The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
38) ขอแค่ฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
……………………………..
เด็กหนุ่มก้าวออกจากห้องนอน เสียงกลุ่มคนสรวลเสเฮฮา กระแสเหล่านั้นฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง
“ นี่มันเสียงคุณลุง คุณป้า น้าเดชและยัยจันนี่นา ” มาวินคิดในใจ น้ำหยดน้อยเริ่มคลอที่ขอบตา เพราะบุคคลที่แสนอาลัยได้มารวมตัวกัน อีกไม่นาน เขาก็จะได้พบคนกับเหล่านั้น
มาวินค่อยๆเดินไปยังทิศทางที่เกิดเสียง ด้วยกลัวว่าถ้าเข้าหาเร็วเกินไป ทุกสิ่งจะสูญสลาย แม้เป็นเพียงความฝัน เขาก็ยินดีจะอยู่กับมัน เพราะนี่คือสุดยอดปรารถนา
“ อึกๆ ” มาวินเดินไปก็ร้องไห้ไป ท่าทางไม่ผิดไปจากเด็กน้อยขี้แย เมื่อถึงห้องโถง เขาก็พบกับบุคคลที่ใฝ่หา นั่นก็คือ ลุง ป้า น้าเดชและ…….จัน ทั้งสี่คนกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวบนพื้นห้อง พวกเขาหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว
“ อ้าว....เจ้าหนูร้องไห้ทำไม จันแกล้งแกอีกแล้วเหรอ ” คุณลุงหันไปถามจัน ซึ่งเป็นลูกสาวของตัวเอง
“ เอ๊ะ เปล่านะ หนูไม่ได้ทำค่ะ แล้วตกลง นายร้องไห้ทำไม ” จันปฏิเสธ ก่อนหันมาถามเด็กหนุ่ม
“ อึกๆ ” มาวินพูดไม่ออก เขาได้แต่สะอึกสะอื้น ดวงตาเลื่อนมาจับที่จัน ทำให้เด็กสาวร่างสูงเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย ทันใดนั้นเอง เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงร้องทัก
“ ไอ้หลานตัวแสบ ทำไมถึงขี้แยแบบนี้ ”
มาวินหันมองเจ้าของเสียง ก็พบว่าเป็นชายวัยกลางคนร่างผอมสูง ผมยาวสีดอกเลายุ่งเป็นกระเซิง ใบหน้าหงิกๆก็ดูโรคจิต แต่ในดวงตาที่ซ่อนอยู่ในแว่นกลับแฝงแววอาวรณ์
“ น้าเดช ไม่น่าเชื่อ ” มาวินอุทานเบาๆ เขาจ้องคุณน้าตัวแสบไม่วางตา
“ เออ…ชั้นเอง ตกลงแกเป็นอะไรกันแน่วะ เจ้าหลานรัก ” น้าเดชจ้องกลับ ท่าทางวิตก ระหว่างที่กำลังสนทนาอยู่นั้นเอง เสียงใสๆของหญิงวัยกลางคนก็ดังขึ้น กระแสนั้นฟังดูอ่อนโยนและอบอุ่น
“ ลูกวินเป็นอะไรไปเหรอ ทำไมถึงร้องไห้แบบนั้น ”
พอมาวินหันไปมอง ก็พบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนร่างเล็ก รูปหน้าและดวงตาดูละม้ายคล้ายจัน เด็กหนุ่มไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใด ใบหน้าดูกึ่งๆระหว่างแย้มยิ้มกับร้องไห้ ครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปาก พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
“ คุณแม่ ”
“ ใช่ แม่เอง ลูกเป็นอะไรไป เล่าให้ฟังหน่อย ” หญิงวัยกลางคนไถ่ถาม พร้อมยิ้มอ่อนโยน มาวินจึงรีบถลาเข้าไปกอด ปากก็พล่ามพูดอยู่ประโยคเดียว
“ แม่ครับ ”
ทุกคนมองมาที่มาวิน ไม่นาน พวกเขาก็คลายความสงสัย เหลือเพียงความสงสาร
“ แม่ครับ ผมฝันร้าย ผมหลุดเข้าไปในโลกของเกม ต้องแยกจากทุกคน ผม….. ” มาวินพรั่งพรูถึงความเจ็บปวดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
“ ไม่เป็นไร ตอนนี้ลูกอยู่กับพวกเราแล้ว ” หญิงวัยกลางคนโอบกอดมาวิน พร้อมปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
มาวินกอดหญิงวัยกลางคนที่เรียกว่า "แม่" อยู่พักใหญ่ เขาก็คลายโศก แล้วเวลาแห่งความครื้นเครงก็กลับมา
“ เฮ้ย เจ้าหนู ขืนเอาแต่ขี้แยแบบนี้ สาวๆจะไม่ชอบนะ ” พ่อของจัน ตบไหล่มาวินแรงๆ จังหวะนั้นเอง เขาก็แอบเหล่ไปทางลูกสาวร่างสูงเป็นเชิงบอกใบ้
พอสองหนุ่มสาวทราบความนัย ก็ส่งผลให้มาวินก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ส่วนจัน แม้ไม่ได้หลบตา แต่ก็โวยกลับด้วยใบหน้าที่แดงนิดๆ
“ พ่อก็พูดเกินไป อย่างเจ้าหมอนี่ สาวที่ไหนจะมาหลงรัก ถึงไม่ขี้แง ก็ไม่มีใครเอา ”
“ ฮะๆ งั้นเห็นที ต้องขอให้ลูกช่วยดูแลเจ้าหนูก็แล้วกัน ” ผู้เป็นพ่อแหย่กลับ
“ เชอะ ไม่เอาหรอก ใครจะเอาเจ้างี่เง่านี่มาเป็นภาระ ” เด็กสาวเชิดหน้าสูง ปากก็ตอบปฏิเสธแบบเหยียดๆ
“ หน็อย.....มันจะมากไปแล้ว ยัยผู้หญิงบ้าพลัง คลุ้มคลั่งแบบเธอ ก็ไม่มีใครเอาเหมือนกันแหละน่า ” มาวินเริ่มขึ้นเสียง เพราะทนไม่ไหวที่ถูกหยาม
“ หน็อย.....ไอ้ลิงหัวเขียว ” จันลุกขึ้นยืน ท่าทางเหมือนจะเตรียมเข้ามาซัดเด็กหนุ่ม
“ กลัวหรือไงเล่า ” มาวินลุกขึ้นยืนมั่ง แต่ท่าทางเหมือนแอบเกรงเด็กสาวอยู่นิดๆ เพราะตั้งแต่เล็กยันโต เขาไม่เคยชนะจันเลย
“ เอาน่า กินข้าวดีกว่า อย่าทะเลาะกันเลย ” คุณแม่ของจันรีบห้ามทัพโดยเร็ว ด้วยความเกรงใจ วัยรุ่นทั้งสองจึงยอมวางมือ แล้วกลับมาประจำที่เดิม
“ ฮ่าๆ วันนี้สนุกเป็นบ้าเลย ” พ่อของจันหัวเราะเสียงดัง ทว่าทุกคนกลับหันมามองแปลกๆ ทำนองว่า…..ทะเลาะกัน มันสนุกตรงไหน
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทุกคนก็นั่งกินข้าวต่อ สำรับอาหารประกอบไปด้วยลาบหมู ต้มยำกุ้ง เกาเหลาลูกชิ้น ปลาร้าหลน แม้เป็นเพียงอาหารพื้นบ้านง่ายๆ แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มน้ำลายสอ
“ ว้าว…..ดีจังเลย ไม่ได้กินอาหารในโลกของตัวเองมาตั้งสองเดือนแล้ว ” มาวินอุทานดังด้วยความลืมตัว
“ เอ๋….. ” ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้เด็กหนุ่มรีบแก้เกี้ยวด้วยการเถไปว่า…..
“ หมายถึงสองเดือนแล้วที่ไม่ได้กินของโปรดแบบนี้ ”
“ แต่….เมื่อสองอาทิตย์ก่อน นายเพิ่งกลับมากินข้าวที่บ้านชั้นนี่ ” จันทักท้วง
“ อ๋อ….งั้นชั้นคงจำผิดไปเอง เหอๆ ” มาวินเกาหัวแกรก พลางแสร้งหัวเราะโง่ๆ
“ ช่างมันเถอะ รีบกินกันดีกว่า เดี๋ยวเจ้าเดชก็ฟาดกับข้าวหมดก่อน ” บิดาร่างยักษ์บุ้ยปากไปยังคุณน้าสติเฟื่องที่กำลังก้มหน้าก้มตาสวาปามแบบไม่เกรงใจใคร
“ ครับ(ค่ะ) ” ทุกคนรับคำโดยพร้อมเพรียง จากนั้นก็จัดการกับอาหารในวง
“ อืม….เล็งลาบหมูก่อนเลย ” มาวินพุ่งเป้าไปที่ลาบหมูที่คลุกพริกป่นและข้าวคั่วจนมีสีสันน่ารับประทาน เมื่อตักเต็มคำ เขาก็ยัดช้อนเข้าปากโดยเร็ว
“ อ่ำ ”
ทันทีที่อาหารถูกส่งเข้าปาก เด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงความขมขื่นจนชวนอาเจียน
“ อ้วก…อะไรกันเนี่ย ปรุงผิดสูตรหรือไง ” มาวินรีบวิ่งไปอ้วกที่มุมห้อง
“ ฮ่าๆ…..เป็นอะไรไป มาวิน ” ทุกคนหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน
“ ยังมาหัวเราะอีก ทำไมลาบหมูจานนั้นถึงได้รสชาติห่วยแตกแบบนี้ ” มาวินหันมาโวย ท่าทางโมโห
“ ฮะๆ ไม่เป็นไร ลูกวินลองชิมเกาเหลาลูกชิ้นก่อนดีกว่า ” คุณแม่ของจันหัวเราะร่วน พลางยื่นถ้วยอาหารให้
“ อื้อ….ครับ ” มาวินดูสงบลง เขาว่านอนสอนง่ายขึ้นมาในทันทีที่หญิงวัยกลางคนออกตัว พอรับถ้วยอาหารมา เด็กหนุ่มก็ก้มลงไปมอง จากนั้นก็ทิ้งมันไปที่พื้น
“ เพล้ง ”
ถ้วยกระเบื้องแตกกระจาย สิ่งที่อยู่ข้างในกระเด็นออกมา ทว่าลูกกลมๆกลับไม่ใช่ลูกชิ้นธรรมดา แต่มันคือ…….ลูกตาของมนุษย์
“ เฮ้ย…..นี่มัน ไม่ใช่ลูกชิ้นนี่นา แต่มันคือ……” มาวินตะโกนสุดเสียงด้วยอาการเสียขวัญ เขาจ้องไปยังลูกตาที่กลิ้งไปมาราวกับว่ามันมีชีวิต
“ ใช่ มันคือลูกตาของคนยังไงล่ะ ” หญิงวัยกลางคนตอบยิ้มๆ
“ ฮ่าๆ…..ใช่แล้ว นายไม่เคยกินลูกชิ้นตาคนรึไง ” ทั้งจันและพ่อร่างยักษ์ต่างพากันหัวเราะ
อาการวิปริตดังกล่าว ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวถึงกับหน้าถอดสี ในใจเกิดกลัวสุดขีดจนสตั้นไปชั่วขณะ พอรู้สึกตัว ก็รีบดึงน้าเดชที่กำลังยุ่งกับการกินอาหาร
“ น้าเดช…. หนีเร็ว ทุกคนเพี้ยนไปหมดแล้ว ”
น้าเดชค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แต่แทนที่จะเป็นใบหน้าของชายวัยกลางคน กลับกลายเป็นโครงกระดูกเหี่ยวแห้งที่มีเส้นผมประปราย ดวงตาลึกโบ๋จับจ้องมายังมาวิน ซักพัก กรามของอมนุษย์ก็ขยับขึ้นลง พร้อมเสียงเล็กแหลมที่ชวนสยอง
“ มีอะไรเหรอ หลานวิน เหอ เหอ เหอ…… ”
“ เหวอ…..ทำไมน้าเดชถึงกลายเป็นแบบนี้ ” มาวินผวาสุดตัวและรีบถอยหนี แต่ไปได้ไม่ไกล แผ่นหลังก็กระทบกับวงแขนล่ำสัน เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าสัมผัสนั้นเป็นของใคร เขาจึงเอื้อมมือไปเกาะแขนแกร่ง พร้อมร้องบอกด้วยอาการลนลาน
“ คุณลุงครับ น้าเดชกลายเป็นโครงกระดูกผีไปซะแล้ว พวกเรารีบหนีเร็ว ” มาวินกระตุกแขนสุดแรง เเต่ชายร่างใหญ่ไม่ตอบสนอง ทำให้เด็กหนุ่มนึกสงสัย สุดท้ายก็หันกลับไปมอง นั่นยิ่งทำให้หลอนมากกว่าเดิม เนื่องจาก……ท่อนแขนที่เกาะกุมนั้นปราศจากร่างกาย
“ เหวอ…… ” มาวินร้องเสียงหลง ดวงตาเหลือกโปน แต่ทุกสิ่งยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา ก็ประจักษ์กับร่างสูงใหญ่ของลุงผู้อารี ผิดก็แต่ว่าทั่วกายนั้นดูช้ำเลือดช้ำหนอง ปีศาจกล่าวกับเด็กหนุ่ม กระแสเสียงทั้งเยือกเย็นและสั่นเทา
“ ไอ้หนู เอ็งจะเอาแขนของลุงไปไหน ”
“ เหวอ…..ไม่เอาแล้ว จันหนีเร็ว ” มาวินโยนแขนข้างนั้นทิ้ง ก่อนหันไปคว้าข้อมือของจัน เพื่อหวังจะพาหนีจากเหตุสยอง ทว่า……เพื่อนสาวกลับไม่ขยับ
“ ไม่ อย่าบอกนะว่า…เธอก็เป็นอีกคน ” มาวินหยุดชะงัก จากนั้นก็ค่อยๆหันกลับไปมอง สิ่งที่เห็นในอึดใจต่อมา แทบทำให้หัวใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะใบหน้าของจันในยามนี้ดูขาวเนียนแปลกๆ มันละเอียดซะจนมองไม่เห็นดวงตา จมูกและปาก
“ ม่าย……. ” ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มเริ่มขวัญเสียถึงขีดสุด เขาทรุดกายลงนั่งคุกเข่า ดวงตาเหลือกลานกลอกไปมา ส่วนสามปีศาจก็กำลังเดินเข้ามา
“ ฮ่าๆ…..ฮี่ๆ…..จะไปไหนเล่า อยู่คุยกันก่อนสิ ” เสียงของสามปีศาจร้องเรียกเขย่าขวัญ ขณะที่พวกมันกำลังจะถึงตัว หญิงวัยกลางคนก็วิ่งเข้ามาขวาง เป็นผลให้เหล่าอมนุษย์หยุดชะงัก
“ ไปให้พ้น อย่ามารังแกลูกของชั้น ” คุณแม่ร่างเล็กตวาดก้อง ซึ่งก็ได้ผล สามปีศาจเริ่มถอยหนี
หลังจากอสุภะหายไป หญิงวัยกลางคนลงไปนั่งข้างมาวิน จากนั้นก็แตะหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม ปากก็กล่าวปลอบประโลม
“ ไม่เป็นไร ลูกวิน พวกมันไปหมดแล้ว ”
มาวินเริ่มคลายความหวาดกลัว เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยกลางคน สิ่งที่เห็นคือ…..รอยยิ้มอันอบอุ่น
“ ขอบคุณครับ แม่ ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ ดูเหมือนว่าความกลัวจะมลายหายไป
“ ไม่เป็นไรจ้ะ ” คุณแม่ผู้อบอุ่นยังคงปลอบโยน
“ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงครับ ” พออารมณ์คลายลง มาวินก็เอ่ยถาม แต่คุณแม่ร่างเล็กยังคงยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ทำให้เด็กหนุ่มนึกสงสัย
“ เออ…คุณแม่เป็นอะไรไปครับ ”
“ ไม่เป็นไรจ้ะ ” หญิงวัยกลางคนตอบ เมื่อเธอพูดจบ ใบหน้าก็เหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมัมมี่ล้านปี ซ้ำร้ายกว่านั้น ดวงตาทั้งสองข้างเกิดหลุดร่วงออกจากเบ้า
“ อะ…คะ….คุณแม่ก็ปะ…..เป็น ” มาวินผวาสุดตัว พลางถอยหนีสุดกำลัง ปากก็กล่าวตะกุกตะกักคล้ายเด็กที่เพิ่งหัดพูด ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ คราวนี้มันมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวี
“ ใช่แล้ว แม่ก็เป็น แต่อีกไม่นาน ลูกก็จะตามพวกเราไป เหอ เหอ เหอ ” คุณแม่ปีศาจกล่าวเนือยๆด้วยเสียงที่เยือกเย็น หลังจากนั้น สามอมนุษย์ก็โผล่ขึ้นมาที่ด้านหลังของมาวิน ราวกับนัดเอาไว้ ทุกตนร้องประสานเป็นเสียงเดียวกัน
“ ไปอยู่กับพวกเราเถอะ……มาวิน ”
“ ม่าย……. ” มาวินร้องดัง เขาก้มหน้าหนี สองมือยกขึ้นปิดหู เพื่อหลีกหนีจากเหตุการณ์ที่ชวนสยอง
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ