The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) สาหัสมั้ยล่ะตัวเอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.pexels.com

 

 

       เมื่อชาวแก๊งตกลงกันได้ พวกเขาก็เตรียมบุกเข้ามาพร้อมกัน มาวินเห็นดังนั้น จึงตั้งท่ารับแบบรัดกุม กรงเล็บทั้งสองข้างถูกกางออก คิ้วบางกระตุกเล็กน้อย เพราะนึกกังวลที่อีกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน มันทำให้ต่อสู้ได้ยากยิ่งกว่าเดิม 

         

 

        ทั้งสองฝ่ายจ้องตากันแน่วนิ่ง รอบด้านปราศจากเสียง ราวกับทั้งโลกจะไร้สรรพสิ่งใดๆ ทันใดนั้นเอง ศรีก็แผดเสียงแหลมเป็นสัญญาณ 

 

“ ลุยเลย พวกเรา ” 

         

 

        สิ้นเสียงร้อง เหล่าสมุนก็กรูกันเข้ามาโจมตีด้วยท่วงท่าที่หลากหลาย มาวินรอจังหวะให้อีกฝ่ายถึงระยะสามก้าว จากนั้นก็ใช้เท้าขวางัดหินก้อนเขื่องให้พุ่งใส่ศัตรูที่วิ่งล้ำหน้า 

 

“ เปรี้ยง ” 

 

“ โอ๊ย ” 

       

 

        สามก้าวนั้นเป็นระยะที่ใกล้เกินกว่าจะหลบหลีก ก้อนหินพุ่งอัดเข้าไปเต็มหน้า ส่งผลให้ลิ่วล้อผู้นั้นถึงกับหงายหลัง 

        

 

        เมื่อเกิดเหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้ สมุนที่เหลือก็เกิดอาการชะงักงัน วินาทีต่อมาเด็กหนุ่มหัวเขียวก็พุ่งเข้ามาถีบด้วยเท้าซ้ายใส่หนึ่งในกลุ่ม ทำให้ชายผู้นั้นกระเด็นไกล

 

“ เฮ้ย ไอ้เด็กบ้านี่ ” สมุนคนหนึ่งได้จังหวะ เขาหวดไม้พลองเข้าไปเต็มแรง โดยหมายศีรษะของเด็กหนุ่ม 

        

 

        มาวินพลิกหลบไม่ทัน เพราะเขาดันทะยานเข้ามาถีบคู่ต่อสู้จนสุดตัว ถึงกระนั้นก็ยังยกแขนซ้ายขึ้นป้องกัน

 

“ เปรี้ยง ” 

        

 

        เสียงฟาดดังสนั่นหวั่นไหว ไม้พลองหักสะบั้นเป็นสองท่อน สมุนผู้นั้นถึงกับเหวอ เพราะคิดว่าการโจมตีครั้งนี้ น่าจะสามารถฟาดเด็กหนุ่มให้สลบในทีเดียว แต่แปลกใจไม่นาน ก็ถูกกรงเล็บจากมือขวากระแทกเข้าไปที่ลำตัวแบบรัวๆ ด้วยความเร็วและแรง ทำให้กายของเขาแอ่นไปแอ่นมา 

 

“ อุ้ก อั้ก โอ้ก ” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังทุกครั้งที่กรงเล็บนั้นสัมผัสกาย 

          

 

        เด็กหนุ่มปล่อยกรงเล็บเกือบยี่สิบครั้ง ดอกสุดท้าย ถูกซัดเข้าไปที่กลางหน้าผาก ส่งผลให้สมุนรายนั้นล้มลงไปนอนหงาย ตาลอย แต่มาวินไม่จบเพียงเท่านั้น เขายังโจมตีต่อเนื่องด้วยการกระโดดเข้าใส่ลิ่วล้อที่เอาแต่กุมหน้า เท้าอันหนักหน่วงปะทะเข้าไปที่ซอกคอแบบเต็มๆ ทำให้ร่างกำยำร่วงลงไปนอนแน่นิ่งอีกหนึ่งราย 

 

“ ฟู่..... ” เด็กหนุ่มเป่าปากระบายลมร้อนที่อยู่ในตัว ทันใดนั้นเองความเจ็บปวดก็แล่นผ่านมายังแขนซ้ายของตนเอง 

 

“ โอ๊ย..... ” เด็กหนุ่มครวญเบาๆ สายตาเหลือบมองท่อนแขนที่บัดนี้เริ่มแดงช้ำและปูดบวม 

 

“ น่าจะกระดูกหักซะล่ะมั้ง ไม่น่าอวดเก่ง รับไม้พลองนั้นเลย แต่ก็ดีกว่าหัวแตกล่ะน่า ” เด็กหนุ่มคาดเดาอาการบาดเจ็บ ก่อนคิดแผนต่อไป ทันใดนั้นเอง….. 

 

“ โอ๊ย...... ” เด็กหนุ่มร้องครวญออกมาอีกครั้ง สาเหตุเพราะถูกมีดขนาดเล็กปักเข้ามาที่ร่างกายถึงสามเล่ม เป้าหมายของมันก็คือหัวไหล่ขวา ต้นขาซ้ายและต้นขาขวา ทุกเล่มล้วนไม่พลาดเป้า บ่งบอกถึงฝีมือการขว้างที่แม่นยำ 

 

“ อุ้ก ” เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่งคุกเข่า เขาหันหน้าไปยังทิศทางที่มีดพุ่งเข้ามา ก็พบกับมือขว้าง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ศรี”  

 

“ กิๆ..... ก็บอกแล้วเดี้ยนถนัดแต่ลอบกัด ” หนุ่มหน้าสวยหัวเราะร่วนจนชวนกวนอารมณ์ แต่ถ้ามองให้ดีๆ ก็น่าเอ็นดู ถ้าเธอเป็นผู้หญิงจริงๆ 

 

“ บ้าชะมัด ลืมไปว่ามันมีอีกคน งี่เง่าที่สุด ” เด็กหนุ่มตำหนิตัวเองที่เผลอเรอ ก่อนพยายามกัดฟันลุกขึ้นยืน สายตายังคงแข็งกร้าวดุจเดิม 

 

“ ฮิๆ นี่คิดว่าเดี้ยนจะเข้าไปสู้ตรงๆหรือยะ เท่าที่เห็น นายก็มีฝีมือพอตัว เดี้ยนไม่เสี่ยงเข้าไปฟาดฟัดด้วยหรอก กลัวหน้าสวยๆจะเสียโฉมจ้า..... ” ศรีลอยหน้าลอยตาพูด

 

“ เออ ถึงเธอไม่เข้ามา ชั้นก็จะบุกเข้าไปเอง รับมือ ” เด็กหนุ่มรวบรวมกำลังกายที่เหลืออยู่น้อยนิด เพื่อพุ่งเข้าไปต่อยด้วยหมัดขวา

 

“ ว้าย...... ” ศรีร้องเสียงหลง อย่างกับการโจมตีนั้นจะรุนแรงระดับนิวเคลียร์ นางกระโดดหลบหมัดอย่างง่ายดาย 

 

“ ฟู่...... เกือบไปแล้วนะยะ ถ้าหมัดของนายโดนหน้าเดี้ยน จะรับผิดชอบยังไง เจ้าเด็กโสโครก ” นางศรีตวาดแว้ด ทำให้เด็กหนุ่มทำตาปริบๆ ก่อนจะโวยกลับ

 

“ นี่ ถ้าไม่ให้ชั้นต่อยเธอ แล้วเราจะสู้กันยังไง ” 

 

“ ฮิๆ ก็ให้เดี้ยนใช้นี่ไง ” ศรีแอบหยิบบางสิ่งจากด้านหลัง มันมีลักษณะเป็นเส้นสีดำที่ขดตัวเป็นวงกลม

 

“ อะไรน่ะ ” เด็กหนุ่มนึกสงสัย พลางเพ่งมอง 

 

“ ฮุๆ เขาเรียกสิ่งนี้ว่า.....แส้ ” ศรีพูดจบ ก็ตวัดมืออย่างรวดเร็วชนิดไม่ยอมให้เด็กหนุ่มได้ตั้งตัว 

       

 

        มาวินเห็นบางสิ่งวิ่งตรงมาที่เขา วินาทีต่อมา ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ซ้าย คล้ายถูกของมีคมคมกรีดใส่ ส่งผลให้เด็กหนุ่มเซถลาไปข้างหลังจนเกือบล้ม 

 

“ ไง มองไม่ทันล่ะซิ.....” ศรีร้องบอก สีหน้าดูเบิกบาน นางขยับแส้ดำในมืออย่างคล่องแคล่ว อาวุธร้ายถูกกวัดแกว่งไปรอบร่างบาง มองดูคล้ายอสรพิษสีดำขนาดเขื่องตัวหนึ่ง 

 

“ ฮะๆ ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ ในใจคิดว่าแค่สู้กันธรรมดาก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาเจออาวุธระยะไกลที่รวดเร็วอย่างแส้นี้อีก  

 

“ เอาล่ะนะ เรามาสนุกกันต่อเถอะ เบบี้ ” ศรีรู้สึกสะใจที่เป็นฝ่ายทำคนอื่นอยู่ข้างเดียว เจ้าหล่อนตวัดแส้ดำท่อนเขื่องใส่อย่างรวดเร็ว อาวุธร้ายที่คล้ายอสรพิษหวดเข้าไปที่สรรพเรือนกายอันผอมเกร็ง ส่งผลให้เด็กหนุ่มเซไปมา

       

 

        มาวินไม่สามารถหลบหลีก เพราะอาการบาดเจ็บที่ต้นขา ทำให้ความเร็วตกลงไปมาก ถึงกระนั้นแววตาของเด็กหนุ่มก็ยังแข็งกร้าว ดวงตาเรียวเล็กมองการตวัดไปมาของอสรพิษดำอยู่ตลอด เขากำลังรอจังหวะ 

 

“ ดีล่ะ ” ทันใดนั้นเอง เด็กหนุ่มก็ร้องออกมาดังๆ พร้อมยกมือขวาขึ้นจับปลายแส้ที่ตวัดใส่ เมื่อผนึกมันได้ เขาก็กำแน่นชนิดที่ถึงตายก็ไม่ยอมปล่อย 

 

“ ว้าย..... ” ศรีอุทานดัง เด็กหนุ่มสกปรกตรงหน้าเกิดตะปบปลายแส้ของเธอได้ 

 

“ หึๆ เป็นไงเล่า ชั้นจับแส้ของเธอได้ แส้ดำมักจะหวดเข้ามาที่หน้าผากในการฟาดครั้งที่สาม เธอนี่มันโจมตีตามตำราจริงๆ ” เด็กหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็น ทั้งที่ทั่วกายปรากฏริ้วรอยแดงจากรอยแส้ บางจุดก็เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา 

 

“ ว้ายๆ อย่าๆ อย่านะ ” ศรีร้องเสียงหลง สีหน้าท่าทางราวกับสาวเจ้าที่กำลังเผชิญโจรบ้ากาม 

 

“ เฮ้ย จะร้องแบบนั้นทำไม ชั้นไม่ทำมิดีมิร้ายเธอหรอกน่า แต่จะปล่อยไปก็ไม่ได้ ยังไงซะก็คงต้องอัดให้สลบก่อน ” เด็กหนุ่มหัวเขียวตวาดใส่ 

 

“ อย่าๆ ไม่นะ ” ศรียกมือทั้งสองข้างกุมศีรษะ เธอดูหวาดกลัว 

 

“ โหสิเถอะนะ ” เด็กหนุ่มขอโทษเบาๆ ก่อนทะยานเข้าไป เพื่อหวังน็อคศรีให้ได้ในหมัดเดียว 

        

 

        ทันทีที่มาวินเข้าถึงตัว อาการหวาดกลัวของศรีก็หายไป รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏออกมา พร้อมกับมีดคมที่พุ่งจากมือขวา เป้าหมายคือ.....หน้าท้องของเด็กหนุ่ม

 

“ ฉึก ” 

        

 

        มีดคมทิ่มทะลุเนื้อ เลือดแดงฉานพุ่งทะลัก มันปักเข้าไปที่หน้าท้องของเด็กหนุ่มร่างเล็ก 

 

“ ฮ่าๆ เป็นไง ไหนว่าจะเล่นงานชั้นไง เจ้าเด็กโสโครก พุ่งโง่ๆเข้ามา ก็โดนมีดกะซวกเข้าไปเต็มๆ สะใจมั้ยเล่า ” ศรีร้องดังด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ ในครั้งนี้หล่อนลืมดัดเสียง พร้อมเปิดเผยธาตุแท้ที่แสนอำมหิตออกมา 

 

“ อู้ย....... ” เด็กหนุ่มหัวเขียวเริ่มเซ 

 

“ เหอๆ นายล้มลงไปนอนตายได้แล้ว โดนกะซวกเข้าเต็มท้องแบบนี้ ”  ศรีร้องบอกแบบเหยียดๆ 

        

 

        ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตายังเปล่งประกายเจิดจ้าดุจเดิม ซึ่งดูยังไงก็ไม่เหมือนคนใกล้ตาย ยิ้มฝืนๆปรากฏขึ้นมา ซักพักก็เอ่ยคำด้วยเสียงที่สั่นเทา 

 

“ ฮะๆ ก่อนจะพูดอะไร ช่วยก้มไปดูด้วยว่ามีดของเธอโดนตรงส่วนไหน แต่บอกตรงๆ ชั้นเจ็บจริงๆนะเนี่ย ”  

 

“ อะ......หมายความว่า ” ศรีก้มลงไปมอง ทันใดนั้นเองหัวใจก็แทบจะตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อประจักษ์ว่ามีดสั้นที่หมายมั่นปั้นมือจะฝากฝังไว้ที่ท้อง ดันไปปักที่มือซ้าย 

 

“ ชั้นเห็นแล้วว่าเธอซ่อนมีด เลยยกมือซ้ายขึ้นรับ เพื่อที่ว่า…….” เด็กหนุ่มพูดช้าๆ 

 

“ ว่า….” ศรีถามต่อ 

 

“ อย่างนี้ไง ” เด็กหนุ่มพูดจบ ก็เอาหัวแข็งๆกระแทกไปที่ใบหน้า ทำให้ศรีล้มลงไปนอนกองกับพื้น น้ำลายไหลยืดไปอีกคน 

 

“ ฮะๆ จบแล้วมั้ง ” เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ซึ่งบัดนี้มีเพียงเขายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ผู้เดียว ก่อนจะล้มกายลงนั่ง

         

 

        เด็กหนุ่มเอนตัวไปข้างหลัง มือขวาเท้าไปที่พื้น มือซ้ายห้อยแนบลำตัว เนื่องจากมันหักไปแล้ว ขาสองข้างเหยียดยาว ดวงตาหลับพริ้มคล้ายกำลังจะพักฟื้น ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมสำนึกถึงบางอย่าง 

 

“ ยังไม่จบนี่ เราต้องไปช่วยยัยโย่ง ” 

        

 

        เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็จัดการดึงมีดที่ปักตามร่างกายออกมา ทำให้เลือดไหลทะลักจากปากแผล เขาจึงต้องหันมาพยาบาลตัวเองด้วยการเอาเสื้อเชิ้ตของพวกลิ่วล้อที่นอนกองกับพื้นมาทำเป็นผ้าพันแผล ( แต่ไม่กล้าถอดเสื้อของศรี เพราะกลัวเจอโนตมๆ ) 

        

 

        หลังจากเด็กหนุ่มผันแผลให้ตัวเองเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แล้วเดินเซไปยังทิศทางที่กาสเซ่สิงสถิต ดวงตาเรียวเล็กเปล่งประกายมุ่งมั่น แม้ใบหน้าจะซีดเผือดและอ่อนล้าจากการเสียเลือด

 

“ รอก่อนเถอะ ยัยโย่ง ” 

 

…………………………

          

        กาสเซ่ยืนกอดอกแบบเท่ๆ คล้ายนายแบบเกาหลี แผ่นหลังที่กว้างใหญ่พิงต้นไม้อยู่ ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงใหญ่ๆของชายผู้หนึ่ง มาเฟียร่างยักษ์จำได้ในทันทีว่าเจ้าของเสียงนั้นก็คือ เปรุสซี่ สมุนเอกร่างอ้วน

 

“ ลูกพี่ แย่แล้ว ” 

        

 

        พอกาสเซ่ได้ยินเสียงร้อง เขาก็รีบตอบกลับโดยเร็ว น้ำเสียงร้อนรน 

 

“ มีอะไรวะ เจ้าอ้วน เกิดอะไรขึ้น ” 

         

 

         สมุนร่างอ้วนปรากฏกาย เขาวิ่งเข้ามาหากาสเซ่ด้วยอาการกระหืดกระหอบ โดยมีลิ่วล้อประมาณ 20 คนวิ่งตามมาติดๆ ทันทีที่ถึงตัว อ้วนจอมเพี้ยนก็ทรุดลงไปกอดขาของลูกพี่ใหญ่ พลางร้องละล่ำละลัก ท่าทางเสียขวัญ คล้ายเด็กน้อยที่ตามหาแม่ไม่เจอ 

 

“ ฮือ....... แย่แล้ว ลูกพี่ ” เจ้าอ้วนร้องไห้ฟูมฟาย น้ำหูน้ำตาไหลทะลักออกมามากมายจนเปราะเปื้อนใบหน้าอันอวบอูม

 

“ เฮ้ย ใจเย็น มีอะไรค่อยๆพูด อย่าเพิ่งร้องไห้ ” เมื่อเห็นสภาพน่าอนาถของเจ้าอ้วน กาสเซ่ก็นึกเวทนา

 

“ ซิกๆ ” เจ้าอ้วนสะอื้นไห้ 

 

“ เอ้า ว่ามา มีอะไร อ้วน ” กาสเซ่เริ่มถามเสียงอ่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสงสารหรือเปล่า

         

 

        เจ้าอ้วนเหลือบมองลูกพี่หุ่นกอริลลาแวบหนึ่ง ดวงตาเล็กหยีหลุกหลิก คล้ายกำลังคิดคำนวณอะไรบางอย่าง ก่อนยืนตรงและเปลี่ยนสีหน้าเป็นร่าเริงอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ร้องตอบช้าๆแบบเด็กหัดพูด 

 

“ ลูกพี่คร้าบ....... ผม....หา....มัน....ไม่เจอ ”

       

 

         กาสเซ่ทั้งมึน ทั้งงงอย่างรุนแรง เขาสตั้นกับสิ่งที่เกิดอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะตั้งสติได้และถามเจ้าอ้วนเบาๆ 

 

“ ว่าแต่เอ็ง ทำไมต้องร้องไห้ก่อนเล่าวะ ”  

 

“ อ้าว.....ก็ถ้าทำเศร้าก่อนเล่า ลูกพี่จะใจอ่อนและไม่เตะอ้วนต่อไง เก่งป่ะล่ะ นี่คิดแผนนี้ขึ้นมาเองเลยนะเนี่ย ” เจ้าอ้วนยืดอก พร้อมตอบอย่างภาคภูมิใจ 

 

“ เฮ้อ...... โอเค กูเข้าใจมึงแหละ ” กาสเซ่คอตกยิ่งกว่าเก่า ใจกลับนึกเวทนาตัวเองที่สมุนมือซ้ายของเขาเป็นแบบนี้ 

          

 

         กาสเซ่เลือกสอบถามพรรคพวกที่ติดตามเจ้าอ้วน เพราะคิดว่าถ้าถามสมุนมือซ้ายที่ไม่เต็มบาท คงฟังไม่รู้เรื่อง แต่คำตอบที่ได้รับ ปรากฏว่าไม่มีใครเจออะไรที่น่าสนใจ มาเฟียร่างยักษ์จึงนึกสงสัยว่ากังฟูสาวนั้นหายไปไหน ทันใดนั้นเอง หางตาก็เหลือบไปเห็นถ้ำใหญ่ คิ้วพลันกระตุกอย่างรุนแรง คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงหันไปสั่งพรรคพวก 

 

“ เฮ้ย พวกเอ็งตามข้าเข้าไปสำรวจในถ้ำนั้นที ” 

 

“ อ้าว..... จะเข้าไปดูอะไร ลูกพี่ ” เจ้าอ้วนถาม สีหน้าเอ๋อรับประทาน 

 

“ ข้าสงสัยว่านังหนูกังฟูเท้าไวน่าจะ…..” กาสเซ่พูดช้าๆ คล้ายกำลังใช้ความคิด 

 

“ ซ่อนอยู่ในนั้น ” เจ้าอ้วนโพล่งออกมา 

          

 

        กาสเซ่หันไปมองหน้าเจ้าอ้วน เขาแปลกใจที่จู่ๆสมุนจอมเพี้ยนเกิดฉลาดขึ้นมาซะอย่างงั้น ตกลงมันแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่ แต่กังขาได้แวบเดียว ก็ปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยและหันไปสั่งพรรคพวกอีกครั้ง 

 

“ เออ ตามนั้น ไปลุยกันได้แล้วโว้ย ” 

        

 

         กาสเซ่กับพวกเดินตามกันมาติดๆ ท่วงท่าของมาเฟียร่างยักษ์ดูองอาจ คล้ายไม่เกรงกลัวกับอันตรายใดๆ ขณะที่ลูกสมุนที่เหลือต่างพากันเดินย่อตัวและกระชับไม้พลองในมือเอาไว้แน่น เพราะทุกคนรู้ดีว่าศัตรูที่กำลังเผชิญ มีฝีมือร้ายกาจมาก แต่ก่อนจะก้าวเข้าเขตถ้ำ ทุกคนก็ได้ยินเสียงห้าวที่ดูกวนๆ 

 

“ เฮ้ย จะไปไหนกัน ไปด้วยคนดิ ” 

       

 

         กาสเซ่และพรรคพวกรีบหันกลับมา สายตาทั้งยี่สิบสองคู่เห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าของเสียงนั้นก็คือ.....มาวิน 

 

“ เฮ้ย แกรอดมาได้…..” กาสเซ่ถึงกลับตาค้าง เขาตกตะลึง

 

“ ใช่ รอดมาครบ 32 ประการเลย ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ 

         

 

         กาสเซ่แทบปรับอารมณ์ไม่ทัน เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มร่างเล็กจะสามารถรอดจากสหบาทาของเหล่าลิ่วล้อกว่าครึ่งร้อยได้ แต่บัดนี้วายร้ายตัวน้อยกลับปรากฏตัวต่อหน้า งั้นแบบนี้ก็แปลว่า....... 

 

“ แล้วพวกลูกน้องของข้าล่ะ ไอ้หนู ” กาสเซ่ถามรัวเร็ว  

 

“ ฮะๆ ถ้าไม่นอนน้ำลายยืด ก็นั่งหมดแรงสิ้นสภาพกันหมดแล้วล่ะ วิ้ด.....วิ้ว......” เด็กหนุ่มตอบแบบกวนๆ ท่าทางดูสบายอกสบายใจยังไงชอบกล มิหนำซ้ำ หลังพูดจบ ก็ผิวปากเล่นซะหนึ่งดอก 

 

“ เอาไงดี ลูกพี่ มันเล่นงานคนตั้งครึ่งร้อย แถมมายืนผิวปากสบายใจต่อหน้าเราอีก ท่าทางมันจะเก่งเกินมนุษย์แล้วนะ ถอยก่อนดีกว่ามั้ง ” ไอ้อ้วนสะกิดกาสเซ่เบาๆ พลางยื่นข้อเสนอให้ลูกพี่

          

 

          กาสเซ่ตกตะลึง เขานึกไม่ออกเลยว่าคนๆเดียวจะอัดชายกว่าครึ่งร้อยจนหมอบราบไปได้ยังไง แต่เมื่อความตกใจเบาบางลง เขาก็เริ่มกลับมามีสติอีกครั้งจนสังเกตเห็นบางอย่างบนกายของเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแผลเล็กแผลน้อย ผ้าพันแผลที่หัวไหล่ขวา มือซ้าย ต้นขาทั้งสองข้าง ส่วนท่อนแขนซ้ายยังถูกดามกระดูกด้วยกิ่งไม้ใหญ่ สิ่งนี้ทำให้มาเฟียร่างยักษ์ถึงกับอมยิ้ม 

 

“ เอ๊ะ เจ้านี่มันบาดเจ็บสาหัสอยู่นี่หว่า ต่อให้มันเก่งยังไง แต่ถ้าฝืนสู้ต่อไป ก็น่าจะเกินขีดจำกัดของร่างกาย ดีล่ะ ” 

             

 

          เมื่อกาสเซ่นึกได้ เขาก็ร้องสั่งลูกน้องสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ 

 

“ พวกเอ็งสามคนตั้งขบวนรับ แล้วล้อมกรอบตีมันอยู่ห่างๆ อย่าผลีผลามเข้าคลุกวงใน ” 

 

“ เอ่อ…จะดีหรือครับ ไอ้เด็กนี่มัน…ปีศาจดีๆนี่เอง ” หนึ่งในสามลูกน้องโอดครวญ ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็พยักหน้าหงึกๆ ท่าทางหวาดกลัวเป็นที่สุด 

 

“ เออน่า เอ็งไม่เห็นรึไงว่าสภาพของมันใกล้เน่าขนาดไหน ดูดีๆสิ ” กาสเซ่กอดคอสมุนที่อยู่ใกล้ตัว พร้อมกระซิบเบาๆแค่พอให้ได้ยิน 

 

“ เอ่อ......จะว่าไปก็......ใช่ครับ ” ลูกน้องทั้งสามใจชื้นขึ้น เมื่อเห็นสภาพร่อแร่ของเด็กหนุ่ม 

 

“ ดังนั้น พวกเอ็งไปลุยกับมันได้ แต่อย่าลืม.....ห้ามเข้าไปคลุกวงในเด็ดขาด ” พอขวัญและกำลังใจของลูกน้องดีขึ้น กาสเซ่ก็ผลักสมุนทั้งสามออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ไม่วายจะร้องเตือน 

          

 

         สมุนทั้งสามกระชับไม้พลองในท่าตั้งรับ จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเข้าหาเด็กหนุ่มหัวเขียวที่ยืนเท่รับศึกด้วยความสบายใจ มือทั้งสองล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แถมยังผิวปากเสียงดังด้วยเพลงอะไรก็ไม่รู้ 

 

“ วิ้ด......วิ้ว......วู้ด......วู้ด.....”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา