The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ปลิดชีวิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
ด้วยท่วงท่าที่ดูสบายใจจนผิดปกติ ทำให้เหล่าสมุนได้แต่จดๆจ้องๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ กาสเซ่ที่ยืนดูอยู่ไม่ห่างเริ่มทนไม่ไหว เลยสั่งการเสียงดัง
“ เฮ้ย ทิ่มไม้พลองเข้าไปสิวะ กลัวอะไร มันก็แค่คนใกล้ตาย ”
สมุนทั้งสามมองหน้ากันเอง พวกเขาหวดไม้พลองไปข้างหน้าแบบแหยงๆ เลยทำให้สปีดในการโจมตีช้าลง ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่หลบ แต่พุ่งสวนไม้พลองที่สาดเข้ามา จากนั้นก็กระแทกกรงเล็บเข้าไปที่ทรวงอกของชาวแก๊งนายหนึ่ง ส่งผลให้ชายผู้นั้นกระเด็นไปข้างหลัง ก่อนล้มกลิ้งลงไปนอนน้ำลายฟูมปาก
“ เฮ้ย ไหนบอกว่ามันใกล้ตายไง ” หนึ่งในสมุนที่เหลืออุทานดังด้วยความตกใจ แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะเท้าขวาที่ว่องไวของเด็กหนุ่มได้ตวัดเข้าไปที่ก้านคออย่างรวดเร็ว ทำให้ลิ่วล้อร่วงล้มลงไปนอนกองอีกคน
สมุนคนสุดท้ายไหวตัวทัน เขารีบฟาดไม้พลองใส่ศีรษะ แต่มาวินฉากหลบไปด้านข้าง ลิ่วล้อเลยจั่วลม พอเกิดช่องว่าง เด็กหนุ่มก็หมุนตัวเตะ ฝ่าเท้าขวาฟาดเข้าไปที่กกหูแบบเต็มบาทา ชายผู้เคราะห์ร้ายจึงล้มลงไปสิ้นสติในทันที
กาสเซ่และพรรคพวกถึงกับตะลึงจนตาค้าง การโจมตีเมื่อครู่ มีทั้งความรุนแรงและรวดเร็ว เลยทำให้พวกเขานึกสงสัย
“ ตกลง มันสาหัสจริงหรือแกล้งเจ็บกันแน่นะ ”
เด็กหนุ่มกลับมาตั้งท่าสบายๆอีกครั้ง ใบหน้าขมุกขมัวส่งยิ้มละไมให้เหล่าศัตรู กิริยาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ชาวแก๊งนึกสงสัยและหวั่นเกรงมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า ถึงกระนั้นหัวหน้าทีมหุ่นกอริลลาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาสั่งการให้ลูกน้องบุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
“ เฮ้ย พวกเอ็งหกคนบุกเข้าไป คราวนี้ให้ล้อมมันเป็นวงกลม ”
มาวินได้ยินแบบนั้น เขาก็ยิ้มแห้งๆ พลางนึกกังวลอยู่ในใจ การถูกรุมล้อมเป็นวงกลมแบบนี้ มันไม่เอื้ออำนวยต่อการสวนกลับอย่างฉับพลัน แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นปลอดโปร่งโล่งใจ เพื่อข่มขวัญศัตรู
สมุนเหล่านั้นกรูเข้ามารุมล้อม มาวินจึงเปลี่ยนมาตั้งท่าต่อสู้ที่ดูรัดกุม ดวงตาเรียวเล็กมองไปรอบข้าง เพื่อหาทางออก แต่ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็เจอแต่ทางตัน
“ เอ......ถ้าเราถอยหนีแล้วล่อให้มันตามมา จะทำได้มั้ย แต่สภาพร่างกายของเราในตอนนี้ น่าจะวิ่งไม่ไหว ครั้นจะบุกจู่โจมเร็วแบบเมื่อครู่ ก็ค่อนข้างยาก เพราะการตั้งขบวนเป็นรูปวงกลมแบบนี้ ทำให้สมาชิกในกลุ่มหนุนเนื่องช่วยเหลือกันได้ตลอด จะทำยังไงดีนะ ” เด็กหนุ่มคิดไปเรื่อย แต่ภายนอกยังคงยิ้มสู้
มาวินไม่ได้ฉวยโอกาสบุกเร็ว ทว่าทางฝ่ายโจรก็ไม่ได้จู่โจมเข้ามาเช่นกัน เนื่องจากทุกคนหวั่นเกรงฝีมือของเด็กหนุ่ม ทำให้สถานการณ์เป็นในลักษณะตรึงกำลัง
ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็ทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่า สีหน้าขมุกขมัวดูเจ็บปวด ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้สมุนทั้งหกที่รายล้อมรู้สึกงุนงงไปตามๆกัน
“ นั่นไง ถึงขีดจำกัดของมันแล้ว ตีด้วยไม้พลองเลย ” กาสเซ่ซึ่งสนับสนุนอยู่แนวหลังร้องตะโกน เพื่อเร่งเร้าให้พลพรรคเผด็จศึก
“ เอาก็เอาวะ ” สมุนหนึ่งในหกที่ยืนอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มรับคำแบบเสียไม่ได้ ก่อนจะฟาดไม้พลองเต็มแรง เป้าหมายคือแผ่นหลัง
เหมือนมาวินจะมีตาหลัง เด็กหนุ่มกลิ้งหลบไปทางซ้ายเล็กน้อย ทำให้รอดพ้นจากไม้พลองอย่างหวุดหวิด วินาทีต่อมา เขาก็เตะตัดขาของสมุนที่ถลาเข้ามาจู่โจม
“ อุ้บ ” สมุนรายนั้นไม่ทันระวัง จึงล้มในทันที
มาวินโจมตีต่อเนื่อง พริบตานั้นเอง เด็กหนุ่มหัวเขียวก็กระโดดขึ้นสูง ก่อนทิ้งตัวลงมาใช้กรงเล็บขย้ำไปที่ลำตัวของสมุนผู้เคราะห์ร้าย
“ แอ้ก……. ” สมุนผู้นั้นร้องได้คำเดียว ก่อนจะนอนสิ้นสภาพไปอีกราย
หลังจากเผด็จศึก เด็กหนุ่มก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน ดวงตากวาดไปยังศัตรูที่เหลือ พลางป่าวประกาศชื่อท่าไม้ตายอันร้ายกาจด้วยกระแสเสียงที่แผ่วเบา
“ กระบวนท่าแมวป่าขย้ำเหยื่อ ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสตั้นกันทั่วหน้า กาสเซ่ถึงกับอ้าปากค้าง ตาเบิกพอง ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าต้องแกล้งเจ็บอย่างแน่นอน
ทว่ากาสเซ่ก็สมกับเป็นหัวหน้าโจร เพียงพริบตาเดียว เขาก็ตั้งสติได้และเริ่มคิดอย่างรอบคอบ
“ ฝีมือของเจ้าเด็กคนนี้รุดหน้าไปมาก พวกลูกกระจ๊อกคงเอาชนะมันไม่ได้ น่ากลัวจะต้องใช้…..” พอนึกถึงตรงนี้ กาสเซ่ก็หันมามองเจ้าอ้วนที่บัดนี้ยืนยิ้มเเฉ่งอยู่ข้างกาย ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด
“ เอาก็เอาวะ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ” กาสเซ่ตัดสินใจ ก่อนสะกิดสีข้างของเจ้าอ้วนเบาๆ
“ ครับ ว่าไงครับ ลูกพี่ ” เจ้าอ้วนยืนตัวตรง เท้าชิดกัน บ่งบอกถึงวินัยทหารอันดีเยี่ยม
“ เหอๆ ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะวานพ่อให้ไปเล่นงานเจ้าเด็กขอทานเท่านั้นเอง ” ท่าทางของกาสเซ่ดูเกรงใจ ว่ากันตามตรง มาเฟียร่างยักษ์กลัวเจ้าอ้วนมากกว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวเสียด้วยซ้ำ
“ ได้ครับผม ” เจ้าอ้วนตะเบ๊ะ พร้อมทำอกผาย ไหล่ผึ่งและพุงห้อย (เนื่องจากชายผู้นี้อ้วนเอามากๆ) จากนั้นก็ก้าวดุ่มๆเข้าไปหาเด็กหนุ่มหัวเขียวอย่างไร้ความยำเกรง
“ เฮ้อ…….จบงานนี้ คงต้องหาสมุนมือซ้ายคนใหม่มาแทนเจ้าอ้วนติ๊งต๊อง ” กาสเซ่ถอนหายใจยาว เมื่อเห็นเจ้าอ้วนเดินจากไป
เจ้าอ้วนประจันหน้ากับเด็กหนุ่มที่บัดนี้ดูร่อแร่ พอสองดวงตาสบกัน นักเลงร่างสมบูรณ์ก็ร้องทักด้วยเสียงขึ้นจมูก อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษ
“ ว่าไง เจอกันอีกแล้วนะ เจ้าหนู นายดูแย่มาก ”
“ ฮะๆ จะให้สมบูรณ์แบบนายได้ไงเล่า ไม่ไหวหรอกน่า ” เด็กหนุ่มหัวเราะ มือขวาก็ลูบไล้หน้าท้องของตนเองเป็นเชิงล้อเลียน
ทุกคนในกลุ่มดูหงุดหงิด บางคนถึงกับออกอาการฮึดฮัด พวกเขาไม่พอใจที่ลูกพี่รองของพวกตนถูกลบหลู่ ดูไปดูมา ท่าทางเจ้าอ้วนจะเป็นขวัญใจในหมู่โจร
“ ลูกพี่รอง อัดมันเลย ” สมุนผู้หนึ่งตะโกนเสียงกร้าว
“ ใช่ครับ ” สมุนที่เหลือทำหน้าที่เป็นลูกคู่
“ เอ๋….. ทำไมทุกคนดูโกรธจัง ” ทว่าเจ้าอ้วนกลับทำหน้าเอ๋อรับประทาน
ลูกสมุนนายหนึ่งคุ้นเคยกับความ ป.ญ.อ. ของลูกพี่รองเป็นอย่างดี เขาจึงค่อยๆย่องเข้ามากระซิบ เพื่อบอกความนัยของกิริยาที่เด็กหนุ่มหัวเขียวเพิ่งล้อเลียน ทันทีที่เข้าใจ นักเลงร่างสมบูรณ์ก็โมโหจนหน้าแดง พร้อมตวาดใส่ด้วยเสียงขึ้นจมูก ทำให้ดูน่ากลัวและน่าขบขันในเวลาเดียวกัน
“ หน็อย…… ไอ้เด็กบ้า ดูถูกกันนี่หว่า ”
“ ฮะๆ แกเพิ่งเข้าใจหรือนี่ นึกว่าจะมีตัวเป็นหมูอย่างเดียว ที่ไหนได้สมองก็เป็นหมูด้วยนี่หว่า เหอๆ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวยังคงยักคิ้วหลิ่วตา หยอกล้อไปตามประสาคนผสมลิง
“ โว้ย อ้วนทนไม่ไหวแล้วโว้ย ” เจ้าอ้วนกู่ร้องจนเสียงกังวานไปทั่วป่า บ่งบอกถึงระดับฝีมือที่ไม่ธรรมดา เขากระชากเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ออกมาจนขาดกระจุยในทีเดียว เผยให้เห็นท่อนบนที่อุดมไปด้วยไขมัน แต่ก็แฝงความแข็งแกร่งอยู่ในที (คล้ายนักกีฬาซูโม่)
“ ทุกคนถอยไป อ้วนโชว์เอง ฮึ่ม…. ” เจ้าอ้วนขู่คำราม ดวงตาที่เคยหน่อมแน้ม บัดนี้กลับดูขมึงตึงและแดงฉานราวนัยน์ตาของสัตว์ร้าย
“ ฮะๆ ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ เขาแอบคิดอยู่ในใจ…….ตนน่าจะเจอของแข็งเข้าให้แล้ว
เจ้าอ้วนย่างสามขุมเข้าหาแบบไม่คิดระวัง ทำให้เด็กหนุ่มฉวยจังหวะรัวกรงเล็บใส่ เป้าหมายคือเรือนกายท่อนบนที่อวบใหญ่
“ ปึก ปึก ปึก….. ” ทุกกรงเล็บเข้าเป้า เนื้อหนังอันขาวผ่องปรากฏรอยแดงในทุกจุดที่ถูกกระแทกใส่
“ ย่ะ ย่ะ ย่ะ……. ” เด็กหนุ่มออกแรงอัดกรงเล็บใส่สุดกำลัง นับคร่าวๆไม่ต่ำกว่า 30 ที พอเริ่มหมดแรง เขาก็ถอยฉากออกมาตั้งหลัก
ภาพต่อไปที่มาวินต้องการเห็นก็คือ……เจ้าอ้วนล้มลงนอนกับพื้น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็พบว่าเจ้าอ้วนกำลังยืนยิ้มแฉ่งอย่างสบายอารมณ์ พลางเอ่ยถามด้วยท่าทางที่ดูเบิกบานใจ
“ อ้าว….. จบแล้วหรือ ”
“ ฮะๆ ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ เขารู้สึกท้อมากที่พายุกรงเล็บเมื่อครู่นี้ไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้กับเจ้าอ้วน
“ เอาล่ะ ตาชั้นแล้ว ใช่มั้ย ” เจ้าอ้วนร้องถาม พร้อมก้มตัวลงเล็กน้อย
“ เอ๊ะ อะไรอยู่ข้างหลัง ” เด็กหนุ่มตะโกนดัง พร้อมชะเง้อมองไปข้างหลังของเจ้าอ้วน มาเฟียร่างสมบูรณ์รีบหันกลับไปมองตาม สิ่งที่ประจักษ์มีแต่ความว่างเปล่า วินาทีนั้นเอง อะไรหนักๆก็อัดเข้ามาที่ก้านคออันอวบใหญ่
“ เปรี้ยง ”
เจ้าอ้วนนึกสงสัยเป็นยิ่งนักว่าสิ่งที่ปะทะก้านคอของตนเองคืออะไร เมื่อหันกลับมา จึงพบว่าสิ่งนั้นก็คือท่อนขาขวาของเด็กหนุ่มที่กระโจนเข้ามาเตะสูง
เสียงปะทะดังสนั่น ทำให้น่ากลัวว่างานนี้อาจเกิดปรากฏการณ์คอหัก แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นร่างของมาวินที่กระเด้งกลับมายังจุดที่เคยยืน เด็กหนุ่มหัวเขียวถึงกลับตื่นตะลึงในความทรหดของอีกฝ่าย
“ หมดมุกรึยัง ” เจ้าอ้วนถามสั้นๆ พลางบิดคอไปมา คล้ายว่าจะเมื่อยขบอยู่หน่อยๆ
“ แฮะๆ ยัง ” มาวินหัวเราะแห้งๆ เขาคิดในใจว่าการเตะเมื่อครู่นี้ น่าจะหนักพอที่กล่อมคนธรรมดาให้หลับได้อย่างสบาย แต่ใช้กับเจ้าอ้วนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย
“ เอ้า งั้นมีอะไร ก็ใช้ออกมาให้หมด ” เจ้าอ้วนร้องท้า หน้าตาดูกระหยิ่มยิ้มย่องยังไงชอบกล
“ ได้เลย ถ้าโดนแบบนี้ล่ะ ” ทันใดนั้นเอง มาวินก็เล่นนอกตำราด้วยการเตะผ่าหมาก
“ พลั้ก ”
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่น สมุนหลายคนต่างร่ำร้องเสียงหลงด้วยความหวาดเสียว บางคนถึงกับปิดตา เพราะไม่อาจทนดูภาพสยอง
“ ฮ่าๆ…. เป็นไงมั่งล่ะ ” มาวินโห่ร้องด้วยความสะใจที่สามารถทะลวงไข่ดันได้สำเร็จ สายตาเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาจับที่ใบหน้าของอีกฝ่าย หวังจะเห็นความเจ็บปวด ทว่าเจ้าอ้วนยังคงยิ้มแฉ่งอยู่ดุจเดิม
" ฮะๆ นี่แกเป็นวูลฟ์เวอรีนหรือไงวะ ไม่ว่าจะอัดเข้าไปแบบไหน ก็ดูไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด " เด็กหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อนความท้อแท้ ปากก็ปล่อยคำถามที่ไม่น่าจะมีใครตอบ
“ ตาชั้นแล้วนะ ” เจ้าอ้วนบอกเบาๆ ก่อนฟาดฝ่ามืออวบใหญ่ไปที่ลำตัวบาง
“ ปัง ”
ทันทีที่ฝ่ามือนั้นพุ่งปะทะ ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ความรุนแรงนั้นส่งผลให้เด็กหนุ่มลอยไปไกลถึงสามก้าว ก่อนจะร่วงล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างว่าง่าย
“ เฮ…… ลูกพี่รองสุดยอดไปเลย ” เหล่าสมุนโห่ร้องดีใจที่ศัตรูตัวฉกาจได้เสียท่าให้กับขวัญใจชาวแก๊ง ลิ่วล้อนายหนึ่งถึงกับออกปากเชียร์
“ ลูกพี่รองซ้ำมันเลย มันล้มแล้ว ล้างแค้นให้พี่น้องของเรา ”
แต่พอทุกคนหันไปมองเจ้าอ้วน ก็ล้วนตกตะลึงไปตามๆกัน เพราะในขณะนี้มาเฟียร่างสมบูรณ์กำลังโดดไปโดดมา สองมือกุมเป้าของตนเอง หน้าขาวๆเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ด้วยรู้สึกจุกเสียดจากการโดนอัดที่จุดยุทธศาสตร์
“ อ้าว……..ก็นึกว่าจะไม่เจ็บ ” สมุนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ท่าทางงุนงง
“ ฮะๆ ข้าเป็นพวกความรู้สึกช้าน่ะ ” เจ้าอ้วนหันกลับมาหัวเราะ ใบหน้าอวบอูมยังเขียวอยู่เล็กน้อย
แม้ทุกคนอยากกระทืบมาวินเสียเต็มประดา แต่ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้า เลยทำให้เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นยืน กายเล็กบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลเริ่มโซเซ สภาพในตอนนี้ดูไม่ต่างจากเศษผ้าที่กะรุ่งกะริ่ง
“ ฮ่าๆ เป็นไง ฝ่ามือของชั้นหนักดีมั้ย ” เจ้าอ้วนยิ้มให้เด็กหนุ่ม หลังจากที่ตนเริ่มคลายอาการจุกเสียด
“ ก็พอไหวอยู่ ” มาวินยิ้มรับ ไม่นาน ก็ทรุดกายลงไปอ้วกอย่างรุนแรง ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าในกองอ้วกมีลิ่มเลือดติดมาด้วย บ่งบอกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะบอบช้ำอยู่ไม่น้อย
“ ฮ่าๆ ไอ้หนู แกจบสิ้นแล้ว ” กลุ่มโจรต่างพากันเยาะเย้ย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาซ้ำ ด้วยรู้สึกเข็ดขยาด ภาพการร่วงล้มของเพื่อนร่วมทีมยังคงติดตาอยู่
“ หึๆ ” มาวินหัวเราะเบาๆ เขารู้สึกว่าร่างกายของตนน่าจะถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้าอ้วน ก็พบว่าสายตาพร่ามัว สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง สิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นก็คือแสงสว่างเรืองรองจากอาทิตย์อัศดง นั่นทำให้เด็กหนุ่มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย อนุสติสุดท้ายก่อนสลบก็คือ…….
“ ดีจริงที่เรายืดเวลาจนพระอาทิตย์ขึ้น ยัยโย่งรอดแล้ว ฮะ ฮะ ฮะ…… ”
……………………..
แม้สภาพการณ์จะเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปรุมยำเด็กหนุ่ม พวกเขาได้แต่มองหน้ากันเองและพยักพเยิดให้คนอื่นเข้าไปซ้ำก่อน สุดท้ายก็ไม่มีผู้กล้าตามเข้าไปขยี้ ยกเว้น……..เจ้าอ้วน
เจ้าอ้วนใช้สองมือจับซอกรักแร้ของเด็กหนุ่ม แล้วยกขึ้นสูง ร่างบางลอยขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับไร้น้ำหนัก ทั่วตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ดวงตาเรียวเล็กบนใบหน้าขมุกขมัวปิดสนิท ลมหายใจที่ปล่อยออกมาก็แผ่วเบาและรวยริน
“ ลูกพี่จะให้อ้วนทำไงต่อครับ ” เจ้าอ้วนหันไปถามกาสเซ่
หัวหน้าหุ่นกอริลลานิ่งตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ เขานึกเสียดายความสามารถและพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มจนนึกอยากเอามาเป็นลูกน้อง แต่อีกใจก็นึกกลัว เพราะผ่านไปแค่เดือนเดียว วายร้ายตัวน้อยสามารถพัฒนาฝีมือจนทำให้แก๊งย่อยยับได้ถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาด
“ ตัดไฟแต่ต้นลม หักคอมันซะ ”
“ ครับ ลูกพี่ ” อันที่จริง เจ้าอ้วนก็รู้สึกเวทนาไม่ใช่น้อย เพราะใบหน้าของเด็กหนุ่มดูอ่อนเยาว์จนคล้ายเด็กน้อยที่หลับสนิท แต่เมื่อคำสั่งของลูกพี่ใหญ่มาถึง ก็จำใจต้องปฏิบัติ
“ โหสิเถอะนะ เจ้าหนู อ้วนจำเป็นต้องทำ ” เจ้าอ้วนกล่าวขอโทษ ก่อนเอื้อมมือมาจับลำคออันผอมบาง เพื่อทำการปลิดชีพ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ