The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

142) ห้าภูตถล่มปฐพี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.wallpaperflare.com

 

........................

         

       โรงฝึกศาสตราในยามนี้ดูเงียบเหงา เพราะมันร้างผู้คนโดยสมบูรณ์ แถมกำแพงไม้ด้านหนึ่งยังถูกโอคุยาสุทำลายจนพังไปทั้งแถบ ส่งผลทำให้สองปู่หลานได้มีโอกาสชมวิวจากสวนนอกโรงฝึก

           

 

       เทพศาสตรายังอยู่ในอาการสงบ สีหน้าเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก ผิดกับอากิเนะที่ดูกระสับกระส่าย เพราะเธออยากไปยังจุดที่โอคุยาสุต่อสู้กับมาวิน

 

“ ใจเย็น อากิเนะ คนที่เจ้าควรเป็นห่วง น่าจะเป็นโอคุยาสุมากกว่า ” เทพศาสตราปลอบ หลานสาวก็ตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา สีหน้าดูกลัดกลุ้ม 

 

“ อากิเนะก็ห่วงพี่โอคุยาสุเหมือนกัน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้อาจรุนแรงจนเขารับมือไม่ไหว แต่……เจ้าหน้าลิง เอ๊ะ มาวิน…….น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า ” 

            

 

       หลังจากนั้น สองปู่หลานก็นิ่งเงียบไป ไม่นาน เทพศาสตราก็ลองเดาใจ 

 

“ สาเหตุที่เจ้าหนูหัวเขียวน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า เพราะมันได้กลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ว ใช่มั้ย ” 

             

 

        อากิเนะพยักหน้าเบาๆ เทพศาสตราจึงถอนหายใจยาว พร้อมลุกขึ้นยืน ปากก็กล่าวกับหลานสาวด้วยเสียงที่ดังกังวาน ราวกับระฆังทอง 

 

“ เอาล่ะ อากิเนะ เจ้าไปกับปู่ เรามาช่วยเจ้าหนูหัวเขียวให้กลับมาเป็นคน ” 

              

 

        ทันทีที่อากิเนะได้ยินน้ำคำของเทพศาสตรา เธอก็แย้มยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว เพราะรู้ดีกว่าท่านปู่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เท่าที่จำความได้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ท่านผิดพลาด จึงรับคำและเดินตามญาติเพียงหนึ่งเดียวของตนเอง

 

“ ได้ค่ะ ท่านปู่ ” 

 

…………………..

          

       บรรยากาศภายในสวนที่เคยร่มเย็น บัดนี้กลับกลายเป็นรุ่มร้อนและชวนอึดอัด บริเวณลานกว้างขวางที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ได้ปรากฏร่างสูงเพรียวของชายหนุ่ม มีสิ่งที่คล้ายเปลวเพลิงสีม่วงแผ่ซ่านออกมาจางๆ  ทำให้เขาดูน่าเกรงขามอยู่ในที 

            

 

       ทว่าชายผู้นี้ยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับคู่ต่อสู้ที่ยืนโงนเงน เขาคนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็ก ชุดซามูไรสีขาวที่สวมใส่ขาดวิ่นไปหลายจุด ใบหน้าเรียวก็บิดเบี้ยวเหยเกและเต็มเปี่ยมไปด้วยความวิปริตจนดูไม่เหมือนมนุษย์ รอบกายมีออร่าสีเทาจางๆแผ่ออกมา อันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย

 

“ เตรียมรับมือ ไอ้เด็กปีศาจ ” หนุ่มหน้ามนผู้มีนามว่า “โอคุยาสุ” ตวาดก้อง พร้อมยกดาบคาตานะขึ้นมาที่ระดับอก ท่วงท่าดูรัดกุม 

           

 

       เด็กปีศาจหรือมาวินยืนเอียงคอ แล้วส่ายหัวเบาๆ จากนั้นก็ฉีกยิ้มประหลาด พร้อมตอบกลับช้าๆ น้ำเสียงแหบแห้ง ราวกับผีตายซาก 

 

“ เหอๆ เข้ามาเลย แล้วแกจะได้รู้จักปีศาจที่แท้จริง ”  

          

 

       โอคุยายุกัดฟันน้อยกรอดใหญ่ ในใจเริ่มโมโหเล็กน้อย เขายกดาบคาตานะขึ้นมาชี้หน้าของมาวิน พร้อมตะโกนดัง

 

“ ภูตพรายแห่งดาบจงปรากฏ ” 

           

 

        สิ้นเสียงของหนุ่มหล่อ ออร่าสีม่วงรอบกายก็พวยพุ่งอย่างรุนแรง ราวกับกองไฟดวงโตที่ต้องลม แต่ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ……มีไอจางๆขนาดเท่าลูกมะพร้าวจำนวน 4-5 ก้อนระเหยออกมาจากดาบคาตานะ มันดูคล้ายกะโหลกผี

 

“ ไปจัดการมัน ภูตพรายของข้า ” โอคุยาสุออกคำสั่งเสียงกร้าว ดวงตาเรียวเล็กของชายหนุ่มแฝงแววดุดัน

            

 

        ไอสีขาวที่ดูคล้ายกะโหลกผีพุ่งเข้าใส่มาวินตามคำสั่ง แต่เด็กหนุ่มหัวเขียวกลับไม่ยอมขยับ พวกมันจึงฝังคมเขี้ยวลงไปบนเนื้อตัวของเหยื่อ 

 

“ ปึด.... ” เลือดสีแดงสดหลั่งทะลักออกจากร่างแกร่งเกร็งที่ยืนโงนเงน การโจมตีครั้งนี้คงรุนแรงกว่าที่คิด ทว่าเด็กหนุ่มไม่มีท่าทีจะล้มลง กลับแสยะยิ้มมุมปากด้วยอาการยิ้มเยาะ 

            

 

        โอคุยาสุนึกแปลกใจที่ไม่อาจล้มมาวิน เพราะรู้ดีว่านอกจากภูตพรายจะมีพลังโจมตีทางกายภาพที่รุนแรง พวกมันยังสามารถดูดกลืนวิญญาณของคู่ต่อสู้ อันเป็นการบั่นทอนพลังใจและพลังกาย เมื่อเด็กหนุ่มโดนกัดเข้าไปถึงห้าตัว ก็ไม่น่าจะยืนอยู่ได้ แต่แคลงใจไม่นาน อริร่างเล็กก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำประดุจโลหิต 

 

“ เฮ้ย! ทำไมดวงตาของเจ้าถึงเป็นแบบนั้น ” โอคุยาสุอุทานดังด้วยความตกใจ ทว่ามาวินไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงแต่ออกคำสั่งด้วยเสียงที่แหบแห้ง

 

“ จงกลับไปโจมตีมัน เจ้าพวกภูตพราย ” 

          

 

        สิ้นคำกล่าว ห้ากะโหลกผีก็ละจากมาวิน แล้วพุ่งเข้าใส่โอคุยาสุ เพื่อโจมตีตามคำสั่ง

 

“ เฮ้ย! อะไรกันนี่ ” โอคุยาสุร้องเสียงหลง พร้อมหลบการโจมตีของห้ากะโหลกผี แต่พวกมันยังคงวนเวียนอยู่รอบกาย เพื่อฝังเขี้ยวคมๆลงบนผิวที่ขาวเนียนของหนุ่มหล่อ 

           

 

       โอคุยาสุตกใจขีดสุด เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาแทบไม่เคยใช้พลังจากดาบวิเศษเล่มนี้เลย และทุกครั้งที่ใช้ เหล่าภูตพรายก็ไม่เคยย้อนกลับมาเล่นงาน มันเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคือ….…..จอมปีศาจที่สามารถบงการวิญญาณร้ายได้ แต่ถึงยังไง หนุ่มหล่อก็ไม่ยอมแพ้

 

“ กร็อด.....ชั้นไม่ยอมแพ้แกหรอก ไอ้เด็กปีศาจ ” โอคุยาสุคำรามดัง ออร่ารอบกายส่องแสงเเรงกล้าออกมา และในจังหวะที่ห้ากะโหลกผีเตรียมพุ่งเข้าใส่จากมุมสูง เขาก็ชูดาบคาตานะขึ้นมา ปากก็กู่ก้องร้องตะโกน 

 

“ ภูตพรายทั้งหลายจงกลับมารวมตัวที่ดาบของข้าเดี๋ยวนี้ ” 

             

 

       ภูตพรายทั้งห้าตนหยุดชะงักไปอึดใจ พริบตาต่อมา พวกมันก็กลายสภาพเป็นแสงสดใสห้าสาย แล้วพุ่งเข้าใส่ดาบคาตานะในมือขวา

 

“ ฮึ่ม…..จำเป็นต้องใช้กระบวนท่านี้แล้ว ไม่ชอบเลย ” โอคุยาสุกล่าวอย่างยากลำบาก สายตาจับจ้องไปที่ดาบคาตานะด้ามยาว ที่บัดนี้เปล่งแสงสีขาวออกมาอย่างรุนแรงจนดูคล้ายว่าชายหนุ่มกำลังถือหลอดไฟนีออนฤทธิ์แรง 

           

 

        โอคุยาสุชูดาบเปล่งแสงขึ้นเหนือหัว เขาจำเป็นต้องเกร็งสุดพลัง เพราะศาสตราในสองมือกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับบ้าคลั่ง ภายในรู้สึกสำนึกเสียใจที่ต้องใช้กระบวนท่านี้  เนื่องจากมันมีรัศมีทำลายที่กว้างไกลพอสมควร 

 

“ น้องชายหัวเขียว ถ้าเจ้ายังมีสติหลงเหลืออยู่ เลิกบ้าและกลับมาเป็นปกติเดี๋ยวนี้ เพราะกระบวนท่าที่ข้าจะใช้ต่อไปคือท่าไม้ตายสูงสุด มันมีพลังมากพอจะทำลายทุกสิ่งให้แหลกเป็นจุณ ” โอคุยาสุร้องเตือนเด็กหนุ่มผู้คลุ้มคลั่งเป็นครั้งสุดท้าย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะเขาตอบสนองความหวังดีด้วยการหัวเราะเสียงดัง แล้วแสยะยิ้มที่ดูชั่วร้าย 

 

“ เหอ เหอ เหอ เข้ามาเลย ยังไงแกก็ต้องตาย ” 

           

 

       โอคุยาสุดูสลดลงเล็กน้อย เพราะไม่อยากสังหารมาวิน แต่สถานการณ์บีบบังคับจนไม่มีทางเลือก เขาจะปล่อยให้เด็กหนุ่มผู้กำลังจะกลายเป็นปีศาจมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ นักดาบหน้าขาวจึงมุ่งสมาธิทั้งหมดไปจรดจ่อที่คมดาบซึ่งกำลังเปล่งประกาย 

           

 

        ทั้งสองนิ่งไปพักหนึ่ง ราวกับตัวตนของพวกเขาได้หายไปจากโลกใบนี้ ทว่ามันก็เป็นเพียงคลื่นลมสงบ ก่อนพายุโหมกระหน่ำ วินาทีต่อมา โอคุยาสุก็เป็นฝ่ายจู่โจมก่อนด้วยการกระโดดสูงถึงยี่สิบเมตร 

           

 

         โอคุยาสุเงื้อดาบในท่าฟาดฟันลงมา เป้าหมายคือกระบาลของมาวิน ปากก็ขนานนามของกระบวนท่าเด็ดที่ใช้เผด็จศึก 

 

“ ดาบห้าภูตผ่าปฐพี ” 

            

 

        ออร่าที่พวยพุ่งจากร่างกายของโอคุยาสุรุนแรงยิ่งกว่าเดิมจนดูเหมือนลูกไฟสีม่วงขนาดใหญ่ที่กำลังหล่นทับมาวิน ส่วนดาบภูตพรายในสองมือก็เปล่งแสงสีขาวออกมา ในจังหวะที่ศาสตรากำลังกระทบศีรษะ ออร่าแรงกล้าก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม ผิดก็แต่ว่าสีของมันนั้นดำสนิท ประดุจท้องฟ้ามืดมิดที่ไร้แสงจันทร์

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา