Demon สัตว์อสูรจอมราชันย์

-

เขียนโดย Dinnsor

วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.50 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 16.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) บทที่ 12 Transform : เปลี่ยนร่าง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

บทที่ 12


 


Transform : เปลี่ยนร่าง


 


Natalie Bluming : ไม่มีสิ่งใด ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน


 


 


เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังได้ถูกปลูกลงไปแล้ว


 


เสียงกระซิบแผ่วเบาดังก้องสะท้อนไปมาอยู่ภายในหัวของนาตาลี เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่เหนือทุ่งดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา บนท้องฟ้าที่เคยสดใสถูกเมฆและหมอกสีม่วงแดงปกคลุมไปทั่ว เสียงหวีดหวิวของสายลมพัดผ่านทุ่งดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาทำให้บรรยากาศดูวังเวงผิดปกติ


 


"หนูจะไปตามหาดอกไม้แห่งความหวังได้ที่ไหนล่ะคะ คุณต้นไม้" นาตาลีมองเห็น นาตาลีอีกคน ในชุดราตรีสีขาวเท้าเปล่าเปลือย กำลังนั่งพับเพียบพูดคุยกับคุณต้นไม้


 


นาตาลีอีกคน นั่งลูบไล้ดอกไม้เหี่ยวเฉาที่รายล้อมรอบตัวเธอ "หนูสงสารดอกไม้พวกนี้จังเลยค่ะคุณต้นไม้" เธอเอ่ยด้วยแววตาเศร้าสร้อย ทันใดนั้นนาตาลีแห่งทุ่งดอกไม้ก็ลุกขึ้นยืนจ้องมองต้นไม้ต้นสูงใหญ่ด้วยสายตาที่แน่วแน่เด็ดเดี่ยว


 


"หนูจะออกตามหาดอกไม้แห่งความหวังค่ะคุณต้นไม้" มือน้อยๆ สองข้างของเธอกำแน่น กระโปรงขาวพัดไหวไปตามสายลม เด็กหญิงตัวเล็กๆ ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สุดแสนน่ากลัวเพียงลำพัง


 


เมฆหมอกสีม่วงแดงเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมส่วนยอดของคุณต้นไม้ กิ่งไม้ด้านบนเริ่มสั่นไหว เสียงแซกๆ ของใบไม้สีเขียวที่เสียดสีกันดังขึ้น นาตาลีแห่งทุ่งดอกไม้แสดงออกถึงสีหน้าเป็นกังวลอย่างชัดเจน


 


"คุณต้นไม้คะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะคะ หนูจะไปตามหาดอกไม้แห่งความหวังเดี๋ยวนี้แหละค่ะ คุณต้นไม้คะ อย่าทิ้งหนูไปนะคะ"


 


นาตาลีแห่งทุ่งดอกไม้ใช้มือน้อยๆ ทั้งสองข้างปิดตาและวิ่งจากไป คุณต้นไม้ขยับเปลือกไม้เปิดดวงตาขึ้นมา แววตาที่ดูเศร้าสร้อยมองไปยังนาตาลีที่กำลังวิ่งตามหาดอกไม้แห่งความหวัง


 


"เหล่าผีเสื้อ จะนำทางเจ้าไป" เสียงกระซิบแผ่วเบาดังเข้าสู่โสตประสาทของนาตาลี ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกความมืดเข้าปกคลุม


 


สิ่งถัดมาที่นาตาลีเห็นคือ ภาพของสกอต แมคโดนัล เดอแฮมเบิร์ก กำลังนั่งประชุมอะไรบางอย่างกับสมาชิกชั้นสูงขององค์กรในห้องทรงกลม เธอมองเห็นมันอย่างเลือนราง เก้าอี้ที่นั่งมีทั้งหมดสิบสามตัว ล้วนแต่หันหน้าเข้าหากันเรียงเป็นรูปวงกลม


 


เมื่อเธอลองเพ่งสายตามองดู จากภาพที่เลือนรางกลายเป็นเห็นชัดเจนขึ้น คนที่นั่งเก้าอี้ร่วมประชุมทั้งหมด ต่างสวมหน้ากากรูปสัตว์ ที่มีหมายเลขกำกับไว้ สกอต ซึ่งนั่งเก้าอี้ตัวกลางของเก้าอี้ทั้งสิบสามเป็นคนเอ่ยปากเริ่มต้นการประชุม


 


"รายงานความเสียหาย แรบบิท" ชายชราหันหน้าไปยังเก้าอี้หมายเลขสี่


 


"ความเสียหายจากการปฏิบัติภารกิจเท่ากับศูนย์ค่ะ" เสียงผู้หญิงตอบกลับมาจากทางเก้าอี้หมายเลขสี่


 


"ได้ตัวเป้าหมายมารึเปล่า" ชายชราใช้มือลูบคางตัวเอง


 


"เป้าหมายหลบหนีไปได้ค่ะ" แรบบิทตอบด้วยน้ำเสียงสั่นไหวเล็กน้อย


 


" ดี....ดีมาก ยังไม่ตายก็ถือว่าใช้ได้ สมกับที่เป็นทายาทของนักวิทยาศาสตร์จอมหัวแข็ง ฮะ ฮ่าๆๆๆ "


 


ชายชราหัวเราะเสียงดัง และดังมากขึ้นเรื่อยๆ จนผู้เข้าร่วมประชุมบางคนเริ่มใช้มือปิดหูตัวเอง กระถางต้นไม้ที่ถูกตั้งไว้ตามมุมห้องเริ่มเกิดการสั่นไหว พื้นห้อง ผนังห้องเกิดการสั่นสะเทือน จนรูปภาพที่แขวนไว้ตกลงมา


 


"ท่านคะ" แรบบิทเรียกสติของชายชรากลับมา การสั่นสะเทือนจึงหยุดลง


 


"มีแขกไม่ได้รับเชิญ!" เสียงดังมาจากทางชายหน้ากากงูหมายเลขหนึ่ง


 


ทันใดนั้นเขาก็จ้องมองมายังนาตาลี ดวงตาภายใต้หน้ากากดูมีพลังอำนาจสะกดให้เธอไม่อาจละสายตาไปจากที่ตรงนั้นได้ ดวงตาจากที่เคยเป็นคนปกติค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองมีเส้นเล็กเรียวเล็กเหมือนงู หลังจากนั้นสติสัมปชัญญะของนาตาลีก็ดับวูบลงไป


 


…………………………………………………………


 


9:33 AM โรงเรียนมัธยมปลายยิ้มแฉ่ง


 


"เชอะ! ฉันยังไม่ยอมเชื่อหรอกบัดดี้ จนกว่าตาบ้าอาเธอร์จะมาโรงเรียน ชั้นจะจับมาเค้นถามให้เลือดหมดตัวเลย!" จูดี้ บิ๊กโนส กระแทกเสียงใส่บัดดี้ผู้เป็นเหยื่อของเหตุการณ์เข้าใจผิดในคืนที่แล้ว ทุกคนในห้องเรียนต่างหันมามองตามเสียง


 


"มีปัญหาอะไรรึเปล่า คุณเมก้านอสทริล" อาจารย์เอลแกน แมคแคนดี้ที่กำลังสอนอยู่ถามจูดี้ด้วยสีหน้าดุ


 


"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร" จูดี้หันไปตอบคำถาม


 


"อาจารย์คะ ขออนุญาตไปห้องน้ำค่ะ" พูดจบเธอก็เดินลับประตูห้องเรียนไป


 


เอลแกน แมคแคนดี้ หันหน้าไปมองบัดดี้ส่งสายตายิงคำถามประมาณว่าแล้วคุณล่ะ มีอีกอะไรไหม


 


"เอ่อ.....ผมก็ขอไปห้องน้ำเหมือนกันครับ"


 


ปัง! "ตาบ้าอาเธอร์หายหัวไปอยู่ที่ไหนกันนะ" จูดี้ปิดประตูห้องน้ำด้วยอารมณ์โมโห เธอเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าตัวเอง ปากบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างจากในกระเป๋ากระโปรง!


 


มันคือ!....โทรศัพท์มือถือที่เธอเปิดระบบสั่นเอาไว้ ใครที่ไหนโทรมาตอนนี้กันนะ ใช้เบอร์โทรศัพท์สาธารณะโทรซะด้วย ถ้าเป็นตาบ้าอาเธอร์ล่ะก็จะเอาให้ถึงตายเลยคอยดู


 


ปิ๊บ~~~เธอกดรับสายโทรเข้า


 


"จูดี้ชั้นต้องการคนช่วย ที่สถานีรถไฟกลางทิศใต้ รีบมาเลยนะ ด่วนมาก"


 


เสียงของอาเธอร์พูดขึ้นทันทีที่เธอกดรับสายโทรศัพท์ และวางสายทันทีที่พูดจบ รวดเร็วจนจูดี้ปากอ้าตาค้างจ้องมองโทรศัพท์ในมืออย่างขุ่นแค้น


 


"หนอย ตาบ้าอาเธอร์!" เธอตะโกนเสียงดังลั่น จนบัดดี้ที่กำลังแง้มประตูห้องน้ำหญิงเพื่อแอบฟัง สะดุ้งตกใจหัวโขกใส่ขอบประตู


 


…………………………………………………………


 


ฮัดเช้ยยยย!


9:39 AM สถานีรถไฟกลาง


 


"สงสัยจะเป็นหวัดซะแล้ว" อาเธอร์กระชับเสื้อคลุมตัวนอกให้แน่นขึ้น มองดูตุ๊กตาผลึกในมือที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นรูปร่างกลมๆ รีๆ คล้ายตัวอะไรบางอย่าง พลางใช้สมองซีกขวาจินตนาการภาพในคืนที่แล้ว ถ้าไม่โชคดีมีคนมาช่วย ป่านนี้เขาคงกลายเป็นซากร่างไร้วิญาญาณนอนเละอยู่ในบ้านของตัวเองเรียบร้อยไปแล้ว


 


เขาวิ่งเตลิดหนีมาตลอดทาง และคิดว่าสถานที่ปลอดภัยที่สุด น่าจะเป็นสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของฝูงชน อาเธอร์จึงเลือกมาหลบซ่อนอยู่ ณ สถานีรถไฟกลางแห่งนี้


 


หากวิเคราะห์ดูตามข้อมูลการทดลองที่พ่อทิ้งไว้แล้ว Demon อสูรเกราะนักรบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์มาก่อน และถูกพลังอำนาจของตุ๊กตาผลึกเข้าครอบงำร่างกายและจิตใจจนเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น การกลายพันธุ์แบ่งออกได้เป็นสามระยะ คือ ระยะแทรกซึม หลอมรวม และ เติบโตเต็มวัย


 


อาเธอร์จ้องมองตุ๊กตาผลึกที่ตอนนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นผลึกเขียวใสรูปหัวใจ เขาคิดว่าตอนนี้มันคงเริ่มเข้าสู่ระยะแทรกซึม สังเกตได้จากความตอบสนองในร่างกายของเขากับสัตว์อสูรเกราะเสือ ที่บุกมาเล่นงานเขาในคืนก่อน


 


เขายังไม่อยากกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปในตอนนี้ เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ!


 


...แต่ก็คงหนีความจริงไม่พ้น อาเธอร์จึงนัดพบจูดี้เพื่อเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางต่อไป


 


"...หวังว่ายายนั่นคงไม่มาผิดด้านล่ะ" อาเธอร์มองไปยังสถานีรถไฟด้านทิศเหนือที่ถูกรางรถไฟหลักสองราง คั่นไว้ให้อยู่แยกกับสถานีรถไฟด้านทิศใต้


 


ทันใดนั้น พื้นดินทั่วทั้งสถานีรถไฟก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง! แผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง! กระจกหน้าต่าง ฝาผนังห้อง เริ่มเกิดรอยแตกร้าว โคมไฟระย้า โคมไฟแขวนบนเพดานห้องส่ายไหวไปมาจนน่ากลัว


 


ตุ๊กตาผลึกในมืออาเธอร์เองก็สั่นรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ประกายเส้นแสงสีเขียว เริ่มส่องออกมาจากตุ๊กตาผลึก วิ่งผ่านเข้าไปสู่เส้นเลือดภายในตัวเขา


 


"ไม่นะ" อาเธอร์พยายามทิ้งตุ๊กตาผลึกลงไปบนพื้น แต่ไม่สำเร็จ มันเกาะติดมือซ้ายของเขาแน่น ราวกับจะหลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย


 


โครม!


เสียงประสานงาระหว่างรถไฟสองขบวนดังขึ้น!


 


รถไฟที่อยู่คนละรางชนกันได้ยังไง!


 


อาเธอร์จ้องมองไปยังรถไฟที่กำลังระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ทั้งสองคัน สิ่งที่เขาได้เห็นถึงกับทำให้อาเธอร์ต้องเบิกตาอ้าปากค้าง


…………………………………………………………


 


"นี่มันแผ่นดินไหวอะไรกันเนี่ย บัดดี้!" จูดี้ บิ๊กโน๊สฉุดแขนอันผอมบางของบัดดี้ เดินเข้ามายังสถานีรถไฟกลางด้านทิศเหนืออย่างรวดเร็ว เธอเข้ามาเร็วพอที่จะเห็นรถไฟขบวนหนึ่งกำลังวิ่งเข้าหาคนบ้าใส่ชุดเกราะอัศวินสวมหมวกมีเขาประหลาดเหมือนเขาควาย


 


คนบ้าอะไรมาใส่ชุดเกราะยืนกลางรางรถไฟ ขณะที่เธอหันหน้าไปเรียกให้บัดดี้มาดูอยู่นั้น เสียงโครมครามก็ดังขึ้น


 


ตูม!


 


จูดี้รู้สึกถึงแรงระเบิดจากทางด้านหลัง บัดดี้ที่ยืนมองเห็นทุกอย่างด้านหลังเธอ ทำตาเบิกกว้างราวกับเห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิต เมื่อหันไปมองตาม จูดี้ก็ได้พบกับอาเธอร์กำลังยืนปากอ้าตาเบิกโพลงมองมาทางพวกเธอ


 


"หนีเร็ว! บัดดี้ จูดี้ วิ่งงงงงง!"


 


ตาบ้าอาเธอร์ตะโกนผ่านซากรถไฟที่ชนกันมาทางด้านนี้ บัดดี้เองก็บีบมือฉันซะแน่นเชียว นี่เป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย


 


ปึง!


 


เสียงดังมาจากบริเวณทางเข้า คนใส่ชุดเกราะอัศวินรูปจระเข้อีกคนหนึ่งกำลังเดินเหยียบเศษประตูพังมาทางนี้ มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า


 


พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยพากันยกปืนขึ้นยิง แต่ก็ไม่ได้ระคายผิวหนังของมันเลย เสียงแกร้งๆ ของลูกกระสุนตะกั่วที่ตกลงพื้นสถานี ฟังแล้วลิดรอนกำลังขวัญของคนยิงให้ลดน้อยถอยลงทุกที


 


เมื่อมันเดินถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคน จูดี้มองเห็นเงาดำเกิดขึ้นวูบเดียว พนักงานคนหนึ่งก็ปลิวขึ้นไปบนระเบียงชั้นสอง ส่วนอีกคนก็ล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น ส่วนปีศาจเกราะจระเข้หายไปจากที่ตรงนั้น…


 


มันมาอยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง


 


ทันทีที่มองเห็นมันความรู้สึกชา ก็แล่นมายังส่วนชายโครง


 


จูดี้มองเห็นเพดานของสถานีรถไฟชัดเจน โคมไฟระย้าที่กำลังห้อยต่องแต่ง ทำท่าจะตกมิตกแหล่นั่นก็ดูสวยดี วิวทิวทัศน์เลื่อนไปเรื่อยๆ ราวกับภาพสไลด์ เลือดสีแดงไหลกระจายออกมาจากปาก หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของตาบ้าอาเธอร์ แล้วก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย


 


ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย


 


อาเธอร์ตะโกนสุดเสียงแล้วรีบวิ่งไปยังร่างของจูดี้ หลังจากที่เธอโดนสัตว์อสูรเกราะจระเข้ตะปบกระเด็นข้ามมายังสถานีรถไฟทิศใต้


 


"จูดี้! จูดี้! ลืมตาขึ้นสิ พูดกับฉัน"อาเธอร์เขย่าร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอ...จูดี้ยกมือขึ้นมาลูบหน้าอาเธอร์ สบตากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ดวงตาจะปิดลงไป


 


"จูดี้!" อาเธอร์จับมือที่กำลังจะตกไปของจูดี้


 


"ไม่นะ ฉันไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้!" อาเธอร์ตะโกนลั่นราวกับคนเสียสติ


 


ผู้คนต่างวิ่งหนีตายกันชุลมุนไปหมด ไม่มีใครสนใจคนอื่นนอกจากชีวิตของตนเองในเวลานี้......อาเธอร์นั่งคุกเข่าเคียงข้างร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของจูดี้ เส้นแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นจากมือข้างซ้าย คำพูดของนักบวชชราเข้ามาในหัวของอาเธอร์


 


อยากจะช่วยเพื่อน หรืออยากฆ่าปีศาจ


 


จริงสิยังมีวิธีนี้อยู่ อาเธอร์ใช้มือข้างซ้ายที่ถูกตุ๊กตาผลึกฝังลง วางทาบบนอกของเธอ ทันใดนั้นเส้นแสงสีเขียวสว่างแทงตาก็ไหลผ่านจากมือซ้ายของอาเธอร์กระจายไปตามเส้นเลือดบนร่างกายจูดี้


 


กี๊สสส! เสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรเกราะกระบือดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าคล้ายโลหะหนักกระทบพื้นสถานีรถไฟ มันกำลังวิ่งเข้ามาหาอาเธอร์


 


"ไวท์ฮอร์น ช่วยเค้าเร็ว!" เสียงของผู้หญิง....เสียงที่อาเธอร์คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้น สัตว์อสูรเกราะเหล็กอีกตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปขัดขวาง อสูรเกราะกระบือ แต่ที่ทำให้อาเธอร์ตกใจไม่ใช่สิ่งนั้น


 


"นาตาลี!"


 


หญิงสาวสวยในชุดกระโปรงยาวรัดรูปสีขาวกำลังวิ่งตรงมาทางอาเธอร์


 


"โอ้......ไม่นะจูดี้" นาตาลีมีสีหน้าหวาดหวั่นเมื่อมองเห็นสภาพของจูดี้


 


อาเธอร์เพิ่งสังเกตเห็นที่บนอกเสื้อของนาตาลีมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมพีรามิดกลับหัวที่ภายในมีรูปดวงตา ซึ่งเมื่อจ้องมองนานๆ แล้วเหมือนโดนดึงดูดเข้าไป และก่อนที่เขาจะได้พูดอะ ไรกับนาตาลีมือข้างซ้ายของอาเธอร์ ก็เริ่มเกิดการสั่นสะเทือน


 


"อาเธอร์ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ" นาตาลีมีสีหน้าหวาดกลัวยิ่งขึ้นเมื่อจ้องมองมายังดวงตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวของเขา


 


ตอนนี้อาเธอร์เกิดอาการชาด้านไปหมดทั้งร่างกาย ความเจ็บปวดทรมานเข้าแทรกซึมไปตามเส้นเลือดทุกเส้น แผ่นหลังบริเวณกระดูกสันหลังเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังแทงทะลุออกมา ผิวหนังของอาเธอร์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา...ไม่นะ ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าเขากลายร่างในตอนนี้ล่ะก็......


 


ก๊าสสส


 


สัตว์อสูรจระเข้วิ่งตรงเข้ามาหานาตาลี ซึ่งมัวแต่สนใจอาการของอาเธอร์ มันวิ่งหมุนตัวสะบัดเกราะเหล็กส่วนหางหมายจะฟาดทั้งคู่ให้ตกตายไปตามกัน


 


"นาตาลีหลบไป!" อาเธอร์ลุกขึ้นใช้แผ่นหลังบังนาตาลีไว้


 


เคร้ง!


 


เหมือนกับเสียงโลหะกระทบกัน อาเธอร์รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกว่าบริเวณกระดูกสันหลังของเขามีอะไรบางสิ่งงอกออกมา


 


อ๊ากกกกกกกกก!


 


แผ่นโลหะสีเทามันวาวรูปหัวใจปรากฏขึ้นกลางแผ่นหลังของอาเธอร์ มันผ่าซีกแยกออกเป็นสองข้างก่อนที่จะบิดพับเปลี่ยนแปลงรูปร่างจนกลายเป็นปีกผีเสื้อที่งดงาม


 


ผิวหนังของอาเธอร์ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเนื้อหนังมนุษย์ กลายเป็นสีมันวาวของโลหะ เส้นสายโลหะโผล่งอกออกมาจากบริเวณกระดูกทั่วตัวครอบคลุมร่างอาเธอร์เปรียบเสมือนชุดเกราะของนักรบอัศวินที่น่าเกรงขาม หมวกเหล็กอัศวินที่ครอบคลุมศีรษะมีหนวดคล้ายกับผีเสื้ออยู่ด้านบน ดวงตาสีเขียวเรืองรองทั้งสองข้างจ้องมองไปยังนาตาลี


 


"อาเธอร์!" นาตาลีเผลอเดินถอยหลังไปสองก้าว


 


"นาตาลี..." เสียงที่ทุ้มต่ำแตกพร่าของเขาเรียกหญิงสาวตรงหน้า อาเธอร์ยื่นมือออกไปหานาตาลี แต่เมื่อเห็นแขนที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเองแล้วก็รีบดึงมันกลับมา


 


ก๊าสสส


 


สัตว์อสูรจระเข้ที่ตกตะลึงเริ่มตั้งสติได้ มันหมุนตัวสะบัดหางโจมตีเข้ามาอีกครั้ง


 


เคร้ง -- อาเธอร์ใช้ปีกที่แข็งแกร่งปัดป้องหางเกราะเหล็กที่พุ่งเข้ามา และใช้ปีกอีกข้างตบอสูรเกราะจระเข้กระเด็นเข้าไปชนกับรถไฟที่กำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้


 


อาเธอร์หันมามองนาตาลี และจูดี้อีกครั้ง ก่อนที่จะกางปีกบินพุ่งทะลุหลังคาสถานีขึ้นไป


 


"เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังได้ถูกปลูกลงไปแล้ว......เหล่าผีเสื้อจะนำทางเจ้าไป" นาตาลีมองตามอาเธอร์ที่บินออกไป


 


Cut Mode Ready


 


เสียงสังเคราะห์ดังขึ้น พร้อมกับห่วงวงแสงสีฟ้าที่หมุนพุ่งลงมาตัดลำตัวของสัตว์อสูรเขาควายขาดเป็นสองท่อน นาตาลีรีบหันหน้าไปดูเหตุการณ์ทางด้านนั้นทันที


 


ชายชุดคลุมดำคนหนึ่งกระโดดลงมาจากระเบียงชั้นสองแล้วเดินเข้าไปหยิบดาบรูปร่างไฮเทคที่ปักอยู่บนพื้น ลำแสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้นเมื่อเขาดึงดาบและวิ่งตรงเข้าไปยังสัตว์อสูรไวท์ฮอร์น


 


เวลานี้นาตาลีจึงเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน...ชายผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้านขวา


 


ไวท์ฮอร์นสัตว์อสูรเกราะเหล็กรูปร่างม้าร้องกู่ก้องคำรามพุ่งกระโจนเข้าหาคู่ต่อสู้ ชายชุดคลุมดำเห็นดังนั้นก็เอี้ยวตัวหลบ สลับเท้าหมุนตัวฟันดาบพลังงานแสงในมือใส่ทันที


 


"ไม่นะ ริชชาร์ด!" นาตาลีกรีดร้องตะโกนลั่น ชายชุดคลุมดำสั่นสะท้านเล็กน้อย คมดาบลำแสงพลาดจากลำคอเบนใบมีดลำแสงขึ้นบนตัดเขาแหลมของหมวกเกราะอัศวินไวท์ฮอร์นขาดจากกันทันที


 


อ๊ากกกก!


 


สัตว์อสูรเกราะม้ายูนิคอร์น ถูกตัดเขาล้มลงนอนหงาย มือทั้งสองกุมศีรษะส่วนที่บาดเจ็บหอบหายใจอยู่บนพื้น


 


"นาตาลี" ริชาร์ด โซอาหันหน้ามามองนาตาลีด้วยแววตาตื่นตระหนก เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปแตะโกร่งดาบ


 


Cut Mode Off


 


ทันทีที่สิ้นเสียงสังเคราะห์จากดาบ ไวท์ฮอร์นก็พุ่งตรงเข้ามารวบตัวนาตาลีแล้ววิ่งหายไปจากสถานีรถไฟกลางทันที...ริชาร์ดเหม่อมองตามคนทั้งคู่ เขาก้มลงเก็บหนังสือเล่มเก่าขาดที่ตกจากตัวอาเธอร์มาเปิดดูก่อนซุกเก็บไว้ใต้เสื้อคลุม จวบจนมีเสียงดังมาจากบริเวณขบวนรถไฟที่ชนกัน เขาจึงหันหลังเดินกลับไป พร้อมกับเลื่อนมือซ้ายมาแตะปุ่มที่โกร่งดาบ


 


Three...Two...One...


 


Cut Mode Ready


 


…………………………………………………………


 


10:01 AM สถานีรถไฟกลาง......ก่อนตำรวจมาถึง


 


ชายสวมหน้ากากตัวตลกรูปหน้ายิ้มในชุดทักซิโดสีม่วง เดินเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อย มันสวมหมวกทรงสูงคล้ายกับนักมายากล สวมรองเท้าหนังขัดจนมันเป็นประกาย มันล้วงกระป๋องสเปรย์ใบเดิมออกมาฉีดพรมลงบนซากร่างของอสูรเกราะเหล็กทั้งสอง


 


ชายสวมหน้ากากตัวตลกมองดูซากร่างเกราะเหล็กที่ค่อยๆ แห้งจนกลายเป็นผง แล้วจึงเดินกลับออกไป แต่แล้วมันก็ต้องหยุดชะงักตรงหน้าประตูครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินกลับมายังร่างที่เปื้อนเลือดของจูดี้


 


"เอ๋....เธอนี่ หัวใจเต้นอยู่นี่นา" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผิดแปลกไปจากครั้งแรก


 


ชายสวมหน้ากากตัวตลกยื่นมือทั้งสองไปสัมผัสหน้าอกของจูดี้ที่กำลังส่องแสงสีเขียวเรืองรอง


 


"ว้าว! เจอของดีซะแล้วสิ"


 


…………………………………………………………


 


ฟิลิป โซอาร์ในชุดสูทขาวนั่งไขว่ห้าง ดูเทปกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเหตุการณ์ในสถานีรถไฟกลางซ้ำไปซ้ำมา กล้องบันทึกภาพทั้งหมดถึงตอน Demon ตัวมีปีกบินทะลุหลังคาออกไป หลังจากนั้นสัญญาณภาพก็ขาดหายไป


 


แต่เขานึกสงสัยและตกตะลึงภาพของผู้หญิงในชุดกระโปรงยาวรัดรูปนั่นมากกว่า สัญลักษณ์บนอกเสื้อนั้น เป็นสัญลักษณ์เดียวกันกับสัญลักษณ์ที่อยู่ในภาพถ่ายบ้านจอนสตัน


 


ฟิลิปมองภาพถ่ายของเด็กชายที่กลายร่างเป็นเดมอน อาเธอร์ จอนสตัน ที่ยืนตัวตรงในชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายยิ้มแฉ่ง ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นที่บ้านของอาเธอร์ เพราะตรงเสาบ้านมีสัญลักษณ์ขององค์กรอิลูมินาติอยู่ ด้วยเหตุนี้ ในคืนที่แล้วฟิลิปจึงได้ขอกำลังเข้าตรวจค้น แต่กลับพบเหตุการณ์สยองขวัญเจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดที่บุกเข้าไป ล้วนเสียชีวิตในสภาพสยดสยอง มีเพียงเขากับเจ้าหน้าที่อีกไม่กี่นายเท่านั้นที่รอดชีวิตออกมาได้


 


เขาคิดว่าองค์กรอิลูมินาติต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย อิลูมินาติควบคุมทุกอย่างในโลก และ เกี่ยวข้องกับ นโยบายการจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 3.6 ล้านคน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้นำประเทศ เศรษฐี คนมีชื่อเสียง และเจ้าของกิจการใหญ่ๆ ของโลกแต่ที่ลึกไปกว่านั้น สมาชิกระดับสูงๆ ขึ้นไป จะได้รับการให้เข้าร่วมพิธีกรรมคล้ายๆ ศาสนา แต่มันกลับเกี่ยวข้องกับการ......บูชาซาตาน


 


"เพื่อจัดระเบียบโลกใหม่...อย่างนั้นหรือ"


 


ฟิลิปขมวดหัวคิ้วชนกัน มือลูบคลำจมูก จากนั้นเขาก็จัดการพิมพ์รายงานการสืบสวนเป็นรูปเล่ม เพื่อยื่นเรื่องส่งให้กับสารวัตร
 


 


 


To be continued…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา