The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
160) ปีศาจที่แท้จริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaper.dog
เหตุประหลาดที่เกิด ทำให้มารร้ายมึนงง สิ่งที่ตามมาคือ.....ความหวาดกลัว อันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยกับอมนุษย์ตนนี้
" มันหายตัวได้ หรือว่านี่คือเวทเงามายา ตะ....แต่มนุษย์ใช้มนต์ดำระดับสูงได้ด้วยเหรอ " ปีศาจร้ายขบคิด แต่ไม่ทันได้คำตอบ เสียงหวานใสที่ราบเรียบก็ดังขึ้น
" นี่เป็นเวทเงามายาก็จริง แต่ไม่ใช่มนต์ดำอย่างที่เจ้าเข้าใจ "
มารร้ายหันไปมองข้างหลัง จึงพบกับอากิเนะที่โผล่มาพร้อมออร่าสีรุ้งประดับกาย แต่มันไม่ได้พุ่งเข้าไปจู่โจมตีเหมือนครั้งก่อน กลับลองสนทนา เพื่อหยั่งเชิงของอีกฝ่าย
" ถ้าเวทเงามายาที่เจ้าใช้ไม่ใช่มนต์ดำ แล้วมันคือมนต์สายใด "
อากิเนะยิ้มเล็กน้อย เพราะรู้ชัดแล้วว่าอมนุษย์ตรงหน้ารอบรู้แค่เรื่องมนต์ดำของเผ่ามาร กระนั้น เธอก็ไม่ยอมเฉลย ด้วยต้องการให้ปีศาจร้ายตนนี้จุกอกตาย
" ถ้าอยากรู้ เจ้าก็ต้องไปค้นคว้าที่ห้องสมุด ว่าแต่ที่ดินแดนของหมู่มารมีสถานที่แบบนั้นรึเปล่า "
คำพูดดังกล่าวเป็นทั้งคำถามและคำเย้ยหยัน อันสร้างความโกรธแค้นให้กับผู้รับฟังได้เป็นอย่างดี แต่มารร้ายก็สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มานานนับพันปี จึงไม่ยอมหลงลม พร้อมตอบกลับแบบนิ่มนวล
" ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโลกมารมีห้องสมุดรึเปล่า เพราะได้จากแดนนั้นมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ที่รู้แน่คือเจ้ากำลังร้อนใจ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาข้าออกจากเจ้าหนูหัวเขียวยังไง "
อากิเนะสะอึกเล็กน้อย แม้ว่าเธอตั้งใจจะปลิดชีวิตมารร้ายตนนี้ แต่ลึกๆกลับมองหาหนทางที่จะนำมาวินสู่โลกจริง ถึงกระนั้น เด็กสาวก็ยังปฏิเสธตัวเอง
" ไม่จริง สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือยุติภัยร้ายของเหล่ามนุษย์ นั่นก็คือ....ต้องสังหารเจ้า ณ.ตอนนี้ "
" งั้นก็ทำสิ ถ้าเจ้าเอาแต่หลบหลีก ป้องกัน ไม่ยอมรุกไล่เข้ามา แล้วจะฆ่าข้าได้ยังไง " มารร้ายผายมืออก เป็นการเชื้อเชิญ เพราะเชื่อมั่นถึง 90 เปอร์เซ็นต์ว่าเด็กสาวไม่กล้าลงมือ
อากิเนะนิ่งงันไปชั่วขณะ ดวงตาที่จ้องมาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและไร้อารมณ์จนดูน่าสะพรึงกลัวไม่ต่างจากมารร้าย ผู้เป็นคู่ต่อสู้ จะว่าไป ออกจะหลอนกว่าด้วยซ้ำ เพราะประกายดังกล่าวดูขัดกับใบหน้าสวยหวานอย่างสุดซึ้ง แต่อมนุษย์ไม่สนใจ มันยังกล่าวท้าทายต่อไป
" เอ้า ว่าไง ทำไมนิ่งแบบนั้น จู่โจมมาสิ เอาให้เต็มที่เลย เพราะถ้าข้าตาย เจ้าหนูหัวเขียวก็จะตาย.....อั้ก " มารร้ายพูดไม่ทันจบประโยค มันก็กระอักโลหิตสีดำออกจากปาก พร้อมกระเด็นไกลไปปะทะกำแพงปูนจนพังทลาย
" ตูม......."
" อึก....นี่มัน ข้าโดนอะไร " มารร้ายทรุดฮวบลงไปนั่ง กายแทบแหลกสลาย เพราะแรงปะทะที่อัดเข้ามาเมื่อครู่นี้ดูจะมหาศาลจนส่งให้อมนุษย์ระดับสูง ลอยไกลแบบไร้หลักยืน แถมยังไม่ปรากฏแสง สี เสียงหรือที่มาของพลัง
อากิเนะลอยเข้ามาหาอย่างช้าๆ ใบหน้าสวยหวานยังดูนิ่งสงบ ประดุจดังรูปปั้นที่ไร้ชีวา แต่พอถึงระยะ 5 ก้าวก่อนถึงตัว เธอก็ร่อนลงไปเหยียบพื้น
" เป็นไง เจ้ายังบอกว่าข้าไม่กล้าลงมืออีกรึเปล่า "
มารร้ายกัดฟันกรอดใหญ่ เพราะเจ็บใจเหลือประมาณ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ด้วยรู้ซึ้งถึงทรวงว่าคู่ประลองนั้นมีพลังมากกว่าตนอย่างมากมาย
" เจ็บใจนัก สู้มันไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นแค่มนุษย์ แต่ทำไมถึงมีพลังเวทขนาดนี้ เอ๊ะ.....หรือว่า...." ถึงตรงนี้ มารร้ายเริ่มฉุกคิด เพราะเด็กสาวนางนี้มีอะไรบางอย่างที่ฟ้องถึงความผิดปกติ
อากิเนะมองมารร้ายที่นั่งคุกเข่าในท่าที่คล้ายศิโรราบ แม้ดวงตาจะดูเฉยชา แต่ก็แฝงแววคุกคามอยู่ในที และก่อนจะได้เปิดฉากจู่โจม อมนุษย์ก็หัวเราะร่าด้วยเสียงที่แหบพร่า
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า......ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นตัวอะไร "
เด็กสาวยั้งมือขวาที่ยกขึ้นมา และหยุดโจมตีชั่วคราว เพราะสิ่งที่ได้ยินนั้นชวนให้สะกิดใจ ซึ่งก็ควรจะเป็นแบบนั้น ถ้ามีใครซักคนมาบอกว่าคุณไม่ใช่มนุษย์
" ที่พูดมาหมายความว่าไง เจ้ามารร้าย " แม้อากิเนะจะพูดเรียบๆ แต่ก็แอบมีสำเนียงขู่เข็ญอยู่ในน้ำเสียง
" หึ หึ หึ....." มารร้ายหัวเราะในลำคอเป็นการไว้เชิง ก่อนจะเฉลยถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
" ก็หมายความว่า.....เจ้ามีเชื้อสายของหมู่มาร "
คำตอบดังกล่าว ทำให้เด็กสาวอึ้งไปชั่วขณะ เนื่องจากเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตั้งแต่จำความได้ ก็อยู่กับท่านปู่มาตลอด โดยไม่เคยเจอหน้าพ่อแม่เลยซักครั้ง มารร้ายจึงฉวยโอกาสเข้ามาจู่โจมด้วยฝ่ามือ หวังเสียบทะลุอกในทีเดียว
" ตายซะ "
" ฉึก...."
เลือดแดงฉานพุ่งกระฉูดจากหน้าอก ด้วยอากิเนะมัวแต่ตะลึง จึงถูกฝ่ามือแหลมคมเข้าไปเต็มๆ ทว่ามันก็ทะลวงได้แค่ข้อนิ้วแรกเท่านั้น เพราะเธอยับยั้งด้วยการจับข้อมือของมารร้าย
" ฮึ่ม.....อีกนิดเดียว น่าเสียดาย " มารร้ายเจ็บใจเป็นที่สุด ถ้าเร็วกว่านี้อีกเสี้ยววินาที มันก็เป็นฝ่ายพลิกเกม
" ทะ....ที่จะ...เจ้าว่าข้ามะมีเชื้อมาร หมายความว่าไง พะ...พ่อแม่ของข้าเป็นใคร "แม้เหตุการณ์จะอยู่ในช่วงเป็นตาย แต่อากิเนะยังสนใจในที่มาของตัวเอง จึงเอ่ยถามเสียงสั่น สีหน้าดูซีดเซียว เพราะเสียเลือดไปพอสมควร
มารร้ายเห็นว่าตนได้เปรียบ จึงวางแผนปั่นประสาท เพื่อให้เด็กสาวเผลอ จะได้ทะลวงฝ่ามือคมให้สุดทาง
" หึ หึ หึ ก็หมายความว่าเจ้าไม่ใช่คนอย่างแน่นอน เพราะมีพลังเวทที่สูงเกินเผ่าพันธุ์ไง "
" แต่ท่านปู่ก็มีพลังที่สูงกว่ามนุษย์ทั่วไปเหมือนกัน แต่ท่านก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดานี่นา " อากิเนะเถียง ถึงตอนนี้ สมาธิทั้งหมดของเธอมุ่งตรงไปที่เรื่องชาติกำเนิดที่ไม่ชัดเจน อันเป็นช่องทางให้มารร้ายล่อหลอกต่อไป
" จริงอยู่ที่เจ้าแก่นั่นเก่งเกินคน แต่พลังที่แผ่ออกมา ล้วนอยู่ในกระแสของความเป็นมนุษย์ ต่างจากออร่าของเจ้าที่แฝงความเยือกเย็นของเผ่าปีศาจ "
ใบหน้าหวานใสของอากิเนะเริ่มขมวดนิ่ว เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่มารร้ายพูด แต่ใจลึกๆก็แอบสงสัย ด้วยยอมรับตามจริงว่าในยามที่ปล่อยพลังเวททั้งหมด เธอมีความกระหาย ใครฆ่าฟันอยู่เหมือนกัน
ขณะที่อากิเนะสับสน มารร้ายก็ได้ที เกร็งกำลังออกมา ทำให้ออร่าดำที่พวยพุ่งรอบกาย ทวีความรุนแรงขึ้นมาอย่างชัดเจนจนดูคล้ายเปลวเพลิงที่ต้องสายลม สิ่งที่ตามมาคือฝ่ามือคมมีดที่ทะลวงเข้าไปถึงข้อนิ้วที่สอง
" อั้ก...." อากิเนะกระอักเลือด ถึงไม่มีใครบอก ก็รู้ว่าบอบช้ำภายใน นอกนี้ เธอยังรู้อีกว่า...ถ้าตนถูกฝ่ามือคมมีดทะลวงเข้าไปอีกข้อนิ้วเดียว ชีวีต้องวายปราณอย่างแน่นอน ถึงกระนั้น เด็กสาวก็ยังกล่าวค้านเสียงแข็ง
" แล้วเป็นยังไง ในการต่อสู้ คนเราย่อมต้องเกิดความโมโห กระแสพลังก็จะแปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ดังนั้น ออร่าที่ปล่อยออกมาจะมีประกายฆ่าฟัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร "
" หึ หึ หึ ผิดก็แต่ว่าประกายฆ่าฟันของมนุษย์และของหมู่มารนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งข้าสัมผัสได้ว่าออร่าของเจ้ามีความคล้ายคลึงกับอย่างหลังมากกว่า " มารร้ายโต้กลับทันควัน มันพยายามป่วนประสาทให้อีกฝ่ายจิตตก
อากิเนะรู้อยู่เต็มอกว่ามารร้ายตนนี้เชื่อถือไม่ได้ เพราะเจ้าเล่ห์แสนกล แถมวาจาก็ลดเลี้ยวเคี้ยวคดจนหาความจริงได้ยาก แต่ที่ผ่านมา เธอก็แปลกประหลาดกว่าทุกคนในแดนลี้ลับจริงๆ ดังนั้น สิ่งมันพูดมา ก็มีน้ำหนักชวนให้คิด เด็กสาวเลยไม่ยอมปล่อยประเด็นนี้ให้ลอยผ่าน ทั้งที่ตัวเองอยู่ห่างจากขอบเหวแห่งความตายเพียงก้าวเดียว
" ถามอีกครั้ง ออร่าของข้านั้นเหมือนกับหมู่มารยังไง "
" อืม....อธิบายไม่ถูก ถ้าให้พูด ก็คงเหมือนกับการได้กลิ่นกายของเหล่ามนุษย์ และออร่าของเจ้าก็คล้ายคลึงกับมารตนนึงที่ข้าเคยเจอ " สีหน้าของมารร้ายเองก็ฉงนอยู่เหมือนกัน อันดูไม่ออกว่ามันแกล้งทำหรือคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร นี่ก็คือสิ่งที่อากิเนะอยากรู้ที่สุด
" ออร่าของข้าไปคล้ายใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ " อากิเนะพูดจบ ออร่าประกายรุ้งที่แผ่รอบกายก็โชติช่วงขึ้นมาอย่างรุนแรง พร้อมพลังเวทที่พุ่งสูงขึ้นไปอีก ทำให้ฝ่ามือคมมีดทิ่มทะลวงไม่เข้า ราวกับเจอทางตันที่ไม่อาจฟันฝ่า
" เฮ้ย....นะ....นี่มัน....." มารร้ายเริ่มหน้าซีด
" บอกมาเดี๋ยวนี้ มารที่มีออร่าคล้ายกับข้าคือใคร เป็นพ่อแม่ของข้า ใช่มั้ย " อากิเนะตะคอกใส่อย่างดุดัน ออร่าประกายรุ้งดูหมองมัวลงอย่างรวดเร็ว ประมาณว่ามีสีม่วงอมดำปกคลุมอยู่จางๆ
มารร้ายเห็นทุกสิ่งเต็มสองตา แถมประสาทสัมผัสก็เริ่มรับรู้ถึงคลื่นพลังที่เปลี่ยนไป มันเป็นออร่าที่มีกลิ่นอายฆ่าฟันแบบหมู่มารอย่างชัดเจน ถึงกระนั้น อมนุษย์ตนนี้ก็ดื้อดึงเป็นที่สุด จึงตอบปฏิเสธ
" ก็คงจะเป็นพ่อแม่ของเจ้านั่นแหละ แต่ถึงรู้ ข้าก็ไม่บอกหรอก "
เหมือนบางอย่างในสมองของอากิเนะขาดผึง ไม่บอกก็รู้ว่าคือ......อนุสติสุดท้ายที่คอยฉุดรั้ง ดังนั้น สิ่งที่เด็กสาวทำในเวลาต่อมาก็คือ......กรีดร้องเสียงดัง
" กรี๊ด......."
" เฮ้ย.....ไม่จริงน่า " มารร้ายผวาเฮือก แต่มันมิได้กลัวกระแสเสียงของสิบแปดหลอดของเด็กสาว กลับเป็นพลังเวทที่แผ่ออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ประดุจดังดังคลื่นทะเลในยามฟ้าคลั่ง ที่แย่กว่านั้นคือ....ออร่าดังกล่าวได้เปล่งประกายเป็นสีม่วงอมดำ อันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามาร
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ