The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) พบสหายเก่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://pixabay.com
ดึกสงัดกลางป่าลึก บรรยากาศรอบด้านดูมืดมิด เสียงแมลงเล็กๆดังระงมจนชวนวังเวง แต่ถ้ามองอีกมุม กลับให้ความรู้สึกสดชื่น ด้วยเป็นธรรมชาติที่ปราศจากสิ่งใดเจือปน
บริเวณหน้าปากถ้ำใหญ่ ได้ปรากฏกองไฟดวงโต ข้างๆมีเด็กหนุ่มนายหนึ่งนอนขดตัวหลับใหลอย่างเป็นสุข ร่างเล็กเพรียวถูกซ่อนอยู่ในชุดกังฟูขาดๆ เส้นผมสีเขียวบนศีรษะกระเซอะกระเซิงดูไม่เป็นทรง เขาจะฝันอะไรไม่ทราบได้ รู้แต่ว่าตอนนี้กำลังอมยิ้ม น้ำน้อยๆไหลย้อยที่มุมปากจนเจิ่งนองพื้นดินตรงจุดที่นอน ส่วนอีกฟากของกองไฟ ก็มีเด็กสาวร่างสูงเพรียวในชุดกังฟูสีแดงประจำการ เธอกำลังนั่งหลับ หลังพิงต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม บ่งบอกถึงอุปนิสัยที่จริงจัง
เด็กหนุ่มหัวเขียวตกอยู่ในห้วงนิทรานานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่ในที่สุดเขาก็ผวาตื่นและลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมแหกปากเสียงดังแบบไม่เกรงใจใคร
“ ว้าก.... ซวยแล้ว อย่าทับช้านนน…… ”
เด็กหนุ่มอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มปรับอารมณ์ได้และเข้าใจว่าสิ่งที่เผชิญเมื่อครู่ เป็นเพียงความฝัน จึงรำพันกับตัวเอง พร้อมปาดเหงื่อ
“ เฮ้อ...... ดีนะที่เป็นแค่ความฝัน นึกว่าจะถูกหมูหันที่ใหญ่เท่าตึกสามชั้นไล่ทับ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว ”
มาวินกดดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าปัด บอกให้รู้ว่า….ตีสาม ทำเอาเด็กหนุ่มออกอาการเซ็งเล็กน้อย
“ บ้าจัง ดันตื่นมากลางดึก เลยนอนไม่เต็มแม็ก ว่าแล้วก็นอนต่อดีกว่า ”
พอเด็กหนุ่มพูดจบ ก็เตรียมล้มตัวลงนอน แต่ก่อนที่ดวงตาเรียวเล็กจะปิดสนิท หูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ พวกนั้นกำลังมุ่งตรงมายังจุดที่พักแรม
“ เอ๊ะ เสียงฝีเท้าคนนี่ จำนวนมากซะด้วย ” เด็กหนุ่มคิดในใจ เขารู้สึกสงสัยอยู่นิดๆ จึงลุกขึ้นยืน เพื่อเดินไปยังทิศทางที่เกิดเสียง
ขณะที่เด็กหนุ่มหัวเขียวกำลังจะก้าวพ้นกองไฟ ก็มีอุ้งมือแกร่งจับหมับไปที่ข้อเท้า ทำให้เขาตกใจจนต้องหันกลับไปดู
“ เอ๊ะ ใคร… อ้าว เธอเองหรือ ” เมื่อเห็นว่าผู้ที่จับข้อเท้าคือเด็กสาวร่างสูง เด็กหนุ่มจึงร้องทัก ท่ามกลางเงามืดที่ปกคลุมอยู่โดยรอบ มีเพียงประกายตาคมวาวของกังฟูสาวที่สะท้อนกลับมา บ่งบอกให้รู้ว่าเธอก็ตื่นอยู่เหมือนกัน
“ นายจะไปไหน ” เสียงห้าวๆถูกเปล่งออกมา
“ อ้อ..จะไปดูว่าใครมา ท่าทางจะมากันเยอะ ” เด็กหนุ่มตอบ
“ งั้นนายก็ไปผิดทาง พวกมันมาจากทางด้านโน้นต่างหาก ชั้นได้ยินเสียงฝีเท้ามาซักพักแล้ว ” เด็กสาวร่างสูงตอบ พลางชี้นิ้วยังทิศตรงข้าม
“ อ้าว…..เหรอ แต่ชั้นได้ยินเสียงจากทางนี้ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวงงนิดๆ เขาโต้เถียง เพราะเชื่อในหูของตัวเอง
เด็กสาวไม่ตอบประการใด เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่สุขุมเกินวัย จากนั้นก็กล่าวแผ่วเบาแค่พอได้ยิน
“ ในป่า มันยากจะบอกว่าเสียงมาจากทางไหน ต้องคนคุ้นเคยเท่านั้น ถึงจะพอจับทิศทางได้ อีกประการยามค่ำคืนกลางป่าลึก กลับปรากฏกลุ่มคนหลายสิบ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องดี ใจคอนายคิดจะเดินเข้าไปหาตรงๆเลยหรือ ”
หลังได้รับคำเตือน มาวินก็เริ่มได้คิด เขาทะเล่อทะล่าเกินไป จึงหันกลับไปถามเด็กสาวถึงหนทางแก้ไข
“ จริงอย่างเธอว่า แล้วเราควรจะทำยังไง ”
กลางดึกสงัดเช่นนี้ ย่อมมืดมิดจนยากจะมองเห็น แต่เด็กหนุ่มสาบานได้ เขามองเห็นรอยยิ้มน้อยๆของเด็กสาวแวบหนึ่ง จากนั้นเธอก็ตอบคำถามโดยพลัน ราวกับว่าเรื่องพูดมา มันง่ายดายไม่ต่างจากปอกกล้วยเข้าปาก
“ ไม่ยาก เราก็ซ่อนตัว เพราะดูจากทิศทางการเดิน ชั้นคิดว่าพวกนั้นน่าจะมุ่งตรงมาหาเรา ”
“ หา….. แล้วจะซ่อนยังไง ซ่อนตรงไหน ” เด็กหนุ่มเหลือบมองไปรอบทิศทาง เขาไม่เห็นที่ซ่อนเลย เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นพื้นที่เปิดโล่ง
“ ตรงนี้ไง ” เด็กสาวตอบสั้นๆ ก่อนกระโจนขึ้นสู่เบื้องบน สองมือและสองเท้าตะกุยต้นไม้สูงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียว เธอก็ยืนอยู่บนยอดไม้
“ เหวอ….. ทะ....เธอทำได้ไง อย่างกะหนังจีนกำลังภายในเลย ” ทันทีที่ได้เห็นวิชาตัวเบาอันล้ำเลิศของอาจารย์สาว เด็กหนุ่มก็ตกตะลึงอย่างรุนแรง
มาวินถึงกับอ้าปากค้าง ใจรู้สึกทึ่งกับความสามารถอันสูงส่ง เวลาต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงของเด็กสาว แต่มองไม่เห็นตัว เพราะยอดไม้อยู่สูงเกินไป มิหนำซ้ำยังมีกิ่งไม้และใบไม้รกครึ้มคอยบดบัง
“ ตานายแล้ว โดดขึ้นมาเลย ”
“ หา..... เธอเห็นชั้นเป็นลิงเป็นค่างหรือไง บ้าน่า จะทำแบบนั้นได้ยังไง ” เด็กหนุ่มหัวเขียวตอบกลับ พอนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ มีกลุ่มคนเข้ามาหาด้วยวัตถุประสงค์ที่ยังไม่แน่ชัด จึงสงบปากสงบคำ แล้วพยายามขบคิด เพื่อหาทางแก้ไข
“ เอางี้มั้ย เธอหย่อนเชือกลงมา แล้วชั้นจะได้ปีนขึ้นไป ” เด็กหนุ่มหัวเขียวเสนอแนะ บนยอดไม้เงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงตอบกลับ
“ ชั้นไม่มีเชือก ถ้าปีนขึ้นมาไม่ได้ นายก็ตายอยู่ข้างล่างนั่นแหละ ”
พอได้ฟังคำตอบที่ไร้น้ำใจสุดๆ เด็กหนุ่มก็ถึงกับหัวร้อนจนอดไม่ได้ที่จะตวาดกลับ
“ หน็อย..... ยัยบ้าเอย แล้งน้ำใจชะมัด เชอะ ต้นไม้แค่นี้ เดี๋ยวชั้นก็ปีนได้ คอยดูสิ ” เด็กหนุ่มคำรามลั่นด้วยความโมโห จากนั้นก็เดินถอยหลังออกมาหลายก้าว เพื่อตั้งหลัก
พอเด็กหนุ่มถอยไปไกลราวๆสิบเมตร เขาก็นิ่งตรึกตรองว่าจะใช้วิธีใดในการปีน
“ เอ…. เมื่อกี้นี้ ยัยนั่นทำยังไงหว่า มันเร็วจนเรามองไม่ทันซะด้วยสิ ”
เด็กหนุ่มหัวเขียวยืนเกาคาง เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกออก
“ ดีล่ะ ใช้วิธีนี้ดีกว่า ไม่เปลืองแรง ”
เมื่อความคิดตกผลึก เด็กหนุ่มก็ถอดเสื้อออก จากนั้นก็ม้วนและบิดมันให้เรียวยาวจนดูคล้ายเชือกเส้นโต เขาตรงไปที่ต้นไม้ขนาดสองคนโอบ แล้วตวัดเสื้อที่ม้วนให้โอบล้อมรอบลำต้น พร้อมดึงรั้ง เพื่อรัดไม้ใหญ่ไว้ให้แน่น
“ ดีล่ะ ขอเลียนแบบการปีนต้นไม้แบบเก่าแก่หน่อยเถอะ ” เด็กหนุ่มพูดจบ เขาก็กระโดดขึ้นไปเต็มแรง เพียงครั้งแรกก็ทะยานขึ้นไปเกือบสามเมตร จากนั้นเขาก็อาศัยแรงตรึงจากเสื้อที่ม้วนยาวและสองเท้า เพื่อรั้งไม่ให้ร่วงหล่นลงมา พอตั้งหลักได้ ก็ถีบตัวลอยสูงจากจุดเดิมและสลับมาใช้ผ้าตรึง
มาวินใช้วิธีนี้ปีนต้นไม้ ดูเขาชำนาญและว่องไวพอสมควร ในที่สุดก็ปีนขึ้นมาถึงจุดที่เด็กสาวซ่อนตัวได้สำเร็จ
“ โอ้โห….. นายมีอะไรให้ชั้นอึ้งอีกแล้ว ” เด็กสาวออกปากชมจากใจจริง
“ เชอะ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวสะบัดหน้าหนี เขาทำเมินด้วยอาการงอน จากนั้นก็สะบัดเสื้อเก่าไปมา เพื่อนำกลับมาสวมใส่
เด็กสาวร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อย ความรู้สึกคล้ายจะเอ็นดู อึดใจต่อมา พวกเขาก็หันเหความสนใจไปที่แคมป์ไฟ
ทั้งสองรออยู่นานพอสมควร เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกว่าพวกนั้นกำลังจะเข้ามาใกล้ มันชวนตื่นเต้นจนมาวินรู้สึกร้อนรน ส่วนเด็กสาวร่างสูงยังคงนิ่งเฉย ดวงตาคมกร้าวจับนิ่งไปที่จุดพักแรมอยู่ดุจเดิม
“ เอ่อ….. เธอคิดว่าพวกมันมาทำอะไรกันในป่า ” เด็กหนุ่มหัวเขียวอดใจไม่ไหว จึงเปิดปากถาม
เด็กสาวหันหน้าไปมองมาวินแวบหนึ่ง แล้วตอบกลับด้วยเสียงกระซิบ
“ ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ เพราะที่นี่คือป่า ไม่ควรมีใครเพ่นพ่านในเวลานี้ แถมจำนวนก็มีมากจนน่าสงสัย ถ้าคำนวณไม่ผิด คิดว่าไม่ต่ำกว่า 50 คน ”
“ โห...... เยอะไปมั้ง..... ” เด็กหนุ่มตกใจจนเผลอร้องดัง
“ ชู้ว.... ไอ้บ้า อย่าเสียงดังสิ ” เด็กสาวจุ๊ปาก พลางคำรามเบาๆในลำคอ
“ อุ้บ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวเพิ่งรู้สึกตัว เขาจึงรีบปิดปากตัวเอง แต่ก็ไม่ทันกาล ทั้งสองได้ยินเสียงห้าวใหญ่ของชายฉกรรจ์คนหนึ่ง
“ เฮ้ย พวกเรา ข้าได้ยินเสียงคล้ายคนร้องทางทิศนี้ ตามมา ”
ทันทีที่สิ้นคำ วัยรุ่นทั้งสองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมาก พวกนั้นวิ่งกรูมายังจุดที่หลบซ่อน เด็กหนุ่มหน้าเสีย พอเงยหน้าขึ้นมา จึงพบว่าเด็กสาวร่างสูงมองอยู่ก่อนแล้ว แม้เวลานั้นอากาศจะมืดมิด แต่ก็รู้ด้วยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังด่าเขาอยู่
ทั้งสองกบดานอยู่เงียบๆ พักเดียวก็ปรากฏกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนวิ่งตรงมาที่แคมป์ไฟ คนที่วิ่งนำเป็นชายร่างผอมสูง ท่าทางขี้โรค ซึ่งมาวินรู้สึกคุ้นตา
พอกลุ่มชายฉกรรจ์มาถึงแคมป์ไฟ ชายร่างผอมที่เป็นผู้นำก็กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแหลมสูง
“ ในที่สุด เราก็เจอที่พักของพวกมันจนได้ ”
“ แต่พวกมันดันหนีไปได้ น่าเสียดายจริงๆ ” หนึ่งในกลุ่มสมุนออกความเห็น แต่ชายร่างผอมผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มดูจะฉลาดกว่าที่คิด เขาเหลือบมองสภาพรอบด้านอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็ร้องสั่งลูกสมุนคนที่เสนอความเห็น
“ แก ไปตามกลุ่มอื่นมา ”
“ เอ๊ะ…แต่ว่าพวกมันหนีไปแล้วนี่ครับ ถ้าเราไม่รีบตาม พวกมันต้องหนีไปไกลจนตามไม่ทันแน่ๆ ” ลูกน้องคนที่โดนสั่งร้องขัด
“ ไปตามกลุ่มอื่นมา ไม่ต้องพูดมาก เร็วๆ ” ชายร่างผอมออกคำสั่งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“ คะ.....ครับ ” ลูกน้องคนนั้นขัดชายร่างผอมผู้เป็นหัวหน้าไม่ได้ เขาจึงรับคำ พร้อมวิ่งหายเข้าไปในป่า
หลังจากลูกสมุนคนนั้นวิ่งไปตามพรรคพวกตามคำสั่ง ชายร่างล่ำสัน ท่าทางเอาเรื่องก็เอ่ยถามลูกพี่ร่างผอมด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ เออ..ลูกพี่รองครับ ที่เจ้านั่นพูดมา ก็มีเหตุผลนะ ถ้ามัวแต่รออยู่ที่นี่ เราอาจตามพวกมันไม่ทันก็ได้ ”
“ ฮ่าๆ ไอ้ยักษ์เอย พวกแกดีแต่ใช้กำลัง ไม่ค่อยใช้สมองกัน ลองคิดดูให้ดี ถ้าพวกมันเผ่นหนีจากที่นี่ ก็ต้องมีรอยเท้าปรากฏอยู่บนพื้น แต่เท่าที่สำรวจ ข้าไม่เห็นรอยเท้าที่บ่งชี้ถึงการออกจากที่แห่งนี้เลย นั่นก็แปลว่าพวกมันน่าจะยังไม่หนีไปไหนและหลบซ่อนอยู่แถวนี้อย่างแน่นอน ” ชายร่างผอมหัวเราะลั่น พลางเฉลยความคิดของตนเอง
“ อืม.....ท่าจะจริง ” ชายร่างยักษ์เริ่มคิดได้ หลังจากนั้นพลพรรคนับสิบก็พยายามสอดส่องรอยเท้าที่ปรากฏ จึงพบว่ามีแต่รอยที่เดินไปเดินมา ไม่มีรอยใดบ่งบอกถึงการจากไป
“ หึๆ และอีกประการ ” คราวนี้ชายร่างผอมหัวเราะเงียบๆ
“ อะไรเหรอ ลูกพี่ ” ชายร่างยักษ์รีบทวงถาม
“ ลองดูโน่นสิ เจ้ากล้ามโตสมองฝ่อ ” ชายร่างผอมชี้ไปยังใต้ต้นไม้ อันเคยเป็นที่นอนของเด็กสาวร่างสูง
ชายร่างยักษ์มองตาม พอประสบ ดวงตาก็เบิกโพลง สิ่งที่เขาเห็นก็คือ.....กระเป๋าหนังใบย่อมที่เด็กสาวร่างสูงใช้เก็บสัมภาระส่วนตัว
“ โอ้โห…. ลูกพี่นี่เจ๋งจริงๆ ฉลาดโคตรๆ ” ลูกน้องร่างยักษ์โห่ร้องสรรเสริญ
วัยรุ่นทั้งสองมองไปยังจุดที่ชายร่างผอมชี้ ทันทีที่เห็น เด็กสาวร่างสูงก็อุทานเบาๆในลำคอ
“ ซวยแล้ว ชั้นลืมกระเป๋าไว้ข้างล่าง ”
“ หา...... ” เด็กหนุ่มร่ำร้องเบาๆด้วยความตกใจ
กระเป๋าหนังสีดำถูกทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ คราวนี้มาวินเป็นฝ่ายมองเด็กสาวบ้าง แต่เธอก็พยายามหลบตา เนื่องจากรู้ตัวดีว่างานนี้เป็นคนผิดแบบเต็มๆ แม้ความมืดจะบดบังสีหน้า แต่ยอดกังฟูสาวก็ทราบโดยสัญชาตญาณว่าขณะนี้อีกฝ่ายน่าจะทำตาเขียวใส่
ชายร่างยักษ์เดินเข้ามาหยิบกระเป๋าหนัง ทันทีที่สัมผัสถูก กายของเด็กสาวก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เธอทำท่าจะกระโจนลงมาแย่งคืน มาวินจึงกล่าวทัดทาน
“ อย่าลงไป ทำใจเรื่องกระเป๋าเถอะ เราซ่อนตัวอยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว เพราะยังไงมันก็หาเราไม่เจอ ”
แน่นอนว่าคำทัดทานของมาวินไม่เป็นผล เด็กสาวร่างสูงยังคงเกร็งกาย เธอกำลังลุ้นว่าเจ้ายักษ์จะเปิดกระเป๋าหนังออกมาหรือไม่ สิ่งที่ปรากฏทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวนึกสงสัย
“ เอ…ทำไมยัยนี่ถึงหวงกระเป๋าซะขนาดนี้ หรือว่าข้างในจะมี…..ไวเบรเตอร์ อึ้ย ” มาวินนึกไปก็หน้าแดงไป เขารังเกียจความคิดสัปดนของตนเอง (แต่ก็น่าคิดนะ ผู้เขียนเองก็สงสัยเหมือนกัน)
ระหว่างที่มาวินกำลังคิดบ้าบอไปเรื่อยเปื่อย เจ้ายักษ์ก็ชูกระเป๋าหนังขึ้นสูง ปากก็ร้องถามลูกพี่ร่างผอม
“ เฮ้ ลูกพี่รอง ให้ผมทำไงกับกระเป๋าใบนี้ ”
“ เปิดมันออก แล้วดูว่าข้างในมีอะไร ” ชายร่างผอมสั่งการ
“ ได้ครับ ลูกพี่ ” ลูกน้องร่างยักษ์พูดไม่ทันขาดคำ ก็ล้มวูบในทันที สิ่งที่เห็นในเวลาต่อมาก็คือ…..เด็กสาวร่างสูงผู้ยืนอยู่ด้านหลัง
“ อ้าว…..เฮ้ย นั่นยัยโย่งนี่นา ไหงลงไปเร็วนักเล่า ” มาวินตกตะลึง เพียงพริบตาเดียวเด็กสาวร่างสูงก็โดดผึงลงไปอัดชายร่างยักษ์จนร่วงล้ม แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะตกใจอยู่คนเดียว ชายร่างผอมและเหล่าลูกสมุนก็ยังสตั้นไปตามๆกัน อึดใจต่อมา หัวหน้ารองผู้มีสารรูปราวขี้ยาก็คืนสติ พร้อมร้องสั่ง
“ เฮ้ย..... มันนั่นเอง เจอตัวแล้ว ไปจับมา ”
ลูกสมุนหน้าเสี้ยมคนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้าใส่ แต่ก่อนจะถึงตัวกังฟูสาว ก็มีร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากที่สูง เป้าหมายคือกลางหลังของลูกสมุน มันพอเหมาะพอเจาะราวกับถูกคำนวณไว้เป็นอย่างดี
“ แอ้ก ” สมุนหน้าเสี้ยมร้องได้คำเดียว ก่อนสลบตามสมุนร่างใหญ่
“ เฮ้ย ” กลุ่มชายฉกรรจ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ
ต้นเหตุที่ทำให้สมุนหน้าเสี้ยมสลบก็คือ…..มาวิน เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังของผู้เคราะห์ร้าย ราวกับว่าสิ่งนั้นเป็นเบาะหนังนุ่มๆ เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมายิ้มให้กับเด็กสาวร่างสูง พร้อมร้องถามด้วยน้ำเสียงที่กวนอารมณ์
“ รอนานมั้ย ยัยจัน..เฮ้ยไม่ใช่สิ ยัยโย่ง ”
เด็กสาวไม่ตอบคำ เธอได้แต่ยืนนิ่ง ดวงตาคมกร้าวจับจ้องไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ เพื่อเตรียมรับศึก เด็กหนุ่มหัวเขียวก็ไม่ได้ก่อกวนเหมือนทุกที เขารีบลุกขึ้นไปยืนข้างๆ
ชายร่างผอมผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มจ้องมองสองวัยรุ่น เขาตื่นตะลึงอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเอง ใบหน้าเสี้ยมก็เริ่มปรากฏรอยยิ้ม ปากโห่ร้องด้วยกระแสเสียงที่บ่งบอกถึงความดีใจ
“ เฮ้ย เจออีกตัวแล้ว ดีจริงๆ พบทั้งสองตัวเลย ฮ่าๆ ”
“ เป็นพวกมันจริงๆเหรอ ลูกพี่ ดูไปดูมา ก็แค่เด็กสองคนเอง ” สมุนวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงเอ่ยถาม
“ ไอ้โง่ ถ้ามันเป็นแค่เด็กธรรมดา ทำไมเจ้าสองคนนั่นถึงโดนน็อคในทีเดียว ” ชายร่างผอมย้อนถาม
“ เออ จริง แล้วจะทำยังไงต่อ ” สมุนวัยกลางคนเลิกคิ้วสูง จากนั้นก็ไถ่ถามถึงแผนการขั้นต่อไป
“ คุมเชิงไว้ กันมันหนีอย่างเดียว ไม่ต้องบุกเข้าไป รอให้พรรคพวกและลูกพี่ใหญ่มารวมตัว จากนั้นค่อยบุกพร้อมกัน ”
“ โอเคครับ ลูกพี่ ” ลูกน้องวัยฉกรรจ์รับคำ พลางกระชับไม้พลองในมือ เพื่อเตรียมประจัญบาน
เมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนไม่ประสงค์ดี สองวัยรุ่นก็ถึงกับเกร็งกาย แต่เด็กหนุ่มหัวเขียวนึกสงสัย ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงตามมารังควาน เขาจึงหันไปถามเด็กสาวร่างสูง
“ เอ….. ทำไมคนพวกนี้ถึงอยากจัดการเรา ”
เด็กสาวร่างสูงนิ่วหน้า เธอดูขัดเคืองกับความไม่ประสีประสาของเด็กหนุ่มหัวเขียว จึงตอบกลับมาเบาๆแค่พอได้ยิน
“ เจ้าบ้า นายไม่ได้สังเกตเครื่องแบบของคนพวกนี้รึ ”
“ เอ๊ะ ก็แค่เสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงยีนส์ เอ๋ หรือว่า….” เด็กหนุ่มหัวเขียวตอบซื่อๆ ก่อนชะงักนิดๆ เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“ อืม......ถ้าจะให้ชัดกว่านั้น นายลองมองเจ้าตัวหัวหน้าที่คุมคนพวกนี้ให้ดี ” เด็กสาวร่างสูงชี้ไปที่จ่าฝูงร่างผอมซึ่งตอนนี้ยืนหลบอยู่ด้านหลัง
มาวินพยายามเพ่งมอง ด้วยสายตาที่ดีเยี่ยม จึงทำให้เห็นใบหน้าของชายร่างผอมอยู่รำไร เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างรุนแรง สุดท้ายก็จำได้
“ เฮ้ย นั่นมัน เจ้าสมุนร่างผอมของกาสเซ่ มาเฟียใหญ่ประจำเมืองนี่นา ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ