สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  63.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) อันตรายเริ่มเผยโฉม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

​เราสองคนเดินทอดน่องชมโน่นชมนี่ไปเรื่อยๆทั้งที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ชม เพราะว่าถนนตรงนี้เป็นถนนในซอยหลังหมู่บ้านจัดสรรค์ ซึ่งค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวและไม่มีอะไรให้น่าสนใจ แต่เราแค่เพียงอยากจะรู้แน่ๆว่าเรากำลังถูกสะกดรอยจริงๆหรือเปล่า และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คำถามที่เกิดขึ้นมาในใจของเราทั้งสองคนก็คือ

 

ทำไมเราจึงถูกสะกดรอย หรือถูกใครก็ไม่รู้แอบจับตามองดูเราอย่างมีพิรุธมาตั้งแต่อยู่ในร้านข้าวต้มแล้ว

 

และผู้ชายที่ใส่แว่นตาดำคนนั้นเขาเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไรกันล่ะ...?

 

เราเดินกันมาได้ราวสี่ห้านาที พอมองไปทางฝั่งด้านซ้ายของถนนเราก็ยังเห็นเป็นแนวกำแพงหลังบ้านของหมู่บ้านจัดสรรค์อันยาวเหยียด ส่วนทางฝั่งด้านขวาของถนนกลับเป็นทุ่งนารกร้างอันยาวเหยียดเช่นกัน

 

ทุ่งนาร้างแห่งนี้ในอดีตนั้นคงเคยเป็นทุ่งนาเขียวขจีมาก่อนที่จะถูกทิ้งให้รกร้างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ และไม่แน่ว่าเร็วๆนี้อาจจะกลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรค์ขึ้นมาอีกหมู่บ้านหนึ่งเหมือนกับทางด้านฝั่งซ้ายของถนนก็ได้

 

"เขายังตามมาหรือเปล่านี่ ?" ผมถามไอริณขณะที่เราสองคนเดินกันมาได้เกือบครึ่งซอยแล้ว

 

"ก็เห็นพี่กิตหันไปชำเลืองมองอย่างบ่อยไม่ใช่เหรอ... แล้วไหงมาถามริณล่ะคะ ?" ไอริณตอบอย่างยียวนด้วยรอยยิ้ม

 

"บร๊ะ... ถามหน่อยก็ไม่ได้" ผมชักฉุนนิดๆแต่ไม่ได้โกรธอะไร "คือพี่ว่า... เหมือนเขาจะหายตัวไปแล้วนะ"

 

"เขากลายเป็นผีไปแล้วเหรอจ๊ะพี่กิต ?"

 

"ว้าเธอนี่... พี่กำลังอยู่ในอารมณ์หวาดระแวงเพราะมีคนแอบตามรอยอย่างนี้ แล้วยังจะมีอารมณ์เล่นอีกหรือน้องริณ..." ผมพูดแล้วก็ส่ายหัวดิก

 

"แหมๆอย่าเครียดสิพี่กิตจ๋า"ไอริณหันมายิ้มอ่อนหวาน "ยิ่งถ้าเราเจอปัญหาเราก็ยิ่งต้องหาทางเผชิญกับปัญหาด้วยรอยยิ้มและอารมณ์ที่สดใสนะจ๊ะ เพราะถ้าอารมณ์เราขุ่นมัวซะแล้ว ปัญหาง่ายๆเราก็อาจจะแก้ไม่ได้ด้วยซ้ำไปนะจ๊ะพี่จ๋า..."

 

"เคๆ ตามนั้นล่ะ..." ผมส่ายหัวยิ้มๆ "คือพี่สงสัยว่าเขายังตามเรามาหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้เราเดินมาได้ครึ่งค่อนซอยแล้วพี่ก็ไม่เห็นตัวหรือเงาเขาอีกเลยนะน้องริณ แต่ตอนแรกๆที่เราเดินกันมาน่ะ พอพี่แอบชำเลืองไปที่ไรก็ยังเห็นตัวเขาอยู่หลายครั้งเลยนะ"

 

"อืม... แต่ริณคิดว่าที่จริงเขาก็ไม่ได้ตามสะกดรอยเราจริงๆหรอกนะ..." ไอริณหยุดเดินและหันไปมองชายทุ่งที่อยู่ทางด้านขวามือของเรา

 

ผมหยุดเดินพร้อมๆกับไอริณ และหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัยกับความเห็นของเธอเมื่อกี้นี้

 

"ทำไมน้องริณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ... ตอนนี้เราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาคนนั้นมีจุดประสงค์อะไรถึงได้แอบจับตามองเรามาตั้งแต่อยู่ที่ร้านข้าวต้มนั่น บางที... เขาอาจจะเป็นคนร้ายอะไรสักอย่างก็ได้นะพี่ว่า และถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็อาจจะยังแอบตามเราอยู่ก็ได้มั้ง...?"

 

ไอริณดันไม่ตอบคำถามผมแต่ดันชี้ไปที่ขอบฟ้าเหนือชายทุ่งข้างหน้านั่น 

 

"ว้าาา... พี่กิตดูสิ เผลอแป๊บเดียวฟ้าก็จะมืดอีกแล้ว... แต่ท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ตกดินตรงนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะ เห็นวิวตรงนี้แล้วริณก็ชักจะคิดถึงบ้านที่ระยองขึ้นมาตะหงิดๆซะแล้วสิ..."

 

"ยังจะอุตส่าห์มามีอารมณ์โรแมนติกอีก" ผมอดส่ายหัวไม่ได้ "นี่น้องริณ... ปัญหาของเจ๊ทับทิมเราก็ยังตีกันไม่แตกไม่ใช่เหรอ ว่าอยู่ๆทำไมแกถึงได้เจอกับวิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์ที่ร้านขายของชำนั่น นี่แสดงว่าเดี๋ยวนี้เขาไปปรากฏตัวที่ไหนก็ได้อย่างนั้นเหรอ...?"

 

ไอริณพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงให้ผมพูดต่อ

 

ผมลูบคางขบคิด "จากที่พี่ได้ถามคนโน้นคนนี้มาบ้างก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเคยบอกว่าวิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์ได้ไปปรากฏตัวที่อื่นๆอีกเลยนอกจากที่บ้านแฝดและที่ใต้ต้นโพธิ์ต้นนั้น... น้องริณว่ามันแปลกไม๊ล่ะ ?"

 

"หรือว่าจะเป็น..." สายตาของไอริณเปลี่ยนไปมองที่ขอบฟ้า "พันธนาการวิญญาณ... " 

 

แต่คำพูดที่ฟังดูลอยๆของไอริณนั้นไม่ได้ทำให้หูผมกระดิกสักนิด "อะ... อะไรนะน้องริณ เมื่อกี้น้องริณพูดถึงอะไรเหรอ...?"

 

ไอริณหันหน้ากลับมาหาผม "ริณกำลังคิดว่า วิญญาณของเขาอาจจะถูกพันธนาการเอาไว้ อาจจะเกิดด้วยจิตของเขาเองที่ได้พันธนาการตัวเองเอาไว้กับสถานที่หรือวัตถุใดๆ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลับกันก็คือ อาจจะถูกสถานที่ วัตถุ หรือใคร พันธนาการเอาไว้ด้วยอำนาจบางอย่าง..." 

 

ไอริณพูดให้ผมฟังอย่างช้าๆ แต่ผมฟังแล้วก็ยังอดมึนขึ้นมาไม่ได้

 

"มันคล้ายๆ... กับที่เขาว่ากันว่า ถ้าวิญญาณยังมีความอาลัยหรือตัดอะไรไม่ขาดก็ยังวนเวียนอยู่กับสถานที่ตรงนั้นใช่ไม๊น้องริณ ?" ผมถาม

 

"ก็คร่าวๆประมาณนั้นแหล่ะจ้ะพี่กิต แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดหรอกนะ..." ไอริณตอบ

 

"ก็แล้วการที่เขาไปปรากฏตัวที่ร้านเจ๊ทับทิมล่ะน้องริณ เรื่องนี้จะอธิบายว่าอย่างไร...?"

 

"ริณก็กำลังคิดอยู่นี่ไงล่ะพี่กิต... ริณก็ว่าเรื่องนี้ออกจะดูแปลก และบางทีสาเหตุอาจจะมาจากคนลึกลับคนที่จันได้เคยเห็นเขาเข้ามาในบ้านแฝดในคืนนั้นก็ได้... "

 

แล้วดวงตาของไอริณก็เป็นประกายขึ้นมา "เป็นไปได้มากที่สุดว่า... วิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์อาจจะถูกควบคุมหรือถูกพันธนาการไว้ด้วยอำนาจของ....?"

 

อยู่ๆไอริณก็หยุดพูดแล้วก็นิ่งอึ้งไปทันที

 

"อ้าวๆ... พูดยังไม่จบเลยนะน้องริณ พี่กำลังตั้งใจฟังอยู่เนี่ย...?" ผมถามแล้วก็เห็นว่าไอริณมีอาการแปลกๆ ดวงตาของเธอตอนนี้ดูจะเหลือบซ้ายแลขวาขึ้นมาอย่างประหลาดๆ

 

"พี่กิต..." ไอริณหันมามองหน้าผม "ริณสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง...?"

 

"อะไร... อะไรหรือน้องริณ ?" ผมถามแล้วก็พลอยเหลียวไปมองรอบตัว แต่ก็ไม่เห็นอะไร

 

"อะไรที่ไม่ชอบมาพากล... ริณว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้ก็เริ่มจะมืดแล้วด้วย..."

 

ผมแปลกใจกับอาการของไอริณ ก็เธอเองน่ะเป็นคนไม่กลัวผีไม่ใช่รึ... แล้วดันมาวิตกอะไรกับความมืดตอนพลบค่ำอย่างนี้กันล่ะเนี่ย...?

 

"ไป... กลับก็กลับ แต่ความจริงแล้วพี่จะกลับไปไหนกันล่ะน้องริณ เพราะถ้าเราเดินกันไปอีกหน่อยก็จะถึงบ้านแฝดที่พี่พักอยู่แล้วนะ" ผมบอกไอริณ

 

"แต่ริณน่ะ..." ไอริณเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาราวกังวล "เริ่มจะเป็นห่วงพี่กิตขึ้นมาจริงๆซะแล้วสิ..."

 

"รีบไปกันเถอะ... " ไอริณดึงแขนผม "รีบไปที่รถของริณกันก่อน.."

 

ไอริณว่าแล้วก็รีบเดินจ้ำนำไปทันที ผมก็เลยต้องรีบเดินตามไอริณไปติดๆ แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ไอริณก็หยุดชงักอย่างกะทันหัน และผมก็แทบจะเดินชนข้างหลังเธอเพราะเบรคเกือบไม่ทัน

 

"อะไรล่ะน้องริณ... อยู่ๆก็หยุดเดินซะกะทันหันอย่างนี้ ?" ผมถามอย่างแปลกใจ โดยที่ยังไม่ทันได้สังเกตุอะไร...

 

"เรากลับไปที่รถไม่ทันแล้ว..." ไอริณหันหน้ามากระซิบ "ดูข้างหน้าสิพี่กิต..."

 

แล้วผมก็รีบมองออกไปที่ทางข้างหน้าทันที 

 

ไม่ไกลจากที่เรายืนอยู่นี้ มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวตรงมาหาเราท่ามกลางความมืดสลัวของราตรียามค่ำ ตอนแรกผมมองว่าเหมือนเห็นคนสองสามคนกำลังเดินมาทางทิศที่เรายืนอยู่ และสงสัยว่าจะเป็นคนในหมู่บ้านนี้นั่นเองที่อาจจะเพิ่งเลิกงานกลับมาบ้าน หรืออาจจะกำลังเดินทางไปที่ไหน

 

แต่ท่าทางการเดินของพวกเขากลับดูแปลกๆขัดตาอย่างไรชอบกล เพราะมันมีลักษณะการเดินที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของคนปกตินัก ผมเลยพยายามเพ่งมองผ่านความมืดสลัวนั้นอย่างไม่กระพริบตา และเมื่อคนเหล่านั้นที่เห็นแล้วว่ามีด้วยกันสามคนเริ่มเข้ามาในระยะไม่เกินสิบเมตรแล้ว ผมก็ได้เห็นความผิดปกติในดวงตาของบุคคลทั้งสามนั้นทันที...!

 

คุณพระช่วย... นั่น... นั่นมันไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ปกติทั่วไปนี่...?!!

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา