The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
142) ห้าภูตถล่มปฐพี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com
........................
โรงฝึกศาสตราในยามนี้ดูเงียบเหงา เพราะมันร้างผู้คนโดยสมบูรณ์ แถมกำแพงไม้ด้านหนึ่งยังถูกโอคุยาสุทำลายจนพังไปทั้งแถบ ส่งผลทำให้สองปู่หลานได้มีโอกาสชมวิวจากสวนนอกโรงฝึก
เทพศาสตรายังอยู่ในอาการสงบ สีหน้าเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก ผิดกับอากิเนะที่ดูกระสับกระส่าย เพราะเธออยากไปยังจุดที่โอคุยาสุต่อสู้กับมาวิน
“ ใจเย็น อากิเนะ คนที่เจ้าควรเป็นห่วง น่าจะเป็นโอคุยาสุมากกว่า ” เทพศาสตราปลอบ หลานสาวก็ตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา สีหน้าดูกลัดกลุ้ม
“ อากิเนะก็ห่วงพี่โอคุยาสุเหมือนกัน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้อาจรุนแรงจนเขารับมือไม่ไหว แต่……เจ้าหน้าลิง เอ๊ะ มาวิน…….น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า ”
หลังจากนั้น สองปู่หลานก็นิ่งเงียบไป ไม่นาน เทพศาสตราก็ลองเดาใจ
“ สาเหตุที่เจ้าหนูหัวเขียวน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า เพราะมันได้กลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ว ใช่มั้ย ”
อากิเนะพยักหน้าเบาๆ เทพศาสตราจึงถอนหายใจยาว พร้อมลุกขึ้นยืน ปากก็กล่าวกับหลานสาวด้วยเสียงที่ดังกังวาน ราวกับระฆังทอง
“ เอาล่ะ อากิเนะ เจ้าไปกับปู่ เรามาช่วยเจ้าหนูหัวเขียวให้กลับมาเป็นคน ”
ทันทีที่อากิเนะได้ยินน้ำคำของเทพศาสตรา เธอก็แย้มยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว เพราะรู้ดีกว่าท่านปู่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เท่าที่จำความได้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ท่านผิดพลาด จึงรับคำและเดินตามญาติเพียงหนึ่งเดียวของตนเอง
“ ได้ค่ะ ท่านปู่ ”
…………………..
บรรยากาศภายในสวนที่เคยร่มเย็น บัดนี้กลับกลายเป็นรุ่มร้อนและชวนอึดอัด บริเวณลานกว้างขวางที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ได้ปรากฏร่างสูงเพรียวของชายหนุ่ม มีสิ่งที่คล้ายเปลวเพลิงสีม่วงแผ่ซ่านออกมาจางๆ ทำให้เขาดูน่าเกรงขามอยู่ในที
ทว่าชายผู้นี้ยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับคู่ต่อสู้ที่ยืนโงนเงน เขาคนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็ก ชุดซามูไรสีขาวที่สวมใส่ขาดวิ่นไปหลายจุด ใบหน้าเรียวก็บิดเบี้ยวเหยเกและเต็มเปี่ยมไปด้วยความวิปริตจนดูไม่เหมือนมนุษย์ รอบกายมีออร่าสีเทาจางๆแผ่ออกมา อันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย
“ เตรียมรับมือ ไอ้เด็กปีศาจ ” หนุ่มหน้ามนผู้มีนามว่า “โอคุยาสุ” ตวาดก้อง พร้อมยกดาบคาตานะขึ้นมาที่ระดับอก ท่วงท่าดูรัดกุม
เด็กปีศาจหรือมาวินยืนเอียงคอ แล้วส่ายหัวเบาๆ จากนั้นก็ฉีกยิ้มประหลาด พร้อมตอบกลับช้าๆ น้ำเสียงแหบแห้ง ราวกับผีตายซาก
“ เหอๆ เข้ามาเลย แล้วแกจะได้รู้จักปีศาจที่แท้จริง ”
โอคุยายุกัดฟันน้อยกรอดใหญ่ ในใจเริ่มโมโหเล็กน้อย เขายกดาบคาตานะขึ้นมาชี้หน้าของมาวิน พร้อมตะโกนดัง
“ ภูตพรายแห่งดาบจงปรากฏ ”
สิ้นเสียงของหนุ่มหล่อ ออร่าสีม่วงรอบกายก็พวยพุ่งอย่างรุนแรง ราวกับกองไฟดวงโตที่ต้องลม แต่ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ……มีไอจางๆขนาดเท่าลูกมะพร้าวจำนวน 4-5 ก้อนระเหยออกมาจากดาบคาตานะ มันดูคล้ายกะโหลกผี
“ ไปจัดการมัน ภูตพรายของข้า ” โอคุยาสุออกคำสั่งเสียงกร้าว ดวงตาเรียวเล็กของชายหนุ่มแฝงแววดุดัน
ไอสีขาวที่ดูคล้ายกะโหลกผีพุ่งเข้าใส่มาวินตามคำสั่ง แต่เด็กหนุ่มหัวเขียวกลับไม่ยอมขยับ พวกมันจึงฝังคมเขี้ยวลงไปบนเนื้อตัวของเหยื่อ
“ ปึด.... ” เลือดสีแดงสดหลั่งทะลักออกจากร่างแกร่งเกร็งที่ยืนโงนเงน การโจมตีครั้งนี้คงรุนแรงกว่าที่คิด ทว่าเด็กหนุ่มไม่มีท่าทีจะล้มลง กลับแสยะยิ้มมุมปากด้วยอาการยิ้มเยาะ
โอคุยาสุนึกแปลกใจที่ไม่อาจล้มมาวิน เพราะรู้ดีว่านอกจากภูตพรายจะมีพลังโจมตีทางกายภาพที่รุนแรง พวกมันยังสามารถดูดกลืนวิญญาณของคู่ต่อสู้ อันเป็นการบั่นทอนพลังใจและพลังกาย เมื่อเด็กหนุ่มโดนกัดเข้าไปถึงห้าตัว ก็ไม่น่าจะยืนอยู่ได้ แต่แคลงใจไม่นาน อริร่างเล็กก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำประดุจโลหิต
“ เฮ้ย! ทำไมดวงตาของเจ้าถึงเป็นแบบนั้น ” โอคุยาสุอุทานดังด้วยความตกใจ ทว่ามาวินไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงแต่ออกคำสั่งด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“ จงกลับไปโจมตีมัน เจ้าพวกภูตพราย ”
สิ้นคำกล่าว ห้ากะโหลกผีก็ละจากมาวิน แล้วพุ่งเข้าใส่โอคุยาสุ เพื่อโจมตีตามคำสั่ง
“ เฮ้ย! อะไรกันนี่ ” โอคุยาสุร้องเสียงหลง พร้อมหลบการโจมตีของห้ากะโหลกผี แต่พวกมันยังคงวนเวียนอยู่รอบกาย เพื่อฝังเขี้ยวคมๆลงบนผิวที่ขาวเนียนของหนุ่มหล่อ
โอคุยาสุตกใจขีดสุด เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาแทบไม่เคยใช้พลังจากดาบวิเศษเล่มนี้เลย และทุกครั้งที่ใช้ เหล่าภูตพรายก็ไม่เคยย้อนกลับมาเล่นงาน มันเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคือ….…..จอมปีศาจที่สามารถบงการวิญญาณร้ายได้ แต่ถึงยังไง หนุ่มหล่อก็ไม่ยอมแพ้
“ กร็อด.....ชั้นไม่ยอมแพ้แกหรอก ไอ้เด็กปีศาจ ” โอคุยาสุคำรามดัง ออร่ารอบกายส่องแสงเเรงกล้าออกมา และในจังหวะที่ห้ากะโหลกผีเตรียมพุ่งเข้าใส่จากมุมสูง เขาก็ชูดาบคาตานะขึ้นมา ปากก็กู่ก้องร้องตะโกน
“ ภูตพรายทั้งหลายจงกลับมารวมตัวที่ดาบของข้าเดี๋ยวนี้ ”
ภูตพรายทั้งห้าตนหยุดชะงักไปอึดใจ พริบตาต่อมา พวกมันก็กลายสภาพเป็นแสงสดใสห้าสาย แล้วพุ่งเข้าใส่ดาบคาตานะในมือขวา
“ ฮึ่ม…..จำเป็นต้องใช้กระบวนท่านี้แล้ว ไม่ชอบเลย ” โอคุยาสุกล่าวอย่างยากลำบาก สายตาจับจ้องไปที่ดาบคาตานะด้ามยาว ที่บัดนี้เปล่งแสงสีขาวออกมาอย่างรุนแรงจนดูคล้ายว่าชายหนุ่มกำลังถือหลอดไฟนีออนฤทธิ์แรง
โอคุยาสุชูดาบเปล่งแสงขึ้นเหนือหัว เขาจำเป็นต้องเกร็งสุดพลัง เพราะศาสตราในสองมือกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับบ้าคลั่ง ภายในรู้สึกสำนึกเสียใจที่ต้องใช้กระบวนท่านี้ เนื่องจากมันมีรัศมีทำลายที่กว้างไกลพอสมควร
“ น้องชายหัวเขียว ถ้าเจ้ายังมีสติหลงเหลืออยู่ เลิกบ้าและกลับมาเป็นปกติเดี๋ยวนี้ เพราะกระบวนท่าที่ข้าจะใช้ต่อไปคือท่าไม้ตายสูงสุด มันมีพลังมากพอจะทำลายทุกสิ่งให้แหลกเป็นจุณ ” โอคุยาสุร้องเตือนเด็กหนุ่มผู้คลุ้มคลั่งเป็นครั้งสุดท้าย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะเขาตอบสนองความหวังดีด้วยการหัวเราะเสียงดัง แล้วแสยะยิ้มที่ดูชั่วร้าย
“ เหอ เหอ เหอ เข้ามาเลย ยังไงแกก็ต้องตาย ”
โอคุยาสุดูสลดลงเล็กน้อย เพราะไม่อยากสังหารมาวิน แต่สถานการณ์บีบบังคับจนไม่มีทางเลือก เขาจะปล่อยให้เด็กหนุ่มผู้กำลังจะกลายเป็นปีศาจมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ นักดาบหน้าขาวจึงมุ่งสมาธิทั้งหมดไปจรดจ่อที่คมดาบซึ่งกำลังเปล่งประกาย
ทั้งสองนิ่งไปพักหนึ่ง ราวกับตัวตนของพวกเขาได้หายไปจากโลกใบนี้ ทว่ามันก็เป็นเพียงคลื่นลมสงบ ก่อนพายุโหมกระหน่ำ วินาทีต่อมา โอคุยาสุก็เป็นฝ่ายจู่โจมก่อนด้วยการกระโดดสูงถึงยี่สิบเมตร
โอคุยาสุเงื้อดาบในท่าฟาดฟันลงมา เป้าหมายคือกระบาลของมาวิน ปากก็ขนานนามของกระบวนท่าเด็ดที่ใช้เผด็จศึก
“ ดาบห้าภูตผ่าปฐพี ”
ออร่าที่พวยพุ่งจากร่างกายของโอคุยาสุรุนแรงยิ่งกว่าเดิมจนดูเหมือนลูกไฟสีม่วงขนาดใหญ่ที่กำลังหล่นทับมาวิน ส่วนดาบภูตพรายในสองมือก็เปล่งแสงสีขาวออกมา ในจังหวะที่ศาสตรากำลังกระทบศีรษะ ออร่าแรงกล้าก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม ผิดก็แต่ว่าสีของมันนั้นดำสนิท ประดุจท้องฟ้ามืดมิดที่ไร้แสงจันทร์
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ