The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  168.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

106) ไฟแช็กล่าสัตว์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://wallhere.com

 

“ แฮ่กๆ...... เหนื่อยชะมัด นี่ยังต้องปีนอีกมั้ยเนี่ย ” มาวินหอบสลับบ่น

 

“ ฮ่าๆ ไม่ต้องปีนต่อแล้ว เพราะตอนนี้เรามาถึงยอดเขาสูงเป็นที่เรียบร้อย ” โจจี้หัวเราะร่วน ลมหายใจแทบไม่ขาดห้วง ทั้งที่เพิ่งผ่านการเดินทางอย่างหนักหน่วง ส่วนเหมยลี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก็ยืนสงบด้วยอาการปกติ 

 

“ อ้อ....เหรอ ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย แฮ่กๆ.... ” มาวินประชดประชัน เด็กหนุ่มรู้สึกหัวเสียที่หนุ่มหล่อผมทองพาเขามาลำบากลำบน ดวงตาเรียวเล็กเหลือบมองรอบตัว เพื่อสำรวจภูมิประเทศ

           

 

      สภาพแวดล้อมโดยรวมก็คือ....ที่ราบกว้างรูปทรงวงกลมซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 30 เมตร รอบนอกถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่หนาทึบ พิจารณาดูแล้ว นับว่าเป็นภูมิประเทศที่ชวนหลอนมิใช่น้อย 

 

“ นายคิดถูกที่พักแรมกลางทาง เพราะบริเวณนี้ดูไม่เหมาะกับการตั้งแคมป์เลย  ” เหมยลี่กล่าวสนับสนุน 

 

“ เอ๋.....เดี๋ยวนะ ถ้ามาพักแรมที่นี้ตั้งแต่เมื่อคืน มันจะไม่ดีกว่าเหรอ เราจะได้เดินทางเร็วขึ้นกว่าเดิม ตรรกะของเธอนี่มันแปลกจริงๆ ” มาวินแทรก เพราะไม่เห็นด้วย

            

 

       สิ้นคำกล่าว โจจี้และเหมยลี่ต่างพากันส่ายหัวกับความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่ม อาการดังกล่าวยิ่งทำให้มาวินงงหนักกว่าเดิม คล้ายว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่ไม่รู้ความจริง จึงเริ่มโวย 

 

“ เฮ้ๆ พวกนายส่ายหัวให้ชั้นทำไมฟะ อธิบายมาดิ ” 

 

“ เฮ้อ...... ใจเย็นก่อน น้องชายหัวเขียว นายลองมองไปรอบๆอีกครั้ง จากนั้นก็พิจารณาดูอีกทีว่าทำไม พวกชั้นถึงมองว่าที่นี่ไม่เหมาะแก่การพักแรม ” โจจี้ปลอบประโลมเบาๆ อันชวนให้เด็กหนุ่มได้คิด 

          

 

       หลังจากที่เด็กหนุ่มฟังคำของโจจี้ ใจของเขาก็เริ่มเย็นลง พินิจได้ไม่นาน ก็พบว่า....บริเวณนี้ทั้งโล่งกว้างและไร้ที่กำบัง มิหนำซ้ำ รอบข้างยังปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ อันบดบังอะไรก็ตามที่คิดจะย่องเข้ามาหาพวกตน นับว่าเป็นจุดที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตราย  

 

“ เหอๆ เข้าใจแล้ว บริเวณนี้มันยากจะป้องกัน พี่ชายผมทองถึงไม่ถ่อมาตั้งแคมป์ข้างบนนี้ ” มาวินพยักหน้ารับ เป็นเชิงเห็นด้วย 

 

“ หึๆ พวกนายหายเหนื่อยกันรึยัง ชั้นจะพาไปยังจุดที่พบคองโกล่าเป็นครั้งสุดท้าย เราจะเริ่มงานตามล่าจากตรงนั้น ” โจจี้หัวเราะเบาๆ พลางหันมาพูดกับสมาชิกทั้งสอง

 

“ โอเค นายนำไปเลย ชั้นไม่เหนื่อยเลยซักนิด แต่ว่า…..” เหมยลี่ตอบกลับ วินาทีต่อมา เธอก็เหล่มาทางมาวินเป็นเชิงถามไถ่

 

“ เชอะ ไปกันเลย ชั้นเองก็ไม่เหนื่อยเหมือนกัน ” มาวินกัดฟันข่มความเหนื่อย ทั้งที่ใจจริงอยากนั่งพักซักสองชั่วโมง เนื่องจากตอนนี้ สองขาของเขานั้นล้าจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว 

          

 

       เหมยลี่และโจจี้หันมาสบตากัน พร้อมอมยิ้มน้อยๆ ด้วยรู้ดีว่าพละกำลังของมาวินยังอ่อนด้อยกว่าพวกตน ดังนั้น หนุ่มผมทองจึงออกตัวแทน เพราะรู้สึกสงสารเพื่อนร่วมทางรุ่นน้อง 

 

“ เฮ้อ.....พวกนายไม่เหนื่อย แต่ชั้นเหนื่อยน่ะ ” 

 

“ เชอะ นายนี่มันอ่อนแอซะจริงๆ ปีนเขาแค่นี้ก็หมดแรงซะเเล้ว เป็นฮันเตอร์ที่ไม่ไหวเอาซะเลย ” มาวินทำวางท่า พร้อมสบถแก้เกี้ยว ทั้งที่ความจริง เขาอยากทิ้งตัวลงไปนอนเต็มแก่แล้ว 

 

“ ฮะๆ โทษที ขอพักซักชั่วโมงก็แล้วกัน กินข้าวเที่ยงเสร็จ ค่อยออกเดินทางต่อ ” โจจี้แกล้งผงกหัวขอโทษ ท่วงท่าดูแนบเนียนจนน่าเชื่อว่าเขาอยากจะพักจริงๆ 

 

“ เอ้า ชั้นใจดี ให้พวกนายพักเลยสองชั่วโมง ตอนนี้ขอตัวไปนอนดูท้องฟ้าเล่นแก้เซ็งก่อน ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ” มาวินยื่นคำขาด พร้อมเดินหายไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อทิ้งตัวลงนอนตามสัญญา ทำเอาโจจี้และเหมยลี่ถึงกับอดขำไม่ได้

 

“ หึๆ พวกเราก็พักตามคำสั่งของเจ้าลิงน้อยก็แล้วกัน ” เหมยลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมแยกตัวไปพักที่มุมของตนเอง ด้วยท่วงท่าที่ดูสดใส ทำให้โจจี้ตกตะลึงและงงงันไปหลายอึดใจ แต่เมื่อรับรู้ถึงความจริงที่โหดร้ายว่า….เธอไม่ชอบผู้ชาย (โดนมาวินอำ) หัวใจก็ห่อเหี่ยวลงอย่างฉับพลัน

 

“ เฮ้อ..... ทำไมเหมยลี่ไม่ชอบผู้ชายนะ น่าเสียดายสุดๆ ” 

 

…………………….

            

        วัยรุ่นทั้งสามพักผ่อนเกือบสองชั่วโมง พอตะวันบ่ายคล้อย พวกเขาก็เริ่มกินอาหารกลางวัน ซึ่งก็คือเนื้อตากแห้งที่ซื้อตุนมาจากร้านค้าในเมือง 

 

“ เสบียงที่เราซื้อมาเริ่มร่อยหรอแล้ว มื้อถัดไป ชั้นจะล่าสัตว์หรือไม่ก็หาพืช ผัก ผลไม้ อะไรก็ตามที่คนกินแล้วไม่ตายมาให้ลิ้มลอง ทำใจให้กินง่ายๆก็แล้วกัน แต่พวกนายดูคุ้นเคยกับป่าพอสมควร ไม่น่ามีปัญหาอะไร ” โจจี้เริ่มสาธยาย  

            

 

       แน่นอนว่าทั้งมาวินและเหมยลี่ล้วนไม่มีปัญหาตามที่โจจี้คาด ด้วยเด็กสาวนั้นผ่านการใช้ชีวิตในป่ามาอย่างโชกโชน ส่วนเด็กหนุ่มอยู่ในป่ามาเกือบสี่เดือน ทำให้เกิดความเคยชิน กระนั้น เจ้าลิงหัวเขียวก็ไม่วายจะมีคำถาม 

 

“ เดี๋ยวนะ ที่บอกว่า.....จะล่าสัตว์ แล้วจะใช้อะไรล่า ชั้นไม่เคยเห็นนายพกธนูหรือหน้าไม้เลย ที่เห็นก็มีแค่ดาบคาตานะตรงซอกเอว ” 

 

“ ฮ่าๆ นายอยากให้ชั้นโชว์อาวุธที่ใช้ล่าสัตว์จริงๆน่ะเหรอ ” โจจี้หัวเราะก๊าก ก่อนจิบน้ำจากกระติก เพื่อดับกระหาย 

 

“ เออ ดิ มีแค่ดาบ แล้วจะทำอะไรได้ ชั้นไม่เชื่อว่านายจะวิ่งไล่ตามสัตว์ป่าทัน แล้วอย่างนี้จะใช้อาวุธระยะประชิดได้ยังไง ” มาวินลองวิเคราะห์ ซึ่งถ้ามองตามความจริง ก็ถูกอย่างที่เด็กหนุ่มว่า แน่นอนเหมยลี่เองก็เห็นด้วยเช่นกัน 

 

“ หึๆ เดี๋ยวพวกนายคอยดูให้ดีก็แล้วกัน ” พอพูดจบ ฮันเตอร์หนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เพื่อหยิบบางสิ่งออกมา 

            

 

       มาวินเพ่งมองสิ่งที่โจจี้ถือ จึงพบว่ามันคือ…….ไฟแช็กโลหะรูปทรงสี่เหลี่ยมที่แวววาว พื้นผิวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเที่ยงจนชวนให้แสบตา 

          

 

       ใบหน้าของมาวินเหยเกด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง เขาคิดว่าโจจี้น่าจะโชว์อะไรที่มันเจ๋งกว่านี้ นอกจากไม่ศรัทธาในไฟแช็กที่นำมาอวด เด็กหนุ่มยังซ้ำเติมด้วยการถากถาง

 

“ นี่มัน…..ไฟแช็กนี่หว่า นายเอามาทำอะไร จะเอาไปขว้างหัวสัตว์ที่ตามล่ารึไง ”  

 

“ หึๆ ” หนุ่มหล่อผมทองไม่ตอบคำ แต่หัวเราะมุมปากเบาๆ อันชวนให้เกิดความสงสัย

 

“ เฮ้ นายหัวเราะอะไรฟะ หรือขำมุขเอาไฟแช็กขวางหัวหมาของชั้น ” มาวินถามไถ่ด้วยท่าทางที่กวนบาทา

 

“ หึๆ ชั้นไม่ได้ขำมุขนั้นหรอก แต่ขำที่นายไม่รู้จักสิ่งนี้ ” โจจี้ยังคงขบขัน ส่วนเหมยลี่อมยิ้มเล็กน้อย

 

“ นายนั่นแหละที่น่าสมเพชจนชวนขำ บ้ารึเปล่า เอาไฟแช็กไปล่าสัตว์ งี่เง่าชะมัด จะเอาไปล่ายังไง จะเรียกเก้งกวางมา แล้วจุดไฟรนคางมันรึไง ” มาวินยังประชดประชันไม่เลิก เขาดูหัวเสีย

 

“ ฮ่าๆ คนไม่รู้ก็คือคนไม่รู้ ” โจจี้กลับหัวเราะหนักขึ้น อาการแบบนี้ มันคล้ายกับการราดน้ำมันลงไปบนกองไฟ เด็กหนุ่มเริ่มโกรธจัดจนถึงขั้นถลาเข้าไปหาหนุ่มหล่อ เพื่อเตรียมตั้นหน้าระบายอารมณ์ 

 

“ หน็อยแน่ แก...... ” 

         

 

        แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะก้าวถึงตัว โจจี้ก็ยกมือขึ้นสูง เพื่อห้ามทัพ จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาคำหนึ่งด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง 

 

“ ใจเย็น อย่าเพิ่งโมโห ชั้นจะแสดงให้นายดูเองว่า.....ไฟแช็กอันนี้ใช้ล่าสัตว์ยังไง ” 

          

 

         แม้มาวินจะเริ่มหัวร้อน แต่เมื่อประจักษ์ต่อท่าทีจริงจัง เขาก็หยุดชะงักโดยพลัน คล้ายมีอำนาจบางอย่างแฝงอยู่ในตัวของโจจี้จนเด็กหนุ่มต้องยอมรับโดยดุษฎี

 

“ นายจะทำยังไงต่อ โชว์ซิ ” มาวินกอดอก พลางถามเสียงขุ่น 

          

 

        โจจี้ยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่อันอยู่ห่างออกไปราวๆ 50 เมตร พร้อมกล่าวกับมาวินด้วยเสียงกระซิบ 

 

“ ลองมองไปที่ยอดไม้นั่น นายเห็นอะไร ” 

            

 

         มาวินมองไปยังทิศทางที่โจจี้ชี้ ทีแรกเขามองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากยอดไม้รกครึ้ม แต่เมื่อเพ่งอยู่นานหลายนาที ก็เห็นสัตว์ปีกตัวหนึ่งที่มีรูปพรรณคล้ายนกนางแอ่น ผิดก็แต่ว่ากายของมันเป็นสีเขียวสด อันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม

 

“ หา...... นะ..... นายเห็นเจ้านกนั่นในชั่วพริบตา ทำได้ยังไง ” มาวินร้องอุทานด้วยความตกใจ สายตาของโจจี้ช่างเฉียบคมเหลือเกิน เขาเริ่มศรัทธาฮันเตอร์หนุ่มเข้าให้แล้ว 

 

“ จำเอาไว้.....สายตาที่คมและว่องไวประดุจเหยี่ยวคือพื้นฐานของการเป็นฮันเตอร์ชั้นยอด ” โจจี้ตอบกลับด้วยท่าทีที่ดูเรียบเฉย ราวกับว่า.....ความสามารถนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ไม่สลักสำคัญอันใด

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา