The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

124) ไอ้จอมยโส

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://wallha.com

 

      หนุ่มทุกนายที่อยู่ในโรงฝึกหันมามองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียวกัน คนผู้นั้นก็คือ "อากิเนะ" หลานสาวของเทพศาสตรา ความงามของเธอทำให้เหล่าลูกศิษย์หายเหน็ดเหนื่อยไปตามๆกัน โดยเฉพาะโอคุยาสุ ถึงขนาดเอ่ยทัก พร้อมรอยยิ้ม 

 

“ สวัสดี น้องหญิง ไม่เจอกันตั้งหลายวัน สบายดีมั้ยจ๊ะ ” 

 

“ สบายดีค่ะ อากิเนะขอตัวพาเจ้าหน้าลิง เอ๊ะ มาวิน ไปหาท่านปู่ก่อน ” อากิเนะก้มหัวทักทาย พร้อมคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มหัวเขียวที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างหลัง เพื่อไปหาท่านปู่ที่กำลังนั่งหน้าขรึม

 

“ เฮ้ เบาๆหน่อยดิ เจ็บนะ ยัยกระต่ายน้อย ” เด็กหนุ่มเริ่มโวยวาย แน่นอนว่าอากิเนะไม่สนใจรับฟัง เธอยังคงดึงร่างเพรียวบางไปหาท่านปู่ด้วยกำลังที่มีทั้งหมด

          

 

       เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โอคุยาสุรู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง เพราะเมื่อครู่นี้ หนุ่มหล่อถึงกับลงทุนโปรยเสน่ห์ใส่จนหมดกรุ ทว่าเด็กสาวมิได้สนใจเขาเลย แต่กลับไปวุ่นวายกับคนภายนอกซึ่งไร้ที่มา

 

“ คิกๆ สาวเมิน สมน้ำหน้าว่ะ เสียทีที่โคตรหล่อ ” เสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบดังออกมาจากหนึ่งในกลุ่มลูกศิษย์ โอคุยาสุจึงรีบหันกลับมามอง พร้อมตะโกนเสียงดัง

 

“ เฮ้ย เมื่อกี้ใครเป็นคนพูด เดินออกมาหน้าแถวเดี๋ยวนี้ ” 

          

 

       สิ่งที่ตอบกลับมามีแต่ความเงียบ ไม่มีผู้ใดหาญกล้าออกมารับข้อกล่าวหา นั่นยิ่งทำเอาโอคุยาสุยั้วหนักกว่าเดิม

 

“ หน็อย.....ตกลงจะไม่มีใครยอมรับ ใช่มั้ย ” โอคุยาสุตวาดลั่น ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวจนหมดเค้าหนุ่มหล่อเจ้าสำอางไปโดยปริยาย 

       

 

       แน่นอนว่าในภาวะตึงเครียดแบบนี้ ใครยอมรับความผิดก็เท่ากับฆ่าตัวตาย อึดใจต่อมา ลูกแถวทุกคนก็ผวาหนักกว่าเดิม เนื่องจากหนุ่มหล่อได้หยิบดาบคาตานะขึ้นมากระชับที่มือซ้าย พร้อมเค้นคำเสียงกร้าวด้วยอาการดุร้าย 

 

“ ตกลงจะบอกได้รึยังว่า....ใครเป็นคนพูด ถ้าไม่ยอมปริปาก พวกแกได้ลิ้มรสคมดาบของชั้นแน่ เหอ เหอ เหอ ” 

          

 

         ถึงจุดนี้ ทุกคนในแถวได้แต่มองหน้ากันเอง ท่าทางเลิ่กลั่ก ไม่นานนัก ชายอ้วนหน้าตี๋ที่อยู่ในแถวก็ยกมือขึ้นฟ้อง 

 

“ เดี๋ยวก่อนครับ อาจารย์โอคุยาสุ ผมรู้แล้วว่าใครนินทา ” 

 

“ ใครนินทา บอกมา เจ้าอ้วน ” โอคุยาสุหันขวับไปทางหนุ่มอ้วนช่างฟ้อง 

 

“ ไอ้ผอมที่ยืนข้างผมครับ มันเป็นคนนินทา ” หนุ่มอ้วนชี้ไปยังชายร่างผอมที่อยู่ซ้ายมือ  

 

“ เหอๆ แกเองรึที่ปากดี ” โอคุยาสุยิ้มเหี้ยมเกรียม เขาย่างสามขุมเข้าหาชายร่างผอม ทุกคนที่ขวางหน้าพร้อมใจกันหลบให้หนุ่มหล่อเดินผ่านโดยง่าย แน่ล่ะใครจะบ้าไปขวางทางนักดาบอันดับหนึ่งที่กำลังโกรธจัด แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว คู่กรณีก็ปฏิเสธโดยเร็ว

 

“ โอ้...... เปล่าครับ ผมไม่ได้นินทาอาจารย์เลยแม้แต่คำเดียว แต่ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ ” 

 

“ ใคร ” โอคุยาสุถามห้วนๆ 

 

“ ไอ้ล่ำที่อยู่แถวหน้าสุดไงครับ มันนินทาอาจารย์และแอบทำทุกครั้งที่มีจังหวะ ” ชายร่างผอมชี้ไปยังหนุ่มร่างล่ำสันที่ยืนประจำอยู่แถวหน้าสุด 

           

 

        ทันทีที่โอคุยาสุได้ตัวผู้กระทำผิด เขาก็เดินตรงเข้าไปหา พร้อมดาบคาตานะ ทุกสิ่งที่เกิด ทำให้ลูกศิษย์หนุ่มทุกคนถึงกับถอยห่าง ด้วยกลัวมรณะภัยที่กำลังจะเกิด แต่ก่อนที่ศาสตราจะหลุดออกจากฝัก ชายร่างล่ำก็ร้องค้าน

 

“ เดี๋ยวครับ ผมก็ไม่ได้นินทาอาจารย์เช่นกัน ไอ้คนที่นินทาจริงๆก็คือไอ้อ้วนต่างหาก ” ชายร่างล่ำพูดจบ เขาก็ชี้ไปยังชายร่างอ้วนที่ลุกขึ้นมาฟ้องเป็นคนแรก 

 

“ อะจึ้ย ไม่ใช่ครับ ผมถูกใส่ความ ไอ้ผอมนี่ต่างหากที่นินทา ” ชายร่างอ้วนสะดุ้งโหยง เขาโบ้ยไปทางชายร่างผอม แน่นอนว่าทุกคนไม่ยอมรับข้อกล่าวหา แถมยังใส่ความกันเองจนกลายเป็นงูกินหาง ทำให้โอคุยาสุรู้สึกสับสนและหงุดหงิด

 

" ตกลงใครเป็นคนนินทากันแน่ ” หนุ่มหล่อกัดฟันกรอดใหญ่ 

          

 

       เหล่าผู้ต้องหาต่างผลัดกันใส่ความจนกลายเป็นศึกสามเส้า ด้วยความวุ่นวายที่ชวนปวดหัว ทำให้โอคุยาสุตบะแตก เขาโวยดัง พร้อมชักดาบคาตานะออกมา 

 

“ โว้ย...... ปวดหัวเฟ้ย ในเมื่อหาไอ้ปากปีจอไม่ได้ ก็ตัดหัวมันซะให้หมดทั้งฝูงเลยแล้วกัน ” 

 

“ จ้าก..... อาจารย์ขี้เก๊ก บ้าไปแล้ว ตัวใครตัวมันโว้ย ” ทุกคนในวงแหกปากเสียงดัง พร้อมเตรียมเผ่นหนี ในจังหวะนั้นเอง ก็ปรากฏเสียงนุ่มทุ้มลึกจากเทพศาสตราที่นั่งเป็นประธาน 

 

“ ทุกคนพักการฝึกก่อน และกลับไปนั่งประจำที่ ” 

           

 

        เหมือนสัญญาณห้ามทัพที่แสนศักดิ์สิทธิ์ โอคุยาสุกลับมาเป็นปกติ ทว่าสายตาของหนุ่มหล่อที่สาดออกมา ยังคงเปล่งประกายอาฆาตดุจเดิม แต่เขาก็จำใจรับฟัง แล้วหันไปสั่งศิษย์รุ่นน้อง

 

“ รับทราบครับ ทุกคนกลับไปประจำที่ ”

        

 

        สิ้นเสียงของโอคุยาสุ ลูกศิษย์หนุ่มนับสิบก็แยกย้ายกันประจำที่ กำลังพลครึ่งหนึ่งนั่งแถวตอนเรียงหนึ่งชิดผนังด้านซ้าย ส่วนอีกครึ่งก็พากันไปนั่งแถวตอนเรียงหนึ่งชิดผนังด้านขวา ก่อให้เกิดที่ว่างตรงกลาง พวกเขาดำเนินการอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงระเบียบวินัยที่ดีเยี่ยม ทำให้มาวินถึงกับอึ้ง

 

“ โว้...... วินัยโคตรแจ่ม อย่างกะพวกทหารในโลกของชั้นเลย ” 

 

“ ทหาร ใช่แล้ว จะว่าไป พวกคนหนุ่มเหล่านี้ก็ถูกฝึกเหมือนทหารจริงๆนั่นแหละ ” เทพศาสตราทวนคำนิดนึง ก่อนตอบกลับมาเบาๆ 

         

 

       มาวินหันไปมองเทพศาสตรา หลังจากนั้น เขาก็ร้องถามแบบกวนๆตามสไตค์ของตนเอง 

 

“ แล้วตกลง มีอะไรจะแนะนำชั้นรึ ลุงแกนดัล์ฟเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ” 

        

 

        ทุกคนในที่นั้นออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน เพราะนอกจากเทพศาสตราจะเป็นอาจารย์ ยังเป็นที่เคารพรักของผู้คนในดินแดนนี้ ดังนั้นการแสดงท่าทางเสียมารยาทของเด็กหนุ่มหัวเขียวจึงเป็นการเหยียดหยามและหมิ่นศักดิ์ศรี ทว่าชายชรามาดขรึมกลับไม่ถือสาหาความ พร้อมไถ่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย 

 

“ ข้าได้ยินมาจากอากิเนะว่า......เจ้าอยากออกจากดินแดนลี้ลับ จริงหรือไม่ ” 

 

“ อื้อ จริงดิ และตอนนี้ เริ่มหายดีแล้ว ชั้นจะออกจากดินแดนแห่งนี้ได้รึยัง ” มาวินเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนตอบกลับอย่างฉะฉาน 

          

 

        เทพศาสตราเงียบอยู่อึดใจ ใบหน้าของเขาดูนิ่งเฉยและไร้อารมณ์ เวลาต่อมา ชายชราร่างสูงก็เอ่ยถามอีกครั้ง 

 

“ อากิเนะบอกหรือยัง……เจ้าต้องพบกับอสูรร้ายผู้มีนามว่า "ซวงเย่" ที่หน้าประตูทิศเหนือ และต้องชนะอสูรตนนี้ให้ได้ จึงจะสามารถออกจากเขตอาคม ” 

 

“ บอกแล้ว ไม่เห็นยากอะไรนี่ ชั้นก็แค่เตะตูดไอ้ซวยเยอะซวยน้อยนี่ซักสามสิบกว่าที ก็ออกไปได้แล้ว ใช่มะ ” มาวินทิ้งตัวลงนั่งถ่างแข้งถ่างขาด้วยกิริยาที่ไม่สุภาพ พร้อมคุยโตแบบไม่เกรงใจใคร 

         

 

         ท่วงท่าที่ยียวนกวนประสาทของมาวิน ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับหน้าเครียดไปตามๆกัน เพียงแต่ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา เนื่องจากเกรงใจเทพศาสตราผู้เป็นอาจารย์ ทว่าประธานสูงวัยยังคงนั่งนิ่ง พร้อมกล่าวต่อไปด้วยท่าทางที่ดูสุขุม 

 

“ ไอ้หนู เจ้ายังสู้กับซวงเย่ไม่ได้หรอก อสูรตนนั้นร้ายกาจมาก แม้แต่โอคุยาสุซึ่งเป็นศิษย์เอกของข้า ยังเอาชนะมันไม่ได้ ถ้าไปต่อกรกับมันในยามนี้ ก็เหมือนเอาไข่ไปต่อยหิน ” 

 

“ เฮ้ๆ ลุงยังไม่เคยเห็นฝีมือของชั้นเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสู้ไอ้ซวยเยอะซวยน้อยนั้นไม่ได้ อีกอย่างหนึ่ง ” มาวินโวยดัง พร้อมเหล่มองไปทางโอคุยาสุที่นั่งอยู่ไม่ห่าง จากนั้นก็กล่าวกับเทพศาสตรา ท่าทางยโส

 

“ สำหรับพี่ชายเจ้าสำอางคนนี้ ถ้าได้สู้กัน รับประกันว่าไม่เกินหนึ่งนาที มีหมอบแน่ๆ ” 

 

“ ท่านอาจารย์ ” โอคุยาสุทนไม่ไหว แต่ก่อนที่นักดาบรูปงามจะได้กล่าวคำใด เทพศาสตราก็ยกมือขึ้นห้าม เป็นเชิงสั่งให้สงบเอาไว้ก่อน 

         

 

        เทพศาสตรามองมาที่มาวินเป็นเชิงตรึกตรอง จากนั้นก็กล่าวกับเด็กหนุ่มหัวเขียวด้วยเสียงที่ดังกังวาน 

 

“ งั้นเอางี้ ข้าขอดูฝีมือของเจ้าหน่อยแล้วกัน ” 

 

“ ได้เลย ลุง จะให้ไปดวลกับใครในที่นี้ก็ได้ เอ๊ะ เดี๋ยว ยกเว้นลุงกับยัยกระต่ายน้อยนะ เพราะรู้สึกว่าชั้นจะแพ้ทาง ” มาวินลุกขึ้นยืน พร้อมตบอกตัวเอง ท่าทางมั่นใจ แต่ก็แอบแหยงเทพศาสตรากับอากิเนะอยู่นิดๆ 

 

“ อืม.....ตกลงตามนี้ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือ เคนจิ ” เทพศาสตราประกาศนามของคู่ต่อสู้  

          

 

       สิ้นคำกล่าว ชายร่างผอมอันเป็นหนึ่งในสามสหายที่แย่งกันโยนความผิดก็ลุกขึ้นยืน พร้อมก้าวมากลางลานฝึกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขาอยากกระทืบมาวินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

        

 

        เมื่อมาวินเห็นท่าทางที่ดูขึงขังของหนุ่มร่างผอม เขาก็เกิดอาการแหยงขึ้นมาอย่างกะทันหันจนต้องร้องค้านเสียงหลง

 

“ เฮ้ๆ เดี๋ยวก่อนดิ หมอนี่มันดูท่าทางเอาเรื่องแฮะ เปลี่ยนคนได้รึเปล่า ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา