The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
58) เสือสาวออกศึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://wall.alphacoders.com
“ โอ๊ย..... ยัยโย่ง เธอทำบ้าอะไร ” มาวินโวยวายด้วยความโมโห จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะได้คุกคาม เขาก็ฉุกคิดบางอย่าง
“ อ้าว.....เราขยับตัวได้แล้วนี่ เป็นไปได้ไง ”
“ ที่เป็นแบบนั้น เพราะนายถูกตังลู่สกัดจุด ชั้นจึงแก้ไขด้วยการคลายจุด นายถึงขยับตัวได้ ” เหมยลี่เฉลยในสิ่งที่มาวินสงสัย
“ โห…. จริงดิ เมื่อกี้ชั้นโดนสกัดจุดเหรอ อย่างกะหนังจีนกำลังภายในเลย ” มาวินถึงกับอ้าปากค้าง ทว่าเหมยลี่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นอกจากหรี่ตาลงต่ำ แล้วตอบกลับแบบเซ็งๆ
“ ถ้านายจะเพี้ยน ก็ไปเพี้ยนที่อื่น ”
“ ฮะๆ โทษที ไม่เพี้ยนแล้ว เอ่อ...ชั้นขอสู้ต่อแล้วกัน ยังไหวอยู่ ” มาวินรีบร้องบอก เขาหวังแก้มืออีกรอบ
“ ไหวจริงเหรอ ” เหมยลี่เลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาคมเข้มเหล่มองด้วยแววสงสัย
“ ก็ไหวน่ะสิ ชั้นจะโชว์ให้ดูเอง ” มาวินตบหน้าอก ท่าทางมั่นใจ ทันใดนั้นเอง เขาก็เกิดอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วจนแทบทรุดกายลงไปนั่งกับพื้น
“ เอ๋…..นี่มัน ” มาวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า สีหน้าดูสงสัยและสับสน
“ นั่นเป็นเพราะ…..กำลังภายในที่แฝงมากับฝ่ามือได้พุ่งใส่จุดสำคัญบนร่างกาย จึงทำให้หมดกำลังชั่วคราว ดูจากฝีมือของตังลู่ คาดว่านายน่าจะหมดเรี่ยวแรงซักยี่สิบนาที ” เด็กสาวตอบกลับ โดยไม่รอให้มาวินเอ่ยปาก
“ อ้าว อย่างงี้ ชั้นก็สู้ต่อไม่ได้แล้วสิ ” ท่าทางของมาวินดูร้อนรน
“ ใช่แล้ว ในเมื่อน้องชายสู้ต่อไม่ได้ ก็จงส่งตัวเด็กนั่นมาให้เรา ” ตังลู่กล่าวแทรก เพื่อเปิดทางถอยให้วัยรุ่น
มาวินได้แต่กัดฟันด้วยความเจ็บใจ ส่วนเหมยลี่ เธอเริ่มถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อตั้งกระบวนท่า อันเป็นการแสดงเจตนาว่าจะสู้
“ หือ….. ต่อไปคือเธอเหรอ แม่สาวน้อย ” ตังลู่นึกสงสัย
“ ใช่ จะเอาเด็กไป ผ่านชั้นให้ได้ก่อน ” เหมยลี่ตอบกลับเสียงเข้ม
“ โห….. ลูกพี่นี่โชคดีชะมัด ได้สู้กับน้องสาวคนสวย เปลี่ยนให้ผมสู้แทนได้มั้ย ฮ่าๆ ” เหล่าลิ่วล้อพากันส่งเสียงแซว ทว่ามีเพียงตังลู่เท่านั้นที่ยังสงบนิ่ง ด้วยสัมผัสถึงกลิ่นอายบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากเด็กสาว
ตังลู่ไม่ติดประมาทเหมือนตอนสู้กับมาวิน เขาตั้งกระบวนท่ารัดกุม สีหน้าจริงจัง ท่าทีของลูกพี่ใหญ่ ทำให้ชาวแก๊งเริ่มเงียบปาก
“ ทำไมลูกพี่ถึงดูจริงจังนัก ” ลิ่วล้อร่างสูงเอ่ยถามเพื่อนในกลุ่ม
“ อืม…..ไม่รู้สิ มีไม่กี่ครั้งหรอกที่ลูกพี่จะเอาจริง แบบนี้ก็หมายความว่า…..” ชายวัยกลางคนตอบ ท่าทีสุขุม
“ หมายความว่าไง ต่อให้จบดิ ” ลิ่วล้อร่างสูงเร่งรัด แต่ชาวแก๊งรุ่นพี่ไม่ตอบทันที สีหน้าดูยุ่งยาก จากนั้นก็ไขความสงสัยด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ หมายความว่า….แม่หนูคนนั้นเป็นยอดฝีมือที่ไม่ด้อยไปกว่าลูกพี่เลยยังไงล่ะ ”
สิ้นคำกล่าว สมาชิกทุกคนล้วนเงียบกริบ ใบหน้าถอดสีไปตามๆกัน
ตังลู่ตั้งรับอย่างใจเย็น สายตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่คู่ต่อสู้ ทางด้านเหมยลี่เองก็ตั้งกระบวนท่ารัดกุมเช่นกัน ใบหน้าสงบนิ่งจนยากจะสื่อถึงอารมณ์
ทั้งสองฝ่ายจับจ้องกันอยู่นานจนฝ่ายลิ่วล้อและมาวินเริ่มอึดอัด โดยเฉพาะเจ้าลิงหัวเขียวนั้นถึงกลับทนไม่ไหว เลยตะโกนออกมาดังๆ เพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจ
“ เฮ้ จะจ้องกันให้แก่ตายรึไง ”
สิ้นคำพูดพล่อยๆ ตังลู่ก็เข้าจู่โจม ฝ่ามือนับสิบพุ่งใส่เหมยลี่ทุกทิศทาง แต่เด็กสาวร่างสูงใช้สองมือปัดป้องอย่างใจเย็น ทำให้ทุกกระบวนท่าบอดสนิทในบัดดล
เหมยลี่ป้องกันฝ่ามืออสรพิษได้ทุกกระบวน บางจังหวะเธอก็สวนกลับด้วยการต่อย ทำให้ตังลู่โดนกระแทกหน้าไปหลายดอก หลังจากประหมัดอยู่ครู่หนึ่ง สองยอดยุทธ์ก็พร้อมใจกันถอย
“ บ้าน่า นังหนูคนนี้ปัดป้องเพลงหมัดอสรพิษที่ไม่มีใครจับทางได้ มิหนำซ้ำ ยังสวนกลับตั้งหลายครั้ง ” ตังลู่หอบเหนื่อย ในใจนึกครั่นคร้าม
เหมยลี่ยิ้มเล็กน้อย ท่าทางสบายใจ ไร้กังวล ผิดกับตังลู่ที่ตอนนี้ตีหน้าเครียด เด็กสาวจึงเปิดทางถอยให้มาเฟียร่างสูง
“ เลิกแล้วต่อกันเถอะ เพราะดูท่าทาง พวกนายน่าจะมาได้แค่นี้ ”
แม้ตังลู่จะรู้ว่าไม่อาจชิงชัยในเกมนี้ แต่ด้วยศักดิ์ศรีนักเลงโตประจำเมือง จึงต้องตอบกลับแบบไว้เชิง
“ จะว่าไป เราเองก็อยากเลิกรา เพราะไม่มีความแค้นต่อกัน แต่ถึงยังไง ก็ยังต้องการตัวเด็กนั่นอยู่ดี ”
เหมยลี่ยังคงยืนนิ่ง ส่วนมาวินเริ่มแยกเขี้ยวเป็นเชิงขู่
ตังลู่พยายามฝืนยิ้ม เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น ปากก็เอื้อนเอ่ยวาจา เพื่อเกลี้ยกล่อมต่อไป
“ ว่ายังไง ถ้าตกลงกันได้ พวกเราก็จะกลายเป็นมิตรกัน จะมาทะเลาะ เพราะเด็กแปลกหน้าเพียงคนเดียวทำไม ”
เหมยลี่ยืนเงียบ แม้เธอไม่ค้าน แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ ใบหน้านิ่งๆ ทำให้ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ตังลู่จึงฉวยโอกาสสั่งลูกน้องที่ยืนไม่ห่าง
“ ไปเอาตัวเด็กมา ”
“ จะดีเหรอ ลูกพี่ ” สมุนรายนั้นเอ่ยถาม ท่าทางสงสัย
“ ไปเอามาเถอะน่า นังหนูผมสั้นน่าจะเข้าใจเหตุผลแล้ว ” ตังลู่ยืนยันคำสั่งเดิมอย่างหนักแน่น
“ เฮือก....เอาก็เอา ” ลูกน้องคนนั้นกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนก้าวช้าๆจนคล้ายย่อง โดยเฉพาะจังหวะที่เดินผ่านเหมยลี่ ดูเหมือนเขาจะระวังตัวเป็นพิเศษ พอผ่านไปได้ ก็เริ่มคลายกังวล
สมุนนายนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กน้อย มาวินจึงค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืนประจัน ท่าทางที่อ่อนเปลี้ย ทำให้ลิ่วล้อไร้ชื่อหัวเราะเยาะเสียงดัง
“ ฮ่าๆ ไอ้หนู ตัวแกเองก็แทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว จะมาขัดขวางข้าทำไม ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ถอยไป ”
มาวินกัดฟันกรอดๆ แม้ร่างกายจะไร้กำลัง แต่แววตากลับเปล่งประกายคมวาว อึดใจต่อมา เด็กหนุ่มก็ตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว
“ อยากได้เด็กนี่ ก็ผ่านชั้นไปก่อน ”
“ โห….ไอ้หนูนี่มันใจถึงแฮะ ฮ่าๆ….. ” สมุนนายนั้นหันไปหัวเราะกับพรรคพวกที่ช่วยกันฮา แม้กระทั่งเหมยลี่ก็ยังแอบอมยิ้ม คล้ายว่าเธอจะนึกขบขันตามเหล่าลิ่วล้อพวกนี้
ระหว่างเจรจา ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเป็นฝ่ายจับมือของมาวิน พร้อมกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เศร้าสร้อย
“ พอเถอะ เพียงเท่านี้ ผมก็ซึ้งใจแล้ว ปล่อยให้ผมไปกับพวกเขา พี่ชายจะได้ไม่เป็นอะไร ”
มาวินก้มลงมองเด็กน้อย เขาพบกับดวงตากลมโตที่สดใส ประกายข้างในฉายแววจริงใจอย่างชัดเจน อันบ่งบอกว่าสิ่งที่พูด เป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
มาวินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นใบหน้าที่เคร่งเครียดก็คลายตัวลง กลับกลายเป็นอ่อนโยนจนดูคล้ายเด็กน้อยคนหนึ่ง ปากเล็กบางแย้มยิ้มออกมาจนสุด ทำให้เห็นฟันขาวครบทุกซี่
“ ไม่ต้องกลัว เจ้าหนู ไม่มีใครทำอะไรนายได้ ขอสัญญา ชั้นจะปกป้องนายเอง ” มาวินกล่าว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูอบอุ่น ทำให้หนูน้อยถึงกับหน้าแดงและหลบสายตา
มาวินเห็นเด็กน้อยหลบหน้า แล้วเงียบไป จึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายน่าจะกลัว เด็กหนุ่มหัวเขียวจึงเลิกสนใจ แล้วหันกลับมาประจันกับสมุนร่างสูง เขาตั้งท่าต่อสู้ด้วยกำลังที่เหลืออยู่น้อยนิด
“ ฮ่าๆ จะล้มไม่ล้มแหล่อยู่แล้ว ยังไม่เจียมตัว แกต้องโดนนี่ ” สมุนผู้นั้นคำรามดัง พร้อมพุ่งทะยานใส่มาวิน ใจหมายขยี้เด็กหนุ่มสุดกำลัง
“ เปรี้ยง ”
เสียงปะทะดังสนั่น ปรากฏว่าผู้ที่ล้มลงไปนอนก็คือ……สมุนไร้ชื่อ แน่นอนว่าผู้กระทำก็คือเหมยลี่ เธอก้าวเข้ามาเตะก้านคอลิ่วล้อจากทางด้านหลัง ทำให้อริร้ายสลบในทีเดียว
“ เฮ้ย แกขี้โกงนี่หว่า ไหนบอกว่ายอมแล้วไง ” เหล่าลิ่วล้อที่เหลือตะโกนถาม แม้แต่ตังลู่ผู้เยือกเย็นยังนิ่วหน้าเป็นเชิงสงสัย
เหมยลี่หันหน้ากลับมาทางเหล่าศัตรู จากนั้นก็เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาเบาๆ
“ ชั้นบอกพวกนายตอนไหนว่ายอมแพ้ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ