สืบสู้ผี ภาค 1-2
8.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
73 ตอน
3 วิจารณ์
63.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
36) ตุ๊กแกประหลาด ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ แล้วเสียงร้องอันน่าขนลุกก็ดังมาจากเจ้าตัวที่ดูน่ากลัวนั้น...!
กุสุมาถึงกับสะดุ้งและรีบหันขวับกลับไปมองที่ตัวมันทันที
เจ้าตัวที่ดูน่ากลัวนั้นยังคงเกาะนิ่งอยู่ที่เดิม แต่มันกลับผงกหัวขึ้นมองกุสุมา และทำตาพองโตกว่าเดิม พร้อมอ้าปากผงาบๆ ราวกับจะทักทายกุสุมา
"กรี๊ดดดดดดดดด....."
กุสุมากรีดเสียงร้องออกมาดังลั่น แล้วสลายร่างกลายไปเป็นแมวดำดังเดิม ก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปอีกทางหนึ่งของมุมห้อง
ผมกับไอริณรีบมองตามไป แต่ก็กลับไม่เห็นวี่แววของกุสุมาหรือแมวดำนั้นอีกเลย นี่เธอคงกลัวหรือตกใจมาก จนต้องรีบเผ่นหนีไปอย่างไวเลยรึ?
แล้วพวกเราต่างก็หันกลับไปมองที่ตัวประหลาดอันน่าขนลุกที่ยังคงเกาะอยู่ที่เดิม
"ก็แค่... ก็แค่'ตุ๊กแก'ไม่ใช่เหรอน้องริณ ทำไมกุสุมาถึงกับต้องตกใจร้องลั่นขนาดนั้นด้วยล่ะ...? " ผมถามไอริณ
ไอริณยิ้มกริ่ม "คนเราทุกๆ คนต่างก็มีจุดอ่อนของแต่ล่ะคนนะพี่กิต ริณคิดว่าพี่กุสุมาคงจะกลัว หรืออาจจะไม่ชอบตุ๊กแกมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ..."
"ถูกแล้ว...! นังนั่นมันกลัวข้ามาตั้งแต่โบราณแล้วล่ะ...! "
เสียงพูดประหลาดนั้น กลับดังมาจากตุ๊กแก...!
พวกเราทั้งหมดถึงกับสะดุ้งขึ้นมาพร้อมๆ กัน ตุ๊กแกที่เป็นแค่สัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ไฉนจึงพูดได้กันล่ะนี่...?!
แล้วตุ๊กแกตัวนี้ก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ฟังดูประหลาด
"ตะ... ตุ๊กแก พะ... พูดได้... หัวเราะได้ ?! ผะ... ผีตุ๊กแก...?!! " จันผวาเข้ามากอดผมทันที ส่วนสิงห์ที่อยู่ในร่างของนุชแค่มีสีหน้าแปลกใจขึ้นมานิดหน่อย
ไอริณหรี่ตามองจ้องตุ๊กแกตัวนี้อยู่ครู่หนึ่ง แล้วรอยยิ้มน้อยๆ ของเธอก็ปรากฏขึ้นมาบนสีหน้า
"ไม่นึกว่า..." ไอริณหันมากระซิบที่ข้างหูของผม "แค่ตุ๊กแกปลอมนี่ ก็ถึงกับทำให้พี่กุสุมาต้องตกใจกลัวขนาดนั้น ถ้าเป็นริณล่ะก็ อาจจะดูให้ดีๆ ซะก่อนว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม..."
"อะไรนะ... นี่มัน... นี่มันเป็นตุ๊กแกปลอมงั้นรึน้องริณ? " ผมกระซิบถามไอริณอย่างไม่อยากจะเชื่อที่เธอบอก
"ก็ถามตุ๊กแกนั่นดูสิจ๊ะ..." ไอริณพูดยิ้มๆ
ตุ๊กแกส่งเสียงร้องตามธรรมชาติออกมาคำหนึ่ง แล้วมันก็ค่อยๆ ไต่ลงมาจากมุมห้องด้านบน พอเกือบจะถึงพื้นห้องมันก็กระโดดลงมาบนพื้นเสียงดังตั้บ ก่อนจะคลานมาใกล้ๆ หน้าลูกกรง
จันที่กอดผมไว้ทำท่าขนลุกขนพอง ส่วนพวกเราที่เหลือต่างก็จ้องตุ๊กแกตัวนี้กันแทบตาไม่กระพริบ
เมื่อมันเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้ว ผมก็เห็นว่าตัวของมันค่อนข้างใหญ่กว่าตุ๊กแกโดยธรรมชาติโดยทั่วๆ ไป เรียกว่าใหญ่ประมาณลูกแมวที่กำลังจะเข้าสู่วัยโตเต็มวัยได้เลยทีเดียว
แต่ผมมองแล้วมองอีกก็ยังมองไม่ออกว่า ตุ๊กแกตัวนี้เป็นตุ๊กแกปลอมที่ตรงไหน?
ตุุ๊กแกชูคอขึ้นมองพวกเรา แล้วกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกขาหน้าข้างขวาชี้มาทางพวกเราที่อยู่ในกรง จากนั้นมันก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอีก
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ...." เสียงหัวเราะคราวนี้กลับฟังดูเป็นเสียงหัวเราะแบบคน ซึ่งมันหัวเราะราวกับว่าจะขำขันกับสภาพของพวกเราที่ติดอยู่ในกรงอย่างนี้
"เหวอออออ.....!! " จันอุทานออกมาสุดเสียง ก่อนจะเผลอปล่อยมือจากการกอดผม แล้วล้มลงก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นห้อง
"ตะ... ตุ๊กแกผี หัวเราะเป็นเสียงคนก็ได้ด้วย...?!! " จันพูดเสียงดังพร้อมกับชี้มืออันสั่นเทิ้มไปที่ตัวตุ๊กแก
"ถ้าเป็นผีจริงๆ ข้าคงหักคอแกไปแล้วว่ะ...! " ตุ๊กแกยักษ์พูดพร้อมกับยกขาชี้หน้าจัน
พอจันได้ยินแบบนี้แล้ว ก็ถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกไปทันที
ไอริณส่ายหัว แล้วพูดยิ้มๆ "เลิกเล่นได้แล้วมั้งคะ พี่เมฆขา..."
พี่เมฆ.....?!
ไอริณเรียกตุ๊กแกยักษ์ตัวนี้ว่าพี่เมฆ...! นี่หมายความว่าตุ๊กแกตัวนี้ก็คือพี่เมฆอย่างนั้นหรือ... นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!
"เฮ้อ..." ตุ๊กแกยักษ์ถอนใจ "กะว่าจะอำพวกน้องไปอีกสักพัก แต่หนูไอริณก็ดันดูออกซะอีก... แต่ว่าจริงๆ แล้วเราคงจะไม่มีเวลาที่จะมาเล่นโอ้เอ้กันอยู่ในนี้แล้วล่ะ..."
"พี่เมฆครับ..." ผมเรียกเขา "มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่พี่เมฆก็สามารถแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้อย่างนี้ นี่หมายความว่า พี่เมฆแปลงร่างมาเป็นตุ๊กแก ก็เพื่อให้กุสุมากลัวโดยเฉพาะใช่ไหมครับ ไอ้ผมก็กำลังคิดว่าพี่เมฆน่าจะกำลังนอนซมอยู่ในห้องที่พี่เมฆพักซะอีกนะครับตอนนี้...? "
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ " ตุ๊กแกยักษ์หัวเราะแล้วก็ส่ายหัว "นังแมวผีนั่นมันกลัวตุ๊กแกน่ะถูกต้องแล้ว พี่เองรู้จุดอ่อนในเรื่องนี้ของมันมาหลายปีแล้ว แต่เรื่องที่พี่สามารถแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้นั้น น้องกิตติจะเข้าใจผิดซะแล้วล่ะ..."
ผมฟังพี่เมฆในร่างตุ๊กแกบอกอย่างนี้แล้ว ก็ต้องตาโตอย่างงงงวยขึ้นมาอีก ส่วนจันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนข้างๆ ผม ด้วยสีหน้าที่งงงวยเป็นอย่างมากเช่นกัน
"ที่จริงแล้ว..." ไอริณเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม "พี่เมฆน่ะไม่สามารถแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้หรอกนะพี่กิต... แต่ร่างตุ๊กแกที่พี่กิตเห็นในขณะนี้เป็นร่างเวทมนต์หรืออาคมของพี่เมฆนั่นเอง นี่เป็นส่วนหนึ่งของเวทหุ่นพยนต์ที่เป็นศาตร์ลึกลับจากโบราณน่ะค่ะพี่กิต..."
สิ่งที่ไอริณเฉลยออกมานั้นทำให้ผมถึงกับต้องอึ้งทึ่งไปอีกครั้ง หุ่น... ไอ้หุ่นพยนต์หรือหุ่นเวทมนต์อะไรนั่น ดูเหมือนว่าผมจะเคยได้ยินมาจากนิทานหรือวรรณคดีอะไรสักอย่างหนึ่งที่เป็นของไทย ใครจะไปคิดว่าสิ่งนี้มันจะมีจริงๆ ไปได้กันล่ะนี่...?
"พี่เมฆคะ..." ไอริณหันกลับไปที่ตุ๊กแกยักษ์ "แล้วตอนนี้ตัวของพี่เมฆเองน่ะยังอยู่ที่ห้องใช่ไม๊คะ แล้วบาดแผลที่บาดเจ็บของพี่น่ะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว...? "
"เรื่องบาดแผลของพี่น่ะ อย่าได้ห่วงอะไรเลย ส่วนตัวของพี่น่ะ ไม่ได้กลับไปนอนอยู่ที่ห้องอย่างที่บอกหรอกนะ... ฮ่าๆ ๆ " เสียงของพี่เมฆบอก แล้วก็หัวเราะออกมาจากร่างตุ๊กแกอย่างอารมณ์ดี
"อะไรนะครับ/คะ...?! " เสียงของผมกับไอริณ ประสานขึ้นมาพร้อมกัน
"พี่เมฆบาดเจ็บขนาดนั้นแต่กลับไม่ได้กลับไปรักษาแผลที่ห้องพัก แล้ว... แล้วตอนนี้พี่เมฆ อยู่ที่ไหนเหรอครับ..? " ผมถามออกไปอย่างเร็ว
"ฮ่าๆ ๆ อยากให้ทายกันจัง... แล้วหนูไอริณคิดว่าไง? " เสียงพี่เมฆออกจะขำๆ
"หรือ... หรือพี่เมฆจะอยู่ที่... อยู่ที่หน้าห้องใต้ดินนี้เอง ใช่ไม๊คะ?! " ไอริณตอบออกไป
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ถูกต้องแล้วนะคร้าบหนูไอริณ คุณได้เข้ารอบแล้วนะคร้าบ ฮ่าๆ ๆ "
พวกเราที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมา ใครจะไปคิดว่าพี่เมฆผู้สร้างตุ๊กแกยักษ์ด้วยเวทมนต์และก็ยังสามารถควบคุมจากระยะไกลได้ จะมาอยู่ที่หน้าห้องใต้ดินข้างหน้านี่แล้ว...!
"เอาล่ะ... เดี๋ยวอีกสักครู่ พี่จะเปิดประตูห้องใต้ดินนี่เข้าไป แต่ก่อนอื่นขอพี่จัดการกับพวกมารผจญแถวข้างหน้านี่ก่อนนะ... ไม่นึกว่าพอจัดการกับพวกแมวบริวารของนังแมวผีนั่นไปได้แล้ว ยังจะมีพวกประหลาดอื่นๆ โผล่ขึ้นมาอีก เลิกติดต่อชั่วคราวนะ...! "
เสียงพี่เมฆพอขาดคำ เจ้าตุ๊กแกยักษ์ที่อยู่ข้างหน้ากรงขังพวกเรา ก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้างราวกับถูกใครสตั๊ฟไว้ทันที
จากนั้นก็มีเสียงเหมือนมีการต่อสู้ดังมาจากทางด้านหน้าห้องใต้ดิน พร้อมกับมีเสียงร้องโหยหวนประหลาดๆ ดังมาเป็นระยะๆ
นี่พี่เมฆได้เผชิญกับสิ่งประหลาดชนิดใดอยู่ที่ข้างนอกนั่นกันล่ะนี่... พวกเราทั้งหมดที่ยังถูกขังอยู่ในกรงต่างก็ลุ้นกันระทึก...?!!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
กุสุมาถึงกับสะดุ้งและรีบหันขวับกลับไปมองที่ตัวมันทันที
เจ้าตัวที่ดูน่ากลัวนั้นยังคงเกาะนิ่งอยู่ที่เดิม แต่มันกลับผงกหัวขึ้นมองกุสุมา และทำตาพองโตกว่าเดิม พร้อมอ้าปากผงาบๆ ราวกับจะทักทายกุสุมา
"กรี๊ดดดดดดดดด....."
กุสุมากรีดเสียงร้องออกมาดังลั่น แล้วสลายร่างกลายไปเป็นแมวดำดังเดิม ก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปอีกทางหนึ่งของมุมห้อง
ผมกับไอริณรีบมองตามไป แต่ก็กลับไม่เห็นวี่แววของกุสุมาหรือแมวดำนั้นอีกเลย นี่เธอคงกลัวหรือตกใจมาก จนต้องรีบเผ่นหนีไปอย่างไวเลยรึ?
แล้วพวกเราต่างก็หันกลับไปมองที่ตัวประหลาดอันน่าขนลุกที่ยังคงเกาะอยู่ที่เดิม
"ก็แค่... ก็แค่'ตุ๊กแก'ไม่ใช่เหรอน้องริณ ทำไมกุสุมาถึงกับต้องตกใจร้องลั่นขนาดนั้นด้วยล่ะ...? " ผมถามไอริณ
ไอริณยิ้มกริ่ม "คนเราทุกๆ คนต่างก็มีจุดอ่อนของแต่ล่ะคนนะพี่กิต ริณคิดว่าพี่กุสุมาคงจะกลัว หรืออาจจะไม่ชอบตุ๊กแกมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ..."
"ถูกแล้ว...! นังนั่นมันกลัวข้ามาตั้งแต่โบราณแล้วล่ะ...! "
เสียงพูดประหลาดนั้น กลับดังมาจากตุ๊กแก...!
พวกเราทั้งหมดถึงกับสะดุ้งขึ้นมาพร้อมๆ กัน ตุ๊กแกที่เป็นแค่สัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ไฉนจึงพูดได้กันล่ะนี่...?!
แล้วตุ๊กแกตัวนี้ก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ฟังดูประหลาด
"ตะ... ตุ๊กแก พะ... พูดได้... หัวเราะได้ ?! ผะ... ผีตุ๊กแก...?!! " จันผวาเข้ามากอดผมทันที ส่วนสิงห์ที่อยู่ในร่างของนุชแค่มีสีหน้าแปลกใจขึ้นมานิดหน่อย
ไอริณหรี่ตามองจ้องตุ๊กแกตัวนี้อยู่ครู่หนึ่ง แล้วรอยยิ้มน้อยๆ ของเธอก็ปรากฏขึ้นมาบนสีหน้า
"ไม่นึกว่า..." ไอริณหันมากระซิบที่ข้างหูของผม "แค่ตุ๊กแกปลอมนี่ ก็ถึงกับทำให้พี่กุสุมาต้องตกใจกลัวขนาดนั้น ถ้าเป็นริณล่ะก็ อาจจะดูให้ดีๆ ซะก่อนว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม..."
"อะไรนะ... นี่มัน... นี่มันเป็นตุ๊กแกปลอมงั้นรึน้องริณ? " ผมกระซิบถามไอริณอย่างไม่อยากจะเชื่อที่เธอบอก
"ก็ถามตุ๊กแกนั่นดูสิจ๊ะ..." ไอริณพูดยิ้มๆ
ตุ๊กแกส่งเสียงร้องตามธรรมชาติออกมาคำหนึ่ง แล้วมันก็ค่อยๆ ไต่ลงมาจากมุมห้องด้านบน พอเกือบจะถึงพื้นห้องมันก็กระโดดลงมาบนพื้นเสียงดังตั้บ ก่อนจะคลานมาใกล้ๆ หน้าลูกกรง
จันที่กอดผมไว้ทำท่าขนลุกขนพอง ส่วนพวกเราที่เหลือต่างก็จ้องตุ๊กแกตัวนี้กันแทบตาไม่กระพริบ
เมื่อมันเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้ว ผมก็เห็นว่าตัวของมันค่อนข้างใหญ่กว่าตุ๊กแกโดยธรรมชาติโดยทั่วๆ ไป เรียกว่าใหญ่ประมาณลูกแมวที่กำลังจะเข้าสู่วัยโตเต็มวัยได้เลยทีเดียว
แต่ผมมองแล้วมองอีกก็ยังมองไม่ออกว่า ตุ๊กแกตัวนี้เป็นตุ๊กแกปลอมที่ตรงไหน?
ตุุ๊กแกชูคอขึ้นมองพวกเรา แล้วกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกขาหน้าข้างขวาชี้มาทางพวกเราที่อยู่ในกรง จากนั้นมันก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอีก
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ...." เสียงหัวเราะคราวนี้กลับฟังดูเป็นเสียงหัวเราะแบบคน ซึ่งมันหัวเราะราวกับว่าจะขำขันกับสภาพของพวกเราที่ติดอยู่ในกรงอย่างนี้
"เหวอออออ.....!! " จันอุทานออกมาสุดเสียง ก่อนจะเผลอปล่อยมือจากการกอดผม แล้วล้มลงก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นห้อง
"ตะ... ตุ๊กแกผี หัวเราะเป็นเสียงคนก็ได้ด้วย...?!! " จันพูดเสียงดังพร้อมกับชี้มืออันสั่นเทิ้มไปที่ตัวตุ๊กแก
"ถ้าเป็นผีจริงๆ ข้าคงหักคอแกไปแล้วว่ะ...! " ตุ๊กแกยักษ์พูดพร้อมกับยกขาชี้หน้าจัน
พอจันได้ยินแบบนี้แล้ว ก็ถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกไปทันที
ไอริณส่ายหัว แล้วพูดยิ้มๆ "เลิกเล่นได้แล้วมั้งคะ พี่เมฆขา..."
พี่เมฆ.....?!
ไอริณเรียกตุ๊กแกยักษ์ตัวนี้ว่าพี่เมฆ...! นี่หมายความว่าตุ๊กแกตัวนี้ก็คือพี่เมฆอย่างนั้นหรือ... นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!
"เฮ้อ..." ตุ๊กแกยักษ์ถอนใจ "กะว่าจะอำพวกน้องไปอีกสักพัก แต่หนูไอริณก็ดันดูออกซะอีก... แต่ว่าจริงๆ แล้วเราคงจะไม่มีเวลาที่จะมาเล่นโอ้เอ้กันอยู่ในนี้แล้วล่ะ..."
"พี่เมฆครับ..." ผมเรียกเขา "มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่พี่เมฆก็สามารถแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้อย่างนี้ นี่หมายความว่า พี่เมฆแปลงร่างมาเป็นตุ๊กแก ก็เพื่อให้กุสุมากลัวโดยเฉพาะใช่ไหมครับ ไอ้ผมก็กำลังคิดว่าพี่เมฆน่าจะกำลังนอนซมอยู่ในห้องที่พี่เมฆพักซะอีกนะครับตอนนี้...? "
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ " ตุ๊กแกยักษ์หัวเราะแล้วก็ส่ายหัว "นังแมวผีนั่นมันกลัวตุ๊กแกน่ะถูกต้องแล้ว พี่เองรู้จุดอ่อนในเรื่องนี้ของมันมาหลายปีแล้ว แต่เรื่องที่พี่สามารถแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้นั้น น้องกิตติจะเข้าใจผิดซะแล้วล่ะ..."
ผมฟังพี่เมฆในร่างตุ๊กแกบอกอย่างนี้แล้ว ก็ต้องตาโตอย่างงงงวยขึ้นมาอีก ส่วนจันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนข้างๆ ผม ด้วยสีหน้าที่งงงวยเป็นอย่างมากเช่นกัน
"ที่จริงแล้ว..." ไอริณเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม "พี่เมฆน่ะไม่สามารถแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้หรอกนะพี่กิต... แต่ร่างตุ๊กแกที่พี่กิตเห็นในขณะนี้เป็นร่างเวทมนต์หรืออาคมของพี่เมฆนั่นเอง นี่เป็นส่วนหนึ่งของเวทหุ่นพยนต์ที่เป็นศาตร์ลึกลับจากโบราณน่ะค่ะพี่กิต..."
สิ่งที่ไอริณเฉลยออกมานั้นทำให้ผมถึงกับต้องอึ้งทึ่งไปอีกครั้ง หุ่น... ไอ้หุ่นพยนต์หรือหุ่นเวทมนต์อะไรนั่น ดูเหมือนว่าผมจะเคยได้ยินมาจากนิทานหรือวรรณคดีอะไรสักอย่างหนึ่งที่เป็นของไทย ใครจะไปคิดว่าสิ่งนี้มันจะมีจริงๆ ไปได้กันล่ะนี่...?
"พี่เมฆคะ..." ไอริณหันกลับไปที่ตุ๊กแกยักษ์ "แล้วตอนนี้ตัวของพี่เมฆเองน่ะยังอยู่ที่ห้องใช่ไม๊คะ แล้วบาดแผลที่บาดเจ็บของพี่น่ะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว...? "
"เรื่องบาดแผลของพี่น่ะ อย่าได้ห่วงอะไรเลย ส่วนตัวของพี่น่ะ ไม่ได้กลับไปนอนอยู่ที่ห้องอย่างที่บอกหรอกนะ... ฮ่าๆ ๆ " เสียงของพี่เมฆบอก แล้วก็หัวเราะออกมาจากร่างตุ๊กแกอย่างอารมณ์ดี
"อะไรนะครับ/คะ...?! " เสียงของผมกับไอริณ ประสานขึ้นมาพร้อมกัน
"พี่เมฆบาดเจ็บขนาดนั้นแต่กลับไม่ได้กลับไปรักษาแผลที่ห้องพัก แล้ว... แล้วตอนนี้พี่เมฆ อยู่ที่ไหนเหรอครับ..? " ผมถามออกไปอย่างเร็ว
"ฮ่าๆ ๆ อยากให้ทายกันจัง... แล้วหนูไอริณคิดว่าไง? " เสียงพี่เมฆออกจะขำๆ
"หรือ... หรือพี่เมฆจะอยู่ที่... อยู่ที่หน้าห้องใต้ดินนี้เอง ใช่ไม๊คะ?! " ไอริณตอบออกไป
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ถูกต้องแล้วนะคร้าบหนูไอริณ คุณได้เข้ารอบแล้วนะคร้าบ ฮ่าๆ ๆ "
พวกเราที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมา ใครจะไปคิดว่าพี่เมฆผู้สร้างตุ๊กแกยักษ์ด้วยเวทมนต์และก็ยังสามารถควบคุมจากระยะไกลได้ จะมาอยู่ที่หน้าห้องใต้ดินข้างหน้านี่แล้ว...!
"เอาล่ะ... เดี๋ยวอีกสักครู่ พี่จะเปิดประตูห้องใต้ดินนี่เข้าไป แต่ก่อนอื่นขอพี่จัดการกับพวกมารผจญแถวข้างหน้านี่ก่อนนะ... ไม่นึกว่าพอจัดการกับพวกแมวบริวารของนังแมวผีนั่นไปได้แล้ว ยังจะมีพวกประหลาดอื่นๆ โผล่ขึ้นมาอีก เลิกติดต่อชั่วคราวนะ...! "
เสียงพี่เมฆพอขาดคำ เจ้าตุ๊กแกยักษ์ที่อยู่ข้างหน้ากรงขังพวกเรา ก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้างราวกับถูกใครสตั๊ฟไว้ทันที
จากนั้นก็มีเสียงเหมือนมีการต่อสู้ดังมาจากทางด้านหน้าห้องใต้ดิน พร้อมกับมีเสียงร้องโหยหวนประหลาดๆ ดังมาเป็นระยะๆ
นี่พี่เมฆได้เผชิญกับสิ่งประหลาดชนิดใดอยู่ที่ข้างนอกนั่นกันล่ะนี่... พวกเราทั้งหมดที่ยังถูกขังอยู่ในกรงต่างก็ลุ้นกันระทึก...?!!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ