The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
124) ไอ้จอมยโส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallha.com
หนุ่มทุกนายที่อยู่ในโรงฝึกหันมามองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียวกัน คนผู้นั้นก็คือ "อากิเนะ" หลานสาวของเทพศาสตรา ความงามของเธอทำให้เหล่าลูกศิษย์หายเหน็ดเหนื่อยไปตามๆกัน โดยเฉพาะโอคุยาสุ ถึงขนาดเอ่ยทัก พร้อมรอยยิ้ม
“ สวัสดี น้องหญิง ไม่เจอกันตั้งหลายวัน สบายดีมั้ยจ๊ะ ”
“ สบายดีค่ะ อากิเนะขอตัวพาเจ้าหน้าลิง เอ๊ะ มาวิน ไปหาท่านปู่ก่อน ” อากิเนะก้มหัวทักทาย พร้อมคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มหัวเขียวที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างหลัง เพื่อไปหาท่านปู่ที่กำลังนั่งหน้าขรึม
“ เฮ้ เบาๆหน่อยดิ เจ็บนะ ยัยกระต่ายน้อย ” เด็กหนุ่มเริ่มโวยวาย แน่นอนว่าอากิเนะไม่สนใจรับฟัง เธอยังคงดึงร่างเพรียวบางไปหาท่านปู่ด้วยกำลังที่มีทั้งหมด
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โอคุยาสุรู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง เพราะเมื่อครู่นี้ หนุ่มหล่อถึงกับลงทุนโปรยเสน่ห์ใส่จนหมดกรุ ทว่าเด็กสาวมิได้สนใจเขาเลย แต่กลับไปวุ่นวายกับคนภายนอกซึ่งไร้ที่มา
“ คิกๆ สาวเมิน สมน้ำหน้าว่ะ เสียทีที่โคตรหล่อ ” เสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบดังออกมาจากหนึ่งในกลุ่มลูกศิษย์ โอคุยาสุจึงรีบหันกลับมามอง พร้อมตะโกนเสียงดัง
“ เฮ้ย เมื่อกี้ใครเป็นคนพูด เดินออกมาหน้าแถวเดี๋ยวนี้ ”
สิ่งที่ตอบกลับมามีแต่ความเงียบ ไม่มีผู้ใดหาญกล้าออกมารับข้อกล่าวหา นั่นยิ่งทำเอาโอคุยาสุยั้วหนักกว่าเดิม
“ หน็อย.....ตกลงจะไม่มีใครยอมรับ ใช่มั้ย ” โอคุยาสุตวาดลั่น ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวจนหมดเค้าหนุ่มหล่อเจ้าสำอางไปโดยปริยาย
แน่นอนว่าในภาวะตึงเครียดแบบนี้ ใครยอมรับความผิดก็เท่ากับฆ่าตัวตาย อึดใจต่อมา ลูกแถวทุกคนก็ผวาหนักกว่าเดิม เนื่องจากหนุ่มหล่อได้หยิบดาบคาตานะขึ้นมากระชับที่มือซ้าย พร้อมเค้นคำเสียงกร้าวด้วยอาการดุร้าย
“ ตกลงจะบอกได้รึยังว่า....ใครเป็นคนพูด ถ้าไม่ยอมปริปาก พวกแกได้ลิ้มรสคมดาบของชั้นแน่ เหอ เหอ เหอ ”
ถึงจุดนี้ ทุกคนในแถวได้แต่มองหน้ากันเอง ท่าทางเลิ่กลั่ก ไม่นานนัก ชายอ้วนหน้าตี๋ที่อยู่ในแถวก็ยกมือขึ้นฟ้อง
“ เดี๋ยวก่อนครับ อาจารย์โอคุยาสุ ผมรู้แล้วว่าใครนินทา ”
“ ใครนินทา บอกมา เจ้าอ้วน ” โอคุยาสุหันขวับไปทางหนุ่มอ้วนช่างฟ้อง
“ ไอ้ผอมที่ยืนข้างผมครับ มันเป็นคนนินทา ” หนุ่มอ้วนชี้ไปยังชายร่างผอมที่อยู่ซ้ายมือ
“ เหอๆ แกเองรึที่ปากดี ” โอคุยาสุยิ้มเหี้ยมเกรียม เขาย่างสามขุมเข้าหาชายร่างผอม ทุกคนที่ขวางหน้าพร้อมใจกันหลบให้หนุ่มหล่อเดินผ่านโดยง่าย แน่ล่ะใครจะบ้าไปขวางทางนักดาบอันดับหนึ่งที่กำลังโกรธจัด แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว คู่กรณีก็ปฏิเสธโดยเร็ว
“ โอ้...... เปล่าครับ ผมไม่ได้นินทาอาจารย์เลยแม้แต่คำเดียว แต่ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ ”
“ ใคร ” โอคุยาสุถามห้วนๆ
“ ไอ้ล่ำที่อยู่แถวหน้าสุดไงครับ มันนินทาอาจารย์และแอบทำทุกครั้งที่มีจังหวะ ” ชายร่างผอมชี้ไปยังหนุ่มร่างล่ำสันที่ยืนประจำอยู่แถวหน้าสุด
ทันทีที่โอคุยาสุได้ตัวผู้กระทำผิด เขาก็เดินตรงเข้าไปหา พร้อมดาบคาตานะ ทุกสิ่งที่เกิด ทำให้ลูกศิษย์หนุ่มทุกคนถึงกับถอยห่าง ด้วยกลัวมรณะภัยที่กำลังจะเกิด แต่ก่อนที่ศาสตราจะหลุดออกจากฝัก ชายร่างล่ำก็ร้องค้าน
“ เดี๋ยวครับ ผมก็ไม่ได้นินทาอาจารย์เช่นกัน ไอ้คนที่นินทาจริงๆก็คือไอ้อ้วนต่างหาก ” ชายร่างล่ำพูดจบ เขาก็ชี้ไปยังชายร่างอ้วนที่ลุกขึ้นมาฟ้องเป็นคนแรก
“ อะจึ้ย ไม่ใช่ครับ ผมถูกใส่ความ ไอ้ผอมนี่ต่างหากที่นินทา ” ชายร่างอ้วนสะดุ้งโหยง เขาโบ้ยไปทางชายร่างผอม แน่นอนว่าทุกคนไม่ยอมรับข้อกล่าวหา แถมยังใส่ความกันเองจนกลายเป็นงูกินหาง ทำให้โอคุยาสุรู้สึกสับสนและหงุดหงิด
" ตกลงใครเป็นคนนินทากันแน่ ” หนุ่มหล่อกัดฟันกรอดใหญ่
เหล่าผู้ต้องหาต่างผลัดกันใส่ความจนกลายเป็นศึกสามเส้า ด้วยความวุ่นวายที่ชวนปวดหัว ทำให้โอคุยาสุตบะแตก เขาโวยดัง พร้อมชักดาบคาตานะออกมา
“ โว้ย...... ปวดหัวเฟ้ย ในเมื่อหาไอ้ปากปีจอไม่ได้ ก็ตัดหัวมันซะให้หมดทั้งฝูงเลยแล้วกัน ”
“ จ้าก..... อาจารย์ขี้เก๊ก บ้าไปแล้ว ตัวใครตัวมันโว้ย ” ทุกคนในวงแหกปากเสียงดัง พร้อมเตรียมเผ่นหนี ในจังหวะนั้นเอง ก็ปรากฏเสียงนุ่มทุ้มลึกจากเทพศาสตราที่นั่งเป็นประธาน
“ ทุกคนพักการฝึกก่อน และกลับไปนั่งประจำที่ ”
เหมือนสัญญาณห้ามทัพที่แสนศักดิ์สิทธิ์ โอคุยาสุกลับมาเป็นปกติ ทว่าสายตาของหนุ่มหล่อที่สาดออกมา ยังคงเปล่งประกายอาฆาตดุจเดิม แต่เขาก็จำใจรับฟัง แล้วหันไปสั่งศิษย์รุ่นน้อง
“ รับทราบครับ ทุกคนกลับไปประจำที่ ”
สิ้นเสียงของโอคุยาสุ ลูกศิษย์หนุ่มนับสิบก็แยกย้ายกันประจำที่ กำลังพลครึ่งหนึ่งนั่งแถวตอนเรียงหนึ่งชิดผนังด้านซ้าย ส่วนอีกครึ่งก็พากันไปนั่งแถวตอนเรียงหนึ่งชิดผนังด้านขวา ก่อให้เกิดที่ว่างตรงกลาง พวกเขาดำเนินการอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงระเบียบวินัยที่ดีเยี่ยม ทำให้มาวินถึงกับอึ้ง
“ โว้...... วินัยโคตรแจ่ม อย่างกะพวกทหารในโลกของชั้นเลย ”
“ ทหาร ใช่แล้ว จะว่าไป พวกคนหนุ่มเหล่านี้ก็ถูกฝึกเหมือนทหารจริงๆนั่นแหละ ” เทพศาสตราทวนคำนิดนึง ก่อนตอบกลับมาเบาๆ
มาวินหันไปมองเทพศาสตรา หลังจากนั้น เขาก็ร้องถามแบบกวนๆตามสไตค์ของตนเอง
“ แล้วตกลง มีอะไรจะแนะนำชั้นรึ ลุงแกนดัล์ฟเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ”
ทุกคนในที่นั้นออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน เพราะนอกจากเทพศาสตราจะเป็นอาจารย์ ยังเป็นที่เคารพรักของผู้คนในดินแดนนี้ ดังนั้นการแสดงท่าทางเสียมารยาทของเด็กหนุ่มหัวเขียวจึงเป็นการเหยียดหยามและหมิ่นศักดิ์ศรี ทว่าชายชรามาดขรึมกลับไม่ถือสาหาความ พร้อมไถ่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ ข้าได้ยินมาจากอากิเนะว่า......เจ้าอยากออกจากดินแดนลี้ลับ จริงหรือไม่ ”
“ อื้อ จริงดิ และตอนนี้ เริ่มหายดีแล้ว ชั้นจะออกจากดินแดนแห่งนี้ได้รึยัง ” มาวินเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนตอบกลับอย่างฉะฉาน
เทพศาสตราเงียบอยู่อึดใจ ใบหน้าของเขาดูนิ่งเฉยและไร้อารมณ์ เวลาต่อมา ชายชราร่างสูงก็เอ่ยถามอีกครั้ง
“ อากิเนะบอกหรือยัง……เจ้าต้องพบกับอสูรร้ายผู้มีนามว่า "ซวงเย่" ที่หน้าประตูทิศเหนือ และต้องชนะอสูรตนนี้ให้ได้ จึงจะสามารถออกจากเขตอาคม ”
“ บอกแล้ว ไม่เห็นยากอะไรนี่ ชั้นก็แค่เตะตูดไอ้ซวยเยอะซวยน้อยนี่ซักสามสิบกว่าที ก็ออกไปได้แล้ว ใช่มะ ” มาวินทิ้งตัวลงนั่งถ่างแข้งถ่างขาด้วยกิริยาที่ไม่สุภาพ พร้อมคุยโตแบบไม่เกรงใจใคร
ท่วงท่าที่ยียวนกวนประสาทของมาวิน ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับหน้าเครียดไปตามๆกัน เพียงแต่ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา เนื่องจากเกรงใจเทพศาสตราผู้เป็นอาจารย์ ทว่าประธานสูงวัยยังคงนั่งนิ่ง พร้อมกล่าวต่อไปด้วยท่าทางที่ดูสุขุม
“ ไอ้หนู เจ้ายังสู้กับซวงเย่ไม่ได้หรอก อสูรตนนั้นร้ายกาจมาก แม้แต่โอคุยาสุซึ่งเป็นศิษย์เอกของข้า ยังเอาชนะมันไม่ได้ ถ้าไปต่อกรกับมันในยามนี้ ก็เหมือนเอาไข่ไปต่อยหิน ”
“ เฮ้ๆ ลุงยังไม่เคยเห็นฝีมือของชั้นเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสู้ไอ้ซวยเยอะซวยน้อยนั้นไม่ได้ อีกอย่างหนึ่ง ” มาวินโวยดัง พร้อมเหล่มองไปทางโอคุยาสุที่นั่งอยู่ไม่ห่าง จากนั้นก็กล่าวกับเทพศาสตรา ท่าทางยโส
“ สำหรับพี่ชายเจ้าสำอางคนนี้ ถ้าได้สู้กัน รับประกันว่าไม่เกินหนึ่งนาที มีหมอบแน่ๆ ”
“ ท่านอาจารย์ ” โอคุยาสุทนไม่ไหว แต่ก่อนที่นักดาบรูปงามจะได้กล่าวคำใด เทพศาสตราก็ยกมือขึ้นห้าม เป็นเชิงสั่งให้สงบเอาไว้ก่อน
เทพศาสตรามองมาที่มาวินเป็นเชิงตรึกตรอง จากนั้นก็กล่าวกับเด็กหนุ่มหัวเขียวด้วยเสียงที่ดังกังวาน
“ งั้นเอางี้ ข้าขอดูฝีมือของเจ้าหน่อยแล้วกัน ”
“ ได้เลย ลุง จะให้ไปดวลกับใครในที่นี้ก็ได้ เอ๊ะ เดี๋ยว ยกเว้นลุงกับยัยกระต่ายน้อยนะ เพราะรู้สึกว่าชั้นจะแพ้ทาง ” มาวินลุกขึ้นยืน พร้อมตบอกตัวเอง ท่าทางมั่นใจ แต่ก็แอบแหยงเทพศาสตรากับอากิเนะอยู่นิดๆ
“ อืม.....ตกลงตามนี้ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือ เคนจิ ” เทพศาสตราประกาศนามของคู่ต่อสู้
สิ้นคำกล่าว ชายร่างผอมอันเป็นหนึ่งในสามสหายที่แย่งกันโยนความผิดก็ลุกขึ้นยืน พร้อมก้าวมากลางลานฝึกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขาอยากกระทืบมาวินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เมื่อมาวินเห็นท่าทางที่ดูขึงขังของหนุ่มร่างผอม เขาก็เกิดอาการแหยงขึ้นมาอย่างกะทันหันจนต้องร้องค้านเสียงหลง
“ เฮ้ๆ เดี๋ยวก่อนดิ หมอนี่มันดูท่าทางเอาเรื่องแฮะ เปลี่ยนคนได้รึเปล่า ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ