The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

129) การต่อสู้ยกที่สาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

เครดิตภาพจาก  https://wallpaperaccess.com
 
     ทุกคนในที่นั้นถึงกับนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก ส่วนทางด้านเทพศาสตรา ดูเหมือนว่าจะมีรอยยิ้มน้อยๆประดับที่มุมปาก ซึ่งไม่ผิดอะไรกับอากิเนะที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
             
 
      มาวินยืนแอ็คท่าเท่ๆด้วยการเท้าสะเอว พร้อมยืดอกเล็กน้อย ใบหน้าเชิดสูงและดูเย่อหยิ่งจนชวนหมั่นไส้ ครู่หนึ่ง ก็พยักพเยิดไปทางเทพศาสตรา
 
“ เป็นไงมั่ง ลุงแกนดัฟต์ ชั้นชนะมาสองครั้งแล้วนา มิหนำซ้ำยังคว้าชัยอย่างง่ายดาย ทางที่ดี ปล่อยให้ชั้นไปลุยกับเจ้าซวยเยอะซวยน้อยดีกว่า ” 
              
 
       เทพศาสตราที่นั่งเป็นประธานยิ้มนิดนึง ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนไร้ความรู้สึก 
 
“ ยังเหลือคู่ต่อสู้อีก 2 คน เจ้าต้องชนะคนพวกนั้นให้ได้ซะก่อน ”  
 
“ งั้นส่งมาเลย ชั้นจะรีบเตะก้นมันให้วิ่งโร่ไปฟ้องแม่ แล้วจะไปเขกกระบาลเจ้าซวยเยอะซวยน้อยต่อ ” มาวินกำลังได้ใจสุดๆ ท่วงท่าที่ออกมาจึงเปล่งประกายอหังการ ทว่าอากิเนะกลับทำหน้ามุ่ย เพราะเด็กหนุ่มไม่เคยจำชื่ออสูรร้ายที่เฝ้าประตูทางเข้าได้ซักที
              
 
       เทพศาสตรามองมาที่มาวินอยู่สองสามอึดใจ ก่อนเอ่ยถามถึงบางสิ่งที่ชวนสงสัย
 
“ ก่อนจะสู้ต่อ ข้าขอถามข้อหนึ่ง เจ้ารู้ได้ยังไงว่าอาเบะมีจุดอ่อนที่ศีรษะ ” 
 
“ ฮะๆ เพราะชั้นเก่ง ชั้นเทพยังไงเล่า ฮะๆ ” มาวินตอบกลับทันควัน พร้อมหัวเราะร่า ราวกับคนบ้า 
          
 
      ท่าทางยโสของมาวิน ทำให้เหล่าลูกศิษย์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตามๆกัน ทว่าส่วนหนึ่งในใจล้วนอึ้ง เพราะไม่มีใครรู้มาก่อนว่าอาเบะมีจุดอ่อนที่ศีรษะ ทั้งที่เคยร่วมฝึกซ้อมกับชายร่างอ้วนมาหลายปี 
           
 
       ชายชราผมขาวปล่อยให้มาวินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไปอีกพักใหญ่ ในที่สุด เด็กหนุ่มก็หันมาเหนื่อยหอบ นั่นจึงเป็นเวลาที่เทพศาสตราจะถามต่อ
 
“ ตกลง เจ้ารู้จุดอ่อนของอาเบะได้ยังไง ” 
 
“ แฮ่กๆ บอกก็ได้ เหอๆ ” มาวินตำหนิด้วยสายตา โทษฐานที่เทพศาสตราไม่ยอมหยุดความบ้าจนเป็นเหตุให้เขาเหนื่อยหอบ          
       
 
       มาวินสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายที พอกลับมาเป็นปกติ เขาก็เริ่มอธิบาย
 
“ คืองี้…...ที่รู้ เพราะตอนที่ใช้กระบวนท่า "เสือดาวไล่เหยื่อ" ชั้นเห็นเจ้าอ้วนหลบแค่หมัดคู่ที่กำลังกระแทกกลางกระหม่อม เลยสงสัยว่าบริเวณนั้นน่าจะเป็นจุดอ่อน  ” 
            
 
       เหตุผลที่เด็กหนุ่มอธิบาย ฟังดูง่ายอย่างเหลือเชื่อ คำตอบก็แค่หญ้าปากคอกที่ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่ทุกคนกลับไม่รู้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เทพศาสตราผู้เงียบขรึมถึงกับออกปากชม 
 
“ ไม่เลวนี่ เจ้ามีไหวพริบที่ดีเยี่ยม ” 
 
“ ฮะๆ ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรหรอกน่า ” มาวินเกาหัวสลับหัวเราะเขินๆ พร้อมกล่าวถ่อมตัว อันขัดต่ออุปนิสัยอย่างรุนแรง แต่ต่อมา เขาก็เริ่มแสดงท่าทางหยิ่งผยองตามสันดาน 
 
“ แต่มันสุดยอดต่างหากเล่า ตาลุงแกนดัฟต์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” 
            
 
       ทั้งคำตอบและเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่ม ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนนึกอยากเป็นคู่ต่อสู้รายที่สาม แต่พวกเขากลับนิ่งเฉยและข่มความโกรธไว้ภายใน ด้วยเกรงใจเทพศาสตรา
            
 
      เทพศาสตราเอามือลูบเครา ท่าทางครุ่นคิด จากนั้นก็หันหน้าไปทางชายร่างล่ำ ผู้ทำหน้าที่หยิบอาวุธให้คู่ประลอง 
 
“ เอาล่ะ งุยโฮ ข้าขอเลือกเจ้าเป็นคู่ต่อสู้คนต่อไป ” 
             
 
       ชายร่างล่ำผู้มีนามว่า "งุยโฮ" ดูงงนิดๆ แต่พอปรับอารมณ์ได้ เขาก็ลุกขึ้นยืนและก้าวเข้าสู่ลานประลอง
             
 
       มาวินมองงุยโฮด้วยอาการสงบ เขาไม่แสดงกิริยากวนๆใส่ เพราะรู้สึกว่าคู่ต่อสู้รายนี้ดูจะมีฝีมืออยู่พอสมควร แต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่อาจหยุดยั้งสกิลปากดีของพระเอกหนุ่มมาดลิง
 
“ เฮ้ นายดูเก่งกว่าเจ้าผอมกับเจ้าอ้วนนี่นา แต่จะต้านทานยอดฝีมือแบบชั้นได้หรือ ” มาวินพูดจบ ก็แกล้งเบ่งกล้ามขู่ด้วยท่าทางที่ดูตลก ทำให้ทุกคนในที่นั้นเกือบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ 
            
 
      งุยโฮยังคงสงบนิ่ง เขามองมาวินด้วยประกายตาที่เยือกเย็นและไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา ท่วงท่าดูสุขุมลุ่มลึกเป็นยิ่งนัก 
 
“ เอาล่ะ เริ่มการต่อสู้ยกที่สามได้ ” เทพศาสตราป่าวประกาศ 
            
 
      สิ้นเสียงสัญญาณ งุยโฮก็ดึงมีดสั้นสองเล่มที่ทำด้วยไม้ขึ้นมากวัดแกว่ง เขาควงได้อย่างรวดเร็วราวจักรผันจนทุกคนในที่นั้นมองตามไม่ทัน ไม่เว้นแม้แต่มาวินซึ่งมีดวงตาที่แหลมคม สิ่งนั้นสร้างความหวาดผวาให้แก่เด็กหนุ่มเป็นอันมาก 
 
“ อึ้ย หมอนี่ดูคล่องบรรลัย มองมีดสั้นในมือของมันไม่ทันเลย ยุ่งแล้ว ”  
             
 
       เหมือนเทพศาสตราจะอ่านความคิดของมาวินออก ชายชราจึงเสนอทางเลือก หวังให้เด็กหนุ่มมีโอกาสชนะบ้าง 
 
“ ท่าทางงุยโฮจะได้เปรียบตรงที่มีอาวุธ เจ้าจะไม่เอาอาวุธมาใช้บ้างเหรอ ” 
            
 
       เด็กหนุ่มหัวเขียวหันกลับไปมองเทพศาสตรา เขายิ้มแหยๆ พร้อมตอบซื่อๆ
 
“ เหอๆ ชั้นเคยฝึกพื้นฐานการใช้ดาบแบบง่ายๆมาแค่สามวันเท่านั้นเอง ดังนั้นถึงมีอาวุธอยู่ในมือ ก็เหมือนไม่มีนั่นแหละ ” 
 
“ อืม......ก็จริง งั้นคงต้องแพ้แล้วล่ะมั้ง และการออกไปต่อสู้กับซวงเย่ คงจะเกินความสามารถของเจ้า ” เทพศาสตรากล่าวเนือยๆ สีหน้าที่นิ่งเฉยแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะเล็กน้อย ทำให้อากิเนะประหลาดใจ
 
“ เอ๊ะ ท่านปู่ทำสีหน้าแบบนั้นได้ด้วยเหรอ ” 
            
 
       มาวินรู้สึกขัดเคือง ทว่าทุกสิ่งที่ชายชรากล่าวเป็นความจริง เขาเลยจำใจต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ในใจกลับขบคิด 
 
“ ถ้าชั้นออกจากดินแดนแห่งนี้ได้ เห็นทีต้องฝึกวิชาดาบกับโจจี้อย่างจริงจังซะแล้ว ” 
           
 
       เด็กหนุ่มจับจ้องสองมือของงุยโฮที่กำลังควงมีดสั้น พร้อมตั้งกระบวนท่าที่ดูรัดกุม อันบ่งบอกว่าเขาน่าจะเป็นฝ่ายตั้งรับ 
             
 
       อึดใจต่อมา งุยโฮก็เปิดเกมด้วยการเสือกมีดจากมือขวา จุดหมายคือหน้าอก แต่ก่อนจะเข้าเป้าเพียงครึ่งก้าว มาวินก็ฉากหลบออกข้าง พร้อมตะโกนดังด้วยความดีใจ 
 
“ เสร็จล่ะ นายถลำเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว ” 
             
 
       สิ้นเสียงตะโกน มาวินก็ทิ่มศอกสั้นไปที่ขมับ แต่ก่อนจะทำสำเร็จ เด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงแรงลมที่พุ่งปราดมายังยอดอก นั่นทำให้เขาล้มเลิกการโจมตี พร้อมถีบตัวไปข้างหลังสุดกำลัง
 
“ ฉั้ว ” 
            
 
      แรงลมปริศนาทำให้เนื้อผ้าตรงบริเวณหน้าอกฉีกขาดไปนิ้วเศษ เมื่อมาวินเหลือบมองสิ่งที่เฉือนผิวกาย ก็พบว่า……มันคือมีดไม้อีกเล่มของงุยโฮ 
 
“ เฮ้ย นี่มัน ” มาวินดูอึ้งๆ เพราะขนาดอาวุธที่ทำจากไม้ ยังมีความคมถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นของจริง มีหวังได้เลือดไปแล้ว นับว่าฝีมือการใช้มีดสั้นของงุยโฮอยู่ในระดับที่สุดยอด 
           
 
       งุยโฮหันกลับมาประจันหน้า เขาดูตื่นเต้นและเริ่มตั้งท่าต่อสู้ที่รัดกุมมากขึ้น ภายในใจแอบขบคิด
 
“ หมอนี่ท่าทางเอาเรื่องแฮะ ถ้าเราไม่เหวี่ยงมีดอีกเล่มมาป้องกันตัว มีหวังถูกน็อคด้วยศอกสั้นไปแล้ว ” 
             
 
       ทั้งสองรับรู้ถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย จึงยืนคุมเชิงอยู่เกือบนาที ในที่สุด ก็เป็นฝ่ายมาวินที่เปิดเกมก่อน
 
“ ย่ะ ” มาวินแย็บหมัดขวา เพื่อหยั่งเชิง แน่นอนว่างุยโฮสามารถปัดป้องได้อย่างไม่ยาก ทว่าเด็กหนุ่มก็ตามติดด้วยการแย็บต่ออีกสี่หมัด 
 
“ ย่ะ ย่ะ ย่ะ ” 
             
 
       งุยโฮปัดป้องได้ทุกดอก ท่าทางจะชำนาญการต่อสู้ประชิดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อมาวินหมดมุก ก็เป็นทีของอีกฝ่าย เขาจึงสวนกลับด้วยการใช้มีดคู่ทิ่มแทง
 
“ รับไป พายุคมมีด ” 
             
 
      เงามีดนับสิบพุ่งเข้าใส่มาวิน แต่ด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไว ทำให้เขาโยกหลบได้เกือบทั้งหมด มีเพียงไหล่ซ้ายและขวาที่โดนคมมีดแบบถากๆ
 
 
สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา