The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  168.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

105) คนจริงไม่พูดมาก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.123rf.com

 

     มาวินรู้สึกกดดันอย่างมากมาย เพราะถูกเหมยลี่จ้องมองไม่วางวาย ไม่นาน เด็กสาวร่างสูงก็เป็นฝ่ายละสายตาและย้อนกลับมานั่งในมุมของตัวเอง 

 

“ ฟู่...... นึกว่าจะโดนยัยโย่งไล่ต้อนซะแล้ว ” มาวินแอบถอนหายใจเบาๆ อันที่จริง เด็กหนุ่มก็ไม่อยากจะปิดบังความลับนี้ซักเท่าไหร่ แต่ถึงบอกไป ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี หนักกว่านั้น อาจถูกมองว่าเป็นพวกไม่เต็มเต็ง (ปกติพรรคพวกก็มองมาวินแบบนั้นอยู่แล้ว)   

             

 

      หลังผ่านการจับผิด ทั้งสามก็แยกย้ายกันพักผ่อน มาวินเป็นคนแรกที่ผล็อยหลับ เขานอนแผ่หลาในเต็นท์ที่โจจี้กางไว้ให้ นับเป็นอีกคืนที่อยู่กันอย่างสบาย ด้วยอุณหภูมิในเวลานั้นกำลังพอดี ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป      

            

 

      หลังจากลิงหัวเขียวหลับใหลเป็นที่เรียบร้อย ทั้งโจจี้และเหมยลี่ก็กลับคืนสู่โหมดเป็นงานเป็นการอีก พวกเขาปรึกษาถึงเรื่องเส้นทาง เสบียง สุดท้ายก็ล่วงเลยมาถึงวิธีการจัดการกับคองโกล่า  

 

“ ตามแผนที่วางไว้ก็คือ...ให้เจ้าลิงหัวเขียวใช้ความเร็วคอยก่อกวน จากนั้นชั้นจะใช้ท่าไม้ตายอัดมัน ปิดท้ายด้วยกระบวนท่าดาบผ่าหินผาของนายที่มีพลังทำลายสูงสุด ” เหมยลี่ทวนแผนพิชิตชัยให้โจจี้ฟัง

 

“ อืม...... ตามแผนเดิมก็นับว่าน่าสนใจ แต่ในการต่อสู้กับงูยักษ์ โอโบอา เธอได้สังเกตเห็นอะไรรึเปล่า ” โจจี้เอามือเท้าคาง พร้อมกล่าวช้าๆด้วยอาการใคร่ครวญ 

 

“ นายหมายความว่า......กระบวนท่าดาบผ่าหินผามีปัญหางั้นรึ ” เหมยลี่ตอบกลับรัวเร็ว

 

“ อืม......สมกับเป็นเหมยลี่ อย่างนี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ใช่ ดาบผ่าหินผานั้นมีปัญหาอยู่จริงๆ ” โจจี้ยิ้มเล็กน้อย

 

“ นายคงคิดว่า....แม้กระบวนท่านี้จะมีพลังทำลายมหาศาล แต่ขาดความแม่นยำ ถ้าเป้าหมายไม่หยุดอยู่กับที่ ก็มีสิทธิ์พลาดเป้า เฉกเช่นเดียวกับที่นายพลาด ใช่หรือไม่ ” เหมยลี่เอ่ยถึงสิ่งที่โจจี้กังวลใจ  

 

“ อืม.....ว่าต่อไป ” โจจี้พยักหน้ารับคำ พร้อมตอบกลับมาอย่างใจเย็น 

 

“ เพราะอย่างนี้ นายถึงอยากได้คนที่ทำให้คองโกล่าหยุดชะงักแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ” เหมยลี่กล่าวต่อ พลางสบตากับอีกฝ่าย เพื่อหยั่งเชิง 

 

“ ซึ่งชั้นเองก็ไม่คิดว่าเธอจะมีกระบวนท่าที่รุนแรงถึงขั้นนั้น ” คราวนี้โจจี้เป็นฝ่ายพูดบ้าง เป็นการยิงตรงประเด็นชนิดไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา

            

 

      สิ้นคำของโจจี้ บรรยากาศรอบตัวก็เงียบงันไปหลายอึดใจ มีเพียงเสียงเรไร แมลงกลางคืนที่วิ่งแล่นเข้าสู่โสตประสาทอย่างแผ่วเบา

             

 

      เหมยลี่ละสายตาจากคู่สนทนา แล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ห่าง แล้วกล่าวห้วนๆ โดยไม่หันกลับมามอง

 

“ ชั้นจะเป็นคนหยุดการเคลื่อนไหวของคองโกล่าเอง และจะแสดงให้นายดูว่า......ชั้นคู่ควร ” 

               

 

       พอเหมยลี่พูดจบ ออร่าสีทองก็แผ่ออกมาจากกายสูงเพรียว ทำให้บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ โจจี้เริ่มรู้สึกว่ามีเหงื่อออกบริเวณใบหน้า แต่หนุ่มผมทองยังคงจ้องมองเด็กสาวร่างสูงอยู่นิ่งๆ เพื่อดูว่าเธอจะทำอะไรต่อไป 

             

 

       เหมยลี่หลับตา เพื่อรวบรวมสมาธิ ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ พริบตาต่อมา ดวงตาคมเข้มก็เปิดกว้าง พร้อมเปล่งประกายแรงกล้า มือเรียวยาวเลื่อนขึ้นไปแตะต้นไม้ใหญ่อย่างแผ่วเบา 

 

“ ย่ะ ”  

          

 

       เหมยลี่ร้องตะโกน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏคลื่นลมแรงกระจายออกมาจากกายของเธอ หลังจากนั้นออร่าจางๆรอบตัวก็ค่อยๆเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย 

           

 

       เมื่อทุกอย่างสงบลง เหมยลี่ก็หันกลับมามองโจจี้ พร้อมกล่าวเรียบๆ 

 

“ ชั้นได้แสดงวิชาที่ใช้หยุดคองโกล่าให้นายดูบางส่วน คิดว่าถ้าใช้กระบวนท่านี้แบบเต็มกำลัง น่าจะทำให้มันช็อกชั่วคราว ” 

            

 

        เมื่อเด็กสาวร่างสูงพูดจบ เธอก็เดินหายเข้าไปในเต็นท์ของตัวเอง ทิ้งให้หนุ่มหล่อผมทองนั่งตากลมอยู่เดียวดาย 

           

 

        โจจี้นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ ชายหนุ่มมองอยู่อึดใจ ดวงตาก็พลันเบิกโพลง เพราะด้านหลังของลำต้นได้ปรากฏรอยผลิแตกออกมา คล้ายว่าเกิดการระเบิดรุนแรงจากภายใน 

            

 

        โจจี้มองต้นไม้ใหญ่อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะคลายตระหนก จากนั้นก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมพูดกับตัวเองเบาๆ

 

“ ท่าทางแผนกำจัดคองโกล่าจะลงตัวแล้วซินะ หึ หึ หึ ” 

 

……………………..

            

      อรุณรุ่งกลับมาเยือนชาวโลกอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าลิงหัวเขียวเป็นคนสุดท้ายที่ลืมตาตื่น เนื่องจากเขาเป็นคนขี้เกียจระดับพรีเมี่ยม

 

“ หาว.... นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว อ้าว แล้วนายจะรีบไปไหน ถึงได้เก็บข้าวของแต่เช้าแบบนี้ ” มาวินเงยหน้าขึ้นมองโจจี้ ท่าทางยังคงงัวเงีย 

 

“ เฮ้อ.....เช้าบ้าบอคอแตกอะไรเล่า นี่มันสายโด่งแล้วโว้ย หัดดูเวลาบนนาฬิกาบ้างสิ ” โจจี้โวยกลับ สีหน้าดูหงุดหงิด

 

“ อ้อ.... ดูนาฬิกาใช่มั้ย ได้เลยพวก ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว อากาศกำลังเย็นสบาย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ เหอๆ ” มาวินยกนาฬิกาวิญญาณขึ้นมาดู จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอน

 

“ เฮ้อ..... ไอ้คนไร้ความรับผิดชอบ สงสัยต้องเรียกเหมยลี่มาจัดการซะล่ะมั้ง ” โจจี้ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมยกแม่เสือสาวขึ้นมาขู่ 

            

 

       ทันทีที่ได้ยิน มาวินก็ถึงกับหูผึ่ง เขารีบกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สองมือพยายามเก็บสัมภาระของตนเอง พร้อมร้องตะโกนแข็งขัน 

 

“ เอ้า เช้าแล้ว สดใสกันหน่อย ได้เวลาออกเดินทาง ” 

            

 

         โจจี้มองท่าทางที่เปลี่ยนไปด้วยแววฉงน ซักพักชายหนุ่มก็เริ่มยิ้ม เหมือนเขาจะจับจุดอ่อนของมาวินได้ 

 

“ เหอๆ รู้แล้ว หมอนี่กลัวเหมยลี่ ดีล่ะ คราวหน้าชั้นเอายัยหน้านิ่งไปขู่มัน ” โจจี้ขบคิดในใจ รอยยิ้มของเขาช่างดูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

             

 

       ขณะนั้นเอง เหมยลี่ก็เดินเข้ามาร่วมวง ท่าทางของสองหนุ่มดูมีพิรุธเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจ้าตัวขี้เกียจอย่างมาวินดันมาขยันขันแข็งจนแทบจะเก็บกวาดรอบแคมป์ให้โล่งเตียน ส่วนโจจี้ก็เอาแต่จ้องเด็กหนุ่มหัวเขียว พร้อมหัวเราะชั่วร้าย เธอจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย 

 

“ พวกนายกำลังทำอะไร ” 

 

“ โอ้...... เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไรเลย ” สองหนุ่มตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นก็หนีหายอย่างฉับพลัน ทิ้งให้เหมยลี่ยืนงงตามลำพัง 

 

“ อะไรของพวกมันนะ พิลึกสุดๆ ” เหมยลี่พึมพำเบาๆ เธอไม่เข้าใจ 

          

 

       หลังจากช่วยกันเก็บแคมป์จนเสร็จสรรพ ทั้งสามก็ร่วมกันกินอาหารและพักผ่อนอิริยาบถอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็เริ่มออกเดินทาง

         

 

        การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะเส้นทางขึ้นเขานั้นค่อนข้างสูงชัน บางครั้งชาวคณะต้องออกแรงไต่สลับตะกายและคืบคลาน ทำให้เนื้อตัวของทั้งสามชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

           

 

        แน่นอนว่าคนปากเปราะอย่างมาวินย่อมอดไม่ได้ที่จะโวย แต่ทุกครั้งที่พล่ามบ่นจนเพื่อนร่วมทีมเริ่มเบื่อ นายลิงหัวเขียวก็เป็นอันต้องสงบปากทุกที ด้วยพบกับการข่มขู่ด้วยสายตาของเหมยลี่ 

           

 

        การขึ้นเขานั้นแสนสาหัสสำหรับคนธรรมดา มีบางช่วงที่เป็นทางชัน 90 องศาที่ต้องใช้ทักษะและอุปกรณ์ปีนเขาแบบเต็มอัตราศึก แต่สำหรับพวกนักสู้ที่ค่อนข้างเหนือมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว พวกเขาแค่เกร็งกำลัง ก็สามารถกระโดดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ดังนั้น นักเดินทางจึงผ่านด่านที่แสนยากเย็นในเวลาเพียงสองชั่วโมง

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา