สืบสู้ผี ภาค 1-2
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ฝันสยองของมะลิ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ผมว่าจะไม่เล่าอยู่แล้วนะ ไม่อยากจะเล่าเลย ไม่ว่าพี่กิตจะรู้อะไรหรือไม่รู้อะไร..." จันพูดเสียงหวาดๆ
ผมส่ายหัวพลางมองกลับไปที่ตัวบ้านแฝดสองชั้นนั้น
"ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเรื่องนี้นะพี่กิต " จันเล่าต่อ "แล้วที่จริงผมก็ไม่ใช่คนกลัวผีอะไรนักด้วย แต่พอเมื่อสองสามวันที่ผ่านมามะลิกลับฝันแปลกๆน่ากลัวขึ้นไปอีก แถมยังเห็นชัดด้วย..."
"ฝัน.. ฝันน่ากลัวขึ้นไปอีก.. แล้วเห็นหน้าเขาชัดเลยหรือ ?
"ไม่ใช่พี่..." จันส่ายหัว "มะลิเห็นหน้าเขาไม่ชัดหรอก เพราะหน้าเขาอยู่ในเงามืด แต่ที่เห็นชัดและน่ากลัวมากก็คือ... มะลิน่ะได้เห็นมือที่มาจับขาในความฝันนั้นมีขนขึ้นดกรุงรังยาวไปถึงต้นแขนเขาเลยนะพี่"
"ห๋าาา !" ผมอุทาน แต่จันยังพูดต่อ
"มะลิตกใจมากๆจนหวีดร้องเสียงดังในความฝัน แล้วก็ตกใจตื่นขึ้นมา เหงื่องี้แตกพลั่กๆเลยล่ะ"
"มือและแขนของผู้ชายในความฝันมีขนขึ้นดกรุงรังรึ..? ผมทวนคำของจัน
ให้ตายเถอะ ในห้วงหนึ่งของความทรงจำอันลางเลือน ในความฝันครั้งหนึ่งของผมที่ไม่ค่อยอยากจะจำนั้น จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า มือของคนที่มาจับขาข้างหนึ่งของผมในความฝันนั้นก็มีขนขึ้นดกรุงรังด้วยเหมือนกัน ถ้าจันไม่เล่าให้ผมฟังว่ามะลิฝันแบบนี้ ผมก็คงลืมเลือนฝันนี้จนจำแทบไม่ได้ไปแล้ว นี่หมายความว่าผมกับมะลิก็ฝันคล้ายๆกันน่ะสิ...
"แต่ว่า.. ทำไมมะลิ..." พอดีผมหันไปเห็นมะลิกำลังกวาดบ้านอยู่ตรงระเบียงชั้นสองของบ้านแฝด "ทำไมมะลิเหมือนกับไม่ได้กลัวอะไรเลยล่ะ ?"
"โอ๊ย ข้างนอกเธอเหมือนไม่กลัว แต่ข้างในเธอกลัวไม่น้อยเลยล่ะพี่ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีหนี้สินที่จะต้องเคลียร์กันอีกเยอะแล้ว ผมกับมะลิก็คงจะเผ่นตามคนอื่นๆไปแล้วล่ะพี่ ผมก็ได้แต่คิดกับมะลิว่า เราสองคนมาดี เขาคงไม่ทำอะไรเราหรอกมั้ง ?" จันว่า
แล้วลมเย็นๆก็พัดกรูเกรียวมาอีกระลอกหนึ่ง และคราวนี้ดูเหมือนจะเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม ในสายลมนั้นๆแว่วๆเหมือนมีใครหัวเราะเสียงต่ำๆปะปนมา
"พี่ได้ยินไรไม๊...?" จันหรี่ตาถามพลางหันไปหันมาล่อกแล่ก
"เสียงลมพัดใส่ต้นไม้น่ะ ดูสิใบไม้ร่วงกราวเลย" ผมว่า
"ลมพัดใส่ต้นไม้เป็นเสียงหัวเราะได้เหรอพี่ ?"
"จัน...!" เสียงของผมดังขึ้นมาอีกโดยผมไม่รู้ตัว
ผมไม่อยากบอกจันเลยว่าผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะนั้นด้วยเหมือนกัน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ มันอาจจะไม่ใช่เสียงหัวเราะ อาจจะเป็นเสียงลมปะทะกับอะไรจนฟังคล้ายเสียงหัวเราะก็เป็นได้
"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินนะพี่กิต มะลิกับผมก็เคยได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้มาแล้วในตอนที่เรากำลังนั่งคั้นน้ำเสาวรสและกำลังคุยกันถึงเรื่องที่มีคนตายที่นี่"
แล้วจันก็ส่ายหัว "ตอนนี้ผมชักจะไม่แน่ใจซะแล้วว่า ออกมาพูดกันอยู่นอกบ้านแบบนี้แล้วเขาจะไม่ได้ยิน"
"เคยมีคนตายที่นี่ด้วยเหรอจัน ?" ผมถาม
"เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะพี่ ผมกับมะลิก็แค่สันนิษฐานเอาไว้อย่างนั้น"
"ไม่เคยลองไปถามคนข้างบ้านดูบ้างเหรอ เผื่อเขาจะรู้อะไรกันบ้าง ?"
"โอ๊ย พวกผมมันก็แค่คนงานต่างด้าว ไม่กล้าออกไปคุยวุ่นวายกับคนข้างบ้านหรือใครที่ไหนหรอกพี่"
"สรุปคือ จันและมะลิคิดว่า ที่บ้านนี้มีผีแน่นอน"
"ไม่ใช่แค่ผมกับมะลิ แต่พวกคนงานทุกคนที่เคยมาทำงานอยู่ที่นี่ก็รู้สึกได้กันทุกคน เห็นไม๊ล่ะพี่ คนงานกี่รุ่นๆทำงานกันแค่ไม่กี่วันก็เผ่นหนีกันหมด ก็อย่างที่พี่กิตสงสัยนั่นแหล่ะว่า ทำไมพวกเขาถึงอยู่กันไม่ทน"
ผมหันไปมองบ้านแฝดนี้อีกครั้งแล้วก็ขบคิด
ถ้าหากเรื่องที่จันเล่ามาเป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้อุปทานกันไปเองแล้ว นี่ก็สามารถตอบคำถามที่ผมสงสัยได้อีกอย่างว่า ทำไมบ้านแฝดหลังนี้ถึงได้มีสภาพรกร้างทรุดโทรมน่ากลัวขนาดนี้...
แต่ผมก็ยังไม่ยินยอมที่จะเชื่อเรื่องที่จันเล่าให้ผมฟังนี้ซะทีเดียว ผมไม่เคยจำได้เลยว่าตัวเองเคยเจอผีหรือวิญญาณอะไรที่ไหนมา เรื่องที่นึกได้ว่าเหมือนฝันแปลกๆก็อาจจะแค่บังเอิญตรงกับที่มะลิฝันเท่านั้นเอง
มันช่างเป็นสิ่งที่เชื่อได้ยากซะเหลือเกิน สำหรับผมที่เป็นคนหัวสมัยใหม่ในยุคนี้
จนกระทั่งวันนั้น... วันที่ผมประจักษ์ได้ว่า... เขามีอยู่จริง... !
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ