านแน่ ”
“ หา….. อีกแล้วหรือ ” เด็กหนุ่มผวาเฮือกใหญ่ ท่าทางเหมือนจะกลัวอะไรบางอย่าง
“ เร็ว หรืออยากกินขนมตุ้บตั้บอีกรอบ ” เด็กสาวข่มขู่ ท่าทางดูเอาเรื่อง
“ จ้า.....เชิญเลย ” เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากยอมแต่โดยดี
หลังจากที่สาวทอมบอยขยับเข้ามาประจำที่นั่งคนขับ เธอก็สวมหมวกกันน็อคสีดำ โดยมีเด็กหนุ่มนั่งซ้อนท้ายและสวมหมวกกันน็อคสีเดียวกัน ก่อนสตาร์ทเครื่อง มาวินได้สะกิดเอว พร้อมกล่าวเตือนสติด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
“ เอ่อ……ขับช้าๆก็ได้นะ ค่อยๆไป เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพวกเรา ”
พอได้ยินน้ำคำของเพื่อนหนุ่ม เด็กสาวก็ซ่อนยิ้มไว้ภายใน พร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นมา เป็นการให้สัญญาณว่ารับทราบ ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ เนื่องจากเขามีประสบการณ์ที่ไม่ดีในการนั่งท้ายมอเตอร์ไซด์ที่เด็กสาวเป็นผู้ขับขี่ ทันทีที่ออกตัว มอเตอร์ไซด์ฮอนด้าก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
“ บรื้น…..”
เด็กหนุ่มหัวเขียวได้แต่ร้องเหวอ ภายในคิดสำนึกเสียใจ
“ ตูไม่น่าเล่นเกมยันเช้าเลย ซวยแล้ว เราจะรอดมั้ยเนี่ย ”
………………………
จากบ้านพักแถวชานเมืองถึงใจกลางปทุมธานี ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 40 นาที ช่วงเวลานั้นมาวินรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา เพราะการขับขี่ของเด็กสาวทั้งรุนแรงและรวดเร็ว มีจังหวะโฉบเฉี่ยวให้เห็นบ่อยครั้ง บางขณะก็ขับฉวัดเฉวียน ซิกแซกซ้ายขวา และถ้าเป็นทางตรง เป็นอันว่าบิดคันเร่งจนมิดข้อทุกคราวไป
มอเตอร์ไซด์ฮอนด้าแล่นผ่านถนนสายหลัก พอมาถึงสี่แยกใหญ่ที่มีป้ายบอกทาง เด็กสาวก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายรองอย่างฉับพลัน ด้วยทักษะการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับนักบิดอาชีพ ทำให้เด็กหนุ่มเกือบกระเด็นตกรถ เพราะตั้งตัวไม่ทัน เมื่อเข้าสู่ถนนสายรอง เด็กสาวก็ผ่อนคันเร่งลง เหลือความเร็วเพียงวิ่งเอื่อยๆ
" ฟู่.......ถึงตรงนี้ น่าจะรอดแล้ว "
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการขี่มอเตอร์ไซด์ท้ามฤตยู แต่มือไม้ยังคงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
แม้ถนนสองเลนที่ขับผ่านจะถูกลาดยางดูทันสมัย แต่ด้านซ้ายมือกลับเป็นท้องนาเหลืองอร่ามสลับกับบ้านเล็กๆยกพื้นสูง ด้านขวาเป็นลำคลองทอดยาวไปตลอดทาง สายลมพัดโชยให้ความเยือกเย็นจนเป็นผลให้ทั้งคู่ต้องถอดหมวกกันน็อคออก เพื่อซึมซับบรรยากาศที่แสนบริสุทธิ์
“ พวกเราไม่ได้กลับบ้านมาตั้งนาน ” เด็กสาวแหงนหน้ารับลมเย็นยามสาย เส้นผมสีดำขลับปลิวไสว ใบหน้าอมยิ้มน้อยๆด้วยอารมณ์ที่เป็นสุข
“ เชอะ กลับไปก็ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร จะกลับไปทำไม ” เด็กหนุ่มหัวเขียวสบถ หน้าตาบูดบึ้ง
“ นี่ ขอร้อง ถ้ายังคิดจะทำลายบรรยากาศดีๆอีกล่ะก็ ชั้นจะถีบนายตกรถซะเดี๋ยวนี้เลย ” เด็กสาวขู่ น้ำเสียงเริ่มแข็งกร้าว ส่งผลให้เจ้าลิงหัวเขียวจอมปากเสียถึงกลับเงียบในบัดดล
เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็ถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือบ้านเรือนไทยสองชั้นยกพื้นสูง พื้นที่โดยรอบค่อนข้างกว้างจนสามารถทำสนามฟุตซอลเล็กๆได้ซักสองสามสนามเลยทีเดียว
จันนำพาหนะแรงเร็วไปจอดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พอสองเท้าสัมผัสพื้น ก็ปรากฏสุนัขพันธุ์ไทยวิ่งเข้ามาหาสองหนุ่มสาว
สุนัขตัวนั้นมีขนสีดำ ใบหน้าของมันออกทรงแหลมยาวคล้ายหมาจิ้งจอก หางเรียวกระดิกไปมาด้วยอาการดีใจ
“ ไง ไอ้ตึก ชั้นมาแล้ว ” จันร้องทักสุนัขที่วิ่งมาต้อนรับ ทันทีที่เจ้าสี่ขาเข้าถึงตัว มันก็กระโดดพรวดขึ้นมา เกาะเอว พร้อมครางหงิงๆเป็นเชิงทักทาย เด็กสาวลูบหัวไปมาด้วยความเอ็นดู บางครั้งก็เกาคางให้ ซึ่งไอ้ตึกก็ดูชอบใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเด็กสาวทักทายไอ้ตึกอยู่ครู่ใหญ่ เธอก็ขึ้นไปบนเรือนไทยยกพื้นสูง ไอ้ตึกจึงหันเหความสนใจไปที่มาวิน สายตาดูลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปหาเด็กหนุ่มดีหรือไม่
“ เชอะ ไอ้หมาบ้า เมื่อไหร่รถจะคาบแกไปกินซักทีฟะ ” เด็กหนุ่มทำหน้าหงิกๆ พลางขู่ตะคอก จากนั้นก็เดินผ่านไอ้ตึกที่นั่งทำหน้าหงอ พอคล้อยหลังไปได้ซักสามก้าว เขาก็โยนไส้กรอกที่ซื้อมาจากเซเว่นไปให้
สุนัขพันธุ์ไทยเหลือบมองไส้กรอกที่ตกอยู่ตรงหน้าด้วยอาการฉงน มันนึกระแวงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสวาปามอาหารชิ้นโปรดอย่างเอร็ดอร่อย
......................
ทันทีที่ทั้งสองขึ้นมาบนเรือน ก็พบกับภายในที่ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นกลางเหมือนบ้านเรือนทั่วๆไป LED TV ขนาด 52 นิ้วถูกตั้งอยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ยังมีพัดลมตั้งพื้นชนิดคอยาววางกระจายอยู่รอบบ้านที่กว้างขวางราวศาลาวัด
วัยรุ่นทั้งสองเดินมาถึงห้องหนึ่ง พอทั้งคู่เปิดเข้าไป ก็พบว่าภายในนั้นเก็บของเก่าแก่โบราณอยู่หลายชิ้น ท้ายห้องมีรูปถ่ายขนาดใหญ่ใส่กรอบทองสวยงามแขวนอยู่ มันคือภาพชายแก่ฝาแฝดที่กำลังยืนกอดคอกันอย่างสนิทสนม ทั้งคู่ดูเป็นคนอารมณ์ดี ผมสั้นเตียนสีขาว ดวงตาเล็กหยี หน้ายาวแหลม มองเผินๆดูละม้ายคล้ายคลึงกับมาวิน
“ หวัดดีค่ะ ปู่ทิม ปู่ทับ ” เด็กสาวร่างสูงยกมือไหว้ เมื่อเสร็จกิจ เธอก็พยักพเยิดไปทางเด็กหนุ่ม ทำนองจะบังคับให้ทำตาม
“ ไง ปู่ทับ ปู่ทิม ” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายห้วนๆ พร้อมโบกไม้โบกมือตามสไตค์ของตนเอง
จันรู้สึกระอากับความบ้าบอของมาวิน แต่ก็ไม่ได้ด่าอะไร เพราะถึงยังไง มันก็ไม่ช่วยให้เด็กหนุ่มจอมกวนหายจากอาการขวางโลก ทว่าเวลาต่อมาเธอก็เริ่มอมยิ้ม พร้อมหันไปมองหน้าคู่สนทนาสลับกับมองสองชายชราที่อยู่ในภาพ
“ ยิ้มอะไรมิทราบยะ คุณนายจัน ” เด็กหนุ่มหัวเขียวพูดลอยๆ สีหน้าดูหงุดหงิด เพราะเริ่มรู้แล้วว่าเด็กสาวมองเขาทำไม
“ ขำนายน่ะสิ ฮ่าๆ ดูยังไงก็แฝดคนที่สามชัดๆ นี่ทำให้นึกถึงหน้านายตอนแก่ได้เลยนะเนี่ย เอ..... ว่าแต่นายจะได้แก่ตายรึเปล่า เพราะดันบ้าขวางโลกซะขนาดนี้ ฮ่าๆ….. ” เด็กสาวร่างสูงอดไม่ได้ที่จะแซวเด็กหนุ่ม เพราะมาวินมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับปู่ฝาแฝดจริงๆ
“ ปู่ของชั้นไม่น่าเกิดมาเป็นพี่น้องฝาแฝดกับปู่ของเธอเลย ซวยชะมัดที่ต้องมาเป็นญาติห่างๆกับเธอ ” มาวินกล่าวเนือยๆ
“ พูดอย่างกะชั้นอยากจะให้เป็นแบบนั้นนักแหละ หยะแหยงจะตายที่ต้องเป็นดองกับนาย ” จันตอบกลับ สีหน้าท่าทางออกอาการขยะแหยงอย่างเต็มเปี่ยม
“ เชอะ นังทอมบอยบ้าพลัง ” เด็กหนุ่มสบถ
“ ว่าไงนะ เจ้าลิงหัวเขียว ” เด็กสาวเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง
“ ไม่มีอะไรครับ คุณนายจันหูแว่วไปเอง ” เด็กหนุ่มรีบกลับคำ น้ำเสียงอ่อนลงส่ออาการเอาใจ เพราะเขาไม่อยากเจอฝ่าเท้าเบอร์ 43 ของคุณนายจัน
............................
เวลาต่อมาทั้งสองก็ไปประจำอยู่ที่ห้องรับแขก เพื่อรอใครบางคน จันนอนเอกเขนกบนโซฟา พร้อมอ่านหนังสือ “เคล็ดวิชาป้องกันตัว” ส่วนมาวินยังคงเดินหมุนไปหมุนมาตามสไตค์คนอยู่ไม่สุข
“ เซ็ง ไม่มีไรทำ จะบ้าตายอยู่แล้ว ” มาวินเริ่มโวยวาย
“ นอนสิ เมื่อคืนนายไม่ได้นอนเลยนี่นา ” เด็กสาวนอนอ่านหนังสือต่อ พร้อมตอบเนือยๆ
“ ก็อยากนอนอ่ะนะ ว่าแต่เมื่อไหร่พวกอาจะกลับ นี่ใกล้เที่ยงแล้วนะ ” มาวินตอบ ท่าทางดูกระวนกระวาย
“ อ้อ..... เป็นห่วงแม่กับพ่อของชั้นหรือ ” เด็กสาวถามลอยๆ ดวงตายังไม่ละจากกระบวนท่าเด็ดในหนังสือ
“ ก็ใช่ เฮ้ย ไม่ใช่โว้ย ชั้นแค่หิวข้าว ” เด็กหนุ่มหลุดปากพูดความจริงออกมา ก่อนเฉไฉไปเรื่องอื่นแบบหน้าด้านๆ
“ เดี๋ยวก็มา ไปดูทีวี ดื่มนมแล้วนอนหลับซะ ชั้นไม่มีเวลามาดูเเลเด็กน้อยหรอก ” เด็กสาวพูด พลางโบกมือไล่ จิตใจส่วนหนึ่งยังคงหมกมุ่นกับยุทธศาสตร์การต่อสู้
“ เชอะ นังทอมบอยงี่เง่า ” เด็กหนุ่มหัวเขียวเชิดใส่ พร้อมวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็ล็อกประตู เพื่อป้องกันบาทาภัย
“ เฮ้อ…… ไอ้ลิงหัวเขียวจอมกวน ” เด็กสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันเหความสนใจไปที่ตำราศิลปะการต่อสู้ต่อไป
.........................
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง จันยังคงอยู่ในโลกส่วนตัว ส่วนมาวินผู้อยู่ไม่สุขได้หนีไปเดินวนต่อในห้อง เขาไม่ยอมหลับยอมนอนเลยแม้แต่งีบเดียว แม้จะรู้สึกง่วงปานใด ทันใดนั้นเองก็มีเสียงชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งดังเข้ามาในบ้าน
“ อ้าว.....ลูกจัน กลับมาแล้วหรือ ”
จันรีบเด้งตัวออกจากโซฟา พร้อมวิ่งไปหาต้นเสียงทันที ใบหน้าบานออกมาด้วยความดีใจ เมื่อวิ่งไปถึง เธอก็พบกับชายวัยกลางคนร่างใหญ่ในชุดเสื้อ กางเกง ม่อฮ่อม ผิวกายสีน้ำตาล คิ้วเข้มดก ดวงตาโต ผมสั้นเกรียนมีผ้าเคียนศีรษะประดับอยู่ ส่วนหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นคนร่างเล็กบาง ช่วงบนสวมเสื้อม่อฮ่อมเช่นเดียวกับฝ่ายชาย แต่ท่อนล่างกลับสวมผ้าถุงสีดำ ผิวกายเป็นสีเหลืองออกไหม้นิดๆ เพราะกรำแดด ใบหน้าทรงรูปไข่ ดวงตางามซึ้งแบบดุๆ ดูไปแล้วมีความละม้ายคล้ายคลึงกับเด็กสาวอยู่ไม่น้อย
“ หวาดดีค่า....พ่อกับแม่ ” เด็กสาวกระโดดกอดหญิงชายวัยกลางคนแนบแน่น ใบหน้าฉีกยิ้มกว้างจนสุดหล้า
“ แหม...... เด็กคนนี้ ทำอย่างกับจากกันเป็นปีเป็นชาติอย่างงั้นแหละ ” หญิงวัยกลางคนที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเด็กสาว ดวงตาเปล่งประกายเอ็นดู
“ ฮ่าๆ ลูกสาวกลับมา คราวนี้จัดหนักดีกว่า เลี้ยงส้มลังหนึ่งเลยเป็นไง ” ชายวัยกลางคนที่คาดว่าเป็นพ่อเปล่งเสียงห้าวใหญ่ตามสไตค์ของคนตัวโต
“ ฮะๆ ท่าทางพ่อจะดีใจที่ลูกกลับมาจริงๆนะเนี่ย ถึงกลับจะเอาส้มที่สวนมาเลี้ยงตั้งลังหนึ่งเลย ” คุณแม่ของจันหัวเราะชอบใจ
“ ก็ลูกเราไม่ได้กลับบ้านมาเกือบสองเดือนแล้วนี่นา เราก็ต้องฉลองกันหน่อย ” ผู้พ่อร่างใหญ่หันไปคุยกับหญิงวัยกลางคนร่างเล็ก
“ ฮะๆ ” สองสาวแม่ลูกมองหน้ากันเองโดยไม่กล่าวคำใด ทั้งสองได้แต่หัวเราะชอบใจ บรรยากาศในยามนี้ดูอบอวลไปด้วยความอบอุ่น
ระหว่างที่พ่อ แม่ ลูกกำลังสุขใจกับการกลับมารวมตัว ทันใดนั้นเองประตูห้องนอนของมาวินก็เปิดออก เด็กหนุ่มหัวเขียวก้าวออกมา สีหน้าดูบูดบึ้งราวกับหมาหิว
ทุกคนหันไปมองเด็กหนุ่มผู้มาใหม่ หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นก็สวมกอดเด็กหนุ่มจอมกวนอย่างนิ่มนวล น่าแปลกที่มาวินไม่ได้ขัดขืนหรือปล่อยหมาออกจากปากเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้แต่ยืนนิ่งให้โอบกอดแต่โดยดี
หญิงวัยกลางคนคลายอ้อมกอด ก่อนยืดตัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อประคองใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นมองด้วยแววตาที่อ่อนโยน ปากก็ร้องถามเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา
“ กลับมาแล้วหรือ ลูก หิวหรือยัง กินข้าวกันเถอะ ”
“ ครับ ” มาวินพูดเพราะจนผิดปกติ แต่เขาก็เบือนหน้าหนี ส่วนจันและพ่อร่างยักษ์ได้แต่ยืนมองภาพเบื้องหน้า ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
………………………
วงข้าวแบบคนต่างจังหวัดถูกนำมาเสิร์ฟที่พื้นกลางบ้าน มีทั้งแกงเผ็ด น้ำพริก ผักต้ม หมูทอด ปลาย่าง แม้จะดูธรรมดา แต่ก็ชวนให้เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนที่ร่วมสำรับคือคนในครอบครัว พวกเขาสนทนากันอย่างสนุกสนาน
ตอนแรกมาวินดูเงียบขรึม แต่หลังจากถูกบรรยากาศในวงข้าวพาไป เขาก็เลิกเก๊กแล้วหันมาเอ็นจอยด้วยการขัดคอจัน ทำให้เด็กสาวถึงกลับของขึ้นและทำท่าจะเข้ามาเล่นงานอยู่เนืองๆ ดีที่หญิงวัยกลางคนห้ามทัพได้ทัน
“ เออ นี่จัน ไหนๆ ลูกมาแล้ว ก็แวะไปดูน้าเดช เขาหน่อยสิ ” แม่ของจันหันมาพูดกับสาวห้าวผู้เป็นลูก
“ อ้าว...... คราวนี้น้าเดชเป็นอะไรไปอีกล่ะ ” จันถามรัวเร็ว น้ำเสียงของเธอดูกึ่งๆระหว่างเป็นห่วงกับระอา
“ ไม่รู้สิ คราวนี้อาการหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เจ้าเดชเอาแต่หมกตัวอยู่บนหอเก็บแท็งค์น้ำของอนามัย คนไข้ในหมู่บ้านจะไปขอยา ก็ไม่สนใจ จนราชการจะถอดมันออกจากตำแหน่งหมอประจำอนามัยอยู่แล้ว ” คุณพ่อร่างใหญ่แจงบ้าง เขาระอาพฤติกรรมประหลาดของน้องเขยตัวดีอยู่ไม่น้อย
“ บางวันน้าเดชก็ไม่มากินข้าวที่บ้าน แม่ต้องเอาข้าวไปส่ง แล้วบังคับให้กิน เขาถึงจะยอมกิน หลังกินเสร็จ ก็ไม่พูดไม่จากับใคร แต่กลับปีนไปอยู่บนหอสูงเช่นเดิม แม่อ่อนอกอ่อนใจจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ” คุณแม่ร่างเล็กกล่าวบ้าง น้ำเสียงแฝงแววกลัดกลุ้ม
“ อืม…..ค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปดูให้หลังกินข้าวเสร็จ ” เด็กสาวนิ่งคิด พลางรับคำ
“ ดีจ้ะ น่าจะมีแต่จันคนเดียวเท่านั้นล่ะมั้งที่คุยกับน้าเดชรู้เรื่อง ช่วยทีนะ ลูก ” แม่ของจันฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่ลูกสาว
หลังจากนั้นจันก็เริ่มเร่งสปีดในการส่งอาหารเข้าปาก ไม่นานเธอก็กินอิ่ม
“ เอาล่ะ กินข้าวเสร็จแล้ว ไปกันได้แล้ว นายวิน ” เด็กสาวหันมาเรียกเด็กหนุ่มหัวเขียว
“ อ้าว...... แล้วชั้นไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ชั้นไม่อยากไปหาตาแก่สติเฟื่องนั่นซักหน่อย ” มาวินร้องค้าน ปากยังคาบหมูทอดอยู่เต็มคำ บ่งบอกว่าเขายังไม่เสร็จกิจสวาปาม
“ จะไปหรือไม่ไป ” เด็กสาวยื่นคำขาด
“ แม่ดูสิ จันบังคับผมอีกแล้ว ” เด็กหนุ่มหันมาฟ้องคุณแม่ของจัน
“ ฮะๆ ไปเถอะลูก ยังไงหนูก็เป็นหลานรักของน้าเดช ไปช่วยพูดอีกแรง เผื่อเเกจะกลับมาเป็นผู้เป็นคน ” หญิงวัยกลางคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ ไม่ต้องเยิ่นเย้อแล้ว ไปกันเลยดีกว่า ” เด็กสาวพูดจบ ก็ลุกขึ้นไปล็อกคอมาวิน แล้วลากตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ โอ๊ย เบาๆ เจ็บนะ ยัยทอมบ้าพลัง ” มาวินร้องห้ามเสียงหลง แต่ไม่ทำให้เด็กสาวหยุดมือ ตรงกันข้ามเธอกลับออกแรงล็อกคอยิ่งกว่าเดิม เพื่อลากเด็กหนุ่มหัวเขียวให้ตามไปทำภารกิจที่ผู้เป็นแม่ร้องขอ
หลังจากเด็กวัยรุ่นทั้งสองคนหายไปจากบ้าน คุณพ่อร่างใหญ่ก็พูดขึ้นมาเบาๆ ท่าทางดูกังวล
“ เฮ้อ….เด็กสองคนนี้จะไหวมั้ยนะ เจ้าเดช มันยิ่งเพี้ยนๆอยู่ซะด้วย ”
“ ได้อยู่แล้ว หนูจัน ลูกของเราเก่งอยู่แล้ว รับรองเอาน้าเดชอยู่หมัดแน่ ” แม่ของจันยิ้มสดใส เธอมั่นใจในตัวลูกสาวจอมห้าวเป็นที่สุด
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ