The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  168.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

38) ขอแค่ฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เครดิตภาพจาก  https://www.pexels.com

 

 

……………………………..

       

       เด็กหนุ่มก้าวออกจากห้องนอน เสียงกลุ่มคนสรวลเสเฮฮา กระแสเหล่านั้นฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง 

 

“ นี่มันเสียงคุณลุง คุณป้า น้าเดชและยัยจันนี่นา ” มาวินคิดในใจ น้ำหยดน้อยเริ่มคลอที่ขอบตา เพราะบุคคลที่แสนอาลัยได้มารวมตัวกัน อีกไม่นาน เขาก็จะได้พบคนกับเหล่านั้น

      

 

       มาวินค่อยๆเดินไปยังทิศทางที่เกิดเสียง ด้วยกลัวว่าถ้าเข้าหาเร็วเกินไป ทุกสิ่งจะสูญสลาย แม้เป็นเพียงความฝัน เขาก็ยินดีจะอยู่กับมัน เพราะนี่คือสุดยอดปรารถนา

 

“ อึกๆ ” มาวินเดินไปก็ร้องไห้ไป ท่าทางไม่ผิดไปจากเด็กน้อยขี้แย เมื่อถึงห้องโถง เขาก็พบกับบุคคลที่ใฝ่หา นั่นก็คือ ลุง ป้า น้าเดชและ…….จัน ทั้งสี่คนกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวบนพื้นห้อง พวกเขาหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว

 

“ อ้าว....เจ้าหนูร้องไห้ทำไม จันแกล้งแกอีกแล้วเหรอ ” คุณลุงหันไปถามจัน ซึ่งเป็นลูกสาวของตัวเอง

 

“ เอ๊ะ เปล่านะ หนูไม่ได้ทำค่ะ แล้วตกลง นายร้องไห้ทำไม ” จันปฏิเสธ ก่อนหันมาถามเด็กหนุ่ม

 

“ อึกๆ ” มาวินพูดไม่ออก เขาได้แต่สะอึกสะอื้น ดวงตาเลื่อนมาจับที่จัน ทำให้เด็กสาวร่างสูงเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย ทันใดนั้นเอง เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงร้องทัก

 

“ ไอ้หลานตัวแสบ ทำไมถึงขี้แยแบบนี้ ”

      

 

       มาวินหันมองเจ้าของเสียง ก็พบว่าเป็นชายวัยกลางคนร่างผอมสูง ผมยาวสีดอกเลายุ่งเป็นกระเซิง ใบหน้าหงิกๆก็ดูโรคจิต แต่ในดวงตาที่ซ่อนอยู่ในแว่นกลับแฝงแววอาวรณ์

 

“ น้าเดช ไม่น่าเชื่อ ” มาวินอุทานเบาๆ เขาจ้องคุณน้าตัวแสบไม่วางตา

 

“ เออ…ชั้นเอง ตกลงแกเป็นอะไรกันแน่วะ เจ้าหลานรัก ” น้าเดชจ้องกลับ ท่าทางวิตก ระหว่างที่กำลังสนทนาอยู่นั้นเอง เสียงใสๆของหญิงวัยกลางคนก็ดังขึ้น กระแสนั้นฟังดูอ่อนโยนและอบอุ่น

 

“ ลูกวินเป็นอะไรไปเหรอ ทำไมถึงร้องไห้แบบนั้น ”

       

 

        พอมาวินหันไปมอง ก็พบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนร่างเล็ก รูปหน้าและดวงตาดูละม้ายคล้ายจัน เด็กหนุ่มไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใด ใบหน้าดูกึ่งๆระหว่างแย้มยิ้มกับร้องไห้ ครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปาก พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม

 

“ คุณแม่ ”

 

“ ใช่ แม่เอง ลูกเป็นอะไรไป เล่าให้ฟังหน่อย ” หญิงวัยกลางคนไถ่ถาม พร้อมยิ้มอ่อนโยน มาวินจึงรีบถลาเข้าไปกอด ปากก็พล่ามพูดอยู่ประโยคเดียว

 

“ แม่ครับ ”

       

 

        ทุกคนมองมาที่มาวิน ไม่นาน พวกเขาก็คลายความสงสัย เหลือเพียงความสงสาร

 

“ แม่ครับ ผมฝันร้าย ผมหลุดเข้าไปในโลกของเกม ต้องแยกจากทุกคน ผม….. ” มาวินพรั่งพรูถึงความเจ็บปวดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

 

“ ไม่เป็นไร ตอนนี้ลูกอยู่กับพวกเราแล้ว ” หญิงวัยกลางคนโอบกอดมาวิน พร้อมปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน

      

 

        มาวินกอดหญิงวัยกลางคนที่เรียกว่า "แม่" อยู่พักใหญ่ เขาก็คลายโศก แล้วเวลาแห่งความครื้นเครงก็กลับมา

 

“ เฮ้ย เจ้าหนู ขืนเอาแต่ขี้แยแบบนี้ สาวๆจะไม่ชอบนะ ” พ่อของจัน ตบไหล่มาวินแรงๆ จังหวะนั้นเอง เขาก็แอบเหล่ไปทางลูกสาวร่างสูงเป็นเชิงบอกใบ้

       

 

         พอสองหนุ่มสาวทราบความนัย ก็ส่งผลให้มาวินก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ส่วนจัน แม้ไม่ได้หลบตา แต่ก็โวยกลับด้วยใบหน้าที่แดงนิดๆ

 

“ พ่อก็พูดเกินไป อย่างเจ้าหมอนี่ สาวที่ไหนจะมาหลงรัก ถึงไม่ขี้แง ก็ไม่มีใครเอา ”

 

“ ฮะๆ งั้นเห็นที ต้องขอให้ลูกช่วยดูแลเจ้าหนูก็แล้วกัน ” ผู้เป็นพ่อแหย่กลับ

 

“ เชอะ ไม่เอาหรอก ใครจะเอาเจ้างี่เง่านี่มาเป็นภาระ ” เด็กสาวเชิดหน้าสูง ปากก็ตอบปฏิเสธแบบเหยียดๆ

 

“ หน็อย.....มันจะมากไปแล้ว ยัยผู้หญิงบ้าพลัง คลุ้มคลั่งแบบเธอ ก็ไม่มีใครเอาเหมือนกันแหละน่า ” มาวินเริ่มขึ้นเสียง เพราะทนไม่ไหวที่ถูกหยาม

 

“ หน็อย.....ไอ้ลิงหัวเขียว ” จันลุกขึ้นยืน ท่าทางเหมือนจะเตรียมเข้ามาซัดเด็กหนุ่ม

 

“ กลัวหรือไงเล่า ” มาวินลุกขึ้นยืนมั่ง แต่ท่าทางเหมือนแอบเกรงเด็กสาวอยู่นิดๆ เพราะตั้งแต่เล็กยันโต เขาไม่เคยชนะจันเลย

 

“ เอาน่า กินข้าวดีกว่า อย่าทะเลาะกันเลย ” คุณแม่ของจันรีบห้ามทัพโดยเร็ว ด้วยความเกรงใจ วัยรุ่นทั้งสองจึงยอมวางมือ แล้วกลับมาประจำที่เดิม

 

“ ฮ่าๆ วันนี้สนุกเป็นบ้าเลย ” พ่อของจันหัวเราะเสียงดัง ทว่าทุกคนกลับหันมามองแปลกๆ ทำนองว่า…..ทะเลาะกัน มันสนุกตรงไหน 

       

 

        เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทุกคนก็นั่งกินข้าวต่อ สำรับอาหารประกอบไปด้วยลาบหมู ต้มยำกุ้ง เกาเหลาลูกชิ้น ปลาร้าหลน แม้เป็นเพียงอาหารพื้นบ้านง่ายๆ แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มน้ำลายสอ

 

“ ว้าว…..ดีจังเลย ไม่ได้กินอาหารในโลกของตัวเองมาตั้งสองเดือนแล้ว ” มาวินอุทานดังด้วยความลืมตัว 

 

“ เอ๋….. ” ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้เด็กหนุ่มรีบแก้เกี้ยวด้วยการเถไปว่า….. 

 

“ หมายถึงสองเดือนแล้วที่ไม่ได้กินของโปรดแบบนี้ ” 

 

“ แต่….เมื่อสองอาทิตย์ก่อน นายเพิ่งกลับมากินข้าวที่บ้านชั้นนี่ ” จันทักท้วง 

 

“ อ๋อ….งั้นชั้นคงจำผิดไปเอง เหอๆ ” มาวินเกาหัวแกรก พลางแสร้งหัวเราะโง่ๆ 

 

“ ช่างมันเถอะ รีบกินกันดีกว่า เดี๋ยวเจ้าเดชก็ฟาดกับข้าวหมดก่อน ” บิดาร่างยักษ์บุ้ยปากไปยังคุณน้าสติเฟื่องที่กำลังก้มหน้าก้มตาสวาปามแบบไม่เกรงใจใคร 

 

“ ครับ(ค่ะ) ” ทุกคนรับคำโดยพร้อมเพรียง จากนั้นก็จัดการกับอาหารในวง

 

“ อืม….เล็งลาบหมูก่อนเลย ” มาวินพุ่งเป้าไปที่ลาบหมูที่คลุกพริกป่นและข้าวคั่วจนมีสีสันน่ารับประทาน เมื่อตักเต็มคำ เขาก็ยัดช้อนเข้าปากโดยเร็ว

 

“ อ่ำ ”

      

 

         ทันทีที่อาหารถูกส่งเข้าปาก เด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงความขมขื่นจนชวนอาเจียน

 

“ อ้วก…อะไรกันเนี่ย ปรุงผิดสูตรหรือไง ” มาวินรีบวิ่งไปอ้วกที่มุมห้อง    

 

“ ฮ่าๆ…..เป็นอะไรไป มาวิน ” ทุกคนหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน 

 

“ ยังมาหัวเราะอีก ทำไมลาบหมูจานนั้นถึงได้รสชาติห่วยแตกแบบนี้ ” มาวินหันมาโวย ท่าทางโมโห 

 

“ ฮะๆ ไม่เป็นไร ลูกวินลองชิมเกาเหลาลูกชิ้นก่อนดีกว่า ” คุณแม่ของจันหัวเราะร่วน พลางยื่นถ้วยอาหารให้

 

“ อื้อ….ครับ ” มาวินดูสงบลง เขาว่านอนสอนง่ายขึ้นมาในทันทีที่หญิงวัยกลางคนออกตัว พอรับถ้วยอาหารมา เด็กหนุ่มก็ก้มลงไปมอง จากนั้นก็ทิ้งมันไปที่พื้น

 

“ เพล้ง ”

        

 

         ถ้วยกระเบื้องแตกกระจาย สิ่งที่อยู่ข้างในกระเด็นออกมา ทว่าลูกกลมๆกลับไม่ใช่ลูกชิ้นธรรมดา แต่มันคือ…….ลูกตาของมนุษย์ 

 

“ เฮ้ย…..นี่มัน ไม่ใช่ลูกชิ้นนี่นา แต่มันคือ……” มาวินตะโกนสุดเสียงด้วยอาการเสียขวัญ เขาจ้องไปยังลูกตาที่กลิ้งไปมาราวกับว่ามันมีชีวิต 

 

“ ใช่ มันคือลูกตาของคนยังไงล่ะ ” หญิงวัยกลางคนตอบยิ้มๆ 

 

“ ฮ่าๆ…..ใช่แล้ว นายไม่เคยกินลูกชิ้นตาคนรึไง ” ทั้งจันและพ่อร่างยักษ์ต่างพากันหัวเราะ

       

 

         อาการวิปริตดังกล่าว ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวถึงกับหน้าถอดสี ในใจเกิดกลัวสุดขีดจนสตั้นไปชั่วขณะ พอรู้สึกตัว ก็รีบดึงน้าเดชที่กำลังยุ่งกับการกินอาหาร

 

“ น้าเดช…. หนีเร็ว ทุกคนเพี้ยนไปหมดแล้ว ” 

        

 

        น้าเดชค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แต่แทนที่จะเป็นใบหน้าของชายวัยกลางคน กลับกลายเป็นโครงกระดูกเหี่ยวแห้งที่มีเส้นผมประปราย ดวงตาลึกโบ๋จับจ้องมายังมาวิน ซักพัก กรามของอมนุษย์ก็ขยับขึ้นลง พร้อมเสียงเล็กแหลมที่ชวนสยอง 

 

“ มีอะไรเหรอ หลานวิน เหอ เหอ เหอ…… ”

 

“ เหวอ…..ทำไมน้าเดชถึงกลายเป็นแบบนี้ ” มาวินผวาสุดตัวและรีบถอยหนี แต่ไปได้ไม่ไกล แผ่นหลังก็กระทบกับวงแขนล่ำสัน เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าสัมผัสนั้นเป็นของใคร เขาจึงเอื้อมมือไปเกาะแขนแกร่ง พร้อมร้องบอกด้วยอาการลนลาน

 

“ คุณลุงครับ น้าเดชกลายเป็นโครงกระดูกผีไปซะแล้ว พวกเรารีบหนีเร็ว ” มาวินกระตุกแขนสุดแรง เเต่ชายร่างใหญ่ไม่ตอบสนอง ทำให้เด็กหนุ่มนึกสงสัย สุดท้ายก็หันกลับไปมอง นั่นยิ่งทำให้หลอนมากกว่าเดิม เนื่องจาก……ท่อนแขนที่เกาะกุมนั้นปราศจากร่างกาย

 

“ เหวอ…… ” มาวินร้องเสียงหลง ดวงตาเหลือกโปน แต่ทุกสิ่งยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา ก็ประจักษ์กับร่างสูงใหญ่ของลุงผู้อารี ผิดก็แต่ว่าทั่วกายนั้นดูช้ำเลือดช้ำหนอง ปีศาจกล่าวกับเด็กหนุ่ม กระแสเสียงทั้งเยือกเย็นและสั่นเทา

 

“ ไอ้หนู เอ็งจะเอาแขนของลุงไปไหน ” 

 

“ เหวอ…..ไม่เอาแล้ว จันหนีเร็ว ” มาวินโยนแขนข้างนั้นทิ้ง ก่อนหันไปคว้าข้อมือของจัน เพื่อหวังจะพาหนีจากเหตุสยอง ทว่า……เพื่อนสาวกลับไม่ขยับ

 

“ ไม่ อย่าบอกนะว่า…เธอก็เป็นอีกคน ” มาวินหยุดชะงัก จากนั้นก็ค่อยๆหันกลับไปมอง สิ่งที่เห็นในอึดใจต่อมา แทบทำให้หัวใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะใบหน้าของจันในยามนี้ดูขาวเนียนแปลกๆ มันละเอียดซะจนมองไม่เห็นดวงตา จมูกและปาก

 

“ ม่าย……. ” ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มเริ่มขวัญเสียถึงขีดสุด เขาทรุดกายลงนั่งคุกเข่า ดวงตาเหลือกลานกลอกไปมา ส่วนสามปีศาจก็กำลังเดินเข้ามา

 

“ ฮ่าๆ…..ฮี่ๆ…..จะไปไหนเล่า อยู่คุยกันก่อนสิ ” เสียงของสามปีศาจร้องเรียกเขย่าขวัญ ขณะที่พวกมันกำลังจะถึงตัว หญิงวัยกลางคนก็วิ่งเข้ามาขวาง เป็นผลให้เหล่าอมนุษย์หยุดชะงัก

 

“ ไปให้พ้น อย่ามารังแกลูกของชั้น ” คุณแม่ร่างเล็กตวาดก้อง ซึ่งก็ได้ผล สามปีศาจเริ่มถอยหนี

      

 

         หลังจากอสุภะหายไป หญิงวัยกลางคนลงไปนั่งข้างมาวิน จากนั้นก็แตะหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม ปากก็กล่าวปลอบประโลม

 

“ ไม่เป็นไร ลูกวิน พวกมันไปหมดแล้ว ”

      

 

         มาวินเริ่มคลายความหวาดกลัว เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยกลางคน สิ่งที่เห็นคือ…..รอยยิ้มอันอบอุ่น

 

“ ขอบคุณครับ แม่ ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ ดูเหมือนว่าความกลัวจะมลายหายไป

 

“ ไม่เป็นไรจ้ะ ” คุณแม่ผู้อบอุ่นยังคงปลอบโยน

 

“ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงครับ ” พออารมณ์คลายลง มาวินก็เอ่ยถาม แต่คุณแม่ร่างเล็กยังคงยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ทำให้เด็กหนุ่มนึกสงสัย

 

“ เออ…คุณแม่เป็นอะไรไปครับ ”

 

“ ไม่เป็นไรจ้ะ ” หญิงวัยกลางคนตอบ เมื่อเธอพูดจบ ใบหน้าก็เหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมัมมี่ล้านปี ซ้ำร้ายกว่านั้น ดวงตาทั้งสองข้างเกิดหลุดร่วงออกจากเบ้า

 

“ อะ…คะ….คุณแม่ก็ปะ…..เป็น ” มาวินผวาสุดตัว พลางถอยหนีสุดกำลัง ปากก็กล่าวตะกุกตะกักคล้ายเด็กที่เพิ่งหัดพูด ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ คราวนี้มันมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวี

 

“ ใช่แล้ว แม่ก็เป็น แต่อีกไม่นาน ลูกก็จะตามพวกเราไป เหอ เหอ เหอ ” คุณแม่ปีศาจกล่าวเนือยๆด้วยเสียงที่เยือกเย็น หลังจากนั้น สามอมนุษย์ก็โผล่ขึ้นมาที่ด้านหลังของมาวิน ราวกับนัดเอาไว้ ทุกตนร้องประสานเป็นเสียงเดียวกัน

 

“ ไปอยู่กับพวกเราเถอะ……มาวิน ”  

 

“ ม่าย……. ” มาวินร้องดัง เขาก้มหน้าหนี สองมือยกขึ้นปิดหู เพื่อหลีกหนีจากเหตุการณ์ที่ชวนสยอง

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา