สืบสู้ผี ภาค 1-2
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
34) วิญญาณสลับร่าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"คงแปลกใจกันมากสินะ..." กุสุมาพูดยิ้มๆ " ว่าอยู่ๆ นังนุชนั่นกลายเป็นเจ้าผีขนดกไปได้ยังไง? "
แล้วไอริณก็หันกลับไปมองที่ร่างของนุชอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาหากุสุมา
"พี่กุสุมาคะ... พี่หมายความว่า วิญญาณที่อยู่ในร่างของนุชนั่นก็คือวิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์งั้นหรือคะ? "
"อะไรนะน้องริณ...?! " ผมแปลกใจกับคำพูดของไอริณ "นี่มัน... นี่มันยังไงกันล่ะเนี่ย? "
ไอริณไม่ตอบคำถามของผม แล้วกุสุมาก็หัวเราะฮิฮิขึ้นมาอีกครั้ง
"ถูกต้องแล้ว น้องคนสวย..." เธอพยักหน้า "ที่เห็นนอนลืมตาปริบๆ อยู่นั่น คือเจ้าผีขนดกจริงๆ ไม่ใช่นังนุชอย่างแน่นอน...! "
คำยืนยันของกุสุมาทำเอาพวกเราทั้งสามถึงกับตะลึงอึ้งกันไปอีกครั้ง!
และเมื่อพวกเราเหลียวกลับไปมองที่ร่างของนุชนั้นกันอีก พวกเราก็เห็นว่า ร่างที่กำลังนอนทำตาปริบๆ อยู่นั้น เหมือนกำลังจะดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองขยับลุกขึ้นมาได้ แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดร่างนั้นไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ราวกับมีเชือกที่มองไม่เห็นมัดร่างนั้นไว้กับแท่นศิลา
แล้วผมก็สังเกตุเห็นไอริณขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะถามกุสุมาต่อไป
"พี่คะ... ถ้าในร่างของนุชนั่นเป็นวิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์อย่างที่พี่กุสุมาว่า ก็แล้ววิญญาณของนุชเองล่ะคะ ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนกัน...? "
กุสุมาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเบื้องบน "ขอย้อนกลับไปในเหตุการณที่หลังบ้านนี้เมื่อสิบปีที่แล้วก่อนนะ หลังจากที่เจ้าผีขนดกนั่นกำลังตระกองกอดร่างของนังนุชที่กำลังจะหมดลมหายใจ เจ้านายของพี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น และยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับเจ้าผีขนดก ก่อนที่มันเองจะหมดลมหายใจตามนังนุชนั่นไปติดๆ ในข้อเสนอนั่น ทำให้ร่างของนังนุชและร่างของเจ้าผีขนดกได้ถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่โดยได้ใช้เตียงศิลาน้ำแข็งดูแลร่างกายของทั้งคู่ไว้อย่างดี และวิญญาณของเจ้าผีขนดกนั่นก็ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ห้องใต้ดินนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่พี่ว่า ที่จริงแล้วเหมือนกับว่าทั้งร่างและวิญญาณของมันถูกขังอยู่ที่่นี่ โดยที่วิญญาณของมันก็มีอิสระเล็กน้อยในการที่สามารถจะเคลื่อนไหวไปมารอบๆ บริเวณบ้านนี้ได้ มันจะทำตัวเป็นผีไปหลอกใครแถวนี้ก็ได้ แต่มันจะไม่สามารถพูดกับใครได้ เพราะอาคมของเจ้านายพี่ได้สะกดมันไว้ให้อยู่ในความควบคุมตั้งแต่แรกแล้ว"
ผมฟังกุสุมาพูดถึงตรงนี้ก็สะดุดใจขึ้นมาทันที
"อา...! เข้าใจแล้วว่า ทำไมวิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์ถึงไม่พูดอะไรออกมาเลยในเวลาที่เขาปรากฏตัวออกมา ที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง..." ผมอดพูดออกมาไม่ได้
กุสุมายิ้มมุมปากอย่างเยาะหยันอะไรบางอย่างก่อนจะเล่าต่อไป
"กว่าที่มันจะรู้ตัวว่าตกเป็นเครื่องมืออันสำคัญของเจ้านายพี่มันก็สายเกินการณ์ เพราะความรักลุ่มหลงในตัวของนังนุชนั่นทำให้มันลืมตัวตนของตัวเองว่ามีความสำคัญต่ออนาคตของเผ่าพันธ์ของตัวเองมากแค่ไหน และมันนั้นก็อาจจะไม่รู้ตัวว่า อาจจะไม่มีวันได้พบกับวิญญาณของนังนุชนั่นอีกด้วยซ้ำไปอ่ะนะ ฮิฮิ"
"ทำไมล่ะคะพี่กุสุมา? " น้ำเสียงของไอริณสงสัยหนักขึ้น "หรือว่าวิญญาณของนุชนั่นไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้...? "
กุสุมาไม่ตอบทันที แต่เดินไปยังแท่นศิลาอันแรกที่มีร่างของชายที่ชื่อสิงห์นอนหลับตาอยู่ แล้วเธอก็ขึ้นไปนั่งบนแท่นศิลานั้น พลางเพ่งพิจน์ดูใบหน้าใต้กระจกใสนั้นอย่างยิ้มๆ
"เจ้าผีหน้าโง่ตัวนี้ ที่จริงหน้าตาของมันไม่เลวเลยนะ ถ้าร่างกายของมันไม่ได้ดูอัปลักษณ์สำหรับคนบนภิภพนี้..."
อารมณ์ของกุสุมาช่างดูแปลกไม่สิ้นสุด บางทีเธอก็ไม่ตอบคำถามออกมาตรงๆ แต่บางทีเธอก็กลับเล่ารายละเอียดออกมาเกือบทั้งหมด อย่างชนิดที่เจ้านายของเธอได้ยินแล้ว อาจจะเดือดดาลขึ้นมาทันทีก็ได้
ไอริณหันมาสบตากับผม ราวกับเธอจะบอกผมว่า เราคงต้องปล่อยให้กุสุมาเล่ารายละเอียดออกมาเองจะดีกว่าที่จะไปจี้ถามเธอกระมัง...?
แล้วกุสุมาก็หันหน้ากลับมาทางพวกเรา
"วิญญาณของนังนุชน่ะ มันอยู่ไกลแสนไกลจากที่นี่ หากแผนการใหญ่ของเจ้านายพี่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยากที่เจ้าผีขนดกจะได้เจอกับวิญญาณของเธออีก! " เธอบอกเราออกมาด้วยรอยยิ้ม
"เฮ้อ... น่าสงสารเจ้าผีนี่อยู่เหมือนกัน พี่ก็เลยช่วยสงเคราะห์ให้วิญญาณของมันได้ไปนอนกอดอยู่ในร่างของนังนุชนั่นซะเลยยังไงล่ะ... ฮิฮิฮิ"
แล้วเสียงดังกึงๆ ก็ดังออกมาจากทางแท่นศิลาที่มีร่างของนุชนอนอยู่
พวกเราทั้งหมดต่างหันกลับไปมองกันทันที
"อะไรกันน้องริณ... ก็ร่างของนุชนี้ขยับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? " ผมกระซิบถามไอริณ
"นั่นสิพี่กิต... บางทีอาคมของพี่กุสุมาอาจจะอ่อนลง? " ไอริณกระซิบตอบ
กุสุมาลุกขึ้นมาจากแท่นศิลาอันแรก และเดินมายังกลางห้อง สายตาและรอยยิ้มของเธอดูเหมือนจะมีความสะใจอะไรบางอย่าง
"พูดแค่นี้ อารมณ์ขึ้นเลยเหรอเจ้าผีหน้าโง่...! อืม... หรือว่าเมื่อยขบจนอยากจะออกมาเดินด้วยร่างของนังนุชนั่นกันล่ะ... ถ้างั้น น้องทั้งสามหลบไปหน่อยสิ พี่จะถอนอาคมที่ควบคุมร่างของนังนุชนั้นไว้ไม่ให้ขยับตัวได้! "
ผมกับไอริณรีบขยับตัวหลบไปด้านข้าง โดยต้องดึงมือของจันที่ยังยืนงงๆ อย่างตะลึงๆ ตามมาด้วย
กุสุมาท่องคาถาบางอย่างอยู่ชั่วครู่ แล้วเป่าลมไปทางแท่นศิลานั้น
จากนั้นเสียงดังแคร๊กของฝากระจกในแท่นศิลาก็ถูกเปิดออกด้วยมือของนุชอย่างช้าๆ
เมื่อร่างของนุชลุกขึ้นมานั่งแล้ว ร่างนั้นก็หันหน้ามาทางผมกับไอริณ พร้อมๆ กับขยับปากเหมือนจะส่งเสียงพูดออกมา แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาจากริมฝีปากคู่บางนั่นเลยแม้แต่น้อยนิด
ไอริณกับผมรีบถลาเข้าไปที่ร่างนั้นทันที
"สิงห์... สิงห์ใช่ไหม...?! " ผมถามออกไปเร็วปรื๋อ
ร่างนั้นพยักหน้าให้ผม และขยับปากส่งเสียงพูดอันไม่มีเสียงออกมาอีกหลายคำ
ผมหันไปมองหน้าไอริณ "เขากำลังพยายามจะพูดอะไรออกมาเหรอน้องริณ...? "
ไอริณมองริมฝีปากที่กำลังพยายามจะพูดอยู่นั้นอย่างตั้งใจ
"ริณกำลังแกะอยู่... เขาพูดว่า... รีบออกไป... จาก... ตรงนี้ ? "
ไอริณหันมามองหน้าผมทันที
"รีบออกไปจากตรงนี้... ใช่ไหมน้องริณ?! " ผมถามเสียงค่อนข้างดังอย่างลืมตัว
"ใช่แล้ว..." กุสุมาส่งเสียงตอบมาซะเอง "เขาพูดอย่างนั้นล่ะ แต่มัน คงสายเกินไป...! "
สิ้นเสียงกุสุมา ประตูลูกกรงเหล็กก็เลื่อนลงมาจากด้านบนกลางเพดานห้องนั้นทันที!
เสียงเคร๊งดังสนั่น เมื่อประตูลูกกรงได้เลื่อนลงมาจนจรดพื้นห้อง และแบ่งห้องให้กลายเป็นห้องสองฝั่งที่มีลูกกรงกั้นอยู่ตรงกลางพอดี
และขณะนี้กลายเป็นว่า เราทั้งสามและชายที่ชื่อสิงห์ที่อยู่ในร่างของกุสุมาได้ถูกขังอยู่ในห้องที่มีลูกกรงเหล็กอันแข็งแรงไปซะแล้ว!
พวกเราทั้งหมดต่างจ้องมองผ่านลูกกรงไปยังกุสุมาที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของลูกกรง
แต่กุสุมาก็แค่ยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันมาทางพวกเรา...!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ