Demon สัตว์อสูรจอมราชันย์
-
เขียนโดย Dinnsor
วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.50 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
15.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 16.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บทที่ 9 Dawn of The Disaster : รุ่งอรุณแห่งความวิบัติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 9
Dawn of The Disaster : รุ่งอรุณแห่งความวิบัติ
Arthur : คุณคิดว่านิทานตำนานเรื่องเล่า ที่เคยฟังมาเป็นเรื่องจริงบ้างไหม? ผมเชื่อนะ ทำไมถึงเชื่อน่ะเหรอ....แล้วทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ
ฟิลิปกลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้ง...สวนสาธารณะยิ้มแฉ่ง เบื้องหน้าของเขาคือหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดจากแรงระเบิด…ชายหนุ่มก้มลงเก็บชิ้นส่วนของอสูรกายยักษ์ ที่ทางตำรวจได้เรียกมันว่า "เดมอน"
เดมอน (Demon) คือชื่อเรียกของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ มันได้เริ่มปรากฏตัวมาแล้วถึงสามครั้งในรูปแบบที่ต่างกัน
ไม่มีใครทราบถึงแรงจูงใจในการปรากฏตัวของมัน ทุกครั้งล้วนแล้วแต่มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าหนึ่งราย และทุกที่ที่มันปรากฏตัว จะทิ้งวัตถุปริศนาไว้หนึ่งชิ้น
ทางฝ่ายสืบสวนพิเศษเรียกมันว่า "ตุ๊กตาผลึก"
ชายหนุ่มมองตุ๊กตาผลึกเขียวครามในมือ
".....ครั้งนี้เป็นช้าง"
…………………………………………………………
"นี่มันคืออะไร" อาเธอร์มองตุ๊กตาผลึกสีเขียวครามรูปเด็กทารกในมือ มันแกะสลักได้สวยงามราวกับมีชีวิต แต่ถ้ามันมีชีวิตจริงเขาคงต้องรู้สึกผิดอย่างมากแน่ เพราะอาเธอร์เพิ่งจะนั่งทับมันจนขาหักไป
"มันมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงได้ยังไงเนี่ย ดีนะที่ไม่ได้ปักก้น"
อาเธอร์วางมันลงบนโต๊ะ เมื่อเพ่งสายตามองดูมันมีขนาดพอๆ กับฝ่ามือของเขา สีเขียวใสมีประกายสวยของมัน ถ้าได้เอาไปทำเป็นเครื่องประดับคงเป็นเครื่องประดับที่มีราคาสูงค่าไม่น้อยทีเดียว
เขาคิดพลางใช้มือลูบคลำก้น......คงจะไปเผลอเก็บมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่มันประหลาดจริงๆ ยิ่งเขาจ้องตุ๊กตาผลึกนานเท่าไร มันก็ยิ่งมีประกายสวยงามมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับว่ามันพยายามสื่อสารกับเขา
"ช่างมันเถอะ"
ในช่วงนี้อาเธอร์เริ่มสงสัยตัวเองว่าน่าจะเป็นโรคความจำเสื่อมชั่วคราว เพราะเขาพยายามนึกถึงเรื่องราววันที่เกิดคดีฆาตกรรมในโรงเรียน แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลย ความทรงจำมันว่างเปล่าในช่วงที่เขาอยากรู้ที่สุด และทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนที่คิดอะไรไม่ออกก็คือ
"ราตรีสวัสดิ์" ชายหนุ่มพูดกับตัวเองแล้วกระโดดเข้าใส่กองผ้าห่มบนเตียงนอน
…………………………………………………………
"คุณคิดอย่างไรกับคำเชิญเข้าร่วมองค์กรของเราครับ คุณนาตาลี"
ชายชราหน้าตาอ่อนโยนในชุดสูทหรู ส่งยิ้มให้กับนาตาลี
ตอนนี้นาตาลียังคงรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และยังมึนงงกับภาพตรงหน้า เมื่อเธอได้ตื่นนอนขึ้นมาจากเตียงที่แสนนุ่มสบาย และถูกพามาในห้องนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน
แต่ก็นั่นแหละ เพราะเธอยังคงงุนงงไม่ทันได้คิดอะไร ก็โดนชายชราหน้าตาใจดีคนนี้เล่าเรื่องราวที่ทั้งน่าตกใจ และยังน่าสนใจให้ฟัง เรื่องราวของมัน...ปีศาจที่เธอเคยพบ
"ฉันขอ..."
"ครับ ผมคิดว่าคุณคงจะยังสับสนในการรับข่าวสารข้อมูลที่น่าเหลือเชื่อนี้ ถ้าอย่างนั้น วันนี้ผมจะยังไม่ขอรับคำตอบ แต่วันพรุ่งนี้ผมอยากพาคุณไปดู...อะไร" ชราเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
"บางอย่างที่จะทำให้คุณตอบตกลงเข้าร่วมกับองค์กรของเราแน่นอน" ชายชราแววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงคำว่าอะไรบางอย่าง
"และตอนนี้"
เขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้นาตาลี "ผมพาคุณกลับห้องพักของคุณก่อนดีกว่า"
นาตาลีเดินตามชายชราไปอย่างสับสน เมื่อเดินออกมาได้สักพักนาตาลีก็ได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงที่ดังสะท้อนผนังไปมาระหว่างทางเดินสู่ห้องพักของเธอ
"Canon in D ที่นี่เปิดเพลงนี้ทั้งวันเลยเหรอคะ" เธอถามขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ
"คงจะไม่เป็นการเสียมารยาทอะไรที่ผมจะบอกว่าไม่ใช่ครับ"
"แต่ฉันได้ยินแต่เพลงนี้นะคะ" นาตาลีขมวดคิ้วทั้งสองจ้องมองสุภาพบุรุษในชุดสูทหรู
ชายชรายิ้มแย้มพลางพูดขึ้นว่า "มันคนละเวอร์ชัน กันครับ ผมไม่ถือว่าเป็นเพลงเดียวกันหรอก"
นาตาลีอยากจะเถียงกลับแต่พวกเธอเดินมาถึงประตูห้องเสียก่อน ชายชรารีบเปิดประตูให้
นาตาลีเดินเข้าไป และหันกลับมามอง
"แล้ว…"
"อ้อ จริงสิเนี่ย แย่จริงๆ ผมลืมแนะนำตัวไปได้ยังไงกัน ผมชื่อ สกอต แมคโดนัล เดอแฮมเบิร์ก ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับคุณนาตาลี"
นาตาลีเดินเข้าห้องนอนไปด้วยสีหน้างุนงง เธอเดินไปยังเตียงนอนล้มตัวลงนอนบนที่นอนแสนนุ่มสบาย และค่อยๆ จมลงสู่ห้วงนิทราที่แสนสับสน
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับท่าน" ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดกับสกอตด้วยความเคารพ ที่หน้าประตูห้องพักของนาตาลี
"เปลี่ยนป้ายบนประตู " ทันทีที่สิ้นเสียงชายหนุ่มก็รีบปลดป้ายบนประตูออกอย่างรวดเร็ว
"ทำงานบกพร่องไปนะเราน่ะ" ชายชราตำหนิด้วยความเอ็นดูจนชายหนุ่มรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
"เอาล่ะ เปลี่ยนป้ายห้องใหม่ให้ด้วย เอาเป็น ว่าที่เจ้าสาวของคุณสกอต แล้วกัน" ใบหน้าของชายชราเปื้อนด้วยรอยยิ้มเขาหันมาสั่งชายหนุ่มก่อนจะเดินจากไป โดยทิ้งให้เขายืนตะลึงงงอยู่ตรงนั้นจนป้ายเหล็กอันเก่าเกือบหล่นลงจากมือ
ป้ายที่เขียนว่า No.13 Project Natalie
…………………………………………………………
สายลมเย็นสบาย พัดต้องหมู่มวลดอกไม้ใบหญ้าพลิ้วไหว ดอกไม้หลากสีสันต่างเต้นกันตามจังหวะลมพัดผ่าน นาตาลีค่อยๆ เผยอดวงตาสีฟ้าคู่งามมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้หลากสีสันหลากหลายสายพันธุ์ที่งดงามราวกับความฝันแห่งนี้
นาตาลีมองเห็นตัวเธอนอนอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้สีสันสวยสด ชุดเดรสกระโปรงยาวที่เธอใส่ก็ดูสวยงามขาวบริสุทธิ์ราวกับว่าเป็นราชินีของหมู่มวลดอกไม้
"ที่นี่สวยจังเลย" นาตาลีที่นอนอยู่กลางทุ่งดอกไม้ลุกขึ้นนั่งแล้วใช้ดวงตาสีฟ้าสดใสมองไปรอบๆ ตัวเธอ
"ชุดนี้ก็สวยจังเลย" นาตาลีมองเห็นตัวเธอกำลังแย้มยิ้มชื่นชมกับชุดราตรีสีขาวสวยงามพลางหมุนกระโปรงให้ลอยลมเล่นอย่างร่าเริง
"เอ๊ะ!" นาตาลีทำท่าเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างได้
"....ใกล้ถึงเวลาแล้ว รีบไปดีกว่า" พูดจบนาตาลีอีกคนก็รีบวิ่งไปในทุ่งดอกไม้หลากสีสันด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า จนมาหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นสูงใหญ่ที่แลดูแล้วรู้สึกอบอุ่นต้นหนึ่ง
เธอย่อกายทำความเคารพต้นไม้ก่อน แล้วจึงพูดขึ้น
"คุณต้นไม้คะ ถึงเวลาแล้วค่ะ" ทันใดนั้นก็มีเสียงกิ่งไม้ใบไม้เสียดสีกันดังมาจากคุณต้นไม้ต้นใหญ่ที่แลดูน่าอบอุ่นต้นนั้น
กลางลำต้นของคุณต้นไม้ปรากฏดวงตาที่อ่อนโยนคู่หนึ่ง ค่อยๆ เผยอแย้มออกรับแสงสว่าง นาตาลีแทบไม่เชื่อสายตาของหล่อนกับสิ่งที่มองเห็นตรงหน้า
"ความฝัน...นี่คงเป็นความฝันสินะ" ยังไม่ทันที่เธอเองจะได้คิดทบทวนอะไรมากไปกว่านั้น นาตาลีแห่งทุ่งดอกไม้ก็เริ่มพูดขึ้น
"คุณต้นไม้คะ ได้เวลาแล้วค่ะ ได้เวลาแล้วนะคะ บอกคำใบ้มาให้หนูนะคะ ใบ้คำตอบมาให้หนูเถอะค่ะ"
ใบหน้าของนาตาลีเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมความหวัง ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังคุณต้นไม้ต้นสูงใหญ่ต้นเดียวในทุ่งดอกไม้แห่งนี้
คุณต้นไม้ทำแววตาราวกับกำลังครุ่นคิดตัดสินใจบางอย่างอยู่ และดูเหมือนว่าจะคิดอะไรได้ แต่แล้วดวงตาทั้งคู่ของคุณต้นไม้ก็ค่อยๆ ปิดลง จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่นาตาลีแห่งทุ่งดอกไม้เริ่มอดใจไม่ไหวจนต้องเซ้าซี้คุณต้นไม้อีก
"คุณต้นไม้ทำไมเงียบไปล่ะคะ อย่าเบี้ยวหนูนะคะคุณต้นไม้" นาตาลีเห็นตัวเธอยืนกอดอกต่อว่าต่อขานคุณต้นไม้ด้วยท่าทีเอาเรื่อง
คุณต้นไม้ได้ยินเข้าก็รีบลืมตาตื่นขึ้นเพราะสะดุ้งตกใจในเสียงร้องแหลมเล็กของนาตาลี พลางกวาดสายตามองไปรอบข้างอย่างไม่ไว้วางใจ จนในที่สุดก็หยุดสายตามองมายังนาตาลี เปลือกไม้ที่บริเวณใต้ดวงตาเริ่มเผยอแยกออกขยับขยุกขยิก พูดอะไรบางอย่าง
"คำใบ้ คำใบ้นั้นคือ ตามหาดอกไม้แห่งความหวัง แล้วดวงดาวแห่งมิตรภาพจะมาช่วยเหลือ"
คุณต้นไม้พูดซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น เสียงที่เปล่งออกมาจากสั่นระรัวฟังแทบไม่ได้ยินกลับกลายเป็นดังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนนาตาลีถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดหู
ดอกไม้ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งสวนเริ่มสั่นไหวกลีบใบเริ่มร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน จากสวนดอกไม้ที่เคยสดใสกลับกลายเป็นสวนดอกไม้ที่น่ากลัว
ท้องฟ้าที่เคยสดใสเต็มไปด้วยเมฆสวย ก็กลับกลายเป็นท้องฟ้าที่น่ากลัวหมู่เมฆหมอกสีม่วงแดงเริ่มก่อตัวขึ้น และเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าทุ่งหญ้า สวนดอกไม้ทั้งสวนเหลือเพียงคุณต้นไม้เท่านั้นที่ยังคงมีสีสันสวยงามอยู่ดังเดิม
จวบจนกระทั่งเสียงหยุดลงนาตาลีแห่งทุ่งดอกไม้ค่อยๆ หันหน้ามาหาเธอแล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว
"นาตาลีเธอต้องจำไว้นะ เมื่อหมู่มวลดอกไม้อับเฉา ในทุ่งหญ้าไม่มีดอกไม้ที่สวยงามอีก ตามหาดอกไม้แห่งความหวัง แล้วดวงดาวแห่งมิตรภาพจะมาช่วยเหลือ"
ทันทีที่เธอพูดจบทุกสิ่งก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีม่วงแดง
…………………………………………………………
อาเธอร์สะดุ้งตื่นเพราะแผ่นดินไหว ความรู้สึกปวดแปลบเกิดขึ้นเมื่อนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงปลายเตียงตกลงมาใส่ข้อเท้า เมื่อเขาตั้งสติได้แผ่นดินไหวก็หยุดลงแล้ว
อาเธอร์ใช้มือปาดเหงื่อบนใบหน้ากลับทำให้เขาพบว่าเตียงนอน หมอน ผ้าห่มและชุดนอนต่างเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลรินออกจากตัว เขาฝันร้ายหรือนี่ ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ แต่ตัวเองกลับจำเนื้อหาของความฝันนั้นไม่ได้มากนัก เขาฝันเห็นนาตาลี ทุ่งดอกไม้ ต้นไม้ที่สูงใหญ่ กับคำพูดหนึ่งประโยค
"ตามหาดอกไม้แห่งความหวัง แล้วดวงดาวแห่งมิตรภาพจะมาช่วยเหลือ"
…………………………………………………………
วันนี้ในคาบเรียนวิทยาศาสตร์มีการสอบเก็บคะแนน ตาบ้าอาเธอร์มัวแต่ทำปากขมุบขมิบขีดเขียนขยุกขยิกลงบนกระดาษคำตอบอยู่นั่นแหละ พอมาดูกระดาษคำตอบของฉันเองที่ยังสีขาวว่างเปล่าอยู่นี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ เลย ตาบ้านั่น ปกติตอนสอบไม่เห็นทำหน้าตาจริงจังอย่างนี้นี่นา
เฮ้ย! จะมัวไปจ้องหน้าหมอนั่นทำไมล่ะเนี่ย รีบคิดเข้าสิจูดี้ กระดาษคำตอบของเธอยังขาวว่างเปล่าอยู่เลยนะ คิดสิ คิดสิ......เอ้ย หมอนั่นทำอะไรกับกระดาษคำตอบน่ะ ขยำใส่กระเป๋าเสื้อเลยสงสัยทำผิดแหง
‘หึหึ สมน้ำหน้า ใช้หางตาดูคนนี่มันก็สนุกดีนะ’
วันนี้ในคาบเรียนวิทยาศาสตร์มีการสอบเก็บคะแนน แต่สมาธิของผมไม่ได้อยู่ที่ข้อสอบเลยตอนนี้ผมถูกเรื่องประหลาดต่างๆ รุมเร้าจนจับต้นชนปลายแทบไม่ถูก โทรศัพท์ที่บ้านนาตาลีไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์หรือยังไงนะโทรไม่ติดเลย ถึงจะส่งจดหมายลาป่วยมาแต่นี่มันก็หลายวันแล้ว
ถ้าคืนนั้นลองเสี่ยงเข้าไปในสวนสาธารณะ อาจจะพอมีเบาะแสให้สืบบ้าง แต่อย่างว่าล่ะนะ ผมไม่ชอบพวกตำรวจ
มัวแต่จะมาขีดแผนผังความคิดในกระดาษคำตอบอย่างนี้คงไม่ดีแน่ ถ้าอาจารย์มาเก็บไปคงยุ่งน่าดู
ซ้าย -- ขวา ไม่มีคนมอง...
ทำลายหลักฐานเรียบร้อย
เวลาใกล้จะหมดแล้วต้องรีบทำข้อสอบ...
แล้วนี่มันโจทย์บ้าอะไรล่ะเนี่ย ไหนบอกว่าสอบเก็บคะแนน ทำไมกลายเป็นแบบสอบถามความคิดเห็นนักเรียนไปได้ ยายอาจารย์อัมเบลลี่คิดจะเก็บคะแนนจากแบบสอบถามรึไง
‘หึหึ ไม่ต้องทำก็ได้สินะ’
เอ๊ะ ทำไมอยู่ดีๆ ตาบ้านั่นถึงได้ทำท่าทางดีอกดีใจอะไรอย่างนั้นนะ....หมอนั่นกำลังจ้องอะไรสักอย่าง...มองไปทางบัดดี้ ทำไมถึงต้องมองไปทางนั้นล่ะ คิดแผนอะไรกับบัดดี้อยู่เนี่ย...หรือว่า ไม่จริงน่า ปกติหมอนั่นก็ดูเป็นผู้ชายเต็มร้อยหนิ ไม่จริงนะ คบกันมาตั้งนาน บัดดี้ก็ดูมีนิสัยแปลกๆ
ว้ายย ดูเข้าสิจ้องบัดดี้ตาเป็นมันเลย......ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย เขินไปหมดแล้ว
"เอาล่ะนักเรียน หมดเวลา วางปากกา เดี๋ยวอาจารย์จะเดินไปเก็บกระดาษคำตอบเอง" สิ้นเสียงอาจารย์คุมสอบนักเรียนทั้งหมดก็เริ่มวางปากกา อาเธอร์ยังคงจ้องมองไปทางบัดดี้เหมือนจะเค้นหาคำตอบอะไรบางอย่าง
หมอนั่นวางแผนให้เราต้องไปที่วัด แถมยังเป็นคนเห็นนาตาลีเป็นครั้งสุดท้ายอีก
เจ้าตัวคงถูกจ้องจนเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ จึงหันซ้ายแลขวา อาเธอร์รีบหลบสายตาทันที
หันไปทางซ้ายก็เห็นจูดี้กำลังจ้องหน้าเขาเขม็ง
"ยัยนี่คงไม่ได้คิดว่าเราเป็นเกย์นะ" อาเธอร์ขยับปากบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว
"ถูกเผ๋ง หมอนั่นฉลาดอย่างกับกรด แค่มองครั้งเดียวก็รู้แล้วเหรอเนี่ย" จูดี้แอบอ่านริมฝีปากของอาเธอร์ ที่ตอนนี้กำลังยื่นกระดาษคำตอบแผ่นที่ไม่โดนขยำทิ้งให้อาจารย์อยู่
"เย็นนี้แหละ" อาเธอร์พูดเสียงเบาแต่หนักแน่นเลื่อนมือไปขยับแว่นตาพลางหันไปมองบัดดี้
จูดี้อดหน้าแดงไม่ได้เมื่ออ่านปากของอาเธอร์ "ใช่แล้ว เย็นนี้แหละตาบ้า ชั้นต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้!"
To be continue…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ