The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
138) ท่าทีที่เปลี่ยนแปลง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก http://wallpaperswide.com
………………………
“ ตาหน้าลิงอย่าเป็นอะไรนะ เพิ่งจะหายบาดเจ็บแท้ๆ ” อากิเนะตรวจดูอาการของมาวินที่นั่งพิงกำแพง ใบหน้าเรียวก้มต่ำ ลำคอล้มพับ กายเพรียวแน่นิ่ง สภาพโดยรวมดูไม่ต่างจากคนตาย
ขณะที่อากิเนะกำลังตรวจสอบ ร่างกายของเด็กหนุ่มหัวเขียวก็กระตุกเบาๆหนึ่งที อาการตอบสนองดังกล่าว ทำให้เด็กสาวรู้สึกดีใจ
“ เอ๊ะ….เธอยังมีสติอยู่นี่ ไม่เป็นไร ใช่มั้ย ”
เด็กหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สิ่งแรกที่อากิเนะเห็นก็คือ……ใบหน้านิ่งที่ตายด้าน โดยเฉพาะประกายตาที่มองมายังเธอ มันดูมืดมน ราวกับท้องฟ้าในคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์
“ เอ๊ะ! ทำไมนายลิงถึงได้เป็นแบบนี้ ปกติเขาจะชอบทำหน้าทะเล้นที่ดูกวนประสาทนี่นา เกิดอะไรขึ้น ” อากิเนะตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่ก่อนที่เด็กสาวจะได้พูดอะไร มาวินก็ยันกายลุกขึ้นยืน
การที่เด็กหนุ่มหัวเขียวลุกขึ้นมา สร้างความตื่นตะลึงแก่ทุกคนในโรงฝึก โดยเฉพาะโอคุยาสุ เขาถึงกับหน้าซีดเผือด ประมาณว่าได้เห็นฝูงผีทั้งสุสาน
“ กะ….แกลุกขึ้นมาได้ยังไง ” โอคุยาสุร้องถามเสียงสั่น
มาวินยืนโงนเงนไปมา ครู่หนึ่ง ก็ก้าวเข้ามาหาโอคุยาสุ ด้วยท่าทางที่ดูมืดมน ทำให้ทุกคนไม่กล้ากล่าวอะไร เพราะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าได้เปลี่ยนไปแล้ว
มาวินย่างเนิบๆ เมื่อถึงระยะ 5 ก้าวก่อนถึงตัว เด็กหนุ่มก็หยุดเดิน พร้อมจับจ้องมาที่โอคุยาสุ ปากก็ร้องท้าทายด้วยเสียงที่แผ่วเบาและยานคาง
“ มาสู้กัน ”
เหล่าลูกศิษย์หนุ่มนับสิบพากันฮาครืน บางคนถึงกับก่นด่า ด้วยไม่พอใจในความไม่เจียมตัวของมาวิน
“ ไอ้เด็กบ้า ร่อแร่บางตายขนาดนี้ ยังมาท้าอาจารย์โอคุยาสุสู้อีก แกน่ะแพ้ไปแล้ว กลับไปทำไร่ไถนาซะเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
มาวินไม่ตอบ เขายืนโงนเงนไปมาและโฟกัสไปที่โอคุยาสุเพียงอย่างเดียว
โอคุยาสุมิได้หัวเราะตามศิษย์รุ่นน้อง เขามองท่าทางอันสงบนิ่งของมาวิน พร้อมขบคิดอยู่ในใจ
“ เจ้าเด็กคนนี้เปลี่ยนไปมาก ประกายตาช่างมืดมน ดูไม่เหมือนมนุษย์เลย เกิดอะไรขึ้นกับมัน ”
ขณะที่ทุกคนกำลังสรวลเสเฮฮา บุรุษนายหนึ่งในกลุ่มลูกศิษย์เริ่มรำคาญ จึงก้าวเข้ามาผลักอกของมาวิน ทำให้ร่างบางเซไปตามแรง ปากก็กล่าวขับไล่
“ เจ้าหนู นายน่ะไม่ไหวแล้ว ไปซะ แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ”
สิ้นคำของชายผู้นั้น มาวินก็ยกเท้าขวาขึ้นถีบยอดอก
“ เปรี้ยง ”
การโจมตีครั้งนี้ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ส่งผลให้ชายผู้นั้นลอยไปไกลถึง 10 เมตร ก่อนจะร่วงล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
" โครม "
“ เฮ้ย! เจ้าหนู แกทำบ้าอะไรฟะ หน็อย....... ” ลูกศิษย์หลายคนคำรามดัง พร้อมเตรียมกรูเข้ามารุมยำเด็กหนุ่มที่ยืนหน้าตาย แต่ก่อนที่พวกเขาจะสมประสงค์ โอคุยาสุก็ร้องห้าม
“ พวกนายหยุดก่อน ”
ด้วยบารมีของโอคุยาสุ ทำให้เหล่าลูกศิษย์หนุ่มหยุดยั้งการกระทำและหันกลับมาถามลูกพี่ใหญ่เสียงแข็ง
“ ทำไมมาห้ามพวกเราล่ะ ลูกพี่ มันเล่นงานและดูหมิ่นถึงขนาดนี้ จะยอมได้ยังไง ”
โอคุยาสุไม่ตอบคำใด เขามองไปที่ชายผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งบัดนี้ได้นอนหงายสิ้นท่า ดวงตาเหลือกโปนน้ำลายแตกฟอง จากนั้นก็หันไปกล่าวกับศิษย์รุ่นน้อง
“ พวกนายไม่ต้องยุ่ง ชั้นจะจัดการเจ้าหนูคนนี้เอง ”
เหล่าศิษย์รุ่นน้องทำตามคำสั่งของโอคุยาสุโดยพลัน เพราะรู้ดีว่าในยามที่อาจารย์หนุ่มตีสีหน้าแบบนี้ ย่อมเป็นเวลาที่เขาเอาจริง ไม่ว่าใครก็ไม่ควรแหย็ม เพราะมันอันตรายมากๆ
“ คะ…..ครับ สั่งสอนไอ้เด็กบ้านี่ด้วยนะครับ ฮึ่ม...... ” ศิษย์บางคนหันมาสั่งเสีย พร้อมส่งสายตาอาฆาตไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนสงบนิ่งอยู่กลางลานประลอง
หลังจากเข้าประจำที่ เทพศาสตราก็เอ่ยถามหลานสาวคนสวย
“ เจ้าหนูนั่นเป็นอะไรรึเปล่า ”
“ อะ….เอ่อ บาดแผลตามตัวก็ไม่สาหัสนะคะ เพราะพี่โอคุยาสุใช้เพียงดาบไม้ ตะ…แต่ว่า….” อากิเนะอ่ำๆอึ้งๆ
“ แต่เจ้าหนูนั่นดูเปลี่ยนไป ” เทพศาสตราต่อคำให้จบ ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่มาวิน
“ อะ…ใช่ค่ะ ท่านปู่รู้หรือคะ ” อากิเนะดูฉงนสงสัย เพราะท่านปู่ล่วงรู้ถึงอาการของมาวิน ทั้งที่นั่งดูอยู่ไกลๆ
เทพศาสตรานิ่งตรึกตรอง ก่อนตอบกลับมาเบาๆ
“ สาเหตุที่ปู่รู้ เพราะการถีบสูงเมื่อครู่ เป็นการโจมตีที่ทรงพลังเกินระดับฝีมือของเจ้าหนูนั่นไปหลายขั้น มันรุนแรงถึงขนาดทำให้ "ทาคุโร่" (คนที่โดนถีบ) สลบในทีเดียว ไหนจะบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอีก เหมือนมีความหมองหม่นและมืดมนมารวมตัวอยู่รอบกาย ”
อากิเนะเห็นด้วยทุกคำ เธอรับรู้ถึงความหวาดหวั่นของเทพศาสตรา ด้วยอยู่กับท่านปู่มาตั้งแต่เล็ก
“ อะไรกัน ขนาดคนไร้เทียมทานอย่างท่านปู่ยังรู้สึกหวั่น เจ้าหน้าลิงนี่เป็นใครกันนะ ”
ทว่าคนที่หวาดหวั่นไม่ได้มีเพียงเทพศาสตรากับอากิเนะเท่านั้น โอคุยาสุก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน หนุ่มหน้าขาวไม่มั่นใจเลยซักนิดว่าจะทำให้ทาคุโร่สลบเหมือดในทีเดียวเฉกเช่นที่เด็กหนุ่มกระทำ เขาจึงจับดาบไม้แน่น ดวงตาเรียวจับจ้องมาไปยังศัตรู พร้อมกล่าวหยั่งเชิง
“ เอาล่ะ ข้ารับคำท้า ว่าแต่….เจ้าจะไหวเหรอ ดูร่อแร่ซะขนาดนั้น ”
มาวินไม่ปริปาก เขาเพียงแต่จ้องมองโอคุยาสุด้วยแววตาที่ขุ่นมัว สีหน้ายังคงตายด้าน ทำให้หนุ่มหล่อสับสนยิ่งกว่าเดิม
“ เอ๊ะ แปลกมาก เท่าที่ผ่านมา เจ้าจ๋อจะต้องพูดมากชนิดไม่หลับไม่เลิก แต่คราวนี้ มันกลับนิ่ง ”
ระหว่างที่โอคุยาสุขบคิด มาวินก็ยังหยุดยืนอยู่ในท่าเดิม บรรยากาศรอบตัวดูกดดันมากขึ้นเป็นเท่าทวี ทำให้หนุ่มหน้าขาวทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายเข้าโจมตีก่อน
“ เอาก็เอา เล่นมันก่อนเลย ”
โอคุยาสุพุ่งเข้าไปฟาดดาบไม้ในมือ มันเป็นการโจมตีที่ว่องไวและรวดเร็ว แถมยังแม่นยำจนเข้าเป้าทุกดอก
“ เปรี้ยง ปัง ปุ้ก เปรี้ยง ”
ดาบไม้ฟาดฟันไปตามตัวของมาวิน ทำให้ร่างเพรียวบางสั่นสะท้านไปตามแรง พอถึงกระบวนท่าสุดท้าย โอคุยาสุก็แทงไปที่หน้าท้องสุดกำลัง ส่งผลให้เด็กหนุ่มลอยถลาไปข้างหลัง
“ โครม ”
มาวินลอยไปกระแทกกำแพง ก่อนจะทรุดลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนเมื่อครู่นี้
โอคุยาสุยังจับจ้องร่างเล็กบางซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตลอด ด้วยไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มจะลุกขึ้นมาอีกหรือไม่ ครู่หนึ่ง หนุ่มหน้าขาวก็คลายกังวลและเลิกตั้งท่าต่อสู้ไปโดยปริยาย
“ ฟู่....... เราคงคิดมากไปเอง ” หลังจัดการคู่ต่อสู้ที่หวั่นเกรงได้อย่างง่ายดาย โอคุยาสุก็เป่าปากระบายลม แต่ในขณะที่หันกลับมาหาศิษย์ร่วมสำนัก เขาก็พบกับดวงตาที่แฝงแววตื่นกลัวจากคนพวกนั้น
“ เอ๋...... ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น ชั้นชนะแล้ว พวกนายไม่ดีใจเหรอ! ”
“ อะ…..เอ่อ ไม่ใช่นะ อะ…อาจารย์ลองหันกลับไปดูสิ ” ศิษย์รุ่นน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น
โอคุยาสุหันกลับไปดูตามคำบอก สิ่งที่ได้เห็นก็คือ……ร่างเล็กบางของมาวินที่ยืนโงนเงนไปมา ทว่าบนใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก อันไม่อาจคาดเดาว่าเด็กหนุ่มนายนี้รู้สึกอย่างไร
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ