ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  53.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) คำถามของลุงขี้เมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 18 คำถามของลุงขี้เมา

 

“ แฮ่กๆ…..” 

         

      เสียงหอบเหนื่อยของสองหนุ่มสาวดังถี่ แต่ทั้งคู่พยายามจะปลดปล่อยเสียงออกมาให้เบาที่สุด เพราะไม่อยากให้นายโมทย์ซึ่งนั่งรออยู่นอกห้องผิดสังเกต 

         

 

       บุญกอบเอนหลังพิงกำแพง คอล่ำสันเงยสูง เพื่อให้ใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อรับลมเย็นซึ่งลอยอยู่เบื้องบน ส่วนสาวขิมได้แต่นั่งพับเพียบ คอตกลงกับพื้น คราบขาวขุ่นไหลออกมาจากปากหนาๆของสาวเจ้าอยู่เป็นระยะ ก่อนจะหยดย้อยลงสู่พื้นในเวลาต่อมา 

          

 

        หลังจากสบายตัวไปหนึ่งยก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็กลับมาเยือนจิตใจของหนุ่มอีสานร่างล่ำ มันทำให้เขานึกหวาดกลัวเอามากๆ 

 

“ น้องขิมจะเอาผิดเรารึเปล่านะ เพราะไม่ว่ามองมุมไหน เมื่อกี้มันเป็นการข่มขืนกันชัดๆ ” 

          

 

       เมื่อคิดได้ดังนั้น บุญกอบจึงแอบมองสาวขิมที่นั่งสิ้นท่าอยู่บนพื้นห้อง เพื่อดูปฏิกิริยาของสาวผู้เกือบจะสวย แต่เธอกลับเอาแต่ก้มหน้า สองมือก็ปาดป่ายคราบสกปรกที่เปรอะเปื้อนตรงบริเวณปากและคางของตนเอง 

 

“ เอ่อ….อ่า….” 

          

 

       บุญกอบเกิดความรู้สึกอยากขอโทษอย่างรุนแรง เพราะอุบัติเหตุเมื่อครู่ มันเกิดจากตัณหาหน้ามืดที่จู่ๆก็ทะลักออกมาจากจิตใต้สำนึกที่ซ่อนเร้น กระนั้นเขาก็พูดไม่ออกซักคำ คล้ายมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ เขาจึงทำได้แค่แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเดินจากไป 

             

 

        ทันทีที่บุญกอบออกมาจากห้องลองเสื้อ เขาก็พบกับนายโมทย์ที่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ไม้ด้านหน้า สีหน้าของเพื่อนซี้ผิวหมึกดูจะฉายแววฉงนสงสัยอยู่ไม่น้อย มันทำให้บุญกอบร้อนตัวจนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน 

 

“ ทำไมมองกูแบบนั้น มีอะไรหรือวะ ” 

             

 

         นายโมทย์เลิกคิ้วสูงขึ้นมานิดหนึ่ง เขาพินิจพิจารณาบุญกอบอยู่ชั่วครู่ ก่อนตอบกลับด้วยเสียงที่ฉายแววฉงน 

 

“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ข้าแค่นึกสงสัยว่าในห้องลองเสื้อมันร้อนมากนักหรือ มึงถึงได้เหงื่อโชกซะขนาดนั้น แถมหน้าตาก็ดูซีดเซียวยังไงชอบกล ” 

            

 

        บุญกอบแอะไม่ออก แม้เขาจะเป็นคนที่มีรูปร่างแข็งแรงตามแบบฉบับชาวต่างจังหวัดที่ถนัดงานใช้กำลัง แต่เขาก็ไม่มีสกิลในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและเจรจาความ เขาจึงได้แต่อึกอักอยู่อย่างนั้น 

 

“ เอ่อ…อ่า…..”  

             

 

       นายโมทย์อึดอัดกับท่าทางที่มีพิรุธของเพื่อนซี้เป็นอันมาก แต่ก่อนที่นายโมทย์จะนึกสงสัยไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงเย็นๆของหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง 

 

“ อากาศในห้องนี้ค่อนข้างร้อน และการเสียเหงื่อมากก็ทำให้หน้าซีดได้ง่าย ” 

           

 

         สองหนุ่มหันมองไปยังเจ้าของเสียงเป็นตาเดียวกัน พวกเขาจึงพบว่าเจ้าของถ้อยวาจานี้ก็คือ….สาวขิม สาวน้อยหน้านิ่ง ผู้เงียบขรึม 

            

 

          คำตอบของสาวขิม ทำให้สองหนุ่มแดนอีสานถึงกลับนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ และเมื่อนายโมทย์เริ่มตั้งหลักได้ เขาจึงพยักหน้ารับคำ 

 

“ ครับ ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ” 

           

 

         ทั้งสามนิ่งเงียบไปนาน บรรยากาศโดยรอบมันเหมือนกับการเกิดสูญญากาศที่มองไม่เห็น และเมื่อความอึดอัดกัดกินจิตใจถึงขีดสุด สองหนุ่มก็กล่าวอำลาสาวขิมโดยพลัน 

 

“ เอาล่ะ จบเรื่องแล้ว ขอบใจมากนะ น้องขิม ” 

           

 

          สาวหน้านิ่งไม่ตอบคำใด เธอเพียงแต่พยักหน้ารับคำแบบเงียบๆ จากนั้นก็หมุนกายเข้าไปในเคาน์เตอร์ เพื่อเตรียมทำงานที่คั่งค้างต่อไป 

 

………………….

          

          หลังจากวันนั้น บุญกอบก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของภัตตาคารหรูแห่งนั้นโดยสมบูรณ์ เขาทำหน้าที่เป็น ร.ป.ภ.ที่ปากทางเข้า มันเลยเป็นจุดที่ทำให้เขาได้พบปะพูดคุยกับสาวเสิร์ฟแสนสวยในชุดกี่เพ้าหลายคน แต่ละนางล้วนเยาว์วัยและทรงสัดส่วนสมบูรณ์ แถมหน้าตาก็สะสวยราวนางฟ้านางสวรรค์ มันทำให้เขาถึงกลับแอบเก็บไปฝันในยามที่เปลี่ยวเหงา แต่ที่สุดของที่สุดของสาวงาม เห็นจะไม่พ้น…..น้องเฟิร์น 

          

 

         น้องเฟิร์นเป็นเด็กสาววัย 18 ปีที่น่าจะสวยที่สุดในร้าน ไม่ว่าจะเป็นทรวดทรงองค์เอวหรือหน้าตา ล้วนเข้าขั้นสุดยอดจนแทบหาตัวจับยาก และจากการสืบโดยละเอียด บุญกอบจึงได้รู้ว่าสาวสวยนางนี้กำลังเรียนมหาลัยปี 1 ของมหาลัยชั้นนำของประเทศ แถมเจ้าหล่อนยังมีมีแฟนเป็นนักร้องหนุ่มที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของวงการเพลงอีกต่างหาก 

          

 

         ด้วยดีกรีที่ห่างกันถึง 13 ชั่วโคตร บุญกอบจึงทำได้เพียง…..เก็บภาพสาวสวยไว้ในสมองและสำเร็จโทษตัวเองในยามที่กลัดมัน 

          

 

         ถึงชีวิตของบุญกอบจะดูรันทด ทว่ามันก็ไม่แย่ซะทีเดียว เพราะผู้จัดการสาวสวยมักจะเรียกบุญกอบไปพบในห้องอยู่บ่อยครั้ง กะคร่าวๆน่าจะประมาณอาทิตย์ละสองครั้ง และแต่ละครั้งก็กินเวลายาวนานถึงชั่วโมงเต็มๆ ไม่ต้องขยายความ ก็น่าจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกัน 

         

 

         แต่พอนานวันไป บุญกอบก็เริ่มเบื่อไปโดยปริยาย เขาต้องการที่จะเสพในสิ่งใหม่ๆที่สดและใสกว่าสาววัยสะคราญอย่างผู้จัดการคนสวย 

          

 

         มีอยู่บ่อยครั้งที่เขาอยากย้อนกลับไปเสพสวาทกับสาวขิม เพราะเขาคาดหมายว่าสาวขิมน่าจะยังสดอยู่แน่นอน และถึงแม้เจ้าหล่อนจะไม่ใช่คนสะสวยอะไร ทว่าเธอก็มีดีที่ทรวดทรงซึ่งไม่เป็นรองใคร แต่พอเขากำลังจะก้าวเข้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์เพื่อสานสัมพันธ์ เขาก็กลับเกิดอาการปอดลอยทุกครั้งไป 

 

“ ว้า…..เราไม่กล้าไปหาน้องขิม เรากลัวว่าน้องเขาจะเอาเรื่อง ถ้าเผลอไปรุ่มร่ามกับน้องขิม ” 

           

 

          นี่คือความกลัวที่ทำให้บุญกอบรู้สึกอัดอั้นตันใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาต้องออกมานั่งกลุ้มอยู่บนม้านั่งหินหน้าห้องพักของตัวเองในวันหยุด 

            

 

           เขานั่งเท้าคางอยู่นานเป็นชั่วโมง ในใจนึกทอดอาลัยในวาสนาของตัวเอง 

 

“ เฮ้อๆ……ทำไมเราไม่เกิดมาหล่อ รวยกับเขาบ้างนา….” 

           

 

         เหตุที่บุญกอบฉายเดี่ยวแบบนี้ เพราะนายโมทย์ ผู้เป็นเพื่อนซี้ยังคงทำงานอยู่ แถมในเวลานี้เขายังได้แยกออกมาเช่าห้องอยู่คนเดียวอีกต่างหาก ดังนั้นเขาจึงตกเป็นเหยื่อของความเปลี่ยวเหงาได้โดยง่าย  

           

 

           บุญกอบนั่งหน้าเศร้าอยู่บนโต๊ะหินอ่อนอยู่นาน จนตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า เขาจึงได้ยินเสียงร้องทักที่แตกพร่า 

 

“ อ้าว….ไอ้น้อง เอ็งมาทำหน้าหงอยแถวนี้ทำไมวะ ” 

          

 

           บุญกอบหันกลับไปมองเจ้าของเสียงระคายหู เขาก็พบกับคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้เป็นชายสูงวัยร่างเล็กที่ไว้ผมสั้นเกรียนติดหนังหัว บนร่างกายผอมเกร็งสวมใส่เสื้อยืดสีน้ำตาลที่ดูสกปรก ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์ขาดเก่า สองเท้าด่างดำห่อหุ้มด้วยรองเท้าแตะราคาถูก 

          

 

          บุญกอบมองแวบเดียวก็รู้เลยว่าชายผู้นี้น่าจะเมาล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะใบหน้าหยาบกร้านและเหี่ยวย่นของเขาเริ่มแดงก่ำ ดวงตาดูปรือลอย แถมกายยังเอนไปเอนมาแบบคนที่กำลังเสียศูนย์สมดุล หลักฐานที่ยืนยันสมมุติฐานซึ่งชัดเจนที่สุดก็คือ……ขวดเหล้าขาวที่อยู่ในมือของชายสูงวัย 

 

“ อ้าว ลุง หวัดดีครับ เมาตั้งแต่ยังไม่มืดเลยนะ ” บุญกอบยกมือไหว้ด้วยมารยาทอันดีตามแบบฉบับของคนต่างจังหวัด 

 

“ เหอ เหอ เหอ สำหรับข้า เมาได้ทุกวันทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องรอให้มืดก่อนหรอกโว้ย เฮือก…. ” ชายสูงวัยพูดจบก็เรอเฮือกใหญ่จนกลิ่นละมุดปลิวว่อน 

 

“ อื้อหือ กลิ่นสุดยอด กินขี้เป็นอาหารรึไงนะ ตาแก่คนนี้ ” บุญกอบทำจมูกย่น ในใจนึกตำหนิ แต่ไม่กล้าปริปากบ่น 

          

 

          บุญกอบนึกรังเกียจชายสูงวัยคนนี้จับจิตจับใจ แต่ชายผู้นี้กลับไม่จากไปตามที่เขาคาดหวัง มิหนำซ้ำยังถลาไปนั่งม้าหินฝั่งตรงข้ามกับเขา ปิดท้ายด้วยการปล่อยกลิ่นละมุดอีกรอบด้วยการเรออีกครั้ง 

 

“ เฮือก…..” 

 

“ ฮึ่ม…ชักไม่ไหวแล้ว มาเรอใส่หน้ากันอยู่ได้ ถ้าทำอีกที มีเตะคนแก่แน่ ” บุญกอบย่นจมูกอีกคำรบ สองมือกำแน่นเป็นเชิงแค้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ตื้บคนแก่สมใจหวัง ชายสูงวัยผู้นั้นก็เริ่มเอ่ยคำ 

 

“ ลุงเห็นเอ็งมานั่งที่นี่นานแล้ว เอ็งมีปัญหาเรื่องสาวๆหรือไงฟะ…..เฮือก ” 

         

 

          วาจาของชายสูงวัยเตะหัวใจของบุญกอบเข้าอย่างจัง มันตรงซะจนทำให้บุญกอบถึงกลับอึ้งกิมกี่ในบัดดล และเมื่อเขาคลายตัวจากอาการงง เขาก็โวยดัง 

 

“ เฮ้ย ลุงรู้ได้ไงวะ ใครบอกลุง ” 

          

 

           ลุงขี้เมายิ้มกริ่ม ชั่วครู่เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆและกล่าวต่อไปด้วยท่วงท่าที่ดูใจเย็น 

 

“ หึ หึ หึ ไม่มีใครบอกกูหรอก ไอ้หนู แค่เห็นท่าทางของมึง กูก็รู้แล้วว่ามึงกำลังเครียดเรื่องผู้หญิง มึงอยากระบายอะไรให้กูฟังมั้ย ” 

           

 

           บุญกอบเหล่มองลุงขี้เมาด้วยหางตา เขาแสดงท่าทางรังเกียจคู่สนทนาออกมาอย่างชัดเจน เพราะจากการที่เขามาอยู่ห้องพักนี้ได้ประมาณสามเดือน เขาไม่เคยเห็นชายสูงวัยผู้นี้ทำอะไร นอกเสียจากเมา เมา และก็เมา ครอบครัวที่บ้านเกิดของเขา มักจะประณามคนแบบนี้ว่าเป็นภาระของสังคมที่ไม่ควรให้ความสนใจ ดังนั้นเขาจึงตอบสนองลุงขี้เมานายนี้ด้วยการบอกปัด 

 

“ ไม่เอาหรอก ลุงมีอะไรจะทำ ก็ทำไป ชั้นอยากอยู่คนเดียว ” 

          

 

         แม้จะโดนไล่ทางอ้อม ลุงขี้เมาก็ยังดื้อแพ่งที่จะนั่งอยู่กับที่ แถมยังเปิดฝาขวดเหล้าขาวในมือขึ้นมาเพื่อกระดกดื่มอึกใหญ่ 

 

“ อึกๆ…..เฮือก ” 

          

 

         กลิ่นละมุดที่เหม็นราวหมาเน่าล้านตัวกระจายไปทั่วบริเวณ ด้วยการรุกรานอย่างไม่ตั้งใจ (มั้งนะ) ของชายสูงวัย ส่งผลให้บุญกอบตบะแตกในทันที 

 

“ ลุง….ชั้นบอกว่าอยากอยู่คนเดียวไง ไปให้พ้นซะเดียวนี้ ก่อนที่ชั้นจะเตะลุง เข้าใจมั้ย ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา