The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
105) คนจริงไม่พูดมาก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.123rf.com
มาวินรู้สึกกดดันอย่างมากมาย เพราะถูกเหมยลี่จ้องมองไม่วางวาย ไม่นาน เด็กสาวร่างสูงก็เป็นฝ่ายละสายตาและย้อนกลับมานั่งในมุมของตัวเอง
“ ฟู่...... นึกว่าจะโดนยัยโย่งไล่ต้อนซะแล้ว ” มาวินแอบถอนหายใจเบาๆ อันที่จริง เด็กหนุ่มก็ไม่อยากจะปิดบังความลับนี้ซักเท่าไหร่ แต่ถึงบอกไป ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี หนักกว่านั้น อาจถูกมองว่าเป็นพวกไม่เต็มเต็ง (ปกติพรรคพวกก็มองมาวินแบบนั้นอยู่แล้ว)
หลังผ่านการจับผิด ทั้งสามก็แยกย้ายกันพักผ่อน มาวินเป็นคนแรกที่ผล็อยหลับ เขานอนแผ่หลาในเต็นท์ที่โจจี้กางไว้ให้ นับเป็นอีกคืนที่อยู่กันอย่างสบาย ด้วยอุณหภูมิในเวลานั้นกำลังพอดี ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป
หลังจากลิงหัวเขียวหลับใหลเป็นที่เรียบร้อย ทั้งโจจี้และเหมยลี่ก็กลับคืนสู่โหมดเป็นงานเป็นการอีก พวกเขาปรึกษาถึงเรื่องเส้นทาง เสบียง สุดท้ายก็ล่วงเลยมาถึงวิธีการจัดการกับคองโกล่า
“ ตามแผนที่วางไว้ก็คือ...ให้เจ้าลิงหัวเขียวใช้ความเร็วคอยก่อกวน จากนั้นชั้นจะใช้ท่าไม้ตายอัดมัน ปิดท้ายด้วยกระบวนท่าดาบผ่าหินผาของนายที่มีพลังทำลายสูงสุด ” เหมยลี่ทวนแผนพิชิตชัยให้โจจี้ฟัง
“ อืม...... ตามแผนเดิมก็นับว่าน่าสนใจ แต่ในการต่อสู้กับงูยักษ์ โอโบอา เธอได้สังเกตเห็นอะไรรึเปล่า ” โจจี้เอามือเท้าคาง พร้อมกล่าวช้าๆด้วยอาการใคร่ครวญ
“ นายหมายความว่า......กระบวนท่าดาบผ่าหินผามีปัญหางั้นรึ ” เหมยลี่ตอบกลับรัวเร็ว
“ อืม......สมกับเป็นเหมยลี่ อย่างนี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ใช่ ดาบผ่าหินผานั้นมีปัญหาอยู่จริงๆ ” โจจี้ยิ้มเล็กน้อย
“ นายคงคิดว่า....แม้กระบวนท่านี้จะมีพลังทำลายมหาศาล แต่ขาดความแม่นยำ ถ้าเป้าหมายไม่หยุดอยู่กับที่ ก็มีสิทธิ์พลาดเป้า เฉกเช่นเดียวกับที่นายพลาด ใช่หรือไม่ ” เหมยลี่เอ่ยถึงสิ่งที่โจจี้กังวลใจ
“ อืม.....ว่าต่อไป ” โจจี้พยักหน้ารับคำ พร้อมตอบกลับมาอย่างใจเย็น
“ เพราะอย่างนี้ นายถึงอยากได้คนที่ทำให้คองโกล่าหยุดชะงักแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ” เหมยลี่กล่าวต่อ พลางสบตากับอีกฝ่าย เพื่อหยั่งเชิง
“ ซึ่งชั้นเองก็ไม่คิดว่าเธอจะมีกระบวนท่าที่รุนแรงถึงขั้นนั้น ” คราวนี้โจจี้เป็นฝ่ายพูดบ้าง เป็นการยิงตรงประเด็นชนิดไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา
สิ้นคำของโจจี้ บรรยากาศรอบตัวก็เงียบงันไปหลายอึดใจ มีเพียงเสียงเรไร แมลงกลางคืนที่วิ่งแล่นเข้าสู่โสตประสาทอย่างแผ่วเบา
เหมยลี่ละสายตาจากคู่สนทนา แล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ห่าง แล้วกล่าวห้วนๆ โดยไม่หันกลับมามอง
“ ชั้นจะเป็นคนหยุดการเคลื่อนไหวของคองโกล่าเอง และจะแสดงให้นายดูว่า......ชั้นคู่ควร ”
พอเหมยลี่พูดจบ ออร่าสีทองก็แผ่ออกมาจากกายสูงเพรียว ทำให้บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ โจจี้เริ่มรู้สึกว่ามีเหงื่อออกบริเวณใบหน้า แต่หนุ่มผมทองยังคงจ้องมองเด็กสาวร่างสูงอยู่นิ่งๆ เพื่อดูว่าเธอจะทำอะไรต่อไป
เหมยลี่หลับตา เพื่อรวบรวมสมาธิ ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ พริบตาต่อมา ดวงตาคมเข้มก็เปิดกว้าง พร้อมเปล่งประกายแรงกล้า มือเรียวยาวเลื่อนขึ้นไปแตะต้นไม้ใหญ่อย่างแผ่วเบา
“ ย่ะ ”
เหมยลี่ร้องตะโกน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏคลื่นลมแรงกระจายออกมาจากกายของเธอ หลังจากนั้นออร่าจางๆรอบตัวก็ค่อยๆเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อทุกอย่างสงบลง เหมยลี่ก็หันกลับมามองโจจี้ พร้อมกล่าวเรียบๆ
“ ชั้นได้แสดงวิชาที่ใช้หยุดคองโกล่าให้นายดูบางส่วน คิดว่าถ้าใช้กระบวนท่านี้แบบเต็มกำลัง น่าจะทำให้มันช็อกชั่วคราว ”
เมื่อเด็กสาวร่างสูงพูดจบ เธอก็เดินหายเข้าไปในเต็นท์ของตัวเอง ทิ้งให้หนุ่มหล่อผมทองนั่งตากลมอยู่เดียวดาย
โจจี้นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ ชายหนุ่มมองอยู่อึดใจ ดวงตาก็พลันเบิกโพลง เพราะด้านหลังของลำต้นได้ปรากฏรอยผลิแตกออกมา คล้ายว่าเกิดการระเบิดรุนแรงจากภายใน
โจจี้มองต้นไม้ใหญ่อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะคลายตระหนก จากนั้นก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมพูดกับตัวเองเบาๆ
“ ท่าทางแผนกำจัดคองโกล่าจะลงตัวแล้วซินะ หึ หึ หึ ”
……………………..
อรุณรุ่งกลับมาเยือนชาวโลกอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าลิงหัวเขียวเป็นคนสุดท้ายที่ลืมตาตื่น เนื่องจากเขาเป็นคนขี้เกียจระดับพรีเมี่ยม
“ หาว.... นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว อ้าว แล้วนายจะรีบไปไหน ถึงได้เก็บข้าวของแต่เช้าแบบนี้ ” มาวินเงยหน้าขึ้นมองโจจี้ ท่าทางยังคงงัวเงีย
“ เฮ้อ.....เช้าบ้าบอคอแตกอะไรเล่า นี่มันสายโด่งแล้วโว้ย หัดดูเวลาบนนาฬิกาบ้างสิ ” โจจี้โวยกลับ สีหน้าดูหงุดหงิด
“ อ้อ.... ดูนาฬิกาใช่มั้ย ได้เลยพวก ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว อากาศกำลังเย็นสบาย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ เหอๆ ” มาวินยกนาฬิกาวิญญาณขึ้นมาดู จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอน
“ เฮ้อ..... ไอ้คนไร้ความรับผิดชอบ สงสัยต้องเรียกเหมยลี่มาจัดการซะล่ะมั้ง ” โจจี้ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมยกแม่เสือสาวขึ้นมาขู่
ทันทีที่ได้ยิน มาวินก็ถึงกับหูผึ่ง เขารีบกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สองมือพยายามเก็บสัมภาระของตนเอง พร้อมร้องตะโกนแข็งขัน
“ เอ้า เช้าแล้ว สดใสกันหน่อย ได้เวลาออกเดินทาง ”
โจจี้มองท่าทางที่เปลี่ยนไปด้วยแววฉงน ซักพักชายหนุ่มก็เริ่มยิ้ม เหมือนเขาจะจับจุดอ่อนของมาวินได้
“ เหอๆ รู้แล้ว หมอนี่กลัวเหมยลี่ ดีล่ะ คราวหน้าชั้นเอายัยหน้านิ่งไปขู่มัน ” โจจี้ขบคิดในใจ รอยยิ้มของเขาช่างดูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
ขณะนั้นเอง เหมยลี่ก็เดินเข้ามาร่วมวง ท่าทางของสองหนุ่มดูมีพิรุธเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจ้าตัวขี้เกียจอย่างมาวินดันมาขยันขันแข็งจนแทบจะเก็บกวาดรอบแคมป์ให้โล่งเตียน ส่วนโจจี้ก็เอาแต่จ้องเด็กหนุ่มหัวเขียว พร้อมหัวเราะชั่วร้าย เธอจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ พวกนายกำลังทำอะไร ”
“ โอ้...... เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไรเลย ” สองหนุ่มตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นก็หนีหายอย่างฉับพลัน ทิ้งให้เหมยลี่ยืนงงตามลำพัง
“ อะไรของพวกมันนะ พิลึกสุดๆ ” เหมยลี่พึมพำเบาๆ เธอไม่เข้าใจ
หลังจากช่วยกันเก็บแคมป์จนเสร็จสรรพ ทั้งสามก็ร่วมกันกินอาหารและพักผ่อนอิริยาบถอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็เริ่มออกเดินทาง
การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะเส้นทางขึ้นเขานั้นค่อนข้างสูงชัน บางครั้งชาวคณะต้องออกแรงไต่สลับตะกายและคืบคลาน ทำให้เนื้อตัวของทั้งสามชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
แน่นอนว่าคนปากเปราะอย่างมาวินย่อมอดไม่ได้ที่จะโวย แต่ทุกครั้งที่พล่ามบ่นจนเพื่อนร่วมทีมเริ่มเบื่อ นายลิงหัวเขียวก็เป็นอันต้องสงบปากทุกที ด้วยพบกับการข่มขู่ด้วยสายตาของเหมยลี่
การขึ้นเขานั้นแสนสาหัสสำหรับคนธรรมดา มีบางช่วงที่เป็นทางชัน 90 องศาที่ต้องใช้ทักษะและอุปกรณ์ปีนเขาแบบเต็มอัตราศึก แต่สำหรับพวกนักสู้ที่ค่อนข้างเหนือมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว พวกเขาแค่เกร็งกำลัง ก็สามารถกระโดดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ดังนั้น นักเดินทางจึงผ่านด่านที่แสนยากเย็นในเวลาเพียงสองชั่วโมง
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ