ตลกร้ายใต้สะดือ
เขียนโดย Jalando
วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.
แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
39) การแก้ไขที่แสนวิตถาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 39 การแก้ไขที่แสนวิตถาร
ท่อนแขนแกร่งของ ร.ป.ภ.หนุ่มยังคงสีไปมาอย่างไม่ขาดสาย บางครั้งก็บังอาจเลื่อนต่ำมาสัมผัสโคนขาอ่อนที่เนียนใส
“ อึ้ย…..”
ทันทีที่ท่อนแขนสัมผัสถูกเนื้อนวลที่แน่นเนียน สาวแพรก็สะดุ้งเล็กน้อย ด้วยจุดที่ถูกกระทบนั้นเป็นจุดที่ไวต่ออารมณ์สยิวของหญิงสาว
บุญกอบรู้สึกเริงร่าถึงขีดสุด เพราะนวลเนื้อที่ได้สัมผัส ล้วนเต่งตึงและนุ่มนิ่มเอามากๆ แถมยังเรียบเนียนราวกับผิวของเด็กอ่อน
“ อื้อหือ……สมบูรณ์ไปทุกอย่างเลยนะ แม่น้องสาว ” บุญกอบนึกคะนองอยู่ในใจ มโนทวารได้วาดฝันไปแล้วว่ากำลังใช้ลิ้นโลมเลียเนื้ออ่อนของสาวสวย
ความอึดอัดของสาวแพรเริ่มจะมากขึ้นเป็นลำดับ แต่ในความกระอักกระอ่วน เธอกลับเกิดความรู้สึกบางอย่าง มันดูเคลิบเคลิ้มและสุขแบบแปลกๆจนเธอไม่อยากจะขยับจากจุดที่นั่งคุกเข่า
“ อื้อ….ทำไมมันรู้สึกซาบซ่านอย่างนี้ แม้เราจะรู้สึกรังเกียจสัมผัสของนายคนนี้ แต่เราก็ไม่อยากให้เขาหยุด นี่มันคือความรู้สึกแบบไหนกันนะ ” สาวแพรแอบคิด สมาธิของเธอแตกซ่านจนไม่สนใจมองหากรรไกรที่สูญหาย
บุญกอบลอบสังเกตอากัปกิริยาของเด็กสาวเป็นระยะ เขาจึงพบว่าเด็กสาวร่างอวบนั้นดูจะเกร็งกายแข็งขืนอยู่เล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมถอยห่าง แถมใบหน้าขาวเนียนของเจ้าหล่อนยังดูเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด อันบ่งบอกว่าเธอน่าจะมีอารมณ์ร่วมอยู่ไม่น้อย
“ หึ หึ หึ ท่าทางการหยั่งเชิงของกูจะได้ผลแฮะ เห็นทีต้องเพิ่มระดับซักหน่อยแล้ว ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น บุญกอบก็เริ่มขยับเข้าหาเด็กสาวอย่างช้าๆ ท่วงท่าของพ่อหนุ่มนักรักดูสุขุมลุ่มลึก คล้ายว่าเขาเป็นนักล่าสวาทชั้นดีจากพงไพร
“ หึ หึ หึ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ ”
บุญกอบยอมรับว่าก่อนหน้านั้น ตนเป็นเพียงแค่หนุ่มบ้านนอกที่ไร้ประสบการณ์ พอได้ผ่านศึกรักมาหลายวาระ มันจึงทำให้เขานิ่งและมีแผนการมากขึ้นจนสามารถตะล่อมสาวน้อยนางนี้ได้อยู่หมัด กระนั้นเขาก็ยังไม่คิดประมาท
“ ต้องช้าและเนียนที่สุด ไม่งั้น ไก่อาจจะตื่น ”
บุญกอบค่อยๆคืบคลานเข้าไปอย่างช้าๆ ส่วนท่อนแขนก็ยังคงถูไถสะโพกผายของเด็กสาวอยู่ตลอด เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้เตลิดหนัก เพียงไม่ถึงอึดใจ สองกายของหนุ่มสาวก็มาแนบชิดกัน
“ อื้อ……” เสียงครางแปลกๆดังลอดริมฝีปากอวบอิ่มของเด็กสาว ใบหน้าขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงซ่าน ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังแสร้งทำเป็นคร่ำเคร่งอยู่กับการหากรรไกรอย่างต่อเนื่อง
“ ถึงแบบนี้ยังแกล้งเฉยได้อีก เก็บอาการได้ไม่เลวนะ น้องสาว แต่ถ้าเจอดอกนี้เข้าไปรับรองว่าต้องอ่อนระทวยอย่างแน่นอน ” ร.ป.ภ.หนุ่มคิดเสร็จ เขาก็เดินเกมต่อด้วยการก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของเด็กสาว
“ ใกล้จะหาเจอรึยังจ๊ะ น้องแพรจ๋า….”
เสียงกระซิบของ ร.ป.ภ.หนุ่มดูกระเส่าแบบสุดๆ มันทำให้สาวแพรรู้สึกสยิวและรังเกียจในเวลาเดียวกัน ทว่าเธอก็ยังไม่คิดขืนกายหนี แถมยังตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นพิกล
“ มะ….ไม่เจอละ…เลยค่ะ พะ…พี่ ”
บุญกอบจ้องมองใบหน้าขาวเนียนของเด็กสาวอย่างจริงจัง ทันทีที่เขาประเมินสถานการณ์เสร็จ เขาก็บอกกับตัวเองว่า……
“ หึ หึ หึ สงสัยว่ากูจะได้สนุกกับน้องแพรแน่ๆแล้ว ”
เมื่อทุกอย่างล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ บุญกอบก็ไม่ปล่อยให้โอกาสดีลอยผ่าน เขาเอื้อมแขนขวาขึ้นสูง เพื่อทำการโอบรั้งร่างอวบขาวของเด็กสาวแบบหลวมๆ ส่วนกายก็พยายามแนบชิดเข้าไปมากขึ้นจนแก้มของทั้งสองเกือบจะชนกัน
“ อื้อ……”
ปฏิกิริยาเดียวที่ออกมาจากสาวแพรก็คือ…..เสียงครางในลำคอที่แผ่วเบา ใบหน้าขาวเนียนเริ่มปรือลอย ดวงตาเล็กตี่ก็หรี่ต่ำ ทุกสิ่งที่เกิด มันกระตุ้นเร้าให้บุญกอบกระซิบต่อ
“ ทำไมน้องแพรถึงดูสั่นๆแบบนั้นล่ะครับ เป็นอะไรไปหรือครับ ”
เสียงกระซิบแผ่วต่ำและลมหายใจที่กระทบใบหู ล้วนทำให้สติของสาวแพรเตลิดแตก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้เจอมาก่อน จะว่าทุกข์ทรมานก็ไม่แน่ว่าจะใช่ จะว่าสุขสันต์หรรษาก็ไม่เชิงว่าจะเป็น มันเหมือนความรู้สึกทั้งสองจะผสมปนเปกันอย่างแนบเนียน
“ อ้า…..มะ…ไม่รู้เหมือนกันค่ะ มันคล้ายๆว่าหนูกำลังจะป่วย ”
บุญกอบซ่อนยิ้มอยู่ภายใน เพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าเด็กสาวร่างอวบเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับบทเล้าโลมที่เขามอบให้ และด้วยความที่สาวเจ้ายังไร้เดียงสา จึงไม่รู้เลยซักนิดว่าความรู้สึกพลุ่งพล่านที่สุมในทรวงของตนนั้นคือ….อะไร
“ หึ หึ หึ คงยังไม่เคยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเจ้าหล่อนไม่รู้เลยว่าตนกำลังมีวาสนาได้ตะกายขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เห็นทีต้องสอนบทเรียนรักให้คนสวยได้รู้ซักหน่อยแล้ว ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น บุญกอบจึงโอบสาวน้อยร่างอวบด้วยน้ำหนักมือที่มากขึ้น พร้อมร้องบอกด้วยกระแสเสียงที่เร่งร้อน
“ ถ้าเป็นแบบนี้ น้องแพรคงต้องพักแล้วล่ะครับ ลุกขึ้นก่อนเถอะ ”
เด็กสาวยอมลุกขึ้นแต่โดยดี แต่เรียวขาทั้งสองกลับสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ ลำบากให้บุญกอบต้องประคองเรือนกายขาวอวบให้นั่งบนโต๊ะไม้ขนาดเล็ก
“ เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นบ้างมั้ย ” ร.ป.ภ.หนุ่มแสร้งตีสีหน้ากลัดกลุ้ม ปากก็ถามไถ่อย่างต่อเนื่อง
เด็กสาวยอมรับว่าในยามที่ท่อนแขนของ ร.ป.ภ.หนุ่มห่างกาย เธอก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาพอสมควร ความเร่าร้อนที่สุมทรวงก็เริ่มผ่อนคลาย เธอจึงตอบกลับตามจริงว่า……
“ รู้สึกค่อยยังชั่วแล้วค่ะ หนูว่าอาการของหนู มันน่าจะเกิดมาจาก……”
ถึงคำสุดท้าย เด็กสาวร่างอวบรู้สึกจะพูดไม่ออก เธอยอมรับว่าตนเองอายเกินกว่าจะบอกว่า….ที่หนูเป็นเช่นนี้ เพราะท่อนแขนพี่มาถูสะโพกกับโคนขาอ่อนของหนู ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ร.ป.ภ.หนุ่มสงสัย
“ เป็นเพราะอะไรหรือครับ ทำไมไม่พูดต่อให้จบ ”
กระนั้นเด็กสาวร่างอวบก็ยังไม่ตอบ เธอเอียงหน้าหลบ ใบหน้าขาวใสแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวตำลึงสุก
บุญกอบมองเด็กสาวผู้ไร้ประสบการณ์ด้วยความพึงพอใจ เขายอมรับว่าทั้งรูปร่าง หน้าตาและท่วงท่าเขินอายของเจ้าหล่อนโดนใจเสียเหลือเกิน มันเย้ายวนจนเขานึกอยากจะกระหน่ำทิ่มแทงสาวนักศึกษานางนี้ด้วยท่อนทวนให้หนำใจ แต่เขาจะใจร้อนไม่ได้ มันยังมีอีกหลายวิธีที่จะใช้ตะล่อมเด็กสาว หนุ่มอีสานร่างล่ำใช้เวลาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดแผนการได้สำเร็จ
“ ดีล่ะ ใช้วิธีนี้ดีกว่า มันเป็นวิธีที่เราเคยเห็นในหนังติดเรท น่าจะได้ผล ”
เมื่อได้ความคิด บุญกอบก็แสร้งตีหน้าเครียด พร้อมกล่าววินิจฉัย
“ รู้แล้วว่าน้องเป็นอะไร ”
“ หนูเป็นอะไรหรือคะ ” สาวแพรร้องถาม
บุญกอบแกล้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบกลับด้วยท่าทางที่ดูจริงจังจนเด็กสาวนึกกลัว
“ แถวบ้านพี่เขาเรียกว่าโรคร้อนข้างใน มันเกิดขึ้นจากการที่อุณหภูมิภายในสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ถ้าไม่รีบแก้ไขโดยด่วน อาจเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ”
“ หา…..หัวใจวายเฉียบพลัน นั่นก็แปลว่า…ตาย ใช่มั้ยคะ ” เด็กสาวร้องถามเสียงหลง ใบหน้าขาวผ่องเกิดร่องรอยตระหนกจนหยุดไม่อยู่
บุญกอบเห็นอากัปกิริยาของสาวแพร เขาก็ลอบดีใจ หัวสมองขบคิดคำพูดที่จะใช้หลอกล่อในลำดับต่อไป
“ หึ หึ หึ ได้ผลแฮะ น้องแพรนี่ซื่อกว่าที่คิด ท่าทางเราจะได้รับประทานอาหารมื้อใหญ่ในวันนี้แน่ ”
บุญกอบทิ้งระยะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนออกอุบายต่อ
“ ก็มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น แต่ทว่า มันก็พอมีทางแก้ไข ”
“ แก้ไขยังไงคะ บอกหนูมาเถอะ ” สาวแพรเร่งเร้า ด้วยเกิดความกลัวต่อมรณะภัยที่กำลังรุมล้อม (น้องเขาคิดไปเอง)
บุญกอบกอดอก พร้อมแสร้งทำหน้ายุ่งๆอยู่หลายอึดใจ การเล่นตัวของ ร.ป.ภ.หนุ่ม ทำให้สาวเจ้าเกิดอาการร้อนรนจนต้องรุดเข้าไปกระชากแขนเสื้อของหนุ่มอีสานจอมลีลา
“ บอกหนูมาเถอะค่ะ หนูยังไม่อยากตาย บอกหนูเถอะ ”
บุญกอบปล่อยให้เด็กสาวร่างอวบเขย่าอยู่หลายที หางตาก็เหลือบแลฟักแฟงคู่โตที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ในอกเสื้อนักศึกษาฟิตรัด เขารู้สึกเพลิดเพลินเอามากๆ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดใจจากภาพกีฬามันๆ เพื่อสานต่อแผนการในลำดับถัดไป
“ บอกก็ได้ บอกก็ได้ ทางแก้ก็คือ….ต้องให้ผู้ติดโรคได้มีโอกาสระบายความร้อนภายในด้วยการถอดเสื้อออกมา ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ