Demon สัตว์อสูรจอมราชันย์

-

เขียนโดย Dinnsor

วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.50 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 16.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บทที่ 11 Secret Space : พื้นที่ลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 11
 
Secret Space : พื้นที่ลับ
 
Scott Macdonal Derhamberg : มองดูต้นไม้สิ มันสวยงามจริงๆ มีความสมบูรณ์พร้อมในตัวตนที่มันเป็นอยู่
 
 
ครืนๆ
 
"แผ่นดินไหว!" แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้นาตาลีสูญเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ
 
"ไม่ต้องห่วงครับ คุณนาตาลี ในอาคารหลังนี้ ณ ที่ตรงนี้ คือสถานที่ๆ ปลอดภัยจากแผ่นดินไหวมากที่สุด"
 
"ทำไมคุณถึงได้มั่นใจขนาดนั้นล่ะคะ" นาตาลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิตก
 
"เพราะเรา ทราบล่วงหน้าว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น"
 
"......รู้ว่ามันจะเกิดขึ้น?"
 
นายสกอตยิ้มให้นาตาลีอย่างสุภาพ "ตามผมมาสิครับ" เขาทำท่าเชื้อเชิญนาตาลีให้เดินตาม
 
เสียงเพลง Canon ลอยเข้าหูนาตาลีขณะที่กำลังเดินตามเขาไป ทุกที่ที่ชายชราและนาตาลีเดินผ่านจะต้องมีคนหยุดยืนทำความเคารพเสมอ และเขาเองก็พยักหน้าตอบรับทุกครั้ง
 
นาตาลีเพิ่งสังเกตเห็นสัญลักษณ์พิรามิดกลับหัวหลับหางที่มีรูปดวงตาอยู่ตรงกลาง มันมีอยู่แทบทุกที่ในอาคาร ทั้งบนผนัง บนพื้น หรือตั้งตามโต๊ะทำงานต่างๆ ราวกับเป็นโลโก้ขององค์กรนี้
 
"มันเป็นสัญลักษณ์ ของเราครับ" เขามองตามสายตาของนาตาลีไปที่รูปสัญลักษณ์ เธอรู้สึกตื่นตัวอย่างประหลาดเมื่อทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ ณ ประตูไม้หน้าห้องแห่งหนึ่ง ชายชราเปิดประตูและผายมือเชื้อเชิญให้นาตาลีเดินเข้าไปก่อน
 
เมื่อดินเข้าไปนาตาลีก็ได้พบว่ามันเป็นห้องสมุดทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งภายในเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือไม้รูปทรงคลาสสิกนับสิบชั้น เมื่อมองไล่ขึ้นไปถึงบนเพดานที่เป็นโดมใส เธอก็ได้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่ถูกประดับประดาไปด้วยแสงสวยหมู่ดาวนับร้อยนับพันในจักรวาล
 
"จากผลการวิจัย ทำให้เราทราบว่าเสียงดนตรีส่งผลกระทบต่อ อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิต"
 
เขาเดินไปยังชั้นหนังสือมุมซ้ายห้อง จากประตูทางเข้า หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมายื่นส่งให้กับนาตาลี "ฝากหน่อยนะครับ"
 
เขายื่นหนังสือ Message from Water โดย Dr.Masaru Emoto มาให้นาตาลี ก่อนที่ชายชราจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ช่องว่างที่ดึงหนังสือออกมา
 
"อ๊าววส์" ชายชราทำเสียงซี๊ดซ๊าด ก่อนจะเอามือปิดดวงตาข้างขวา แล้วหันหน้ามาส่งยิ้มให้กับนาตาลี
 
"เชิญต้อนรับเข้าสู่ศูนย์ปฏิบัติการลับขององค์กรเราครับ"
 
…………………………………………………………
 
9:37 PM สวนสาธารณะยิ้มแฉ่ง
 
ตุ๊บๆ... ตุ๊บๆ... ตุ๊บๆ.........
 
ในที่สุดชีพจรในร่างกายของเขาก็เริ่มสงบลง แสงสว่างจากตุ๊กตาผลึกก็ค่อยๆ อ่อนจางลง
 
บัดนี้ อาเธอร์ จอนสตัน ได้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อของเขาพยายามทำมาตลอดทั้งชีวิต
 
"ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ"
 
เขาเก็บหนังสือเก่าขาดจากพื้นดิน แล้วรีบวิ่งออกไปจากสวนสาธารณะทันที อาเธอร์วิ่งผ่านอาคารต่างๆ ที่ผนังเริ่มแตกร้าวจากแรงแผ่นดินไหว เสาไฟฟ้าบางต้นล้มลงมาทำให้ไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลให้แสงไฟจากตัวตึกและถนนดับไปหลายแห่ง แต่อาเธอร์ก็ยังมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทั้งที่สายตาคนปกติไม่น่าจะมองเห็นได้แล้ว ยิ่งในคืนที่เมฆหมอกบดบังท้องฟ้าเช่นนี้
 
ฝูงชนเริ่มออกจาอาคารที่พักมาจับกลุ่มรวมตัวกัน บางคนยังอยู่ในอาการหวาดกลัวต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว บางคนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องช่วยกันหามออกมาจากตัวตึก
 
กลับบ้าน
 
อาเธอร์วิ่งต่อไปโดยสลัดความเหน็ดเหนื่อยทิ้งไว้ข้างหลัง เขาต้องกลับรีบไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่ข้อมูลการทดลองต่างๆ ของพ่อจะตกไปในเงื้อมมือของพวกมัน
 
…………………………………………………………
 
ครืนนนนน..... เสียงดังมาจากชั้นวางหนังสือที่สกอต แมคโดนัล เดอแฮมเบิร์กหยิบหนังสือ Message from Water ออกมา นาตาลีเห็นชั้นหนังสือทั้งชั้น ค่อยๆ เลื่อนลงข้างล่าง เบื้องหลังชั้นหนังสือที่ดูธรรมดากลับปรากฏเส้นทางเดินเล็กแคบสีขาวสว่างไสวขนาดคนสองคนพอเดินผ่านขึ้นมา สกอตเดินนำหน้านาตาลีเข้าไป
 
ครืนนนนน..... เสียงเลื่อนปิดของชั้นหนังสือดังขึ้นที่ด้านหลังของนาตาลี
 
"ยืนนิ่งๆ สักครู่นะครับ" นายสกอตพูดขึ้นทั้งที่หันหลังให้ สิ้นเสียงของเขาไม่นาน ทางเดินที่เคยเป็นสีขาวสว่างจ้า ก็ได้ถูกลำแสงสีฟ้าสดใสเข้ามาแทนที่ นาตาลีไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจนร่างกายของเธอเริ่มมีผลข้างเคียงจากการขาดอากาศหายใจ ห้องทางเดินทั้งห้องจึงค่อยๆ กลับเข้าสู่สภาพสีขาวปกติเหมือนเดิม
 
สกอตหันหน้ามามองสบตานาตาลีด้วยสีหน้าขบขัน เมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างหนักของเธอ
 
วี๊บ!
 
สุดปลายทางเดินตรงข้ามกับทิศทางที่เข้ามาเกิดเสียงดังขึ้นของประตูอิเล็กทรอนิกส์ ชายชรานำหน้า หญิงสาวตามหลังพากันเดินเข้าไปข้างในเห็นชายสองคนในชุดผ้าฝ้ายหลวมสบายยืนเฝ้าอยู่หลังประตูบานที่สอง คนหนึ่งหลับตาคนหนึ่งลืมตาพอเห็นคนทั้งสองเดินเข้ามาคนที่ลืมตาอยู่ก็ทักทาย
 
"สวัสดีครับท่าน" ชายคนที่ลืมตาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ชายคนที่หลับตาอยู่ยืนก้มตัวทำความเคารพ สกอตพยักหน้าให้ทั้งคู่เล็กน้อยแล้วเดินผ่านเข้าไป ขณะที่นาตาลีกำลังเดินผ่านคนเฝ้าประตูทั้งสองนั้นจู่ๆ ชายคนที่หลับตาอยู่ก็ได้เบิกตาโพลง จ้องมองมายังนาตาลีด้วยสีหน้าดุดัน
 
ทันใดนั้น ความรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วงก็ได้เกิดขึ้นบริเวณทรวงอกของเธอ นาตาลีเข่าอ่อนหมดแรงจนแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น
 
"ผมเป็นคนพาเธอเข้ามา ผมรับผิดชอบเอง" แว่วเสียงของสกอตดังขึ้น นาตาถึงรู้สึกเป็นอิสระจากแรงกดดัน
 
ผู้เฝ้าประตูทั้งสองยังคงจ้องมองเธอไม่วางตา จวบจนกระทั่งเธอเดินตามสกอตเข้าไปในประตูอิเล็กทรอนิกส์บานสุดท้าย
 
"ยินดีต้อนรับสู่องค์กรลึกลับของเรา" ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
 
…………………………………………………………
 
9:55 PM บ้านจอนสตัน
 
อาเธอร์หยิบหนังสือ Message from Water จากชั้นวางหนังสือ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ชั้นหนังสือทั้งชั้นก็เลื่อนหายไปจากสายตา พื้นที่ด้านหลังชั้นหนังสือปรากฏเป็นบันไดสีขาวทอดยาวลงสู่เบื้องล่างของห้องลับ มันคือห้องทดลองเก่าของพ่อเขา ซึ่งอาเธอร์บังเอิญพบเข้าหลังจากสนใจหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากชั้นวาง
 
เขาเดินลงไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์เครื่องที่เก็บข้อมูลการทดลองของ ท็อกส์ จอนสตัน เขาเปิดเครื่องและรีบเซฟข้อมูลทั้งหมดลงแฟลชไดร์ฟทันที อาเธอร์ต้องทำงานแข่งกับเวลา
 
ไม่ทันไรไซเรนจากรถตำรวจก็ส่งเสียงใกล้เข้ามา พวกตำรวจคงมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว บ้านเรือนหลังข้างเคียงต่างก็ได้รับความเสียหายทั้งนั้น แต่ตัวบ้านของเขากลับอยู่อย่างปลอดภัยจนผิดปกติ
 
อาเธอร์รีบดึงแฟลชไดร์ฟออก แล้วลบข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทิ้ง เขาหยิบปืนที่พ่อซ่อนไว้ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วรีบวิ่งออกจากห้องทดลองลับ แต่ทันทีที่วิ่งออกมา อาเธอร์ก็ต้องตกตะลึงเมื่อแสงไฟไซเรนตำรวจสว่างวูบวาบผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องชั้นสอง
 
เขาคิดผิด! พวกตำรวจไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
 
ทันทีที่ความคิดสิ้นสุดลง เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น อาเธอร์มองลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างชั้นสองลงไปก็เห็นนายตำรวจสามนายกำลังยืนอยู่ที่ประตูหน้า หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบในชุดสูทสีขาวหน้าตาคล้ายริชาร์ดที่เขาคุ้นเคย รถตำรวจมีทั้งหมดสามคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนที่เหลือคงวางกำลังอยู่รอบนอกบ้าน
 
เหงื่อเย็นเยียบไหลซึมออกมาจากกลางฝ่ามือเขา ในที่สุดพวกตำรวจก็เริ่มสงสัยในตัวเขาแล้ว พวกนั้นคงสืบประวัติพ่อของเขาอย่างละเอียดไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ายกกำลังมามากถึงขนาดนี้
 
อาเธอร์มองลงไปข้างล่างอีกครั้งก็เห็นนายตำรวจชุดสูทขาวกำลังกดกริ่งเป็นครั้งที่สอง แต่เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากในบ้าน นายตำรวจหนุ่มจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสองพังประตูเข้ามา
 
อาเธอร์รีบเก็บของใช้จำเป็นทุกอย่าง ทั้งกระเป๋าเงิน หนังสือที่ได้มาจากนักบวชชรา แฟลชไดร์ฟข้อมูล ปืนหนึ่งกระบอก และตุ๊กตาผลึก......ตุ๊กตาผลึกที่กำลังสั่นสะเทือน!
 
ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในตุ๊กตาผลึกไหลผ่านเข้ามาภายในร่างกายของอาเธอร์ มันเป็นความรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว
 
มันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว...มันอยู่ที่ชั้นล่าง!
 
โครม!
 
หลังคารถตำรวจยุบลงไปด้วยแรงเหยียบจากสิ่งมีชีวิตที่มีกำลังมหาศาล มันกระโดดพุ่งเข้าบ้านทางประตูหน้าที่พวกตำรวจทั้งสามนายบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
 
"มันมาแล้ว……" อาเธอร์พูดพึมพำกับตัวเอง พวกมันรู้สึกถึงการคงอยู่ของตุ๊กตาแร่ผลึก
 
ปัง! ปังๆๆๆ
 
เสียงปืนดังขึ้นที่ชั้นล่าง จากหนึ่งนัด กลายเป็นถี่รัว ร่างเปื้อนเลือดของตำรวจในเครื่องแบบนายหนึ่งกระเด็นออกมาพร้อมกระจกหน้าต่างที่ถูกกระแทกแตก พวกตำรวจที่เหลือทั้งหมดรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ทำให้กองกำลังตำรวจที่อยู่นอกบ้านลดลง เป็นโอกาสดีที่จะหลบหนี
 
อาเธอร์ไม่รอช้า เขาดึงผ้าม่านมามัดกันเป็นเส้นยาวแล้วผูกปลายด้านหนึ่งไว้กับโต๊ะทำงานไม้สัก ปลายอีกด้านหนึ่งหย่อนลงไปข้างล่าง ในขณะที่เขากำลังจะปีนลงไปนั้น เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงว่องไวก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
 
อาเธอร์ไม่รอช้า เขารีบรูดตัวลงไปตามผ้าม่านและกระโดดลงมาที่พื้น ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นแว่นตาของเขาก็หลุดกระเด็นไป
 
โครม!
 
เมื่ออาเธอร์หยิบแว่นตาขึ้นมาใส่ เศษประตูไม้ที่แตกกระจายก็กระเด็นผ่านหน้าต่างตกลงมา เสียงปืนเริ่มดังอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังขึ้น ร่างไร้ชีวิตของตำรวจในเครื่องแบบอีกสองนาย ร่วงหล่นมาจากหน้าต่างห้องทำงานชั้นสอง
 
ศพหนึ่งตกลงมาอยู่ข้างอาเธอร์ สภาพของมันเละเทะราวกับถูกสัตว์ร้ายตะปบและฉีกกระชาก เศษกระจกหน้าต่างปักตามแขนขา ใบหน้าเหวอะหวะ ก้อนเนื้อบริเวณลำคอถูกฉีกหายไปแถบหนึ่ง อาเธอร์หวาดกลัวจนตัวสั่น เขามองร่างที่ถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง และเมื่อมองขึ้นไปข้างบนอีกครั้งสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตก็มาปรากฏตรงหน้าเขา
 
ดวงตาสีเขียวเรืองรองกำลังจ้องมองลงมา
 
…………………………………………………………
 
เสียงเพลง Canon in D ดังกระทบโสตประสาทของนาตาลีอีกครั้ง
 
"Demon (เดมอน) ชื่อที่เราตั้งให้กับสิ่งมีชีวิตซึ่งได้รับผลกระทบจากแร่ผลึก และถูกอำนาจของผลึกเข้าครอบงำจิตใจส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนสภาพ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความต้องการ......ความต้องการในพลังอำนาจ"
 
สกอต แมคโดนัล เดอแฮมเบิร์ก อธิบายถึงซากสิ่งมีชีวิตในหลอดทดลองขนาดใหญ่ ให้นาตาลีฟัง
 
"คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าครับ" ร่างกายสีเทามันวาวของเดมอนยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ในหลอดแคปซูลซึ่งภายในบรรจุด้วยสารเคมีรักษาสภาพไว้ รูปร่างของมันมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์กึ่งม้าที่สวมชุดเกราะอัศวินอันน่าเกรงขาม ทั้งสีเนื้อและสีชุดเกราะเป็นสีเทามันวาวคล้ายกับโลหะ นาตาลีจ้องมองมันอย่างเหม่อลอย
 
"ฉันรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง เมื่อมองดูมัน" นาตาลียังคงจ้องมองมันอยู่
 
"เมื่อ Demonเจริญเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ ผิวหนังชั้นนอกจะเปลี่ยนเป็นโลหะพิเศษที่มีทั้งความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น มันเป็น......สิ่งมีชีวิตที่มีความสวยงามมาก"
 
ชายชราลูบไล้กระจกแคปซูลแก้ว แล้วหันมาพูดกับนาตาลีด้วยแววตาหลงใหลคลั่งไคล้
 
"และนี่คืองานของพวกเราครับ"
 
…………………………………………………………
 
10.29 PM บ้านจอนสตัน
 
ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป
 
แผ่นหลังของอาเธอร์กระทบกับกำแพงบ้านอย่างไม่ตั้งใจ ความกลัวทำให้เขาลืมทุกสิ่ง ดวงตาสีเขียวมรณะของปีศาจร้ายจ้องมองลงมาที่เขา มันมีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ป่าในชุดเกราะอัศวินอันแข็งแกร่ง
 
อาเธอร์มองเห็นมันได้อย่างชัดเจน แม้ในคืนนี้จะเป็นคืนเดือนดับ หยาดเลือดสีแดงฉานไหลรินจากเล็บมือทั้งสองข้างที่กำลังกำเข้าแบออกตามจังหวะหายใจ
 
มันค่อยๆ ย่อตัวแล้วพุ่งตัวลงมาจากชั้นสองอย่างรวดเร็ว! เร็วเกินกว่าสายตาของเขาจะมองทัน!
 
ตูม
 
พื้นหญ้าสนามบ้านจอนสตันยุบตัวลงไปจากแรงกระแทก สัตว์อสูรในชุดเกราะเหล็กอัศวินรูปลักษณ์พยัคฆ์ร้ายเดินตรงเข้ามาหาอาเธอร์ที่กำลังเข่าสั่นหมดแรงทรุดนั่งลงกับพื้น แผ่นหลังที่ชนกับพนังกำแพงทำให้อาเธอร์รู้สึกถึงความตายที่กำลังเข้าใกล้มากขึ้น...มากขึ้น
 
มันค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาเขา ดวงตาสีเขียวเรืองสว่างจ้ายิ่งขึ้น มันยื่นมือขวาเข้ามาใกล้หน้าของเขาแล้วกางแยกนิ้วทั้งห้าออก หยดเลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาตามแนวเกราะเหล็ก อาเธอร์ตาเบิกโพลงจ้องมองวาระสุดท้ายของชีวิต
 
ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ปปปปปปปปปปปปปปปป
 
ก๊าซซซซ
 
สัตว์อสูรร้องคำรามลั่น แขนขวาข้างที่ยกเข้ามาใกล้เขาถูกดาบรูปทรงไฮเทคพุ่งลงมาเสียบจนทะลุ ดาบเล่มนั้นพุ่งมาจากบนกำแพงด้านหลังอาเธอร์ ปีศาจพยัคฆ์เหล็กดึงดาบออกจาแขน แล้วขว้างจนดาบปลิวไปปักอยู่ตรงพื้นดินด้านหลัง เลือดสีแดงสดพุ่งทะลักออกมาจากบาดแผลที่แขน
 
ปัง ปัง ปัง~~~เสียงปืนสามนัดดังขึ้นเหนือศีรษะอาเธอร์ ชายหนุ่มในชุดคลุมดำยาวคนหนึ่งกระโดดลงมาจากบนกำแพง สัตว์ปีศาจรีบกระโดดเข้าจู่โจมเป้าหมายอย่างรวดเร็ว เขารีบถลันหลบหลีกจากกรงเล็บที่สัตว์อสูรเกราะเหล็กจู่โจมมาอย่างรวดเร็ว
 
"ส่งมา!"
 
บุรุษชุดคลุมดำ ยื่นมือข้างซ้ายมาทางอาเธอร์ขณะที่กำลังหลบหลีกการจู่โจมของสัตว์อสูร แต่เขายังคงแตกตื่นลนลานทำอะไรไม่ถูก เวลาผ่านไปครู่หนึ่งสายตาของอาเธอร์จึงเหลือบไปมองดาบรูปทรงไฮเทคที่ปักอยู่บนพื้นดิน เขาเข้าใจคำพูดของบุรุษชุดคลุมดำทันที
 
อาเธอร์รีบวิ่งไปดึงดาบที่ปักพื้นโยนให้บุรุษชุดคลุมดำ แต่น้ำหนักที่ผิดกับขนาดของดาบทำให้การโยนของเขาเกิดความผิดพลาด
 
เคร้งงง!
 
ดาบถูกมือของปีศาจปัดกระเด็นไปกระแทกโดนใส่ศีรษะของนายตำรวจหนุ่มชุดสูทขาวที่กำลังวิ่งออกมาจากตัวบ้าน
 
"นี่!" ตำรวจหนุ่มเปิกตาโพลงยกมือกุมศีรษะที่มีเลือดออก ก่อนจะหมดสติล้มลงไป
 
"ชิ!" ชายชุดคลุมดำรีบกระโดดถอยหลังเข้าไปเก็บดาบ แต่สัตว์อสูรเกราะเหล็กก็พุ่งเข้ามาจู่โจมตามติดอย่างรวดเร็ว จนชายหนุ่มต้องรีบถลันหลบ
 
"ส่งมาเร็ว!" ดาบโดนเท้าของปีศาจ เขี่ยกระเด็นมากระทบถูกเท้าของอาเธอร์ เขารีบเก็บดาบโยนส่งให้ชายชุดดำอย่างรวดเร็ว และครั้งนี้ไม่มีคำว่าผิดพลาดแล้ว
 
เคร้งงง!
 
ชายชุดดำยื่นมือขวาออกรับ แล้วรีบหมุนตัวสะบัดดาบเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า ผ้าคลุมดำม้วนพลิ้วสะบัด มือซ้ายของปีศาจที่ยื่นเข้ามาจู่โจมถูกคมดาบกระแทกกระเด็นออกห่างจากลำคอของเขา
 
"รีบหนีไป...เร็ว!" ชายชุดดำออกคำสั่ง อาเธอร์รีบวิ่งออกไปโดยไม่รอช้า
 
เมื่อเหลือเพียงสองคน ชายชุดคลุมดำและสัตว์อสูรยืนจ้องคุมเชิง ในระยะที่ทั้งคู่ต่างจู่โจมถึง......เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปกดปุ่มสวิตช์บนโกร่งดาบ
 
Three เสียงสังเคราะห์คอมพิวเตอร์ดังขึ้นมาจากตัวดาบ
 
Two เขากดปุ่มเดิมซ้ำอีกครั้ง สัตว์อสูรเกราะเหล็กที่เริ่มรู้สึกถึงภัยอันตรายรีบกระโจนเข้าหาเขาทันที
 
One ชายชุดคลุมดำก้มตัวหลบการจู่โจมของมัน
 
Cut Mode Ready ทันทีที่เสียงสังเคราะห์จากตัวดาบหยุดลงลำแสงสีฟ้าสว่างจ้าก็พุ่งขึ้นจากโกร่งด้านสันดาบ มาจนถึงส่วนปลายแหลมของดาบ ชายชุดคลุมดำก้าวเท้าหมุนตัวตวัดดาบด้วยความไวเกินกว่าสัตว์อสูรจะหลบได้ทัน
 
ฉีบ~~ผ้าคลุมสีดำสะบัดไหวไปตามแรงหมุนตัว คมดาบลำแสงตัดคอของสัตว์อสูรขาดกระเด็นทันที!
 
ชายชุดคลุมดำยืนถือดาบจ้องมองซากร่างของอดีตคู่ต่อสู้ " Cut Mode Off " เสียงสังเคราะห์คอมพิวเตอร์ดังขึ้นพร้อมกับการหายไปของลำแสงสีฟ้าที่แผ่ออกมาจากส่วนสันดาบ ชายหนุ่มหันตัวเดินผ่านร่างของนายตำรวจชุดสูทขาวที่ล้มลงสลบไป ใบหน้าของทั้งคู่เหมือนกันราวกับฝาแฝด ผิดไปเพียงแค่หน้าของชายชุดคลุมดำมีสิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างกัน
 
นั่นคือรอยแผลเป็นที่ยาวตั้งแต่หางคิ้วขวาถึงปลายคาง
 
…………………………………………………………
 
11.02 PM บ้านจอนสตัน
 
ชายในชุดสูทม่วงสวมหมวกทรงสูง เดินออกมาจากตัวบ้าน เขาเดินไปยังร่างที่ไร้สติของตำรวจชุดสูทขาว หน้ากากตัวตลกที่สวมทับบนศีรษะปกปิดใบหน้าของเขาไว้ไม่ให้ใครเห็นได้
 
"หึ นายนี่ยังไม่ตาย ดวงแข็งจริงๆ เล้ย" ชายชุดสูทม่วงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาท เขาใช้รองเท้าหนังขัดมันเขี่ยใบหน้าของตำรวจหนุ่มไปมา เหมือนสำรวจว่ายังมีชีวิตอยู่แน่หรือเปล่า เมื่อเช็คจนแน่ใจเขาก็เดินไปยังซากร่างของปีศาจอสูรเกราะเสือ
 
"แกนี่อายุไม่ยืนเอาซะเลย" ชายปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง พลางล้วงสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือกระป๋องสเปรย์ที่มีโลโก้เป็นรูปตัวตลกแสยะยิ้ม
 
ซี๊ด ด ด
 
ชายชุดสูทม่วงฉีดสารเคมีจากกระป๋องสเปรย์ลงไปยังร่างของสัตว์อสูร ไอน้ำระเหิดออกจากทุกส่วนที่ถูกสเปรย์พ่นใส่ ซากร่างของสัตว์อสูรค่อยๆ แห้งสลายจนกลายเป็นเศษผง ปลิวไปตามสายลมที่พัดผ่าน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า......ท้องฟ้าในคืนที่เมฆหมอกบดบังแสงจันทร์ คืนนี้
 
 
To be continued…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา