The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
163) เฟอรัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpapercave.com
เหมือนมารร้ายจะอ่านใจของอากิเนะออก จึงดักคอด้วยสำเนียงที่ค่อนข้างเนือย
" ก็รู้ว่าคำพูดของข้านั้นเชื่อไม่ค่อยได้ แต่ขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่กล่าวคือเรื่องจริง "
เด็กสาวมองใบหน้าที่ดูจริงจังของมารร้าย มันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เพราะช่วงเวลาที่ประคารมกัน เธอไม่เคยเห็นอมนุษย์ทำท่าแบบนี้เลย
" หรือว่าสิ่งที่เจ้านี่พูดมาจะเป็นความจริง "
มารร้ายไม่แยแสว่าเด็กสาวจะเชื่อหรือไม่ แต่มันเริ่มเล่าเรื่องราวต่อ
" แน่นอนว่าการแหกคอกของมารตนนั้น ทำให้ผู้ใหญ่ในสภามารเริ่มขัดเคือง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะนางมีพลังที่เหนือล้ำกว่าอมนุษย์ทุกตนในดินแดน "
อากิเนะตีหน้านิ่ว เพราะเพิ่งรู้ว่าแดนมารนั้นรุ่งโรจน์และมีอารยธรรมจนถึงขั้นมีสภามาก่อนมนุษย์นับพันปี แต่มีสิ่งที่ติดใจยิ่งกว่า จึงสวนด้วยคำถาม
" จากที่เล่ามา เหมือนจะบอกว่ามารแหกคอกตนนั้นคือเพศหญิง เพราะเจ้าเรียกมันว่า.....นาง "
" อืม....ใช่แล้ว มารตนนั้นเป็นเพศหญิง แถมยังมีหน้าตาเหมือนพวกมนุษย์ " มารร้ายตอบทันควัน ดวงตาแดงก่ำจับจ้องอากิเนะอยู่ตลอด มันส่งประประกายแปลกๆ ราวกับพยายามจับผิดบางอย่าง
จากทุกสิ่งที่ได้ยิน ทำให้อากิเนะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนพอมองเห็นภาพคร่าวๆ เด็กสาวจึงถึงกับยืนแข็ง เลือดในกายแทบจับตัวเป็นน้ำแข็ง เพราะสิ่งที่คาด ค่อนข้างดารค์และชวนช็อค
" เจ้าจะบอกว่าข้าก็คือ.....ทายาทของมารตนนั้น ใช่มั้ย "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า......หลงตัวเองไปแล้ว แม้เจ้าจะเหนือล้ำกว่ามารชั้นสูงหลายตน แต่ก็ยังห่างไกล เนื่องจากนางร้ายกาจถึงขั้นถล่มกองทัพของสภาด้วยตัวคนเดียว มิหนำซ้ำ นางยังมีผมสีทอง ตาสีฟ้า ซึ่งแตกต่างจากเจ้าโดยสิ้นเชิง " มารร้ายหัวเราะลั่น เพราะขบขันที่เด็กสาวหลงตัวเอง
แม้จะแอบขุ่นเคืองที่โดนมารร้ายดูถูก แต่อากิเนะก็โล่งอกและยินดีที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับอมนุษย์ตนนั้น ทว่าพอนึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องที่เล่าไม่เห็นเกี่ยวข้องกับเธอเลย จึงแปรเปลี่ยนเป็นโมโห
" แล้วตกลง พ่อแม่ของเราคือใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ "
" เฮ้ย.....ใจเย็นสิ ข้ากำลังปูพื้นให้เรื่องหลัก เพราะมันเกี่ยวพันกัน เชื่อว่าพอเล่าจบ จะรู้เองว่าต้นตระกูลของเจ้าคือใคร " มารร้ายเบรกแบบไม่คิดกลัวเกรง เพราะรู้ดีว่าเด็กสาวยังไม่คิดฆ่ามันในตอนนี้ ด้วยอมนุษย์มีสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ นั่นก็คือ......รากเหง้าของตัวเอง
อากิเนะพยายามทำใจให้เย็นลง เธอนึกสงสัย ทำไมในทรวงถึงรุ่มร้อนขนาดนี้ มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ส่วนมารร้ายก็เริ่มเล่าต่อ
" หลังจากถล่มสภามาร นางได้รวบรวมทุกอาณาจักรในโลกมารให้เป็นหนึ่ง แล้วจัดตั้งกองทัพที่เกรียงไกรขึ้นมา เพื่อก่อสงครามครั้งใหญ่ "
" เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่านางรวบรวมทุกอาณาจักรในดินแดนมารได้สำเร็จ แล้วยังจะไปรบกับใครอีก มันไม่น่ามีคนให้ปราบแล้วนี่นา " อากิเนะทักท้วง ทำให้มารร้ายแสยะยิ้ม จากนั้นก็ให้ข้อมูลที่สุดสยอง
" แล้วใครบอกว่ารบกับหมู่มารด้วยกัน เป้าหมายของนางคือ......เหล่าเทพ "
" เทพ......" อากิเนะตะโกนดัง ก่อนจะนิ่งอึ้ง มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทุกเรื่องราวที่ได้ยิน เหนือล้ำเกินจินตนาการ
" หึ หึ หึ ข้าไม่ได้พูดเกินไปเลย ทุกสิ่งที่เล่ามา อยู่ในบันทึกของสภาแห่งใหม่ที่ครองดินแดนมารในปัจจุบัน " มารร้ายดักคอ เพราะเห็นว่าอากิเนะเริ่มไม่เชื่อ ทว่าเด็กสาวกลับไถ่ถามต่อ ด้วยมีสิ่งที่ยังสงสัย
" แล้วผลการต่อสู้ระหว่างมารกับเทพเป็นเช่นไร "
มารร้ายได้แต่ยิ้มจางๆ ก่อนหันไปมองทางอื่น มันนิ่งอยู่นานเกือบนาที จึงเริ่มบรรยายด้วยน้ำเสียงที่ดูอาดูร
" แม้นางจะเปลี่ยนหมู่มารให้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทะเยอทะยาน ชื่นชอบการต่อสู้จนสร้างกองทัพที่เข้มแข็ง แต่เมื่อเทียบกับเหล่าเทพ ช่างห่างไกล ราวกับอยู่คนละโลก ดังนั้น ผลของสงครามจึงจบลงที่พ่ายแพ้แบบยับเยิน "
ความโศกเศร้าที่แผ่ออกมาจากมารร้าย ทำให้อากิเนะเริ่มสงสาร แต่ต่อมา เธอก็ได้คิด....เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าอมนุษย์บ้าสงครามชนะเหล่าเทพได้ ความวุ่นวายน่าจะมากมายกว่านี้ ดีไม่ดี พวกมันอาจจะตรงมาขย้ำโลก The Dark World เป็นรายต่อไป
มารร้ายมองตรงไปข้างหน้า ก่อนทิ้งเวลาให้ตนเองพักหนึ่ง เพื่อคลายความเศร้าโศก จากนั้นก็เล่าต่อ
" หลังสงคราม นางได้สิ้นชีวิต แต่ก่อนจะสูญสลาย นางให้สัญญาว่าจะกลับมาโลกมาร และจะทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพื่อนำพาเผ่าพันธุ์เราไปสู้รบกับเหล่าเทพอีกครั้ง "
พออมนุษย์พูดจบ มันก็เงียบงัน ส่วนอากิเนะก็ตื้อตันไม่แพ้กัน ในหัวมีแต่คำถาม จึงลองปล่อยข้อสงสัยออกมา เผื่อจะได้ความกระจ่าง
" แล้วพวกเจ้าจะไปสู้กับเหล่าเทพที่เหนือชั้นกว่าทำไม หรือว่าพวกเจ้าอยากครองความเป็นใหญ่ "
" อืม.....เรื่องนี้ ข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะนางเคยกล่าวไว้หลายครั้งว่าสาเหตุที่ไปต่อสู้กับเทพ ก็เพื่อปลดปล่อยบางสิ่งให้เป็นอิสระ อันเป็นผลดีต่อส่วนรวม พอสิ้นสงคราม นางก็จะจากไป ทิ้งให้สภามารปกครองกันเอง " มารร้ายก็งงเหมือนกัน มันเป็นคำตอบที่ย้อนแย้งสุดๆ เพราะถ้าเก่งขนาดปราบเทพได้ แล้วจะทิ้งอำนาจไปทำไม ไหนจะเรื่องเป้าหมายที่ดูกำกวมและแปลกประหลาดอีก
อากิเนะมึนงงไปหมด เพราะนอกจากจะไม่ได้รับความกระจ่าง กลับเกิดปมปัญหาที่มากกว่าเดิม ทั้งในเรื่องจุดหมายประหลาดที่มารสาวมุ่งมั่น การสละอำนาจของเจ้าหล่อน ทุกสิ่งที่ว่ามา ช่างดีงามและทรงคุณธรรม อันเป็นสิ่งที่ค้านกับความรู้ที่เธอเคยศึกษามา
" เราเคยได้ยินมาว่า.....พวกมารเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้าย ชอบสงคราม การทำลายล้าง และออกมาสร้างความวิบัติแก่โลก The Dark World เป็นระยะ แต่สิ่งที่มารตนนี้เล่า กลับดีงาม มีอุดมการณ์ หรือจะจริง เพราะมันพูดเองว่าเรื่องดังกล่าวเกิดในยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการบันทึกเหตุการณ์ลงสมุดเสียด้วยซ้ำ ในตอนนั้น พวกเขาอาจทรงคุณธรรมอย่างที่เจ้านี่ว่าก็เป็นได้ "
ทั้งสองได้แต่นิ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างมีสิ่งที่อยู่ในใจ ไม่นาน อากิเนะก็เริ่มนึกถึงประเด็นสำคัญที่ยังไม่เคลียร์ จึงเอ่ยถามรัวเร็ว
" เออ....ใช่ นึกออกแล้ว เจ้ายังไม่ได้เล่าเรื่องชาติกำเนิดของข้าเลยนี่นา "
" หึ หึ หึ ยังอุตส่าห์จำได้อีก นึกว่าจะหลงทางไปกับเรื่องที่ข้าเล่าจนลืมไปแล้ว " มารร้ายหัวเราะเล็กน้อย รอยยิ้มที่มีเลศนัยประดับอยู่บนใบหน้าที่ดูกวนๆ
" งั้นก็รีบพูดมา ถ้าขืนชักช้า เจ้าได้ตายตอนนี้แน่ " อากิเนะข่มขู่ แต่คำพูดดูมีน้ำหนักน้อยลงกว่าเดิม เพราะจิตของเธอหลุดจากโหมดคลั่งไปแล้ว
มารร้ายแสยะยิ้มอีกครั้ง เป็นนัยว่ารู้ทัน จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่อ
" ถึงข้าเชื่อว่าเจ้าไม่น่าเกี่ยวข้องหรือเป็นทายาทของมารหญิงตนนั้น เพราะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน แต่......กับกลุ่มองครักษ์ของนางนั้นไม่แน่ ด้วยมีมนุษย์หลายคนสืบทอดเชื้อสายจากหมู่มารเหล่านั้น "
" นี่เจ้าจะบอก....กลุ่มองครักษ์ของนางมารตนนั้น เอ่อ.....ได้มีลูกกับมนุษย์จนเกิดทายาทลูกครึ่ง ใช่มั้ย " อากิเนะพูดติดขัด เพราะเธอเป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่นที่ไม่ค่อยกล้าสนทนาในเรื่องเพศ
" หึ หึ หึ ใช่แล้ว " มารร้ายรับคำ พร้อมแสยะยิ้มชั่วร้าย
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางดวงใจ ทุกคำล้วนเสียดแทงอารมณ์ ถึงตอนนี้ อากิเนะรู้แล้วว่าทำไม ตนเองถึงมีพลังเวทที่สูงเกินมนุษย์ขนาดนี้ และยังเชื่อว่าเชื้อสายนี้น่าจะมาจากทางปู่ เพราะท่านเป็นถึงเทพศาสตราที่มีพลังยุทธ์สูงล้ำเกินบรรยาย
รอยยิ้มของมารร้ายฉีกกว้างขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุที่มันสาธยายยืดยาว เพราะต้องการรวบรวมพลัง เพื่อโจมตีครั้งสุดท้ายในขณะที่เด็กสาวเผลอ และตอนนี้ก็ใกล้ถึงฝั่งฝัน
" อีกนิดเดียว อีกแค่นาที ข้าก็พร้อมจะปล่อยท่าไม้ตายสูงสุด "
ขณะที่อมนุษย์คิดแผนร้าย อากิเนะก็นึกถึงบางจุดที่ยังไม่กระจ่าง จึงออกปากถามโดยเร็ว
" แล้วมารหญิงตนนั้นมีชื่อว่าอะไร "
คิ้วของมารร้ายกระตุกเล็กน้อย เพราะไม่เชื่อว่ามนุษย์ร่างเล็กจะถามถึงนามของมารในตำนาน แต่เพื่อให้แผนการชั่วช้าสำเร็จโดยสมบูรณ์ มันจึงบอกความจริง
" นางมีชื่อว่า......เฟอรัน "
" เฟอรัน " อากิเนะรู้สึกหัวหมุน เธอทวนคำเบาๆด้วยอาการเลื่อนลอย และคุ้นเคยกับนามนั้นเอามากๆ ราวกับว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ทันใดนั้นเอง มารร้ายก็ฟื้นตัว
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสร็จข้าล่ะ "
มารร้ายปาฝุ่นผงที่แอบกำไว้ในมือใส่ดวงตาของอากิเนะ ส่งผลให้เด็กสาวรีบยกสองมือขึ้นขยี้ พร้อมตะโกนดังด้วยความเจ็บแสบ มันเป็นคำสบถที่เจ้าหล่อนไม่เคยผรุสวาทมาก่อน
" โอ๊ย......บัดซบ นี่เจ้าทำอะไร "
มารร้ายไม่กล่าวคำใด มันรีบปล่อยออร่าสีดำออกมา จากนั้นก็ใช้วิชาแยกร่างที่ถนัด
" แบ่งภาคเป็นสิบตน "
มารร้ายสิบตนกระโจนออกมาจากร่างต้น พวกมันมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกัน แถมยังแสยะยิ้มชั่วช้า ไม่ต่างจากแฝดสยองในหนังที่ชวนหลอน ทว่าเหล่าอมนุษย์ไม่ได้โอภาปราศรัยหรือออกปากทักทายกัน แต่กลับรุมล้อมอากิเนะเป็นรูปวงกลม
มารร้ายที่เป็นร่างต้นดีดตัวออกห่างประมาณ 30 เมตร พอเห็นว่าพ้นจากรัศมีทำลายล้าง มันก็ตะโกนดัง
" ดีล่ะ ทุกตนเผด็จศึก "
มารร้ายร่างแยกอีกสิบตนเปล่งออร่าสีดำพร้อมกัน จนดูเหมือนลูกไฟกองโตหลายสิบดวง จากนั้นก็กรูกันเข้าไปเกาะกุมกายบางของเด็กสาว
" ไอ้มารบ้า จะทำอะไร ปล่อยนะ " อากิเนะโวยดัง แม้เธอจะหลุดจากวงล้อมนี้อย่างง่ายดายด้วยการปลดปล่อยพลังเวทออกมา แต่ก็ทำได้ยาก เพราะยังรู้สึกเคืองตาจนรวมพลังไม่ได้
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ