The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
150) ในที่สุด ก็พบกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com
“ว้าย…..นะ..นั่น อันตรายมากนะ ทำไมนายลิงถึงเสี่ยงแบบนั้น จะคอหักตายเอาง่ายๆ ” อากิเนะปิดปาก ท่าทางหวาดเสียวถึงขีดสุด เพราะถ้ามาวินพลาดเพียงนิดเดียว คงไม่พ้นความตาย แต่หนุ่มนักกีฬากลับพลิกกายลงสู่เนินลาดอย่างง่ายดาย
การละเล่นผาดโผนที่ใกล้เคียงมอเตอร์ไซด์ไต่ถังดำเนินอยู่หลายวาระ แต่ละคราวล้วนสร้างเสียงฮือฮาจากผู้ชม แม้แต่อากิเนะผู้มาจากโลกอื่นก็ไม่เว้น ทว่ามาวินยังไม่พลาดเลยซักครั้ง เขาดูชำนาญราวกับตัวเองและสเก็ตบอร์ดได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน และเมื่อการแสดงรอบสุดท้ายมาถึง หนุ่มร่างสันทัดก็โชว์เหนือด้วยการ…..ตีลังกาสามตลบในช่วงที่ลอยตัวกลางอากาศ
“ว้าย……” อากิเนะตกใจจนถึงขั้นยกสองมือขึ้นปิดตา เพราะหวาดเสียวเกินกว่าสาวหวานอย่างเธอจะรับได้ ผ่านไปอึดใจ สิ่งที่ตามมาคือความเงียบสงบ ราวกับยืนอยู่กลางสุสานยามค่ำคืน
“กะ…เกิดอะไรขึ้น” แม้ยังไม่หายหวาดเสียว แต่ความสงสัยก็มีมากมายจนสาวสวยทนไม่ไหวและเปิดตาขึ้นมาชมเหตุการณ์ สิ่งที่เห็นก็คือ……มาวินที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานประลอง พร้อมสเก็ตบอร์ดคู่ใจที่ถือในมือ
“ว้าย ตาลิงนั่นยังรอด ดีจังเลย” อากิเนะยิ้มออกมาได้ ดูเหมือนว่าเธอจะอินจนลืมไปแล้วว่านี่คือโลกแห่งจิตใจ และในวินาทีต่อมา เสียงเฮดังของผู้คนก็ปะทุขึ้นมา
“เฮ………”
มันเป็นเสียงดังที่ยิ่งกว่าเสียงระเบิดจากเวทกัมปนาทที่อากิเนะเคยใช้นับล้านเท่า ทำเอาเด็กสาวหูอื้อไปในบัดดล บ่งบอกถึงความคลั่งไคล้ในตัวของมาวินได้เป็นอย่างดี กระแสนั้นดูจะกึกก้องยาวนานจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้
“อุ้ย….ทำไมคนที่นี่ถึงชอบตะโกนกันจัง” อากิเนะเอามืออุดหู พร้อมภาวนาให้ความบ้าคลั่งนี้จบลงโดยไว
หลังจากเสียงเฮของผู้คนนับหมื่นสงบลง กรรมการก็ประกาศคะแนน มาวินทำได้ถึง 10 แต้มเต็ม ผลงานโดยรวมจึงขยับไปอยู่ที่ 1 และครองแชมป์โลกไปโดยปริยาย หนุ่มนักกีฬาถูกนักข่าว แฟนคลับ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรุมล้อมจนไม่มีช่องให้อากิเนะเข้าไปพูดคุย เธอจึงได้แต่ยืนดูห่างๆ สมองพยายามหาทางออก
“ทำไงดี เราจะเข้าไปหานายลิงได้ยังไง”
ระหว่างที่อากิเนะกำลังคิดหนัก สายตาก็เหลือบไปเห็นการแต่งกายของผู้คนในโลก ส่วนใหญ่จะเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อยืดหรือไม่ก็กระโปรง แล้วพอหันมาดูตัวเอง ก็พบว่าอยู่ในชุดกิมิโนสีชมพู ซึ่งดูประหลาดสุดๆ เพื่อไม่ให้มาวินตกใจเวลาเข้าไปหา เธอจึงจำต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง
“อืม….ขืนเข้าไปในสภาพนี้ นายลิงตกใจจนคุยไม่รู้เรื่องแน่ เราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เอาชุดนั้นแหละ” อากิเนะตกลงใจ เพราะเหลือบไปเห็นสาวหวานเรียบร้อยนางหนึ่ง เธอสวมเสื้อเชิ้ต กระโปรงสีขาวที่ยาวถึงข้อเท้า ทว่ายังมีเรื่องให้สงสัย
“แต่เอ….ในโลกแห่งจิตใจ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันยังไง”
สำหรับอากิเนะ นับว่าเป็นปัญหาโลกแตก เพราะไม่เคยเข้ามาในโลกแห่งจิตใจมาก่อน เธอจึงเค้นสมองอย่างหนักจนลืมดูตัวเองว่าอยู่ในชุดที่ต้องการสวมใส่แล้ว จวบจนเหลือบไปเห็นเงาในกระจก จึงเข้าใจ
“เอ๊ะ! เราอยู่ในชุดที่ต้องการแล้วนี่ สะ…แสดงว่าในโลกแห่งนี้ เพียงแค่คิด ก็ได้แล้วใช่มั้ย สมกับเป็นโลกแห่งจิตใจจริงๆ จะว่าไป ช่างน่าอายเหลือเกิน ทำไมเราต้องมาใส่ชุดแบบนี้ด้วยนะ” อากิเนะเริ่มหน้าแดง สำหรับเธอ นับว่าแปลกประหลาดสุดๆ เพราะแดนลี้ลับที่จากมา ไม่เคยมีใครใส่ชุดแบบนี้
ถึงจะอายเพียงใด แต่อากิเนะก็จำทน เพื่อจุดมุ่งหมายที่ต้องการ นั่นก็คือดึงเด็กหนุ่มหัวเขียวกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง ทว่าถึงนาทีนี้ นายลิงตัวดียังถูกผู้คนรุมล้อมไม่เลิก ทำให้เด็กสาวเริ่มท้อใจ
“เฮ้อ…ถึงโลกแห่งนี้จะไม่มีเวลา แต่นี่ก็นานเกินไปแล้ว อะไรจะดังขนาดนี้ นี่หรือความฝันของเธอ”
หลังจากอากิเนะนั่งรอ ยืนรออยู่นานจนเหงือกแห้ง มาวินก็ได้ฤกษ์กลับบ้าน เขาตรงไปที่มอเตอร์ไซด์เขียว อันเป็นพาหนะคู่ใจ จากนั้นก็ขึ้นไปขี่มัน แล้วแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าย……นายลิงหนีไปแล้ว แล้วตานั่นขี่อะไร ทำไมถึงเร็วแบบนั้น” อากิเนะอุทานดัง เพราะเธอไม่รู้จักมอเตอร์ไซด์ แต่พอตั้งสติได้ เธอก็อธิษฐานในใจ
“ขอให้เราลอยตามตาหน้าลิงนั่นไปเดี๋ยวนี้”
เพียงเท่านี้ ร่างเล็กบางของเด็กสาวก็ลอยตามมอเตอร์ไซด์แรงเร็วไปในทันที แต่อากิเนะไม่กล้าพุ่งเข้าไปตีคู่ เพราะกลัวมาวินจะตกใจ
“ลอยตามไปเรื่อยๆ ก่อน รอให้ตานั่นหยุดรถก่อน แล้วค่อยเข้าไปคุย”
อากิเนะติดตามมาวินไปเงียบๆ โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 30 เมตร แน่นอนว่าเธอรู้สึกอายผู้คนมากมายบนท้องถนนเหลือประมาณ ทั้งที่ไม่จำเป็นซักนิด เพราะทุกสิ่งที่ไม่ใช่เด็กหนุ่มหัวเขียว เป็นเพียงฉากประกอบที่ไร้จิตใจ ไม่นาน นายลิงตัวดีก็หยุดรถ สถานที่แห่งนั้นก็คือ…..สวนสาธารณะที่เงียบสงบ
“เอ๊ะ! นายลิงมาที่สวนนี้ทำไม” ในหัวของอากิเนะมีคำถาม เธอจึงลองติดตามมาวินไปเงียบๆ อีกซักระยะ เพราะอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มนายนี้จะทำอะไร
หลังจากตามมาได้ระยะหนึ่ง พบว่านายลิงได้เดินทางมาที่ลานกว้าง ซึ่งมีเด็กชายหญิงนับสิบยืนรออยู่ พอเห็นมาวิน เหล่าเยาวชนก็ร้องทักเป็นเสียงเดียวกัน
“อาจารย์มาช้าจังเลย พวกหนูรอจนจะหลับอยู่แล้ว”
“ไอ้เด็กบ้า ใครสั่งใครสอนให้เรียกชั้นว่า…อาจารย์ แบบนั้นมันแก่และเป็นทางการเกิน ต่อไปให้เรียกว่า….พี่มาวินสุดหล่อ เข้าใจมั้ย” มาวินตวาดใส่เด็กๆ แต่ไม่มีหนูน้อยคนไหนกลัวเกรง เพราะยังกล้าต่อปากต่อคำ
“เรียกพี่ได้จริงๆ เหรอ เพราะดูจากอายุ น่าจะเรียกน้าหรือไม่ก็ลุงแล้วนะ ฮะ ฮะ ฮะ”
มาวินฉุนจัดจนเบิร์ดกะโหลกของเจ้าเด็กจอมแก่นไปหนึ่งทีเป็นการสั่งสอน แต่เด็กหญิงอีกคนไม่สนใจ แถมยังแซวหนักกว่าเดิม
“ยอมเรียกพี่ก็ได้ แต่ตัดคำว่าสุดหล่อออกไปได้มั้ย หนูไม่อยากโกหกน่ะ”
คำถามนี้ทำให้มาวินถึงกับเกาหัวแกรกๆ ส่วนอากิเนะยืนขำอยู่ห่างๆ เพราะนึกสะใจที่นายลิงถูกเหล่าเด็กๆ ก่อกวน
“ฮะๆ สมน้ำหนัก ก่อนหน้านี้ ชอบก่อกวนคนอื่นดีนัก คราวนี้โดนป่วนซะเองบ้าง เป็นยังไงเล่า”
มาวินเซ็งสุดกู่อยู่นาน สุดท้าย เขาก็ตัดใจ แล้วบอกพวกเด็กๆ ไปว่า……
“เอาล่ะ จะเรียกอย่างไรก็เรียก ขอเพียงอย่าเรียกว่า “ไอ้มาวิน” เป็นใช้ได้ ถึงยังไง พวกแกก็ให้เกียรติอายุของชั้นด้วย”
“ได้เลยครับ อาจารย์ พี่มาวิน น้ามาวิน ลุงมาวิน” สารพันสรรพนามจากเด็กนับสิบเซ็งแซ่ออกมาพร้อมกัน ทำเอามาวินถึงกับกุมขมับ โดยเฉพาะคำว่า “ลุงมาวิน” นั้นดูจะเชือดเฉือนหัวใจเป็นที่สุด อันเป็นภาพที่ทำให้อากิเนะขำจนตัวงอ
“ฮะ ฮะ ฮะ……”
พอการหยอกล้อเล็กๆ สิ้นสุด นายลิงก็ลงมือสอนเด็กนับสิบให้เล่นสิ่งที่เรียกว่า “สเก็ตบอร์ด” ระหว่างนั้น ใบหน้าเรียวเล็กของเขาจะแย้มยิ้มอยู่ตลอด บางครั้งก็ให้กำลังใจกับพวกเด็กๆ ที่เข้าท่าผิด ดูเป็นสิ่งที่หนุ่มหัวเขียวชื่นชอบสุดๆ ทำเอาอากิเนะอมยิ้มตาม
“ไม่น่าเชื่อว่านายลิงจะมีมุมแบบนี้ด้วย ดีจังเลย”
การฝึกสอนผ่านไปได้ไม่นาน พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดิน อันเป็นเวลาที่พวกเด็กๆ ต้องกลับบ้าน มาวินจึงร่ำลาเหล่าศิษย์ตัวน้อยทีละคน พร้อมยิ้มส่งด้วยจิตใจที่เบิกบาน
“กลับบ้านดีๆ นะ ไอ้แสบทั้งหลาย”
“ครับ ค่ะ อาจารย์ พี่ น้า ลุง…..” เหล่าเด็กๆ ทยอยกันลากลับ พร้อมขนานนามตามที่ตัวเองชอบใจ แต่คำว่า “ลุง” ก็ทำให้สีหน้าของมาวินเจื่อนลงเล็กน้อย
“ฮะ ฮะ ฮะ เรียกพี่หรืออะไรก็ได้ แต่ว่าคำว่า “ลุง” ชั้นขอได้มั้ย มันดูเสียดแทงหัวใจยังไงชอบกล”
แน่นอนว่าไม่มีเด็กคนไหนตอบรับคำขอนี้ ไม่นาน เหล่าหนูน้อยก็หายจ๋อย เหลือไว้แต่มาวินที่ยืนอยู่ตามลำพัง
“เอาล่ะ โอกาสดีแล้ว เราต้องเข้าไปคุยกับเขา แล้วพานายลิงกลับสู่โลกแห่งความจริง” อากิเนะบอกตัวเอง ทว่าสองขากลับชะงัก ด้วยจู่ๆ ก็เกิดรู้สึกแปลกๆ
“แต่….จะออกไปแบบนี้ มันจะดีเหรอ เรายังอยู่ในชุดประหลาด ไม่อยากให้นายลิงเห็นเราในสภาพนี้เลย” อากิเนะรู้สึกลังเล แต่ครั้นจะกลับไปใช้ชุดเดิม ก็กลัวว่ามาวินจะตกใจ เพราะชุดที่เคยใส่เป็นเครื่องแต่งกายที่ดูประหลาดในโลกนี้ ก่อนที่เด็กสาวจะตัดสินใจได้ หนุ่มนักกีฬาก็หันมาเห็นและร้องทัก
“อ้าว….ใครอยู่ตรงนั้น เป็นพี่สาวของเด็กพวกนั้นเหรอ”
อากิเนะจวนตัวจนหลบไม่ทัน เธอจึงจำต้องออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ที่แอบซ่อน แล้วส่งยิ้มแแหยๆ ให้มาวินที่กำลังยืนงง
“เอ่อ เราเอง เธอจำได้มั้ย”
มาวินยิ่งงงหนักกว่าเดิม แต่ในดวงตากลับเปล่งประกายจางๆ ประมาณว่าคลับคล้ายคลับคลา
“อืม…..ชั้นจำเธอไม่ได้นะ สาวน้อย แต่ก็คุ้นหน้าอยู่”
อากิเนะทำท่าจะเถียง เพราะอีกฝ่ายดันเรียกเธอว่าสาวน้อย แต่ก็สำเหนียกได้ว่าตอนนี้สภาพของมาวินอยู่ในวัยฉกรรจ์ ขณะที่ตนมีรูปกายเป็นเด็กสาววัย 16 จึงเป็นการสมควรที่จะถูกเรียกแบบนั้น แถมเท่าที่เคยศึกษาในตำราว่าด้วยโลกแห่งจิตใจ พบว่าผู้ที่ติดในนั้น ส่วนใหญ่จะจำคนจากโลกจริงไม่ได้ เพราะคิดว่าเรื่องราวในโลกจริงคือความฝัน และสิ่งที่ตนกำลังเผชิญในโลกสมมุติเป็นความจริง
“อืม…..แบบนี้ จะไปต่อยังไงนะ” อากิเนะเริ่มเครียด เนื่องจากเธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตะล่อมคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะในดินแดนลี้ลับที่อาศัยอยู่ มีแต่คนซื่อที่โกหกไม่เป็น
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ