สืบสู้ผี ภาค 1-2
8.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
73 ตอน
3 วิจารณ์
64.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
72) ควันสยบวิญญาณ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความน้ำที่ไม่มีรสไม่มีกลิ่นที่อัณยาวีร์สั่งให้ทหารของตัวเองเอามาฉีดนั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับพวกเราเหมือนอย่างที่คาด แต่กับตัวพยัคฆ์เองนั้นมันกลับส่งผลให้เขาถึงกับทรุดร่างลงไปกับพื้นในเวลาเพียงไม่นาน นี่มันได้เกิดความพิศดารอะไรขึ้นกันอีกล่ะนี่ ?
"อะไรกัน ?" อัณยาวีร์ช้อนตามองพยัคฆ์ "ข้าแค่ให้ท่านได้อาบน้ำแก้ร้อนเพียงแค่นิดหน่อย แต่แทนที่ท่านจะหายร้อน ท่านกลับทรุดลงไปกองกับพื้น แถมยังทำหน้าตาร้อนรุ่มขึงขังใส่ข้าอย่างนั้น นี่ตัวข้าเองได้ทำอะไรผิดหรืออย่างไรท่านพยัคฆ์ ?"
น้ำเสียงที่แฝงความเย้ยหยันของอัณยาวีร์กลับยิ่งทำให้สีหน้าของพยัคฆ์เครียดเขม็งขึ้นมาอีก เขาพยายามจะใช้สองมือดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นแต่มันก็เหมือนกับว่าเรี่ยวแรงและพละกำลังทั้งหมดของเขาได้ปราศนาการหายไปจากร่างของเขาโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว
"เจ้า... เจ้าทำอะไรกับข้า...อย่างนั้นรึ อัณยาวีร์ ?!" แม้ว่าร่างกายจะดูหมดแรงแต่ปลายเเสียงของพยัคฆ์ยังเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการคุกคามศัตรูชนิดหนึ่ง
"ถ้าคาดไม่ผิด..." เสียงพี่เมฆดังขึ้นมา "น้ำนั่นน่าจะมีอาคมบางอย่างนะข้าว่า..."
ท่านจ้าวแห่งมิตทราห์และมูติชาห์เมื่อได้ยินอย่างนั่น ก็มีสีหน้าตกตะลึงและหันมามองพี่เมฆกันทันทีซึ่งก็รวมทั้งตัวผมและจันด้วย
"เอ๊ะ...?" ผมอดจะแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ "ถ้ามีอาคมอย่างที่พี่เมฆว่า ก็แล้ว... ก็แล้วทำไมพวกเราที่เหลือนี่ ไม่เป็นอะไรกันเลยล่ะครับพี่เมฆ ?"
พี่เมฆที่จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้กลับพ่นควันออกเป็นโขมงโดยยังไม่ตอบอะไรผม แต่ว่านั่นก็กลับทำให้สีหน้าของพยัคฆ์ดูจะตื่นตะลึงขึ้นมาอย่างทันที ราวกับว่าเขาเพิ่งจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ตอนนั้น... ? ตอนนั้นนั่นเองสินะ ที่เจ้าใช้อุบายเพื่อทำให้ข้าติดกับโดยไม่คาดคิด ! นังมารสารเลว ข้าอุตส่าห์ยินยอมร่วมมือกับเจ้าแล้วนะตอนนั้น ข้าไม่นึกเลยสักนิด ว่าเจ้ากลับจะมาวางแผนตลบหลังเอากับข้าเช่นนี้...!!"
คำพูดที่ราวกับมองเห็นถึงสาเหตุในการที่ทำให้ตัวของเขาเสียทีให้กับอัณยาวีร์ไม่ได้ทำให้ผมหายงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาแม้แต่น้อย อะไรกันล่ะ... มันอะไรกันล่ะที่ทำให้เขาต้องพลาดท่าเสียทีในครั้งนี้ ?
"น้องอัณยาวีร์ช่างมีความระมัดระวังรอบคอบอย่างร้ายกาจเลยนะ" กุสุมาอดจะชมเชยขึ้นมาด้วยหางเสียงแกมแดกดันไม่ได้ "ฉันขอเดาว่า น้องอัณยาวีร์คงได้ใช้'ควันสยบวิญญาณ' โดยที่พยัคฆ์ไม่ทันจะรู้ตัวล่วงหน้าแน่ๆใช่ไหม ?"
สีหน้าของอัณยาวีร์ราวกับจะกลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว
"ถูกแล้วพี่กุสุมา หลังจากที่มันได้ตกลงกับฉันเพื่อจะใช้กลอุบายในการดึงพวกชาวมิตทราห์ทั้งหมดให้มาติดกับในห้องขังนี้แล้ว มันก็ได้ปลอมตัวเป็นท่านมหาดาบสโดยได้ไปนั่งอยู่ในห้องขังนี้อย่างสงบนิ่ง แต่ทว่าตัวของมันเองก็กลับไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าควันจากคบไฟไล่ยุงที่ฉันนำมาจุดไว้ให้มันนั้นกลับเป็นควันอาคมหรือควันสยบวิญญาณอย่างที่พี่กุสุมาว่านั่นล่ะ อันควันสยบวิญญาณนี้หากว่าใครได้สูดเข้าไปก็จะไม่รู้ถึงความผิดปกติอันใด แต่ถ้าหากเมื่อใดที่ตัวของมันได้ไปโดนน้ำอาคมที่ไร้กลิ่นและรสที่ปลุกเสกให้มาใช้คู่กับควันสยบวิญญานแล้วล่ะก็ มันผู้นั้นก็จะมีสภาพเป็นคนที่ไร้ซึ่งพลังและเรี่ยวแรงไปอย่างทันที !"
เมื่ออัณยาวีร์ได้อธิบายออกมาอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างขบขันราวกับจะสะใจกับแผนอันแยบยลของตนที่ได้ผลอย่างไม่ยากเย็น และคำอธิบายในครั้งนี้ก็ทำให้ผมและทุกคนที่อยู่ในห้องขังต่างตาสว่างกับเหตุการณ์อันประหลาดที่เกิดขึ้นกับพยัคฆ์โดยถ้วนทั่ว และตัวผมเองก็ยังสิ้นความสงสัยว่า ทำไมพวกเราคนอื่นที่โดนน้ำถึงไม่เป็นอะไรเหมือนกับพยัคฆ์ ก็เพราะนอกจากพยัคฆ์แล้วก็ไม่มีใครได้สูดควันสยบวิญญาณมาก่อนนั่นเอง
"ทหาร !" เสียงอัณยาวีร์เรียกขึ้น "ไปจับตัวพยัคฆ์ และเอาไปแยกขังไว้ที่ห้องข้างขวานั่น ตอนนี้มันจะหมดฤทธิไปสองชั่วยาม พวกเจ้าสามารถหิ้วปีกมันได้สบายๆโดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะโต้ตอบอะไรพวกเจ้าได้ รีบลงมือจัดการซะ !"
พยัคฆ์ที่แม้จะอยู่ในห้องขังที่อยู่ติดกับห้องเรา และสามารถจะเปิดประตูนำพวกเราให้ไปอยู่ในห้องขังทางฝั่งเขาและยังสามารถที่จะนำสิงห์หรือพวกเราให้สามารถออกไปจากที่นี่ได้ บัดนี้กลับหมดสิ้นซึ่งสมรรถภาพที่จะทำอะไรได้อีกต่อไป พวกเราที่อยู่ในห้องขังข้างหลังนี้ก็เลยทำได้แค่เพียงมองดูเหล่าทหารปิศาจของอัณยาวีร์หิ้วปีกของเขาไปอย่างอนาถใจ
ขณะที่พยัคฆ์กำลังถูกนำไปขังที่อีกห้องหนึ่งไม่ไกลกัน กุสุมาก็เอ่ยขึ้นอีกว่า
"จิตใจของเธอมันช่างร้ายกาจและแยบยลดีเหลือเกิน จนฉันเองตอนนี้ก็ยังอดที่จะหวาดหวั่นกับการคบค้ากับเธอไม่ได้ หากไม่เป็นเพราะว่าพวกเราต้องทำงานให้กับนายท่านของเรา ฉันก็คิดว่าจะไม่ขออยู่ใกล้ๆเธออย่างเด็ดขาดนะน้องอัณยาวร์"
คำพูดของกุสุมาไม่รู้ว่าได้กล่าวอย่างยกย่องหรือชิงชัง แต่หางตาของอัณยาวีร์ถึงกับกระตุกขึ้นมาครั้งหนึ่ง
"ที่จริงแล้ว...." ดวงตาของอัณยาวีร์เป็นประกาย "ฉันนั้นก็ชอบเขาอยู่เหมือนกัน ชายชาตินักรบแบบนี้หากได้มาช่วยกันสร้างอณาจักรใหม่กับฉัน บางทีก็อาจจะช่วยให้ฉันยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกมากก็ได้ แต่เมื่อเขาดูดื้อรั้นอย่างนี้ ฉันก็จะเก็บเขาไว้ก่อนโดยจะไม่ฆ่าเขาทิ้งหรอกนะ..."
สีหน้าของกุสุมาราวกับจะผิดคาดก่อนจะพูดอีกว่า
"เหรอ... ก็ดี หลังจากที่เธอได้ชำระแค้นกับท่านจ้าวนั่นแล้ว เธอจะทำอะไรก็ได้นี่ เพราะอณาจักรชั่วคราวแห่งนี้ จะอย่างไรนายท่านก็จะยกให้เธอโดยไม่ทำลายให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่านอย่างที่พยัคฆ์กล่าวหาไว้หรอก"
"เอาล่ะ..." เสียงของจ้าวเวตาลโลหิตแทรกขึ้น "เมื่อตัดตัวน่ารำคาญไปได้ตัวหนึ่งแล้ว เราก็ควรจะนำสิงห์ไปกันได้เสียที เวลาของเราเหลือกันไม่มากแล้ว เราจะต้องนำเขาไปยังประตูศิลาก่อนที่จะถึงเวลาที่จะมี'สุริยปราคา'นะ"
กุสุมาพยักหน้าเห็นด้วยทันที "ใช่แล้ว เรารอช้าไม่ได้แล้วล่ะ เอาตัวสิงห์ออกมาก่อน แต่เธอก็อย่าลืมที่ฉันบอกนะอัณยาวีร์ ว่าเธอจะยังฆ่าพวกชาวมิตทราห์ไม่ได้ในตอนนี้..." ประโยคหลังเธอหันไปย้ำเตือนกับอัณยาวีร์
"ก็มาข้ามศพพวกเรากันไปซะก่อนสิ ถ้าจะคิดจะเอาตัวสิงห์ไปล่ะก็ !!" เสียงที่ดังขึ้นนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมูติชาห์นั่นเอง
และแล้วอัณยาวีร์รวมทั้งกุสุมาและสองบุรุษประหลาดก็ก้าวลงบันไดมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องขัง
"เปิดกรงซะตอนนี้สิ !" มูติชาห์เชิดหน้ามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าถมึงทึง 'แล้วพวกเจ้าก็ลองมาแย่งตัวสิงห์ไป จากนั้นพวกเจ้าก็จะได้เห็นว่าพวกเราที่เหลือนี้จะโต้ตอบกับเจ้าอย่างไรบ้าง !"
"ข้าว่า" บุรุษผู้มีสีหน้าขาวซีดจ้องหน้ามูติชาห์เขม็ง "ปล่อยไอ้คนหน้าอ่อนราวกับสตรีคนนี้ออกมาบู๊กันเลยจะดีกว่ามั้ง ข้ารู้สึกว่า ไอ้ต้นคออันเรียวสวยของมันนี่ น่าจะเต็มไปด้วยเลือดอันหอมหวานให้ข้าได้ดูดเพื่อบำรุงกำลังอย่างอร่อยแน่ๆ"
"ไอ้บัดซบ งั้นรีบเปิดเลย ! ข้าก็อยากจะรีดเลือดพวกเจ้าออกมาด้วยปลายมีดของข้าเหมือนกัน !"
มูติชาห์ท้าทายด้วยเสียงอันดังลั่น และตั้งท่าจะทะยานออกไปทันทีหากประตูกรงได้เปิดขึ้นมา และพวกเราคนอื่นที่เหลือต่างก็กำลังเตรียมพร้อมที่จะทะยานออกไปสู้เช่นกัน
"เปิดฉากสู้กันในตอนนี้ก็จะทำให้เสียเวลาไปอีกนะ..." กสุมาหันไปบอกบุรุษหน้าขาวก่อนจะหันไปที่อัณยาวีร์ "เธอพอจะมีวิธีใช่ไหมน้องอัณยาวีร์ ?"
อัณยาวรีร์ยิ้มขึ้นมาอย่างเปี่ยมไปด้วยเล่ห์มารยาขณะที่สายตายังจดจ้องพวกชาวมิตรทราห์ในกรง
"คบไฟควันสยบวิญญาณของฉันยังเหลือ และน้ำแห่งอาคมสยบวิญญาณของพวกเราก็ยังอยู่... มันเหมาะที่จะใช้กับพวกมันทั้งหมดในขณะนี้โดยที่ไม่ต้องไปเปลืองเรี่ยวแรงพวกเราแม้แต่น้อยนะ..."
สิ้นคำพูดของอัณยาวีร์ พวกเราทั้งหมดก็ถึงกับอึ้งชงักค้างกันทันที
ถ้าอัณยาวีร์นำสิ่งที่กล่าวนั้นมาใช้กับพวกเราตอนนี้ ก็ดูท่าจะลำบากกันแล้วล่ะทีนี้....??!!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆนี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ