The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

36) หลอกกันนี่หว่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เครดิตภาพจาก  https://pixabay.com

 

……………………….

          

        ทั้งสองฝ่ายเคลียร์ลานกว้างให้มีพื้นที่ประลองฝีมือ โกสยืนสงบนิ่ง ใบหน้าซีดเผือดดูเรียบเฉย ดวงตาจับจ้องมาที่มาวิน

        

 

        ส่วนมาวิน เขากำลังอบอุ่นร่างกายด้วยการกระโดดขึ้นลงสลับเหยียดแขน เหยียดขา โดยมีเหมยลี่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง 

 

“ เอาล่ะนะ พร้อมรบแล้ว ยะฮู้ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวแกว่งแขนไปมา พร้อมตะโกนดัง แต่ก่อนประจัญบาน เหมยลี่ได้ร้องเรียกเบาๆ 

 

“ เดี๋ยวก่อน ” 

 

“ เอ๊ะ มีอะไรรึ ยัยโย่ง ” มาวินหันกลับมาถาม 

 

“ ก่อนจะออกไปสู้ นายรู้มั้ยว่าเนโครมันเซอร์น่ากลัวยังไง ” เด็กสาวลองไถ่ถาม

 

“ อืม….. ยังไงล่ะ ” มาวินเริ่มคลายความทะนง เพราะฉุกคิดได้ว่า….ในการต่อสู้ที่ผ่านมา เหมยลี่ไม่เคยมีทีท่าหวาดหวั่นเหมือนคราวนี้เลย แสดงว่านายโกสน่าจะมีดีอยู่ไม่น้อย 

 

“ เนโครมันเซอร์คือผู้ใช้มนตร์ดำ ซึ่งนับว่าเป็นศาสตร์มืดที่มีอำนาจฝืนกฎธรรมชาติ เวทแต่ละบทล้วนสยดสยองและน่าสะพรึงกลัว ” เหมยลี่อธิบายให้ฟังอย่างละเอียด ด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เรียบเฉย ทำให้วาจาดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

 

“ เฮือก...... ” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือกใหญ่ ก่อนเอ่ยถามเสียงสั่น

 

“ แล้วเวทมนตร์พวกนั้นน่ากลัวยังไง ” 

        

 

        เหมยลี่มองหน้ามาวินนิ่งๆ ความเงียบปกคลุมสถานการณ์จนแทบจะได้ยินเสียงสายลมยามเย็น เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็กล่าวช้าๆ

 

“ หลักๆก็เป็นการใช้คำสาปขั้นพื้นฐาน อาทิเช่นสั่งให้ขยับไม่ได้ นอนหลับฝันร้าย พูดไม่ออก แต่ถ้าเป็นคำสาปร้ายแรง ก็สามารถสั่งให้ตายในทันทีหรือค่อยๆตายอย่างช้าๆ” 

         

 

         มาวินหน้าเสียขึ้นมาทันควัน ถึงกระนั้น ก็พยายามยิ้มสู้ เขารวบรวมกำลังใจ ก่อนถามเด็กสาวอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด 

 

“ ล้อกันเล่นหรือเปล่า อำกันใช่มั้ย ที่ว่ามาทั้งหมด เข้าข่ายพวกเล่นของในโลกของชั้นเลยนะเนี่ย ” 

         

 

        เด็กสาวร่างสูงมึนกับคำพูดของมาวิน แต่ก็ดูไม่ใส่ใจนัก เพราะเด็กหนุ่มจอมเพี้ยนมักจะพล่ามเลอะเทอะเป็นประจำอยู่แล้ว เธอนิ่งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบกลับ

 

“ จริงๆแล้ว เรื่องราวความมหัศจรรย์ของผู้ใช้มนตร์ดำยังมีมากกว่านั้น ว่ากันว่า......ถ้าเป็นเนโครมันเซอร์ระดับสุดยอด จะมีพลังอำนาจถึงขั้นควบคุมความตาย ” 

 

“ ฮ้า..... บ้าน่า อย่าบอกนะว่าเจ้าเน…อะไรซักอย่างเนี่ย สามารถเรียกผีขึ้นมาได้ พูดเป็นเล่นน่า ชั้นสู้แต่กับคนเท่านั้น แต่กับพวกผี ชั้นสู้ไม่ไหว บรื้อ..... ” มาวินเริ่มโวยวาย ถ้ามีเรื่องผีมาเกี่ยวข้อง เขาจะขี้ขึ้นสมองทันที

        

 

         เหมยลี่หันไปมองโกส ดวงตาคมเข้มดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย คล้ายว่าเกิดความกังวลใจ ครู่หนึ่ง เธอก็แนะนำมาวินต่อ

 

“ การต่อสู้กับผู้ใช้เวทมนตร์ จะยืนทื่อเป็นเป้านิ่งไม่ได้ ต้องคอยเคลื่อนที่อยู่ตลอด ทันทีที่คู่ต่อสู้เริ่มร่ายเวทบทต่อไป จะใช้เวลาประมาณ 3 วินาที ช่วงนี้แหละที่ต้องกุมความได้เปรียบ เข้าไปอัดมันให้เร็วที่สุด เพราะพวกนักเวทไม่มีทางว่องไวไปกว่านักสู้ระยะประชิดแบบพวกเรา ” 

       

 

         มาวินพยักหน้าหงึกๆ ถึงจะรู้สึกกลัวผี แต่เด็กหนุ่มก็พยายามข่มใจ เพื่อก้าวมาเผชิญหน้ากับโกสที่ยืนอยู่กลางลานประลอง

 

“ สั่งเสียกันเสร็จแล้วใช่มั้ย เจ้าหนู ” โกสแสยะยิ้มที่ชวนขนลุก ก่อนกล่าวข่มขวัญ 

       

 

        มาวินตั้งท่าต่อสู้โดยไม่ยอมต่อคำ ตั้งแต่รับรู้ว่าเนโครมันเซอร์ทำอะไรได้บ้าง เขาก็ดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นมาทันที อาการแบบนี้ ยิ่งทำให้โกสได้ใจจนถึงขั้นคำรามดัง

 

“ ฮ่าๆ พอรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของข้า ก็เลิกอวดดีเลยนะ ไอ้เด็กปากเปราะ เอานี่ไปกินซะ ไบโอ ” 

         

 

        ทันทีที่พูดจบ ก็ปรากฏแสงสีเขียวอ่อนบนมือขวาของเนโครมันเซอร์หนุ่ม จอมเวทกางฝ่ามือมาที่มาวิน แสงประหลาดจึงพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มโดยพลัน 

 

“ เฮ้ย อะไรเนี่ย ” มาวินตกใจสุดขีด แต่ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็ว ทำให้ฉากหลบลำแสงได้อย่างหวุดหวิด 

 

“ ตูม ” 

       

 

        ลำแสงนั้นพุ่งปะทะพุ่มกุหลาบ เมื่อควันจางลง ก็ปรากฏว่ามวลหมู่ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาไปทั้งแปลง 

 

“ อึ้ย นี่ถ้าเราโดนล่ะก็….” มาวินนึกสยองอยู่ในใจ ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะแหบแห้งของเนโครมันเซอร์

 

“ หึๆ หลบเร็วดีนี่ เจ้าหนู แต่จะหลบได้ซักกี่ครั้ง ” โกสแสยะยิ้ม มือขวาเริ่มเรืองแสงอีกคำรบ

      

 

          ใบหน้าของมาวินซีดเผือด ความปอดแหกเกาะกุมหัวใจ ในเวลาต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงของเหมยลี่ 

 

“ อย่าหยุดนิ่ง เคลื่อนที่ตลอด ” 

       

 

         เมื่อได้ยินคำชี้แนะ มาวินก็คลายความกลัวลง เด็กหนุ่มเริ่มขยับกายไปทางซ้ายทีขวาที ความเร็วในการเคลื่อนที่แทบทำให้ชาวบ้านและลูกสมุนของโกสมองไม่ทัน 

 

“ โห…… เจ้าหนูนั่นเร็วชะมัด ” เสียงโห่ร้องชื่นชมจากเหล่าชาวบ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ 

        

 

        แม้โกสจะเจอความไวขนาดนั้น แต่สีหน้าดูไม่เปลี่ยนเลยซักนิด คล้ายว่ายังมีไม้เด็ดซ่อนอยู่ ถึงกระนั้น เขาก็พยายามยิงคาถา “ไบโอ” ใส่มาวินที่วิ่งวนอยู่รอบตัว ทว่าทุกการโจมตี หาได้ต้องกายของเด็กหนุ่ม

 

“ ตูม ตูม ตูม....... ” 

         

 

        เสียงระเบิดจากคลื่นแสงสีเขียวดังเป็นระยะ จนเหล่าชาวบ้านและลูกสมุนต่างพากันถอยห่าง เพราะกลัวจะโดนลูกหลง 

        

 

        ขณะที่มาวินวิ่งวนไปมา สมองก็พยายามหาวิธีแก้อยู่ตลอด เมื่อตกผลึก ก็ได้ความคิด

 

“ เราเริ่มจับจังหวะการเริ่มร่ายเวทของมันได้ แต่ละครั้งน่าจะใช้เวลาประมาณห้าวินาที ถึงสามารถปล่อยลำแสงชุดใหม่ออกมาได้ ดีล่ะ ” 

       

 

        เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเริ่มเสี่ยงด้วยการพุ่งเข้าหาเป็นมุมทแยงซ้ายสลับขวา พอเข้าถึงระยะสามก้าว โกสก็โต้ตอบด้วยการปล่อยแสงสีเขียว

 

“ อึบ ” มาวินเอี้ยวตัวหลบ ลำแสงพุ่งเฉียดปลายผม พอเข้าประชิด เด็กหนุ่มก็กระหน่ำด้วยท่าถนัด

 

“ พยุหะกรงเล็บแมวป่า ” 

 

“ ปั้ก ปั้ก ปั้ก……. ” เสียงพายุกรงเล็บดังสนั่น ผ้าคลุมดำที่สวมใส่บุ๋มตามแรงกระแทก เมื่อจบกระบวนท่า เด็กหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ เพราะทุกการโจมตีที่รัวเร็วล้วนอัดเข้าไปที่ผ้าคลุมเปล่า หาได้ต้องกายของเนโครมันเซอร์หนุ่ม

 

“ เฮ้ย มันหายไปไหน ” มาวินเหลียวซ้ายแลขวา เพื่อหาศัตรูที่สูญหาย ส่วนผ้าคลุมดำค่อยๆร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นและปลิวหายไปกับสายลม วินาทีที่เด็กหนุ่มกำลังงงเต็ก โสตประสาทก็แว่วเสียงแหบแห้ง 

 

“ หาข้าอยู่เหรอ ”  

 

“ เฮ้ย อยู่ข้างหลังได้ไง ” เด็กหนุ่มหมุนกาย แต่ยังช้าเกินไป เขาโดนลำแสงสีเทาอ่อนกระแทกเต็มอก

 

“ สต็อป ” 

        

 

        เด็กหนุ่มกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว มันเหมือนถูกหมัดเบาๆกระแทกที่อก แม้ไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ และในเวลาต่อมา เขาก็พบว่าตนเองไม่สามารถขยับกาย 

 

“ เฮ้ย นี่มันอะไรกัน ทำไมเราขยับตัวไม่ได้ ”

 

“ หึๆ เป็นเพราะโดนคาถาสต็อปเข้าไปไง " โกสยิ้มเยาะ เขาอยู่ในชุดเสื้อแขนกุดสีดำ ส่วนท่อนล่างสวมกางเกงขายาวสีเดียวกัน อันเป็นเครื่องแบบของนักบู๊

 

“ แกหลบหมัดของชั้นได้ยังไง ” เด็กหนุ่มยืนเกร็ง ปากก็เอ่ยถามอย่างยากลำบาก 

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า….. ก็แค่หลบธรรมดาๆ ไม่น่าถามเลย ” โกสหัวเราะลั่น 

 

“ เป็นไปได้ยังไง นักเวทอย่างแกไม่น่ามีความไวขนาดนั้น ” เด็กหนุ่มหัวเขียวยังคงสงสัย 

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…… ” คราวนี้เป็นทีของเหล่าลูกสมุนหัวเราะมั่ง แต่เมื่อโกสยกมือเป็นสัญญาณห้าม ชาวแก๊งก็หยุดยั้ง เปิดโอกาสให้เนโครมันเซอร์หนุ่มคลายความสงสัย

 

“ สาเหตุที่ว่องไวขนาดนั้น เพราะเดิมที ข้าไม่ได้เป็นผู้ใช้เวท แต่เป็นนักสู้ ” 

 

“ อะไรฟะ แบบนี้ขี้โกงนี่นา หลอกลวงประชาชน ” มาวินกัดฟันกรอดใหญ่ พร้อมพยายามขยับตัว แน่นอนว่ามันไร้ผล 

 

“ นายจะบ้าเหรอ ไอ้หนู ก่อนจะสู้กัน มีใครป่าวประกาศมั่งว่าตัวเองเก่งด้านโน้นด้านนี้ ” โกสหยอกล้อเด็กหนุ่มที่ขณะนี้มีสภาพเหมือนหมูในอวย 

 

“ เออ ก็จริง แต่แกน่าจะบอกซักนิดว่าเคยเป็นนักสู้มาก่อน เพราะตอนแข่งมวยไทยในโลกของชั้น ยังมีการประกาศก่อนชกว่านักมวยคนไหนถนัดอาวุธอะไร ” มาวินยังเถียงไม่เลิก 

        

 

        พอโกสเจอไม้นี้เข้าไป ก็ถึงกับหน้าเบี้ยวและเกาหัวแกรกๆ ในใจแอบขบคิด

 

“ ไอ้เด็กนี่บ้าหรือดีกันแน่ฟะ แล้วที่มันพูด หมายความว่ายังไง ” 

        

 

        โกสยืนงงอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนว่าคำพูดบ้าๆบอๆของเด็กหนุ่มจะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคาถา “สต็อป” แต่พอหายมึน เขาก็ตอบกลับไปเบาๆ 

 

“ ถ้าอยากให้บอกนัก ก็ย่อมได้…..ตอนชั้นเป็นนักสู้ฝึกหัด ถนัดวิทยายุทธ์สายความเร็วแบบนาย ” 

 

“ ฮะๆ ดีใจที่ได้เจอนะ รุ่นพี่ ” มาวินตอบกลับเบาๆเช่นกัน ใบหน้าเล็กเรียวดูแหยเก

 

“ เหอๆ ยังตลกไม่เลิก งั้นจะบอกให้อีกอย่าง กระบวนท่าที่ชั้นถนัดมากที่สุดก็คือ…..” โกสตั้งท่าต่อสู้ น่าแปลกที่มาวินรู้สึกคุ้นตา และในวินาทีต่อมา เขาก็จำได้

 

“ กระบวนท่าแมวป่า ใช่มั้ย ” มาวินร้องถามเสียงหลง

 

“ ถูกต้อง…” โกสพยักหน้ารับ ก่อนพุ่งเข้าโจมตีเด็กหนุ่ม

 

“ พยุหะกรงเล็บแมวป่า ” 

 

“ ปั้ก ปั้ก ปั้ก…… ” กรงเล็บนับสิบกระทบทุกจุดบนร่างกายของมาวิน น้ำหนักหมัดและความไวแทบไม่เป็นรองเด็กหนุ่ม ว่ากันตามความจริง ท่วงท่าที่ปล่อยออกมาดูมีพลังและคล่องแคล่วกว่าด้วยซ้ำ 

 

“ อุ้ก อั้ก อู้ว โอ้ว อึบ ” ใบหน้าของเด็กหนุ่มหัวเขียวบิดเบี้ยวไปมา และในจังหวะสุดท้าย โกสก็เเถมให้อีกดอกด้วยการกระโดดสูง พร้อมหมุนตัวเตะเข้าไปที่ต้นคอ

 

“ ปัง ” 

        

 

         เสียงฝ่าเท้าปะทะก้านคอดังสนั่น ก่อนที่ร่างเล็กบางจะกระเด็น ปิดท้ายด้วยการไถลไปกับพื้น

        

 

         ฝ่ายชาวบ้านถึงกับเงียบกริบ ส่วนกลุ่มอันธพาลพากันเฮดัง พร้อมส่งเสียงเชียร์ลูกพี่ใหญ่เกรียวกราว 

 

“ เฮ........ ท่านผู้วิเศษสุดยอดจริงๆ ” 

        

 

        ขณะที่ชาวแก๊งแสดงความดีใจ มาวินก็ค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาปาดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าเรียวเล็กบิดเบี้ยว เพราะจุกเสียดจากการโดนอัดชุดใหญ่

 

“ อึดดีนี่ เจ้าหนู โดนขนาดนี้ ยังลุกไหวอีก ” โกสกล่าวชม พลางแสยะยิ้มท้าทาย 

       

 

        มาวินหัวเสียกับการเพลี่ยงพล้ำอยู่แล้ว เมื่อมาเจออาการเยาะเย้ย ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม 

 

“ หน็อย..... แก ไอ้หน้าซีด” มาวินสบถลั่น ก่อนพุ่งเข้าโจมตี หมัดซ้ายขวาประเคนใส่โกสถี่รัว แต่ทุกดอกถูกปล่อยออกมาสะเปะสะปะ ชายหน้าซีดจึงพริ้วหลบได้ตลอด 

 

“ ฮ่าๆ บุกเข้ามาเป็นวัวบ้าเลยนะ ใช้สมองในการต่อสู้หน่อยสิ เอ้า รับนี่ไป ” โกสหลบไปหัวเราะไป สุดท้ายเขาก็สอนมวยด้วยการก้มลงไปเตะตัดขา ส่งผลให้มาวินเสียหลักจนล้มหงาย

 

“ ฮ่าๆ จับกบอีกแล้วเฟ้ย หลับสบายดีมั้ย ไอ้หนู ” เหล่าชาวแก๊งพากันเฮสนั่น หลังเห็นมาวินลงไปนอนวัดพื้นเป็นครั้งที่สอง ส่วนโกสยืนเก๊กท่าอยู่ที่เดิม เขาคิดว่าน่าจะปิดฉากการต่อสู้ในยกแรกอย่างง่ายดาย แต่มันไม่เป็นไปตามที่คิด เด็กหนุ่มหัวเขียวเริ่มยันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง 

 

“ ฮึ่ม......ทำไมหลบเก่งอย่างนี้ ” มาวินกัดฟันกรอดใหญ่  

 

“ ก็แล้วทำไม แกยังไม่ยอมแพ้อีกเล่า ” โกสถามกลับเสียงเอื่อยๆ คล้ายเบื่อหน่าย 

 

“ ยอมบ้าบออะไร ตราบใดที่ชั้นยังไม่น็อค ก็ยากที่จะยอมแพ้ ” มาวินตะโกนกลับ โดยไม่ดูสภาพของตัวเองว่าร่อแร่ขนาดไหน 

 

“ หึๆ ได้ เดี๋ยวป๋าจัดให้ ” โกสแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนพุ่งเข้ามาโจมตี พายุหมัด เท้า เข่า ศอก ถูกระดมรัวเข้าใส่อย่างไม่ขาดสาย  

 

“ เฮ้ยๆ ช้าๆ อย่าไวนัก อุ้ก อั้ก โอ้ย ” มาวินยกสองมือ สองเท้าขึ้นปัดป้องเป็นพัลวัน การโจมตีบางส่วนหลุดเข้ามาอัดตามร่างกายจนก่อให้เกิดเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด

       

 

         เด็กหนุ่มหัวเขียวถูกอัดอย่างต่อเนื่อง แม้หมัดของโกสจะไม่หนักนัก แต่ก็สร้างความบอบช้ำได้พอสมควร ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คิดปัดป้องอยู่ฝ่ายเดียว พอได้จังหวะ มาวินก็ปล่อยกระบวนท่าถนัด 

 

“ พยุหะกรงเล็บแมวป่า ” 

       

 

         เหมือนโกสจะรู้ทัน จึงรีบฉากถอยหลัง เมื่อพ้นระยะหมัด แสงสีช้ำเลือดช้ำหนองก็ปรากฏบนมือขวา วินาทีต่อมา เขาก็ปล่อยคาถาใส่เด็กหนุ่ม 

 

“ ไนท์แมร์ ” 

 

“ เฮ้ย ” มาวินร้องได้คำเดียว ก่อนจะโดนลำแสงนั้นแบบเต็มๆ  ดวงตาที่เคยสดใสแปรเปลี่ยนขุ่นมัว พร้อมการหยุดชะงักอย่างฉับพลัน เปิดโอกาสให้โกสถีบยอดอก ร่างเล็กเพรียวกระเด็นไปกระแทกหน้าต่าง

 

“ เพล้ง ” 

        

 

        ร่างเล็กเพรียวพุ่งเข้าไปในบ้าน กระจกแตกละเอียดและร่วงกราวในเวลาต่อมา

 

“ เฮ....... ไชโย คราวนี้จบแน่ เพราะไอ้หนูนั่นโดนคาถาไนท์แมร์เข้าไปแบบเต็มๆ ” สมุนแก๊งยมทูตโห่ร้องเกรียวกราว ทุกคนมั่นใจว่าลูกพี่ตนจะได้ชัย

        

 

         ฝ่ายชาวบ้านต่างพากันเงียบกริบ การต่อสู้ยกแรก พวกเขาพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า หลายคนนึกห่วงเด็กหนุ่ม มีคุณยายคนหนึ่งเดินเข้าไปดูอาการ เมื่อประจักษ์ร่างบางที่นอนเหยียดยาว เธอก็กรีดร้องออกมา

 

“ กรี๊ด…… ตายแล้ว เจ้าหนูนั่นนอนตัวสั่น ตาเหลือก ” 

        

 

        เหล่าชาวบ้านนับสิบรีบรุดเข้าไปดูอาการ ส่วนโกส ได้แต่ยืนเก๊กท่าอยู่กับที่ราวกับนายแบบบนแคทวอล์ค ปากบางๆเริ่มแสยะยิ้ม ก่อนเอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆว่า……. 

 

“ ฝันดีนะ เจ้าหนู ”

 

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา