The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

59) กระบวนท่าจับคองู

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เครดิตภาพจาก  https://wallpapercave.com

 

“ เฮ้ย นี่มันกวนกันนี่หว่า ลูกพี่ลุยเลย เล่นมันเลย ” เหล่าสมุนโวยวาย ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพอจะเข้าไปชน เพราะกลัวเพลงเท้าหนักๆจะมาสัมผัสใบหน้าของตนเอง         

       

 

       แม้ตังลู่จะหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่เขาก็ยังฝืนยิ้ม เป็นเชิงให้กำลังใจตัวเอง ทันใดนั้น มาเฟียร่างสูงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ 

 

“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ยังมีไอ้นั่นอยู่นี่นา ถ้าใช้สิ่งนั้น รับรองว่าเราชนะแน่ ” 

        

 

        ตังลู่เริ่มย่อตัวลงต่ำ สองมือประสานกันและยื่นออกมา แววตาดูแน่วนิ่ง คล้ายกำลังตั้งสมาธิอย่างหนักหน่วง เพื่อกระทำบางสิ่ง

       

 

        เหมยลี่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคู่ต่อสู้ จึงตั้งกระบวนท่าที่ดูรัดกุม ในใจแอบขบคิด

 

“ แปลกมาก ท่าทีของตังลู่เปลี่ยนไป ดูมั่นใจขึ้น หมอนี่ต้องแอบซุกไม้เด็ดเอาไว้แน่ๆ ”

        

 

        สายลมยามค่ำพัดแรงจนชวนให้เย็นยะเยือก ทว่าบรรยากาศโดยรอบกลับร้อนระอุไปด้วยไฟสงคราม ทุกคนในซอยเปลี่ยวล้วนขมวดคิ้ว นิ่วหน้า ด้วยพวกเขารู้ดีว่าการโจมตีครั้งต่อไป น่าจะตัดสินผลแพ้ชนะในศึกนี้

 

“ เฮือก……” ลิ่วล้อคนหนึ่งกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ เพราะลุ้นจนตัวโก่ง แม้ว่าเสียงนั้นค่อนข้างเบา แต่ด้วยความเงียบ ทำให้กระแสดังกล่าวทะลุโสตประสาทของทุกคน

       

 

        พอสิ้นเสียงกลืนน้ำลาย ตังลู่ก็ทะยานเข้าหาเหมยลี่อย่างรวดเร็ว ราวกับธนูที่แล่นออกจากคันศร ฝ่ามือคู่พุ่งแหวกอากาศไปข้างหน้า เป้าหมายคือยอดอกของเด็กสาวร่างสูง

        

 

       แม้การจู่โจมจะรวดเร็วจนแทบมองไม่เห็น แต่ไม่รอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเหมยลี่ เธอยิ้มเล็กน้อย สมองขบคิดถึงท่าตั้งรับ

 

“ กระบวนท่าเร็วใช้ได้ แต่พุ่งตรงจนอ่านทางได้ไม่ยาก เพียงเราพลิกตัวหลบนิดเดียว มันก็จะถลำไปข้างหน้า จากนั้นก็ปิดเกมด้วยศอก ” 

       

 

       พอเหมยลี่คำนวณวิธีการต่อสู้เสร็จสรรพ เธอก็เบี่ยงหลบไปทางขวาเล็กน้อย ส่งผลให้ตังลู่ถลำไปข้างหน้าอย่างที่คิด

 

“ ดีล่ะ จังหวะนี้แหละ ” 

      

 

       เหมยลี่ง้างศอก เพื่อเตรียมทิ่มไปที่ต้นคอ หวังให้อีกฝ่ายสลบในทีเดียว แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เธอก็รู้สึกถึงแรงลมประหลาดที่พุ่งปะทะใบหน้า จึงเปลี่ยนเป็นฉากหลบไปทางขวาแทน 

 

“ ฉั้ว ” 

       

 

       เสียงกรงเล็บฉีกเนื้อดังสะท้าน หลังจากนั้น ก็ปรากฏเลือดแดงฉานกระฉูดออกมาจากหัวไหล่ของเหมยลี่ 

        

 

        ตังลู่หันกลับมาแสยะยิ้มให้ จากนั้นก็กล่าวเรียบๆด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

 

“ ไม่เคยมีใครอ่านกระบวนท่า "งูเห่าถลาลม" ได้ ยอมรับว่าแกเก่งมากที่หลบได้ตั้งแต่ทีแรก  ” 

       

 

        ช่วงที่ลูกพี่ใหญ่กลับมาได้เปรียบ เหล่าลิ่วล้อก็เริ่มได้ใจ พวกเขาเปล่งเสียงโห่ร้องออกมา

 

“ เฮ…..นังหนูนั่นได้เลือดแล้ว รีบกลับบ้าน ไปฟ้องแม่ดีกว่ามั้ย ” 

       

 

        ท่ามกลางเสียงโห่ฮา เด็กน้อยเริ่มหน้าเสีย ผู้เยาว์เขย่าตัวมาวิน พร้อมร้องบอกเสียงหลง 

 

“ แย่แล้ว พี่สาวคนนั้นต้องตายแน่ ปล่อยผมไปเถอะ จะได้รักษาชีวิตเอาไว้ ” 

        

 

        แม้สถานการณ์จะดูแย่ถึงขีดสุด แต่มาวินกลับยิ้มอย่างใจเย็น พร้อมส่ายหน้าช้าๆ แล้วกล่าวค้าน 

 

“ เรื่องแค่นี้ไม่คณามือของยัยนั่นหรอก จะว่าไปสำหรับคู่ต่อสู้ระดับนี้ แค่ชั้นก็พอรับมือได้ แต่ดันเสียที เพราะอ่อนประสบการณ์ ” 

 

" จะเป็นนั้นจริงเหรอ " เด็กน้อยมองหน้ามาวินสลับการต่อสู้เบื้องหน้า ในใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง 

        

 

        เหมยลี่มองรอยแผลที่หัวไหล่ขวา เธอปาดเลือดที่หลั่งไหล แล้วยกนิ้วเปื้อนโลหิตขึ้นมาดูด ประกายตาแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงอย่างฉับพลัน ปากก็กล่าวโต้ตอบ 

 

“ ฝีมือไม่เลวนี่ สามารถเรียกเลือดจากชั้นได้ ” 

 

“ ฮ่าๆ ไม่ใช่แค่เรียกเลือดอย่างเดียวหรอก มันจะปลิดชีวิตแกในฝ่ามือต่อไป ถ้ายังไม่อยากตาย ก็ยอมแพ้ซะ ” ตังลู่เริ่มข่มขู่        

      

 

        แม้สถานการณ์จะดูเป็นรองจนสุดกู่ แต่เหมยลี่กลับผ่อนคลาย เป็นฝ่ายตังลู่ต่างหากที่เครียดจนผิดปกติ หลังสิ้นสุดสงครามน้ำลาย เด็กสาวร่างสูงก็ตั้งกระบวนท่ารัดกุม พร้อมกล่าวกับมาวิน โดยไม่หันมามองหน้า

 

“ คอยดูให้ดี นี่คือกระบวนท่าจับคองู เรียนรู้เอาไว้ เจ้าลิงหัวเขียว ” 

        

 

       ทุกคนถึงกับผวา กระแสเสียงของเหมยลี่เหมือนแฝงพลังบางอย่าง ความน่ากลัวนั้นมีมากจนเหล่าลิ่วล้อไม่กล้าต่อปาก

        

 

       ทางด้านตังลู่ แม้เขาจะหวาดผวา แต่ด้วยศักดิ์ศรีนักเลงโตแห่งเมืองแกรนด์ยารด์ จึงทำให้เขาต้องสู้ต่อไป ภายในใจนึกปลุกปลอบตัวเองให้ฮึกเหิมตลอดเวลา

 

“ มันก็แค่ขู่เรา ไม่มีอะไร กระบวนท่าจับคองูอะไรนั่น ไม่มีจริงหรอก ” 

         

 

        บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากเหมยลี่ ทำให้ตังลู่ขยับตัวไม่ได้ 

 

“ นี่มันแรงกดดันอะไร ทำไมถึงมีพลังบีบคั้นคู่ต่อสู้ขนาดนี้ แต่ไม่ว่ายังไง ก็ต้องโจมตี อีกอย่าง เรายังมีท่าไม้ตายสุดท้ายอยู่นี่นา ” ตังลู่นิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายสุดท้ายที่เก็บงำ

        

 

        ตังลู่เริ่มแสยะยิ้มอีกครั้ง ทำให้เหมยลี่เกิดความสงสัย แต่เธอยังนิ่งเฉย สายตาจับจ้องไปที่คู่ต่อสู้

        

 

         บรรยากาศก่อนการดวลดูราบเรียบ ใกล้เคียงกับความสงบก่อนปรากฏพายุใหญ่ ทันใดนั้นเอง ลิ่วล้อคนหนึ่งก็เผลอทำไม้กระบองหลุดมือ 

 

“ เคร้ง….. ” 

      

 

       เสียงเหล็กกระทบพื้นดังสะท้อนกลางความเงียบยามราตรี เสมือนเป็นสัญญาณเปิดเกม ตังลู่พุ่งเข้ามาเสียบฝ่ามือคู่ด้วยความเร็วสูงจนเหมยลี่แทบตั้งตัวไม่ทัน แต่สุดท้าย เธอก็ฉากหลบไปทางซ้ายได้อย่างหวุดหวิด 

 

“ ยังหลบไม่พ้นหรอก นี่แน่ะ งูเห่าถลาลม ” ตังลู่กู่ก้อง พร้อมหักกายเปลี่ยนทิศทางเข้าโจมตีเหมยลี่ด้วยฝ่ามือคู่อย่างฉับพลัน 

 

“ ย่า ” 

       

 

       เหมยลี่ตะโกนดัง พร้อมพลิกหลบฝ่ามือที่พุ่งเสียบในจังหวะสอง แต่ก็ไม่พ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยทำให้ถากต้นแขนขวา

         

 

        ถึงตอนนี้ เหมยลี่เข้าใจทะลุปรุโปร่งแล้ว กระบวนท่า “งูเห่าถลาลม” เป็นการเปลี่ยนทิศทางการจู่โจมอย่างฉับพลัน ทว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ตังลู่แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาแวบหนึ่ง ก่อนตะโกนดัง 

 

“ งูเห่าถลาลมสองจังหวะ ” 

       

 

       ทันทีที่ตังลู่ประกาศชื่อกระบวนท่า เขาก็พุ่งเข้าใส่เหมยลี่อีกครั้ง คราวนี้ เร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ชนิดที่ดวงตาของคนธรรมดาไม่น่าจะตามทัน เป้าหมายคือ…..หน้าอกของเด็กสาวร่างสูง

 

“ เปรี้ยง ” 

      

 

       เสียงปะทะดังสนั่น เมื่อกระแสสงบลง ทุกคนก็พบว่างูเห่าถลาลมสองจังหวะไม่ได้เสียบทะลุอกอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถูกจับด้วยสองมือของเหมยลี่

 

“ กะไว้เเล้วว่านายต้องมีทีเด็ดซ่อนอยู่ อาการมันฟ้องตั้งแต่ตอนยิ้มแล้ว คราวหลังจำไว้ อย่าแสดงพิรุธให้คู่ต่อสู้เห็น ” เหมยลี่ยิ้ม พลางสั่งสอนตังลู่ที่แก่กว่าเกือบรอบ 

 

“ หน็อย…. ทำเป็นสอน แกเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ” ตังลู่ตอบเสียงกร้าว เขาพยายามพาตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่ไม่ทันการ เหมยลี่ดึงสองมือขึ้นเหนือศีรษะ เป็นผลให้มาเฟียร่างสูงต้องชูสองแขนขึ้นสูง

 

“ เฮ้ย จะทำอะไร ” 

       

 

       ตังลู่โวย เขาเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร แต่ไม่ทันขาดคำ ลูกถีบนับสิบจากเท้าขวาของเหมยลี่ก็พุ่งปะทะกาย

 

“ ปึก ปึก ปึก….. ” 

      

 

        ลูกถีบที่รวดเร็วระดมอัดไปทั่วทุกอณู แต่ละดอกก็หนักใช่ย่อย เพราะทำให้ตังลู่สั่นสะท้านทุกครั้งถูกฝ่าเท้ากระทบ

 

“ ปัง ” 

      

 

        ฝ่าเท้าสุดท้ายถูกอัดไปที่หน้าท้อง ตังลู่ถึงกับตัวงอด้วยความจุกเสียด ขณะที่เขากำลังเมาเพลงเท้าอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินกระแสเสียงที่แผ่วเบา

 

“ เมื่อกี้คือ….กระบวนท่าฝ่าเท้าร้อยมังกร และกระบวนท่าต่อไปก็คือ….. ” 

        

 

        ตังลู่พยายามรวบรวมกำลัง เพื่อสู้กลับ แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นเหมยลี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้น เด็กสาวก็หมุนตัวหนึ่งรอบ แล้วฟาดกระพุ้งแก้มด้วยส้นเท้า 

 

“ เปรี้ยง ” 

      

 

       เสียงปะทะดังสนั่น พร้อมร่างสูงโปร่งของตังลู่ที่ปลิวไกลถึงสี่เมตร จากนั้นก็ร่วงหล่นลงไปนอนกลิ้งเกลือกกลางตรอกมืด ดวงตาเหลือกโปน บ่งบอกว่าหมดสติล้านเปอร์เซ็นต์

        

 

        หลังจากลูกพี่ใหญ่น็อคเอาท์ เหล่าลูกน้องล้วนอึ้งกิมกี่ ไม่มีใครกล้าขยับ คล้ายถูกสาปให้กลายเป็นหิน จนเหมยลี่ต้องเอ่ยถาม

 

“ ว่ายังไง จะสู้ต่อหรือยอมแพ้ เลือกเอาซักทาง ถ้ายอมแพ้ ก็ลากลูกพี่ของพวกนายกลับไป ”  

        

 

        เหล่าลิ่วล้อนับสิบหันไปมองหน้ากันเองเป็นเชิงปรึกษา ครู่หนึ่ง ก็มีมาเฟียร่างใหญ่ที่ท่าทางจะเป็นรองหัวหน้าก้าวออกมา บุคลิกองอาจ ดวงตาเหี้ยมเกรียมถูกซ่อนอยู่ในแว่นตาสีชา บนศีรษะสวมหมวกปีกกว้างที่ดูลึกลับ ชายผู้นั้นแสยะยิ้ม ก่อนโต้กลับด้วยสำเนียงที่ชวนทะเลาะ 

 

“ เหล่าชาวแก๊งไม่เคยถอยหนีจากการต่อสู้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน จริงมั้ย ทุกคน ” 

 

“ ใช่แล้ว พวกเราขอสู้ตาย ” ชาวแก๊งตะโกนพร้อมกัน บ่งบอกถึงทีมเวิร์คที่ดีเยี่ยม 

         

 

       เหมยลี่เอียงคอไปมา คล้ายจะขับไล่ความเมื่อยขบ หลังจากนั้น ก็เหล่หางตาไปทางลิ่วล้อนับสิบ ก่อนเชื้อเชิญด้วยท่วงท่าที่ดูเยือกเย็น 

 

“ ใจกล้าดี จะทำให้เจ็บน้อยที่สุด เข้ามาได้ ” 

        

 

         มาเฟียร่างใหญ่จ้องเหมยลี่ตาเขม็ง เขายกมือขวาขึ้นสูง ปากก็ร้องตะโกนเสียงดัง 

 

“ พวกเราถอย ” 

       

 

        สิ้นคำ มาเฟียนับสิบต่างพากันวิ่งหนี เพียงชั่วพริบตา เหล่านักเลงก็หายจ๋อย สร้างความตกตะลึงให้กับสองวัยรุ่นและเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม

 

“ เอ่อ….จบการต่อสู้แล้ว ใช่มั้ยครับ ” เด็กน้อยหันไปถามมาวิน ท่าทางไม่แน่ใจ

 

“ ฮะๆ สงสัยจะใช่ พวกมันหนีเร็วชะมัด แถมยังปล่อยให้ลูกพี่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนี้อีก ช่างน้ำใจงามกันเหลือเกิน ” มาวินหัวเราะแห้งๆ หางตาเหล่ไปยังตังลู่ที่นอนสลบไสลอยู่บนพื้นถนน 

 

“ เฮ้อ…..หวังว่าคงไม่เจอพวกนี้อีกนะ ” เหมยลี่เกาหัวแกรกๆ มันผิดไปจากสิ่งที่เธอคิดราวฟ้ากับเหว ทีแรก เด็กสาวเดาว่าสองฝ่ายจะต้องปะทะกันจนนองเลือด แต่ไปๆมาๆ กลับชนะบายแบบง่ายๆ

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา