The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
143) เทพศาสตราออกศึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaperstock.net
พอคมดาบภูตพรายกระทบกายของเด็กหนุ่มหัวเขียว ก็บังเกิดแสงสว่าง คลื่นพลังทำลายแผ่ออกไปโดยรอบ พร้อมเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
“ เปรี้ยง....... ”
“ ว้าย! ” อากิเนะอุทานดัง เพราะนอกจากแสงสว่างที่โชติช่วงดุจดวงอาทิตย์และเสียงระเบิด เธอยังรู้สึกถึงแรงลมมหาศาลที่พุ่งเข้ามาปะทะกายจนเกือบหลุดลอยไปกลางอากาศ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งเสียง แสง สีก็ค่อยๆจางหายไป เหลือไว้แต่ความเงียบ ทุกสิ่งดูสงบนิ่ง ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
อากิเนะค่อยๆลืมตาขึ้นมา เธอกลัวว่ามาวินจะโดนผ่าเป็นสองซีก ทว่าสิ่งที่เห็น กลับไม่ตรงกับความคิด ด้วยคมดาบหาได้ต้องกายของเด็กหนุ่ม เพราะถูกป้องกันด้วยท่าใช้สองมือประกบดาบ ทำให้อาวุธร้ายอยู่ห่างหน้าผากเพียง 1 เซนติเมตร
“ นั่นมัน…..” อากิเนะรู้สึกสับสน แม้ดีใจที่เห็นมาวินรอดตาย แต่ก็นึกเสียดายที่โอคุยาสุไม่อาจล้มเด็กหนุ่มผู้กำลังจะกลายเป็นปีศาจ
“ อืม..... จบแล้ว เพลงดาบห้าภูตถล่มปฐพีไม่สามารถล้มเจ้าหนูหัวเขียวได้ โอคุยาสุแพ้แน่ ” เทพศาสตราคาดคะเน สีหน้าไร้ความรู้สึก
“ ทำไมท่านปู่ถึงพูดอย่างงั้น พี่โอคุยาสุยังไม่ถูกเล่นงานซักหน่อย น่าจะยังไม่รู้ผล ” อากิเนะร้องค้าน ท่าทางร้อนรน เพราะถ้าหนุ่มหน้าขาวแพ้ พวกเธอคงไม่แคล้วเป็นเหยื่อรายต่อไป
เทพศาสตรามองการต่อสู้เบื้องหน้าอยู่อึดใจ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ แม้โอคุยาสุยังไม่ถูกเล่นงาน แต่ก็แทบจะไม่เหลือพลัง เพราะกระบวนท่าห้าภูตถล่มปฐพีเป็นเพลงดาบที่ต้องใช้พลังวิญญาณและพลังจิตต่อสู้จำนวนมาก ในขณะที่….” เทพศาสตราพูดแค่นั้น ก็เงียบไป ดวงตาแหลมคมฉายแววกลัดกลุ้มออกมานิดๆ
“ ขณะที่อะไร! ท่านปู่พูดให้จบสิคะ ” อากิเนะเขย่าแขนเสื้อของเทพศาสตรา หวังกระตุ้นให้คำตอบที่ค้างคาออกมาโดยไว อึดใจต่อมา ผู้ปู่ก็ยอมเอ่ยปาก นั่นทำให้หลานสาวแสนสวยรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งกาย
“ ขณะที่พลังของเจ้าหนูหัวเขียวแทบไม่ลดลงเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าโอคุยาสุหมดทางชนะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ”
……………………….
“ แฮ่กๆ ” โอคุยาสุหอบจนตัวโยน เขาพยายามกดดาบลงไป แต่ศาสตราอาถรรพ์หาได้หลุดจากสองฝ่ามือที่ประกบ ราวกับว่ามันได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเด็กหนุ่มหัวเขียว
โอคุยาสุหมดกำลังไปแล้ว ออร่าสีม่วงแผ่ออกมาบางเบาจนแทบมองไม่เห็น ขณะที่ออร่าสีดำของมาวินยังคงกระจายทั่วร่างดุจเดิม ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ มุมปากแสยะยิ้ม พร้อมเย้ยหยันคู่ประลอง
“ ว่าไงล่ะ หนุ่มเจ้าสำอาง มีฝีมือแค่นี้เหรอ เหอ เหอ เหอ ”
โอคุยาสุแน่ใจแล้วว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าได้เปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์ เพราะจากน้ำเสียงและวิธีการพูด ดูไม่เหมือนมาวินเลย แต่มันคล้ายปีศาจร้ายที่ผุดขึ้นมาจากห้วงอเวจีมากกว่า ทันใดนั้นเอง ออร่าสีดำก็ทวีความรุนแรง ไม่ต่างจากเปลวเพลิงทมิฬยามต้องลม
“ เอ๊ะ! นี่มัน ” โอคุยาสุตกตะลึง เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่มากมายจากกายของมาวิน มันมหาศาลจนเกินระดับของมนุษย์ วินาทีต่อมา หนุ่มหล่อก็ต้องพบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
“ เคร้ง...... ”
มาวินหักดาบภูตพรายเป็นสองท่อนด้วยข้อมือที่แกร่งราวคีมเหล็ก การสูญเสียอาวุธคู่ใจ ทำให้โอคุยาสุช็อคจนลืมเลือนไปว่ากำลังยืนอยู่หน้าศัตรูที่ร้ายกาจ เขาจึงพบกับ……..
“ เปรี้ยง..... ”
โอคุยาสุกระเด็นไกลด้วยหมัดขวาของมาวิน กำปั้นนั้นตรงเข้าไปที่ครึ่งปากครึ่งจมูก ร่างสูงเพรียวของซามูไรหนุ่มลอยละลิ่วไปไกลเกือบสิบเมตร ก่อนไถลไปกับพื้นและแน่นิ่งในที่สุด
เด็กหนุ่มหัวเขียวยืนเอนไปมา พร้อมแสยะยิ้มให้กับคู่มือที่เพิ่งล้มไป ส่วนโอคุยาสุ เขานอนหงายอยู่อึดใจ ก่อนจะเริ่มขยับกาย
“ อั้ก….แฮ่กๆ ”
นับว่าโอคุยาสุอึดไม่ใช่ย่อย แม้จะโดนหมัดอันหนักหน่วงของมาวินกระแทกหน้าเข้าอย่างจัง แต่ก็ยังยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เขาเริ่มพ่นเลือดแดงฉานออกมา พร้อมกับหอบหนัก ดวงตาเรียวเหลือบมองอสูรร้ายเบื้องหน้า ท่าทางท้อแท้
“ เหอ เหอ เหอ ทรหดดีนี่หว่า นึกว่าเจ้าจะคอหักในหมัดเดียว แต่ก็ไม่ช่วยอะไรหรอก อย่าเก่งก็แค่ยืดเวลาตายออกไปเท่านั้น ” มาวินเวอร์ชั่นดาร์คไซด์หัวเราะลั่น พร้อมก้าวเข้าไปหาโอคุยาสุที่นั่งแผ่หลาสิ้นท่า
“ กร็อด......บัดซบ นี่เราจะจบเพียงเท่านี้เหรอ ” โอคุยาสุกัดฟันกรอดใหญ่ แม้จะไร้ทั้งกำลังและอาวุธ เขาก็ยังยันกายลุกขึ้นยืน แต่ไม่ว่าพยายามซักเท่าใด ร่างกายก็ไม่ขยับตามความคิด
ในยามนี้ โอคุยาสุได้แต่นั่งรอความตาย จวบจนมาวินเข้าถึงระยะ 5 ก้าว เขาก็หยุดอยู่กับที่ พร้อมหุบรอยยิ้มโรคจิตบนใบหน้า
“ เอ๊ะ! ทำไมเจ้าปีศาจนั่นถึงหยุด ยังไงกัน ” โอคุยาสุนึกสงสัยอย่างรุนแรง แต่ไม่นาน เขาก็เข้าใจ ด้วยได้ยินเสียงราบเรียบของเทพศาสตรา ผู้เป็นอาจารย์
“ เอาล่ะ หยุดเพียงเท่านี้แหละ เจ้าปีศาจร้าย ”
“ อาจารย์ ” โอคุยาสุร้องเรียกเสียงหลง สีหน้าดูดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นความหวังอยู่รำไร
“ โอคุยาสุ เจ้าพยายามได้ดีมาก แต่ปีศาจตนนี้แข็งแกร่งเกินไป ข้าขอต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง ” เทพศาสตราออกตัว แม้น้ำเสียงจะดูไร้อารมณ์ แต่ก็แฝงความดุดันจนสะกดปีศาจร้ายให้สงบลงชั่วคราว
“ ได้ครับ ศิษย์ยังอ่อนหัด ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ” โอคุยาสุกล่าวขอโทษ เขาดูสำนึกเสียใจอย่างจริงจัง
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ศิษย์ข้า ถอยออกไปก่อน การต่อสู้ที่จะเกิดอาจรุนแรงเกินไป ถ้าอยู่ต่อ เจ้าจะเป็นอันตราย ” เทพศาสตราพูดจบ รอบกายของชายชราก็เริ่มเรืองแสงสีแดง
ช่วงเวลาที่ผ่านมา โอคุยาสุไม่เคยเห็นเทพศาสตราใช้จิตต่อสู้(ออร่า)มาก่อน แต่ในคราวนี้ ท่านอาจารย์กลับใช้มันตั้งแต่ต้น ทำให้รู้ว่าการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดต้องรุนแรงจนเกินจินตนาการอย่างแน่นอน เขาจึงเริ่มถอยห่าง
โอคุยาสุโขยกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบกับเด็กสาวร่างบาง เธอคนนั้นคือ…..อากิเนะ นั่นทำให้เขามึนงงจนต้องเอ่ยถาม
“ เอ๊ะ! น้องหญิง เจ้ายังไม่หนีไปอีกเหรอ การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงกว่าที่คิดนะ ”
อากิเนะเงยหน้าขึ้นมองโอคุยาสุ ครู่หนึ่ง เด็กสาวก็ตอบกลับ
“ อากิเนะเข้าใจ และกำลังจะพาพี่โอคุยาสุไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย ”
“ สถานที่ที่ปลอดภัย ” โอคุยาสุทวนคำ สีหน้าเอ๋อเหรอ
แต่ไม่ทันที่โอคุยาสุจะได้ทำอะไร อากิเนะก็ก้าวเข้ามาประชิด แล้วสวมกอด
“ เอ๊ะ! เดี๋ยวซิ น้องหญิง นี่เจ้าจะทำอะไร ” โอคุยาสุร้องถามเสียงหลง ใบหน้าเริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอาย เพราะจู่ๆ หญิงสาวที่เขาหมายปองกลับเป็นฝ่ายเข้ามากอดเสียเอง
อากิเนะไม่ตอบคำ เธอตั้งสติให้มั่นคงอยู่อึดใจ รอบกายจึงเกิดแสงสว่างสีขาวออกมา มันขยายวงกว้างจนครอบคลุมไปทั่วร่างของหนุ่มสาว ความเจิดจ้านั้นกินเวลา 5 วินาที จากนั้นก็พลันหายไป เหลือไว้แต่ความว่างเปล่า
เทพศาสตรายิ้มเล็กน้อย ซึ่งมาวินด้านมืดก็แสยะยิ้มตอบเช่นกัน พร้อมกล่าวกับชายชราร่างสูงด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
“ สบายใจแล้วสิ ที่ยัยเด็กนั่นพาศิษย์รักของเจ้าหนีไปได้ เหอๆ ”
เทพศาสตราจ้องมองคู่สนทนาที่กำลังจะกลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ครู่หนึ่ง ชายชราร่างสูงก็ลองหยั่งเชิง
“ ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ทำไมจึงไม่ขัดขวาง ปล่อยให้เหยื่อหนีรอดไปได้แบบนี้ มันจะดีเหรอ ”
สิ้นคำกล่าวของเทพศาสตรา มาวินด้านมืดก็แหงนหน้าขึ้นฟ้า พร้อมหัวเราะร่าอย่างบ้าคลั่ง
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
“ เจ้าหัวเราะอะไร ” เทพศาสตราไถ่ถาม
เด็กหนุ่มผู้บ้าคลั่งหยุดหัวเราะ พร้อมหันหน้ามาแสยะยิ้ม จากนั้นก็แถลงข้อสงสัยด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนชวนขนลุก
“ จะตามไอ้กระจอกนั่นไปทำไม ในเมื่อตอนนี้ ข้าได้เหยื่อที่กล้าแข็งรายใหม่แล้ว เหอ เหอ เหอ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ