The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) แหกด่าน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
สมุนร่างผอมแสยะยิ้มนิดๆ เขารู้สึกดีใจที่ได้พบคู่แค้นเก่า จึงกล่าวทักด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ เหอๆ โลกมันกลมจริงๆ เผลอแผล็บเดียว ก็เจอกันอีกแล้ว ”
“ เหอๆ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ โดยส่วนตัวเขายังรู้สึกขยาดแก๊งอันธพาลกลุ่มนี้ เพราะจากการปะทะในครั้งที่แล้ว เด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นเกือบตาย ส่วนเด็กสาวร่างสูงไม่แสดงอาการออกมาแต่อย่างใด เธอได้แต่ยืนนิ่ง สีหน้าและแววตาดูตายด้าน
“ เหอๆ ไอ้หนู คราวนี้แกไม่รอดแน่ ส่วนนังหนูนักกังฟู แกไม่จบแค่เจ็บตัวล้านเปอร์เซ็นต์ หึๆ ” สมุนร่างผอมข่มขู่ ปิดท้ายด้วยการหัวเราะใส่ ท่าทางเหมือนมีนัยยะแอบแฝง
“ เหอๆ ดีใจด้วยนะ จัน เฮ้ย..ไม่ใช่ ยัยโย่ง เธอไม่ต้องใช้ไวเบรเตอร์อีกต่อไปแล้ว ” มาวินหันมายิ้มแหยๆให้กับเด็กสาวที่ยืนขรึมอยู่ด้านหลัง ทว่าเจ้าตัวกลับไม่เข้าใจคำพูดของสมุนร่างผอมและเด็กหนุ่มหัวเขียว แถมยังสงสัยว่าไวเบรเตอร์คืออะไร แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า.....ไม่ถามจะดีกว่า เพราะสิ่งที่ออกจากปากของลิงน้อยตัวนี้ คงเป็นเรื่องไร้สาระอีกตามเคย
ชายฉกรรจ์นับ 10 ยืนถือไม้กระบองยาวคุมเชิงอยู่ แต่ไม่ได้บุกเข้ามา คล้ายมีเจตนาแค่ตรึงกำลัง ท่าทางของพวกเขาดูขึงขังซะจนมาวินไม่กล้าเปิดงาน จึงหันกลับไปถามเด็กสาวร่างสูงด้วยเสียงกระซิบ
“ เฮ้ ยัยโย่ง เราจะทำยังไงต่อไป ”
เด็กสาวนิ่งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวขึ้นมาช้าๆ
“ ในตอนแรกชั้นกะว่าจะฝ่าคนพวกนี้ออกไป แต่เมื่อดูจากอาวุธที่ถือ มันมีรัศมีการจู่โจมที่ค่อนข้างยาว ยิ่งรวมตัวกันมากขนาดนี้ ยิ่งจะทำให้บุกยากกว่าเดิม”
“ เอ๋…มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวทำหน้ามึน
“ ใช่ ขนาดคนที่ฝึกมานานอย่างชั้น ยังไม่มั่นใจว่าจะฝ่าไปได้ ระดับฝีมือขนาดนายยิ่งไม่มีทาง ” เด็กสาวตอบกลับแบบตรงๆ โดยไม่คิดถนอมน้ำใจของผู้รับฟัง
พอเด็กหนุ่มหัวเขียวได้ฟังคำสบประมาท เขาก็ถึงกับหัวร้อนจนควันออกหู
“ เฮ้ย ในเมื่อดูถูกกันแบบนี้ ก็ต้องลองของกันหน่อย ”
เด็กสาวร่างสูงซ่อนยิ้ม เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ ก็ลองดู ระวังระยะโจมตีของพวกมัน ”
“ เชอะ ” เด็กหนุ่มสบถเบาๆ พลางย่อตัวลงต่ำ เพื่อเตรียมทำการจู่โจม
เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เห็นเด็กหนุ่มหัวเขียวทำท่าจะเปิดฉาก พวกเขาก็ระวังตัวมากขึ้น มือกระชับไม้พลองแน่นกว่าเดิมอีกเท่าตัว
ทั้งสองฝ่ายนิ่งอยู่อึดใจ เด็กหนุ่มหัวเขียวก็เป็นฝ่ายเปิดฉากลุยก่อน เขากระโจนขึ้นสูงสามเมตร ก่อนจะกางกรงเล็บ เพื่อเตรียมขย้ำคู่ต่อสู้จากด้านบน ปากก็ร่ำร้องตะโกน ประสงค์จะสำแดงเดช ข่มขวัญศัตรู
“ กระบวนท่าแมวป่าขย้ำเหยื่อ ”
แต่ก่อนที่มาวินจะเข้าถึงตัว เขาก็ต้องพบกับฝูงไม้พลองนับสิบที่พุ่งสวนเข้ามา ด้วยความที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เลยไม่อาจหลบหลีก ทุกเพลงพลองจึงกระทบถูกสรรพเรือนกายของเด็กหนุ่ม
“ จ้าก อู้ก แอ้ก อั้ก ว้าก ” เมื่อร่างเล็กเพรียวถูกไม้พลองทิ่มแทง เด็กหนุ่มก็ร้องลั่นป่าด้วยความเจ็บปวด โดยที่เสียงครวญครางในแต่ละครั้งแทบไม่ซ้ำกันเลย
ความแรงของเพลงพลอง ทำให้เด็กหนุ่มกระเด็นถอยหลังลงไปนอนวัดพื้น เด็กสาวร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็กล่าวทักแบบติดตลก
“ ไง กลับมาแล้วรึ เร็วจริงๆ ”
“ แค่กๆ แทบกระอักแน่ะ เจ้าพวกนี้มันแทงชั้นไม่นับแผลเลย ” เด็กหนุ่มกระแอมไอ ท่าทางดูจุกเสียดอยู่ไม่น้อย
“ ก็นายนี่ล่ะนา ชั้นเคยบอกแล้ว….แม้ท่าแมวป่าขย้ำเหยื่อจะรุนแรงที่สุด แต่ต้องใช้ตอนที่คู่ต่อสู้อ่อนกำลังหรือทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำ เล่นใช้ท่านี้ตอนที่คู่ต่อสู้เตรียมพร้อม มันก็ต้องเจ็บตัวแบบนี้แหละ ” เด็กสาวอธิบายยาวเหยียดถึงจุดอ่อนในการเลือกใช้กระบวนท่า ราวกับตนเป็นอาจารย์ผู้ชำนาญยุทธ์ก็ไม่ปาน
“ แค่กๆ ก็กะโชว์พาวให้เธอเห็นซะหน่อย จะได้ไม่ดูถูกกันอีก ” เด็กหนุ่มกระแอมไออีกระลอกใหญ่ สุดท้ายก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน ดูเหมือนเขาจะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
“ ดูถูกกับการเตือนสติให้รู้จักตัวเอง มันแตกต่างกัน ” เด็กสาวพูดทิ้งท้ายให้ได้คิด พลางตั้งท่าต่อสู้
“ จ้าๆ แม่อาจารย์สาว ลูกศิษย์ยอมรับแล้วว่าห่วย ว่าแต่เธอมีแผนอะไรมั้ย ” หลังเจ็บตัวไปหนึ่งดอก สมองของมาวินก็เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง
“ ก็พอมีแผนอยู่นิดหน่อย นายดูให้ดี เจ้าพวกนี้เอาแต่คุมเชิง ไม่บุกเข้ามา เพื่อหวังให้คนกลุ่มใหญ่ตามมาสมทบ ซึ่งฝ่ายเรารอไม่ได้ เพราะถ้ากลุ่มใหญ่มาถึง ก็มีสิทธิแพ้สูง ดังนั้นทางเดียวที่ทำได้คือ.....ชิงลงมือก่อน ” เด็กสาวบอกแผนที่คิด
“ อืม……งั้นพวกเราคงต้องหาวิธีที่แนบเนียนกว่านี้ เพื่อบุกเข้าไป จะทำยังไงดีล่ะ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวกล่าวเบาๆ
“ ชั้นก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน นายพอมีแผนบ้างมั้ยล่ะ ” เด็กสาวร่างสูงย้อนถาม
มาวินยิ้มขรึมๆ หัวสมองพยายามคิดถึงภาพเหตุการณ์ในช่วงที่ฝึกวิชา พร้อมประมวลผลถึงสิ่งที่สามารถทำได้ ไม่นาน เขาก็นึกออก
“ เยี่ยม ใช้วิธีนี้ดีกว่า ”
“ เอ๊ะ เจ้าลิงหัวเขียว นายจะใช้วิธีอะไร ” เด็กสาวร้องถามรัวเร็ว
มาวินหันกลับมายิ้มกวนๆ ก่อนจะเฉลยสิ่งที่คิดอยู่ในใจ
“ ไม่ยาก ในเมื่อบุกเข้าไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องบุก แค่สร้างความปั่นป่วนให้กับพวกมัน พอแตกแถว เราก็ฉวยจังหวะลุยเข้าไปเก็บในทีเดียว ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ก็หล่นอยู่ตามพื้นตั้งหลายก้อน ”
ได้ยินเพียงเท่านี้ เด็กสาวก็ฉีกยิ้ม เพราะรู้แล้วว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการสื่อคืออะไร เธอกล่าวชมเบาๆ
“ หัวดีมาก เจ้าลิงหัวเขียว ”
“ เอาไว้ตีพวกมันแตก แล้วค่อยชมดีกว่า เริ่มกันเลยเถอะ ยัยโย่ง ” มาวินตอบกลับ สีหน้าดูมั่นใจสุดๆ
“ โอเค ” เด็กสาวร่างสูงรับคำ ก่อนใช้ปลายเท้างัดก้อนหินที่อยู่บนพื้นให้ลอยขึ้นสูง จากนั้นก็เตะหินก้อนเขื่องให้พุ่งตรงไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์
“ โอ๊ย ”
เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดดังมาจากชายผู้หนึ่ง เนื่องจากถูกหินก้อนเขื่องอัดเข้าไปที่กลางศีรษะจนทำให้เซถลาลงไปนั่งจ้ำเบ้า
วัยรุ่นทั้งสองอมยิ้ม พวกเขาดีใจที่แผนประสบความสำเร็จ เด็กสาวร่างสูงรีบดำเนินการจู่โจมต่อด้วยวิธีเดิม เธอใช้เท้างัดหินที่อยู่บนพื้นให้ลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมากระสุนหินดอกที่สอง สาม สี่ ห้า ก็ตามมาติดๆ
“ โอ๊ย อ้าก อุ้ย อุ้บ เอ๋ง ” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเหล่าชายฉกรรจ์ดังระงม เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับพายุกระสุนหินที่ปลิวเข้ามา
“ เฮ้ย อย่าแตกตื่น ตั้งขบวนรับเอาไว้ซิ เจ้าพวกโง่ ” สมุนร่างผอมร้องบอกเสียงหลง แต่ตัวเองกลับถอยหนี เพื่อให้พ้นรัศมีการจู่โจมของกระสุนหิน
มาวินฉีกยิ้มกว้าง สายตามองกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังสับสนอลหม่าน ไม่มีใครตั้งกระบวนรับเลย เพราะมัวแต่ปัดป้องกระสุนหิน ครู่หนึ่ง เขาก็ร้องบอกเด็กสาวร่างสูงผู้กำลังทำหน้าที่สไนเปอร์
“ เอาล่ะ กระบวนมันแตกแล้ว ชั้นจะเล่นลูกสมุนเหล่านี้ พอล้มพวกมันหมด เธอจัดการเจ้าตัวหัวหน้าเลย ”
“ อืม..... ” เด็กสาวร่างสูงรับคำสั้นๆ แต่ยังทำหน้าที่ยิงกระสุนหินด้วยเท้าอย่างต่อเนื่อง
เด็กหนุ่มหัวเขียวหันกลับไปมองกลุ่มศัตรู จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจม พอเข้าถึงตัว ก็ปล่อยขวาตรงใส่ชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้สุด
“ พลั๊ก ”
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่น ด้วยแรงหมัดที่เพิ่มพูนจากการฝึก ประกอบกับการรุกเร็วชนิดไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ชายผู้เคราะห์ร้ายล้มลงไปนอนนับดาวในทันที
“ เฮ้ย ไอ้เด็กหัวเขียว มันบุกเข้ามาแล้ว ” ชายหัวล้านร่างสูงวัย 30 ต้นๆซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆร้องเตือนพรรคพวก แต่ยังไม่ทันจะจบประโยค ก็ถูกมาวินถีบเข้าไปที่หน้าท้อง
“ อุ้บ ” ชายผู้นั้นงอตัวลง เขารู้สึกจุกเสียดอย่างรุนแรง แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไร ก็ถูกเท้าอีกข้างงัดเข้าไปที่ปลายคางจนหน้าหงายไปตามแรงเตะ
“ ระวัง ” ชายหัวล้านพูดได้เท่านั้น ก็ล้มลงไปนอนหงายอีกคน
แม้มาวินจะเก็บลูกสมุนได้ถึงสองคนในเวลาใกล้กัน แต่คนที่เหลือก็รู้ตัวแล้วว่ามีข้าศึกบุกประชิด ชายหน้าบากร่างสันทัดกระชับไม้พลองในมือแน่น เพื่อเตรียมฟาดใส่ท้ายทอยของเด็กหนุ่ม
“ เฮ้ย…” มาวินไม่ทันระวัง เพราะนักเลงหัวไม้ผู้นี้พุ่งเข้ามาจู่โจมจากทางด้านหลัง แต่ก่อนที่ไม้พลองยาวจะปะทะเป้าหมาย ก็มีหินก้อนเขื่องวิ่งมากระทบขมับของชายหน้าบาก
“ โอ๊ย….. ” นักเลงหัวไม้แหกปากร้อง ก่อนเซถลาด้วยท่าทางที่คล้ายนกปีกหัก มาวินเห็นจังหวะดี จึงพุ่งเข้าโจมตี
“ พยุหะกรงเล็บแมวป่า ย่ะๆ…… ” เด็กหนุ่มร้องตะโกน พร้อมรัวกรงเล็บใส่แบบไม่ยั้ง
“ อุ้ก……. ” นักเลงหัวไม้ร้องอุทานในทุกดอกที่ถูกอัด
นักเลงหัวไม้โดนรัวกรงเล็บใส่นับสิบดอก เขาก็ทรุดฮวบลงนอนคว่ำกับพื้น เด็กหนุ่มหันกลับมามองชาวแก๊งที่เหลือ คนเหล่านั้นก็ไม่ได้กรูเข้ามาใช้ไม้พลองต้านศึก เพราะหวั่นเกรงกระสุนหินที่ปลิวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“ แฮ่กๆ เหลืออีกห้าคน ชักหมดมุกแล้ว จะทำยังไงดีนะ ” เด็กหนุ่มหอบ พลางคิดในใจ
ระหว่างที่เด็กหนุ่มมัวเเต่คิดว่าจะเดินเกมต่อไปยังไง เด็กสาวปริศนาก็กระโดดเข้าไปกลางกลุ่มชายฉกรรจ์ วินาทีต่อมาเจ้าของร่างสูงเพรียวก็หมุนตัวเตะไปรอบทิศทาง ด้วยความรวดเร็วในการจู่โจม ทำให้เหล่าอริร้ายถูกเพลงเท้าอัดใส่จนกระเด็นกระดอน
“ โห…… สุดยอด ” เด็กหนุ่มหัวเขียวอุทานดัง เมื่อเห็นการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็ว
เด็กสาวร่างสูงยืนจังก้าอยู่กลางวง โดยมีชายฉกรรจ์ห้านายนอนกองอยู่รอบตัว ทุกคนล้วนถูกเพลงเท้าขับกล่อมจนนอนหลับ
“ โห……โคตรเท่อ่ะ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวยกนิ้วโป้งให้ เมื่อเห็นฉากเปิดตัวสุดเจ๋งของเด็กสาวร่างสูง
แม้จะเปิดฉากโจมตีได้สุดยอดแค่ไหน แต่เด็กสาวร่างสูงดูจะไม่สนใจภาพลักษณ์หรือห่วงเท่อะไรนัก เธอรีบพุ่งเป้าไปยังสมุนร่างผอมที่ยืนโดดเดี่ยว
“ ไง นายผอม เหลือแค่นายคนเดียวแล้ว จะหนีหรือจะสู้ ” เด็กหนุ่มหยอกเย้า
“ เฮ้ย…… เก่งจริง อย่ารุมสิวะ เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ” สมุนร่างผอมพยายามต่อรองให้มาสู้กันตัวต่อตัว น้ำเสียงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ เดี๋ยวๆ…แล้วเมื่อกี้ หมาที่ไหนมันรุมพวกชั้นวะ ไอ้นี่ท่าจะบ้าแล้ว ” เด็กหนุ่มหัวเขียวทำหน้างงกับตรรกะสุดเพี้ยนของอีกฝ่าย
“ ไม่ต้องพูดให้มากความ ” เด็กสาวร่างสูงโพล่งออกมา เธอพุ่งเข้าหาสมุนร่างผอมด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เพื่อหวังล้มศัตรูในหมัดเดียว
จังหวะที่เด็กสาวร่างสูงกำลังจะเข้าถึงตัว สมุนร่างผอมก็ร้องลั่น พร้อมเหวี่ยงบางสิ่งไปข้างหน้า
“ เฮ้ย อย่า…… ”
เด็กสาวร่างสูงถึงกับหยุดโจมตีและแปรเปลี่ยนเป็นถอยฉากออกมา
“ เอ๊ะ ยัยโย่งหยุดโจมตีทำไม ” เด็กหนุ่มหัวเขียวออกอาการงงนิดๆ ท่าทีของเด็กสาวร่างสูงดูไม่ปกติเลย
เด็กสาวยืนคุมเชิง เธอเหลือบมองสมุนร่างผอมที่ตั้งท่าสู้แบบหมาจนตรอก ในมือถืออะไรบางสิ่งที่ดูแวววาว เมื่อเพ่งไป ก็พบว่ามันคือ......มีดพกยาว 6 นิ้ว ปลายแหลมคม คล้ายถูกลับอยู่เป็นประจำ
“ เชอะ เล่นมีดเลยหรือ ” เด็กสาวร่างสูงมองเหยียดๆ เธอปาดเลือดสีแดงสดที่หลั่งไหลออกมาจากพวงแก้ม ดูท่าการเหวี่ยงกวาดเมื่อครู่ จะสร้างบาดแผลเล็กๆให้กับกังฟูสาว
“ เหอๆ ฮ่าๆ ” สมุนร่างผอมยิ้มนิดๆ ก่อนเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
อาการคลั่งอย่างฉับพลันของสมุนร่างผอมสร้างความประหลาดใจให้แก่สองวัยรุ่น เด็กสาวร่างสูงจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ กลัวมากจนบ้าไปแล้วรึ ”
“ ฮะๆ เดี๋ยวก็รู้ เหอะๆ เข้ามาเลยนังหนูเท้าไว ” สมุนร่างผอมหัวเราะอย่างมีเลศนัย ก่อนกระชับมีดคมในมือ
“ ได้ตามคำขอ ” เด็กสาวร่างสูงย่างสามขุมเข้าหา ท่าทางรัดกุม
สมุนร่างผอมยกการ์ดซ้ายขึ้นระดับสายตา ส่วนมือขวายกมีดขึ้นสูงเหนือศีรษะ พร้อมจ่อปลายมีดไปข้างหน้า การวางมือดูคล้ายอสรพิษที่เตรียมพุ่งฉก เมื่อพิจารณาให้ดี ก็รู้ในทันทีว่าหมอนี่น่าจะถนัดอาวุธสั้นประเภทมีด แต่เด็กสาวร่างสูงกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่น พอเข้าระยะหมัด เธอก็ยิงขวาตรงไปที่ใบหน้าของศัตรู
“ เฮ้ย ”
สมุนร่างผอมตวัดคมศาสตราเข้ารับหมัดขวา ทว่ามีดเล่มนั้นได้แต่จั่วลม เพราะเด็กสาวดึงมือกลับไปก่อน ทำนองว่านั่นเป็นแค่หมัดหลอก พริบตาต่อมา สมุนร่างผอมก็รู้สึกปวดแปลบที่หน้าแข้งอย่างรุนแรง ด้วยเจอเตะต่ำของอีกฝ่าย
“ โอ๊ย ” สมุนร่างผอมทรุดลง ก่อนถูกเด็กสาวถีบไปที่หน้าท้องเข้าอย่างจังจนร่างผอมเกร็งกระเด็นไกล
“ อู้ย..... ” สมุนร่างผอมร้องครวญ ซักพักก็ค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืน เขารู้ในทันทีว่าระดับฝีมือห่างชั้นกันมาก แต่ไม่ทันได้ทำอะไร สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวร่างสูงยืนค้ำหัวอยู่ทางขวา
“ หน็อย..... นังหนู ” สมุนร่างผอมทิ่มคมเหล็กเข้าใส่ หวังสร้างบาดแผลอีกซักครั้ง ถึงกระนั้นมีดในมือก็ไม่ไวไปกว่าเท้าของเด็กสาว เธอเตะตวัดไปที่ข้อมืออย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีดเล่มนั้นหลุดกระเด็นออกจากมือ
“ เอ๊ะ ” สมุนร่างผอมอุทานได้คำเดียว ก็ถูกเท้าขวาข้างที่เพิ่งตวัดเตะ วกกลับเข้ามาอัดที่ก้านคออย่างรุนแรง ทำให้ล้มลงไปนอนกองในทันที
เวลาผ่านไปไม่กี่นาที เด็กวัยรุ่นทั้งสองก็เก็บเหล่าร้ายนับสิบได้สำเร็จ พวกนั้นนอนระเกะระกะอยู่กับพื้น
“ ฮะๆ เรียบร้อย พวกเรานี่สุดยอดจริงๆ เก็บพวกมันได้อย่างละครึ่ง ” เด็กหนุ่มยืดอก พร้อมคุยโม้โอ้อวด ทั้งที่ความจริง เขาเก็บไปแค่สี่คน ขณะที่เด็กสาวฟาดเรียบถึงเจ็ดคน
“ ไปกันได้แล้ว เจ้าลิงหัวเขียว เดี๋ยวฝูงใหญ่ของพวกมันเข้ามา เราจะลำบาก ” เด็กสาวร่างสูงไม่สนการคุยโต เธอกระตุ้นเตือนให้รีบหนีโดยเร็ว
“ แหม.....จะอยู่ปลาบปลื้มกับชัยชนะอีกหน่อยก็ไม่ได้ ” เด็กหนุ่มบ่นงุบงิบ
ทันทีที่ทั้งคู่เตรียมจากลา ก็เกิดเหตุประหลาด เด็กสาวร่างสูงทรุดกายลงไปนั่งคุกเข่า ใบหน้าคมเข้มบิดเบี้ยวเหยเก คิ้วขมวดนิ่ว คล้ายพยายามข่มอาการเจ็บปวดที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“ เฮ้ย.......ยัยโย่ง เธอเป็นอะไร ” เด็กหนุ่มร้องถามเสียงหลง
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ