The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) วิชาลึกลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://wallpaperaccess.com
ทั้งสองฝ่ายดูตึงเครียด แต่ทางด้านเด็กสาวร่างสูงน่าจะซีเรียสกว่า เพราะกาสเซ่มองออกถึงจุดอ่อน มาเฟียกอริลลาจึงไม่ปล่อยโอกาส เขาพุ่งเข้าใส่ พร้อมปล่อยหมัดรัวสุดกำลัง
“ ย่ะ ย่ะ ย่ะ...... ” ทุกหมัดที่ปล่อยออกมา ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ทว่าเด็กสาวก็ยังพริ้วหลบได้ทุกดอก
พายุหมัดของมาเฟียร่างยักษ์โหมเข้าใส่เด็กสาวร่างสูงอย่างต่อเนื่อง เธอไม่อาจตอบโต้ ทำได้เพียงหลบหลีก ทว่ายอดกังฟูสาวหลบได้ไม่นาน ก็เริ่มอ่อนแรง ทำให้ความเร็วตกลง จึงต้องยกสองแขนขึ้นมาป้องกันในบางหมัด
“ ฮะๆ มันเริ่มหลบไม่ทันแล้ว ดีล่ะ ” กาสเซ่เห็นเด็กสาวเริ่มช้าลง เขาจึงรัวหมัดให้เร็วและแรงขึ้นไปอีก
“ ปึก ปึก ปึก...... ”
กำลังของเด็กสาวถดถอยจนถึงขั้นหลบหลีกไม่ได้ เธอทำได้แค่ป้องกัน เพื่อไม่ให้การจู่โจมอันดุดันกระทบถูกจุดสำคัญของร่างกาย
“ ฮ่าๆ เป็นไง ยัยหนูกังฟู อย่างแกต้องเจอนี่ เพลงหมัดอสูรครวญ ” กาสเซ่พูดจบ ก็ง้างมือขวาไปด้านหลัง จากนั้นก็ทะลวงหมัดใส่เด็กสาวสุดแรงเกิด กำปั้นพุ่งแหวกอากาศ แถมหมุนควงคล้ายสว่านขนาดยักษ์
“ ตูม....... ”
เสียงปะทะดังสนั่นลั่นป่า ร่างสูงเพรียวของเด็กสาวลอยละลิ่วและร่วงล้มลงไปกองกับพื้น
กาสเซ่เหลือบแลร่างสูงเพรียวที่นอนแน่นิ่ง กายใหญ่โตล่ำสันสะท้านเล็กน้อย เพราะอาการหอบ เขาไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มานานแล้ว นับว่าเด็กสาวยอดกังฟูเป็นคู่ต่อสู้ที่หินอันดับต้นๆ
“ เฮ้อ..... เสียดายที่ต้องมาตายแบบนี้ ” กาสเซ่ถอนหายใจยาว เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากหมัดสั่งตายที่เพิ่งปล่อยออกไป
ขณะที่กาสเซ่กำลังจะนั่งพักเหนื่อย เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบใหญ่ จึงรีบหันกลับมา สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือร่างสูงเพรียวของเด็กสาวที่ยืนโงนเงนไปมา ราวกับคนเสียศูนย์ ใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยฟกช้ำ มีแผลแตกตรงปลายคิ้วและมุมปาก ทว่าดวงตายังคงเปล่งประกายแรงกล้าดุจเดิม
“ พอเถอะน่า นังหนู ข้ารู้ว่าแกใจสู้ เลิกแล้วต่อกัน คราวหน้าค่อยมาสู้กันใหม่ ” กาสเซ่เปิดช่องให้ถอย
เด็กสาวไม่ตอบประการใด เธอตั้งกระบวนท่า เพื่อสู้ต่อ การกระทำเช่นนี้ใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี
“ อืม.... ในเมื่อจะสู้ต่อให้ได้ ข้าคงต้องล้มแกล่ะ ” กาสเซ่ไม่มีทางเลือก เขาเลยต้องตั้งกระบวนท่า เพื่อปิดฉากการต่อสู้
ระหว่างนั้นเอง กาสเซ่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงร้องทักเสียงหลง
“ เฮ้ย ข้าจำได้แล้วว่าสามพิฆาตสุดยอดที่แกใช้ล้มเจ้าอ้วน เป็นกระบวนท่าของสำนักไหน..... ”
เหมือนเด็กสาวจะไม่ต้องการให้กาสเซ่พูดต่อ เธอจึบรีบรุกเข้าไปเตะซ้ายสลับขวาอย่างรวดเร็ว ทำให้มาเฟียร่างยักษ์ได้แต่ตั้งรับเป็นพัลวัน
แม้ลูกเตะที่ไวราวปืนกลจะทะลวงผ่านการปัดป้องของกาสเซ่ได้บางดอก แต่ไม่อาจทำให้หัวหน้าโจรบาดเจ็บ เพราะร่างเหล็กที่คุ้มกายนั้นแข็งแกร่งเกินไป
“ หน็อย..... นังหนูคนนี้ ” กาสเซ่ถึงกลับเดือดดาลที่โดนรุกไล่อยู่ฝ่ายเดียว เขาจึงสวนกลับด้วยการต่อยอย่างบุ่มบ่าม
จังหวะที่หมัดเหล็กจะพุ่งอัดลำตัวของเด็กสาว เธอเลิกใช้เพลงเท้าและกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด ร่างสูงเพรียวลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะโถมเข้าใส่ด้วยกระบวนท่า.........
“ แมวป่าขย้ำเหยื่อ ”
กรงเล็บของแมวป่าถูกเปลี่ยนให้เป็นศอกสั้น เป้าหมายคือแสกหน้าของกาสเซ่
“ ปัง ”
เสียงปะทะดังสนั่นจนน่าหวั่นไหว สำหรับการโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดา มีหวังหัวแบะเป็นอย่างน้อย แต่ทว่า……..
กาสเซ่กลับยิ้มกว้าง คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างเหล็กน่าจะครอบคลุมไปทุกส่วนของร่างกาย ทันใดนั้นเอง สองแขนล่ำสันก็รวบเอวบางของเด็กสาว
“ ฮ่าๆ การโจมตีเพียงเท่านี้ ทำอะไรร่างเหล็กของข้าไม่ได้หรอก เตรียมเจอท่าไม้ตาย "อ้อมกอดหมีดำ" กระบวนท่านี้สามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่หักกลางได้เลย ” กาสเซ่คุยข่มขวัญ แต่เหมือนจะไม่คุยเปล่า แรงบีบรัดจากสองแขนเริ่มเพิ่มพูนจนทำให้เด็กสาวรู้สึกอึดอัด
สถานการณ์ของเด็กสาวร่างสูงใกล้วิกฤติเต็มที กาสเซ่ก้มลงมอง เพื่อหวังจะเห็นแวววิงวอนจากยอดกังฟูสาว ทว่ากลับเห็นแต่รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ภาพที่ประจักษ์ ทำให้ขนทั่วกายลุกชูชันด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้นเอง เด็กสาวก็เอื้อมมือมาแตะที่แผงอกหนาๆของกาสเซ่ จากนั้นก็เกร็งกำลังทั่วร่าง พร้อมร่ำร้องออกมาจนสุดเสียง
“ ฮ่า.......... ”
สิ้นเสียงร้อง กาสเซ่รู้สึกว่ามีพลังบางอย่างพุ่งออกมาจากฝ่ามือ มันทั้งร้อนผ่าวและหนักหน่วง ทำให้มาเฟียร่างยักษ์รู้สึกมึนงงและสิ้นเรี่ยวแรง สองแขนที่โอบรัดเริ่มคลายตัวจนยอดกังฟูสาวหลุดจากวงแขน
วินาทีต่อมา ร่างสูงใหญ่ของกาสเซ่ก็หงายหลังล้มลงไปโครมใหญ่จนพื้นดินสะเทือน ดวงตาเบิกโพลงและเหลือกลาน บ่งบอกว่ามาเฟียร่างยักษ์น่าจะสลบเป็นที่เรียบร้อย
หลังหลุดจากกระบวนท่า เด็กสาวร่างสูงก็ยืนเซอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทรุดลงนั่งคุกเข่า เธอเริ่มกระอักลิ่มเลือดสีดำคล้ำออกมา ใบหน้าซีดเผือด คล้ายคนที่กำลังจะเป็นลม
“ ไม่น่าฝืนใช้ฝ่ามือมังกรทองเลย ไม่มีทางเลือก มีแต่ท่านี้เท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านเกราะเหล็กของมันได้ ” เด็กสาวร่างสูงรำพึงรำพันกับตัวเอง รอบตัวมีแต่ซากมนุษย์นับสิบที่นอนสลบไสลอยู่
.........................
มาวินรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ บรรยากาศรอบกายกำลังเย็นสบาย เมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่ารอบข้างเป็นทะเลหมอกที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตา ดวงตาเรียวเล็กกระพริบถี่ พลางนึกทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายตลบ
“ เอ๋…..นี่เราตายไปแล้วรึไง หรือว่านี่จะเป็นความฝัน ”
“ ไม่ใช่ทั้งความฝันและโลกหลังความตาย ” เสียงห้าวๆของเด็กสาวนางหนึ่งดังมาจากด้านหลัง มันเป็นกระแสที่เด็กหนุ่มคุ้นเคย
เด็กหนุ่มหัวเขียวรีบหันกลับมามอง บุคคลที่พบในยามนี้ ทำให้เขารู้สึกตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน คนผู้นั้นก็คือ...... จัน เพื่อนสาวคนสนิท
“ นี่........เธอ........มาได้ยังไง ชั้นฝันอีกแล้วหรือนี่ ” เด็กหนุ่มกล่าวตะกุกตะกัก เขาไม่แน่ใจว่าจันที่เห็นในตอนนี้ คือตัวจริงหรือเป็นเพียงมโนภาพในความฝัน
“ ฮะๆ ไม่ใช่ฝันหรอกน่า เจ้าบ้า ” เด็กสาวหัวเราะร่าเริง สีหน้าท่าทางแบบนี้ เป็นสิ่งที่มาวินไม่ค่อยจะได้เห็น ถึงกระนั้น มันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเขินจนใบหน้าเล็กๆเริ่มแดงซ่าน
“ ยัยจันทำท่าทางแบบนี้ได้ด้วยหรือ น่ารักเป็นบ้าเลย ” เด็กหนุ่มแอบชื่นชม ทันใดนั้นเอง เขาก็พบกับ.......
“ โป๊ก ”
มะเหงกก้อนโตกระทบเข้าไปที่กลางกระบาลของมาวิน พร้อมเสียงตวาดแว้ด
“ ก็ชั้นเป็นผู้หญิงนี่นา ชั้นทำท่าทางแบบนี้ มันผิดตรงไหน เจ้าบ้า ” แม้จันจะต่อว่า แต่ใบหน้าของเธอกลับแดงระเรื่อ
“ โอ๊ย.... ” เด็กหนุ่มกุมศีรษะ พลางคิดในใจ
“ ยัยจันรู้ได้ยังไง ว่าเราคิดอะไร ”
“ เจ้าโง่เอย ในโลกแห่งนี้ ไม่มีความในใจหรอกนะ ” จันตอบกลับห้วนๆ ท่าทางเหมือนจะงอนนิดๆ เพราะหางเสียงดูสะบัดอยู่เล็กน้อย
“ โลกนี้ ตกลง ที่นี่คือโลกไหน ” มาวินถามต่อ ท่าทางมึนงง
“ ที่นี่คือโลกแห่งความฝัน เป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เราติดต่อกันได้ ตอนนี้ทั้งชั้นและน้าเดชกำลังหาทางช่วยอยู่ นายต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ” เด็กสาวกล่าวแผ่วเบา สีหน้าท่าทางดูห่วงใย
“ อือ......” มาวินรับคำเบาๆ แต่สายตากลับมองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ ตนกำลังอยู่ในท่านอนหงาย ที่สำคัญ เขากำลังหนุนตักจันอยู่
“ เออ......คือ......ว่า.....เอ๊ะ.....เดี๋ยวนะ.....มะ.....เมื่อกี้ชั้นเพิ่งยืนอยู่นี่นา ” มาวินรู้สึกงง เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง จึงขยับตัวหนี แต่ไม่ว่าพยายามยังไง เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถกระดิกกาย
“ ไม่ต้องเขินหรอก เจ้าบ๊อง อีกเดี๋ยว เราก็จะจากกันแล้ว ” เด็กสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย คล้ายกำลังปิดบังความโศกเศร้าที่เอ่อล้นอยู่ภายใน
“ อ้าว.....แล้วจะจากกันทำไม เธอก็มากับชั้นดิ ” มาวินทักท้วง
“ ไม่ได้หรอก ตอนนี้เราอยู่ในโลกที่แตกต่างกัน ” เด็กสาวปฏิเสธ น้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ แล้วเมื่อไหร่ เราจะได้พบกันอีก ” เด็กหนุ่มถามกลับ ท่าทางร้อนใจ
“ เราจะได้พบกัน ในตอนที่นายจัดการเรื่องราวบนโลก The Dark World จนเสร็จ เพราะนั่นคือชะตาชีวิตของนาย ” จันตอบกลับ รอยยิ้มเศร้าๆปรากฏบนใบหน้า
“ ไม่เอา...... ชะตาชีวิตบ้าบออะไร ไม่เอาทั้งนั้น ชั้นต้องการแค่กลับบ้าน เล่นเกม เล่นสเก็ตบอร์ด และ…….อยู่กับเธอ ” มาวินโวยวายอย่างบ้าคลั่ง
“ ไม่เอาน่า ใจเย็นๆ ไม่ได้ไปแล้วไปลับซักหน่อย ไม่นานเราจะได้พบกันอีก ” ทันทีที่จันพูดจบ ร่างของเด็กสาวก็เริ่มเลือนหายไปทีละนิด
“ ไม่...... อย่าไปนะ…จัน ไม่นะ ” มาวินร้องละล่ำละลัก น้ำน้อยๆจากดวงตาเริ่มหลั่งไหล
“ ฮะๆ ถึงจะเศร้าที่ต้องจากลากันชั่วคราว แต่ชั้นก็ดีใจอยู่อย่างหนึ่ง ” ภาพเด็กสาวกำลังจางลงเรื่อยๆ แต่เธอก็พยายามส่งยิ้มที่ดูฝืนๆ
“ ดีใจบ้าบออะไร ไม่เอา ไม่ไปไหนทั้งนั้น อย่าไปนะ…” มาวินโวยวาย เขาพยายามไขว่คว้ากายของเด็กสาว แต่ก็ไร้ผล ราวกับภาพเลือนรางที่เห็นตรงหน้า เป็นเพียงอากาศธาตุ
“ ดีใจที่…..มีคนคอยดูแลนาย ” เด็กสาวยิ้มเศร้าๆ ในตอนนี้กายสูงเพรียวเหลือเพียงเงาจางๆ
“ ไม่มีใครดูแลได้ดีเท่าเธอหรอก ถ้าชั้นเกิดบ้าบอหรืองี่เง่าที่นี่ ใครจะคอยช่วยดัดนิสัยเล่า ยัยบ้า ” มาวินร้องค้านอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ โชคดี แล้วพบกันใหม่ รักษาตัวด้วย ” คำพูดสุดท้ายของเด็กสาวดังก้อง ราวกับเสียงเอคโค่ จากนั้น ทุกสิ่งก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียน ดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ