The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
123) รอวันกลับมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaperaccess.com
…………………….
การเปลี่ยนผ้าพันแผลเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากอากิเนะค่อนข้างชำนาญในการรักษา มิหนำซ้ำทุกอณูที่มือบางสัมผัส ล้วนเต็มไปด้วยความนิ่มนวลจนทำให้มาวินไม่รู้สึกเจ็บปวด
“ เอ้า เสร็จแล้ว ตาหน้าลิง ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง ” อากิเนะเอ่ยถาม
“ อะ.... เอ่อ รู้สึกเขิน เฮ้ย ไม่ใช่ สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้อะไรเลย ฮะๆ ” มาวินตอบติดๆขัดๆ พลางเกาหัวแกรกๆ สลับกับหัวเราะแก้เขินไปตามเรื่องตามราว
สีหน้าของอากิเนะดูมึนๆกับคำตอบที่ไม่ค่อยชัดเจน ครู่หนึ่ง เธอก็ผ่อนคลายลง แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ เฮ้อ...... ค่อยยังชั่วที่ไม่เป็นอะไรมาก เธอจะต้องหายในเร็ววัน ”
มาวินรู้สึกเหวอกับน้ำคำที่แสนอ่อนโยนของเด็กสาว นั่นทำให้เขาถึงกับหน้าแดงหนักกว่าเดิม ในใจแอบขบคิด
“ จะว่าไปแล้ว ยัยกระต่ายน้อยนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ ”
ทว่าเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดความคิดอย่างฉับพลัน เมื่อได้ยินคำพูดในประโยคต่อไป
“ ดีเลย ถ้าหายบาดเจ็บ ชั้นจะได้หางานให้ทำ จากนั้นก็เกณฑ์คนไปปลูกบ้านให้เธออยู่ ”
มาวินรู้สึกงงอย่างหนัก จนเขาต้องทวนคำอีกที เพื่อให้แน่ใจ
“ เดี๋ยวนะ ที่พูดเมื่อครู่นี้ หมายความว่าเธอจะให้ชั้นทำงานและพักอาศัยอยู่ที่นี่อย่างถาวร ใช่มั้ย ”
“ อ้าว.....ก็ใช่น่ะซิ ไม่ต้องซึ้งใจหรอก สำหรับคนนอกที่หลงเข้ามา พวกเราก็จะร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือทุกราย ไม่เว้นแม้กระทั่งคนกวนประสาทอย่างเธอ ” เด็กสาวตอบเรื่อยเปื่อย โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของมาวินเลยซักนิดว่ามีแววซึ้งติดอยู่หรือไม่
“ เหอๆ เดี๋ยวนะ ยัยกระต่ายน้อย ชั้นว่าพวกเราคงเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ไม่สิ เข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยดีกว่า ” มาวินเริ่มตั้งต้นทำความเข้าใจกับเด็กสาวอีกครั้ง
“ เข้าใจผิด ยังไง ” ดวงหน้าสวยใสและอ่อนเยาว์เริ่มงุ้มเล็กน้อยเป็นเชิงขัดเคือง ซึ่งก็ดูน่ารักชวนมอง ทว่ามาวินกลับไม่อิน เพราะต้องการแก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่าย
“ คืองี้ ชั้นหลงเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นพอหายดีแล้ว ก็จะไปจากที่นี่ เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ” มาวินอธิบายรัวเร็ว
สิ้นคำของเด็กหนุ่มหัวเขียว อากิเนะก็ออกอาการอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มหัวเราะ ราวกับเรื่องที่พูด เป็นจำอวดที่แสนตลก
“ พูดอะไรออกมา ฝีมืออย่างเธอน่ะเหรอ จะฝ่าด่านจนออกจากดินแดนลี้ลับแห่งนี้ได้ ฮะๆ ”
แม้มาวินจะงงกับคำพูดแปลกๆของเด็กสาวหน้าสวย แต่ก็พอเข้าใจได้เลาๆว่า....นี่น่าจะเป็นการดูถูกกันอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกขัดเคือง
“ นี่เธอหัวเราะแบบนี้ หมายความว่าไง ”
“ ฮะๆ ขอโทษที่เสียมารยาท คืออย่างงี้........ประตูทางเข้าออกดินแดนของเราตั้งอยู่ทางทิศเหนือ แต่ที่นั่นมีอสูรตนหนึ่งนามว่า “ซวงเย่” เฝ้าอยู่ แม้กระทั่งพี่โอคุยาสุซึ่งเป็นนักดาบมือหนึ่ง ยังไม่กล้าต่อสู้กับอสูรร้ายเลย แล้วอย่างเธอจะไหวเหรอ ฮะๆ ” เด็กสาวพูดจบ ก็หัวเราะต่อ
“ เชอะ ซวยเยอะ ซวยน้อยอะไรกัน ตัวกระจอกแบบนั้น ไม่คณามือหรอก แน่จริงพาไปเจอเลยดีกว่า จะเตะให้ร้องเอ๋งเลย คอยดูดิ ” มาวินเริ่มของขึ้น พร้อมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง ก็บังเกิดอาการเจ็บแปล๊บที่ท้องน้อย
“ อุ้บ...... ” มาวินทรุดกายลงนั่งคุกเข่า ใบหน้าเรียวเล็กเริ่มบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือขวากุมหน้าท้อง
“ นั่นไง ไม่ทันไร เธอก็ร่วงซะแล้ว หึๆ ” อากิเนะกล่าวยิ้มๆ แต่เสียงหัวเราะกลับเบาลง เพราะเธอเริ่มสงสารเด็กหนุ่มผู้นี้
“ กรอด.....ไม่มีทาง ชั้นจะไปเยอมาเนียและกลับไปหาทุกคนที่บ้านเกิด ดังนั้นจะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ต้องคว่ำเจ้าซวยเยอะซวยน้อย เพื่อผ่านออกไป ” แม้ว่ามาวินจะเรียกชื่ออสูรผิด แต่เขาก็เริ่มกัดฟันทนและยันกายลุกขึ้นยืน ในจังหวะนั้นเอง มือน้อยที่บอบบางของอากิเนะก็เอื้อมมาแตะหัวไหล่ พร้อมเสียงปลอบประโลมที่อบอุ่น
“ ใจเย็นๆ ชั้นเข้าใจว่าเธอต้องการกลับบ้านไปหาคนรัก แต่ตอนนี้ยังบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นควรพักต่ออีกหน่อย รอให้หายดี พวกเราจะหาวิธีช่วยเหลือเอง ”
ทันทีที่เด็กหนุ่มได้รับฟัง เขาก็รู้สึกสงบอย่างประหลาด ราวกับน้ำเสียงของเด็กสาวนั้นแฝงไปด้วยมนตร์สะกดบางอย่าง พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าอากิเนะกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ดวงตาฉายประกายอบอุ่น จริงใจ ประดุจมิตรแท้ในยามยากที่สามารถตายแทนกันได้ นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นตูมตามและซาบซึ้งตรึงใจจนแทบจะทำให้อุทกน้อยๆไหลออกมา
“ เอาล่ะ พักซะ พอหายดี ชั้นจะพาเธอไปหาท่านปู่ แล้วช่วยกันคิดดูอีกทีว่า......จะทำยังไงต่อไป ” อากิเนะปลอบโยน พร้อมดันกายของมาวินให้นอนบนฟูกนิ่ม ซึ่งเด็กหนุ่มก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
พอเสร็จกิจเป็นที่เรียบร้อย อากิเนะก็ลุกขึ้นยืน แต่ก่อนก้าวออกจากห้อง เธอก็หยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่นอนตาลอย อึดใจต่อมา ก็เดินจากไป เพื่อปล่อยให้มาวินจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
……………………..
มาวินพักรักษาตัวต่อไปอีกสามวัน โดยมีอากิเนะคอยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ทุกเช้า นอกจากนี้ เธอยังจัดหาอาหารทั้งสามมื้อ เลยทำให้สองหนุ่มสาวได้เจอหน้ากันทุกวัน แน่นอนว่าพวกเขาต้องทะเลาะกันทุกที ทว่ายิ่งกัดกันมากเท่าไหร่ ยิ่งหยั่งซึ้งถึงจิตใจของอีกฝ่ายได้มากเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของมาวินทุเลาลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาก็รู้สึกแปลกใจ เพราะมันหายเร็วกว่าปกติถึงสิบเท่าตัว แต่ไม่ว่าเป็นด้วยเหตุใด เด็กหนุ่มก็นึกยินดี เนื่องจากมีเป้าหมายที่แน่นอนอยู่ในใจ นั่นก็คือ.....เดินทางไปแคว้นเยอมาเนีย
และนี่ก็เป็นอีกวันที่อากิเนะต้องทำการปลุกมาวินด้วยภูตน้อยแฟรี่ อันชวนให้สงสัยว่า....มันจะทำให้เด็กหนุ่มเป็นโรคมะเร็งทางผิวหนังหรือไม่ แต่วันนี้ผิดไปจากทุกคราวตรงที่แผลของลิงจอมซนหายสนิทเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นทำให้ทั้งสองหนุ่มสาวดีใจอย่างมากมาย
“ เย้ๆ ดีใจจัง ชั้นหายเจ็บแล้ว เย้ๆ ” มาวินแหกปากโวยวาย พร้อมกระโดดโลดเต้นไปมา
“ ฮะๆ เธอนี่พิลึกชะมัด อย่างกะลิงเลย นี่อย่าโดดแรงสิ เดี๋ยวแผลก็เปิดอีกหรอก ” อากิเนะปิดปากหัวเราะ มือไม้ก็ยกขึ้นสูง เพื่อพยายามห้ามเด็กหนุ่มที่กำลังลิงโลด
“ ฮะๆ ก็จะไม่ให้ดีใจได้ไงเล่า พอหายดี ชั้นจะได้ไปหาปู่โหดมาดขรึมของเธอ จากนั้นก็หาวิธีออกจากดินแดนแห่งนี้ ” สีหน้าท่าทางของมาวินดูร่าเริงสุดๆ แต่ทันทีที่เด็กสาวได้ยิน เธอก็แลขรึมลงไปถนัดตา อึดใจต่อมา ก็ถามไถ่อย่างจริงจัง
“ เธอแน่ใจนะว่า.......จะไปสู้กับ ซวงเย่ เพื่อออกสู่โลกภายนอก ”
“ เอ๋.....เออ......ก็ใช่มั้ง ” ท่าทางของมาวินเริ่มดูไม่มั่นใจ เพราะเมื่อพิจารณาจากสีหน้าและน้ำเสียงที่เครียดขึ้งของเด็กสาว ทำให้รู้เลยว่า……งานนี้ไม่หมูแน่ๆ
“ อืม....... ” เด็กสาวนิ่งพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบกลับ
“ ดีล่ะ งั้นเราไปหาท่านปู่กัน ”
……………………..
ณ.ห้องฝึกศาสตรา สถานที่แห่งนี้มีขนาดใกล้เคียงกับโรงยิมทั่วไป ทั้งพื้นและเพดานล้วนบุด้วยแผ่นไม้สีน้ำตาลอ่อนขัดเงา ด้านในสุดมีแท่นบูชาบรรพบุรุษแขวนติดผนัง ข้างใต้ปรากฏกายของชายชรามาดขรึมที่นั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะด้วยอาการสงบ ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบห้อง เพื่อดูการฝึกเพลงดาบของเหล่าลูกศิษย์
ลูกศิษย์เกือบยี่สิบคนล้วนสวมใส่ชุดซามูไรสีขาว ยกเว้นเพียงหนุ่มผู้หนึ่งที่คุมการฝึกอยู่หน้าแถว ร่างสูงเพรียวได้สัดส่วนถูกซ่อนอยู่ในชุดซามูไรสีม่วง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพจุติ เขาก็คือ…..โอคุยาสุ นักดาบอันดับหนึ่ง
นักดาบรูปงามยืนมองเหล่าศิษย์รุ่นน้องที่กำลังจับดาบไม้ไผ่ในท่าเตรียมพร้อม เพื่อสำรวจว่ามีใครแตกแถวตอนเรียงหนึ่งหรือไม่ หลังจากตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ออกคำสั่ง
“ ฟันหน้าสาม ล่างสี่ พลิกกลับมาฟันเฉียงอีกหก ปฏิบัติ ”
“ ไฮ่ ” ทุกคนในแถวตะโกนกลับมาอย่างพร้อมเพรียง
สิ้นเสียงตะโกน ศิษย์รุ่นน้องเกือบยี่สิบชีวิตก็ตวัดดาบไม้ไผ่ ท่วงท่าของพวกเขาดูมั่นคงและเยือกเย็นสมฐานะนักดาบ อันบ่งบอกถึงระดับฝีมือได้เป็นอย่างดี และในขณะที่โอคุยาสุเตรียมออกคำสั่งชุดที่สอง ทุกคนในห้องก็ได้ยินเสียงหวานใส
“ ท่านปู่ หนูพาตาหน้าลิง เอ๊ะ มาวิน มาหาค่ะ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ