กุ่ยสิงเทียนเซี่ย หนึ่งหนู หนึ่งแมว ผ่าคดีปริศนา (ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้ B2S)
10.0
เขียนโดย จอมยุทธ์หญิงนักแปล
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.00 น.
19 บท
2 วิจารณ์
27.45K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 16.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) บทที่ 2 ตอนที่ 2.2 ภูมหลังและสิ่งที่เห็น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเป็นไปไม่ได้” จั่นเจาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อสักครู่กำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่ จึงถาม ไป๋อวี้ถัง
“ถ้ามีคนหยิบของไปแล้วก็ไม่น่าจะทิ้งตลับไว้ให้พวกเราสงสัยหรอก แล้วยังปิดตายฝาผนังไว้อีก” ไป๋อวี้ถังมองมาที่จั่นเจา “เจ้าก็คิดเช่นนี้ใช่หรือไม่”
จั่นเจาพยักหน้า “อืม พี่ชายข้าทิ้งของไว้ จะต้องมีเจตนาอะไรสักอย่าง เพียงแต่ตลับสีดำใบนี้ ใช้ใส่ของอะไรน่ะสิ ?”
ไป๋อวี้ถังคว้าตลับสีดำใบนั้นขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง “ตลับใบนี้สี่ด้านเกลี้ยงเกลาเป็นมันขลับ ดูแล้วคงผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปี ข้างในก็มีรอยขีดข่วน ล้วนเป็นร่องรอยใหม่ ดูแล้วคงจะเป็นร่องรอยที่เพิ่งเกิดใหม่เมื่อไม่นานนี่เอง” ไป๋อวี้ถังที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดชอบจา แต่เพื่อที่จะให้จั่นเจาเข้าใจในความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ เห็นสิ่งใดเขาก็พูดออกมาหมด
เซียวเหลียงเอียงตัวมามองแล้วถามขึ้น “จะเป็นเครื่องประดับหรือเปล่า ?”
ไป๋อวี้ถังมองดูที่ตลับอีกครั้งแล้วตอบกลับมาว่า “วางกำไลข้อมือก็น่าจะพอดี”
“หรืออาจจะใช้ใส่ยาเม็ด” ท่านพ่อใช้ตลับใส่ยาเม็ดหรือยาผงบ่อยๆ
ไป๋อวี้ถังคิดว่าถ้าเป็นยาก็น่าจะมีกลิ่นติดอยู่บ้าง จึงยกตลับสีดำขึ้นมาดม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกประหลาดใจจนคิ้วผูกกัน “แปลก”
“กลิ่นอะไรรึ” จั่นเจาไม่รอช้าถามเสร็จก็รีบคว้าตลับสีดำขึ้นมาดม สีหน้าของจั่นเจาไม่ได้ต่างไปจาก ไป๋อวี้ถังนัก “อ่า กลิ่นไม้จันทน์”
เสี่ยวซื่อจึอยากรู้อยากเห็นรีบขยับเข้าไปแล้วสูดดมทันที ——ฮัดเช้ย !
จั่นเจาที่ประคองกอดเสี่ยวซื่อจึอยู่รีบพูดขึ้น “อย่าเข้าไปใกล้ขนาดนั้น กลิ่นนี้แสบจมูกกว่ากลิ่นไม้จันทน์นัก”
เสี่ยวซื่อจึถูจมูกไปมาแล้วพูดขึ้น “เหมือนกลิ่นธูปที่ใช้ไหว้ในศาลเจ้าเลย”
“คล้ายกับกลิ่นธูปที่จุดในศาลเจ้าเหมือนกันนะ” เซียวเหลียงดมอีกครั้ง “กลิ่นนี่แสบจมูกกว่ากลิ่นไม้จันทน์นิดหน่อย แล้วกลิ่นก็หอมกว่ากลิ่นธูปในศาลเจ้าด้วย”
จั่นเจาก็กำลังรู้สึกงุนงงและสงสัยอยู่ ไป๋อวี้ถังที่อยู่ข้างๆ ก็พลันนึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ จึงเอื้อมมือไปหยิบห่อผ้าของตัวเองที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา “จริงสิ ข้านึกออกแล้ว !”
ทุกคนหันมามองไป๋อวี้ถังเป็นตาเดียว เห็นเขาหยิบเอาสร้อยประคำออกมาจากห่อผ้า แล้วดมกลิ่มสร้อยประคำเส้นนั้น ทันใดนั้นเขาก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก ไป๋อวี้ถังยื่นสร้อยประคำไปตรงจมูกของจั่นเจา “ดมดูสิ!” จั่นเจาคว้าข้อมือของไป๋อวี้ถังไว้เพื่อดมสร้อยประคำ จั่นเจาดมแล้วก็พยักหน้าทันที “เป็นกลิ่นเดียวกันกับสิ่งนี้!”
“อืมม” เด็กน้อยทั้งสองก็เห็นด้วย
“นี่คือสร้อยประคำไม้ท้อ” ไป๋อวี้ถังยัดสร้อยประคำลงไปในมือของจั่นเจา “พี่สะใภ้มอบให้ข้า พวกเราทุกคนมีกันคนละเส้น “รู้แล้วใช่หรือไม่ว่านี่เป็นกลิ่นของอะไร ?” จั่นเจาส่ายหัวไม่เข้าใจ
“ลูกประคำชนิดนี้ทำจากไม้ท้อจะวางไว้ที่ศาลบรรพชนของตระกูลทุกวันจะต้องจุดธูปเพื่อตั้งจิตสวดมนต์เป็นเวลาอย่างน้อยสองชั่วยามเพื่อชำระจิตใจและบูชาต่อสร้อยประคำ 49วันหรือ 81วัน พี่สะใภ้สวดมนต์มานานมากแล้วเพื่อปกป้องคุ้มครองให้ลูกหลานอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และเป็นเพราะว่าสร้อยประคำนี้วางอยู่ในศาลบรรพชนที่จุดธูปทุกวันมานานหลายปี มันจึงถูกรมด้วยควันธูปทำให้มีกลิ่นแปลกๆเช่นนี้ เดิมทีกลิ่นของไม้ท้อเป็นกลิ่นหอมที่พิเศษมาก ยิ่งผสมกับกลิ่นธูปด้วยแล้ว จึงกลายเป็นกลิ่นเช่นนี้ ดมแล้วแสบจมูกกว่ากลิ่นไม้จันทน์ แต่จะมีกลิ่นหอมกว่ากลิ่นธูป"
จั่นเจาได้ฟังดังนั้นจึงเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เขาเอาสร้อยประคำส่งคืนใส่ลงไปในมือของไป๋อวี้ถัง แต่ไป๋อวี้ถังผลักมือจั่นเจากลับไป “พี่สะใภ้ให้เจ้าสวมไว้” จั่นเจารู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ก่อนที่จะถามออกไป “พี่สะใภ้เจ้า สวดมนต์มานานเท่าไหร่แล้ว”
“หนึ่งปี”
จั่นเจาตกใจและก็รู้สึกประทับใจ อะไรกันที่ทำให้พี่สะใภ้ของไป๋อวี้ถังอดทนสวดมนต์ได้อยู่เป็นเวลายาวนานขนาดนี้
“พวกเจ้าก็มีนะ” ไป๋อวี้ถังล้วงลงไปในห่อผ้าแล้วหยิบสร้อยประคำออกมาสองเส้นมอบให้ กับ เสี่ยวซื่อจึ และเซียวเหลียง บนลูกประคำแกะสลักเป็นลายลูกหมูน้อยน่ารัก ทั้งสองกล่าวขอบคุณแล้ว รีบสวมใสทันทีด้วยความพออกพอใจ
ไป๋อวี้ถังเห็นจั่นเจารู้สึกสนใจ จึงเล่าต่อว่า “ปีนั้นบ้านของพี่สะใภ้ต้องเผชิญกับเคราะห์กรรม มีคนตายมากมาย ซึ่งในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าญาติพี่น้องในตระกูลเป็นตายร้ายดีอย่างไร ดังนั้นสิบปีมานี้นางจึงสวดมนต์ทุกวัน วันละสองชั่วยาม ขอเพียงนางเห็นว่าผู้ใดเป็นสหาย นางก็จะมอบสร้อยประคำนี้ให้เพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองพวกเขาให้ปลอดภัย”
จั่นเจาพยักหน้าเมื่อเข้าใจเรื่องราว ไป๋อวี้ถังจึงช่วยเขาสวมสร้อยประคำ จั่นเจายื่นมือออกไปคลำๆ ที่ข้อมือของไป๋อวี้ถัง “เจ้าก็ใส่หรือ ?” ไป๋อวี้ถังถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้จั่นเจาคลำที่ข้อมือ แล้วจั่นเจาก็พบว่ามีสร้อยประคำจริงๆ
เสี่ยวซื่อจึกับเซียวเหลียงหันมามองสบตากัน ! หน้าพวกเขาก็สัมผัสกันแล้ว ข้อมือพวกเขาก็สัมผัสกันด้วยแล้วสินะ !
“ไม่ว่าข้างในตลับจะเป็นอะไร ---สิ่งนั้นก็น่าจะคล้ายกับธูป ส่วนรอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นใหม่นั้น..อาจจะเป็นรอยที่เพิ่งจะวางของลงไปเมื่อเร็วๆนี้ก็เป็นได้ ?” จั่นเจาพูดกับตัวเอง “พี่ใหญ่ไม่น่าจะมอบของที่เกี่ยวกับการสวดมนต์ให้ข้า...เพราะว่าพี่ใหญ่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ เมื่อก่อนข้าเคยมอบผ้ายันต์ไว้ป้องกันตัวให้กับพี่ใหญ่เขายังทำหายไปเลย”
“ทำไมล่ะ” ไป๋อวี้ถังไม่เข้าใจ
“มันเป็นความเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่ ตอนที่ท่านแม่ของพี่ใหญ่ตั้งครรภ์ มีคำพูดว่ามันคือครรภ์ปิศาจ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ?”
ไป๋อวี้ถังรู้สึกงงจนหัวคิ้วชนกัน คำพูดแบบนี้แน่นอนว่าต้องเคยได้ยินอยู่แล้วเรื่องราวเกี่ยวกับครรภ์ปิศาจ กล่าวกันว่าผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานแต่เกิดตั้งครรภ์ขึ้น ทั้งที่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์ เป็นเพราะนางร่วมหลับนอนกับภูติผีวิญญาณจึงทำให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้น วิธีที่ชาวบ้านใช้จัดการกับนางคือการเผาทั้งเป็น แต่เรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น ใครจะไปเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้กัน
“ท่านแม่ของพี่ใหญ่เป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวข้า นางเป็นสตรีที่ไม่ได้แต่งงาน แต่ไม่มีใครรู้ภูมิหลังของนาง นางเลี้ยงชีพด้วยการปั่นด้าย ฐานะค่อนข้างยากจน ท่านแม่ของข้ามักจะช่วยเหลือนางเสมอ ไปมาหาสู่กันจนคุ้ยเคยเลยกลายเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่เพื่อนบ้านในละแวกนั้นกลับไม่ค่อยจะชอบนางสักเท่าไหร่”
“เพราะอะไร” ไป๋อวี้ถังไม่เข้าใจ
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก” จั่นเจาส่ายหัว “ข้าก็ได้ยินตอนท่านแม่เอ่ยขึ้นเป็นครั้งคราว ส่วนเรื่องสาเหตุท่านไม่เคยพูดถึง”
“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่มีบิดาเช่นนั้นหรือ ?” ไป๋อวี้ถังยังคงไม่เข้าใจต่อไป
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้จริงๆ มีคนบอกว่าพี่ใหญ่เป็นโจรนอกรีต แล้วก็มีคนบอกว่าเป็นพี่น้องที่ดีกับท่านพ่อของข้า พูดกันไปต่างๆนาๆ แต่ท่านแม่ของเขาก็ไม่เคยพูดอะไร หลังจากนั้นท่านแม่ของเขาก็ไม่มีที่ไป ถึงได้มาหาท่านแม่ของข้าขอหลบซ่อนตัว หากโดนพบเข้า สองแม่ลูกก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว ท่านแม่ของข้ารับพวกนางมาอยู่ด้วยให้นางกับลูกในครรภ์ได้มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย แล้วยังหลอกชาวบ้านว่า คือตัวท่านแม่เองที่ตั้งครรภ์ ภายหลังเด็กคลอดออกมาก็เลยบอกว่าเป็นคนในตระกูลของเรา” จั่นเจาพูดจบแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ “หลังจากพี่ใหญ่เกิดได้ไม่นาน ท่านแม่ของพี่ใหญ่ก็จากไปโดยไม่ร่ำลา ไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย เพื่อนบ้านชอบนินทานาง และกล่าวว่าพี่ใหญ่จะกลายเป็นปิศาจ โตขึ้นมาหน่อยพี่ใหญ่ก็มักจะโดนรังแกเสมอๆ ข้าเห็นพี่ใหญ่ตั้งใจฝึกวรยุทธ์ ดังนั้นตลอดชีวิตของเขาเกลียดที่สุดก็คือภูตผีปิศาจ เรื่องที่จะพกของสิ่งนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เพราะพี่ใหญ่ไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้า” ไป๋อวี้ถังรู้สึกแปลกใจมากที่ ชีวิตของพี่ชายจั่นเจานั้นต้องประสบกับเรื่องประหลาดเช่นนี้
หลังจากนั้นจั่นเจาที่นั่งอยู่ในห้องก็หยิบตลับสีดำขึ้นมาจ้องมองดูเสี่ยวซื่อจึกับเซียวเหลียงหาที่ลงนอนไปแล้วส่วนไป๋อวี้ถังอาบน้ำอยู่หลังฉากกั้น
สองวันมานี้เพื่อตามหาจั่นเจา ไป๋อวี้ถังไม่ได้หลับไม่ได้นอนคอยเฝ้าดูเพราะกลัวการผิดพลาด ตลอดทั้งวันทั้งคืน จั่นเจารู้ว่าไป๋อวี้ถังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาเป็นคนรักความสะอาด ลำบากเขาแล้วจริงๆ ที่ต้องรอนแรมมาเช่นนี้
ภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงแค่เสียงน้ำ จ๊อกแจ๊กๆ เสี่ยวซื่อจึนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เห็นสือโถวนั่งหน้ามึนอยู่ข้างๆ จึงแกล้งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ สือโถวเข้าใจผิด มันหมุนตัวไปรอบๆ แล้ววิ่งไปที่ฉากกั้น “โครมมม!” ฉากกั้นล้มคว่ำลงไป...
*** โปรดติดตามตอนต่อไปอีกทีวันพฤหัสที่ 3 มกราคม 2562 นะคะ (วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม หยุดปีใหม่ งดลงค่ะ
*** ติดตามข่าวสารนิยายเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จากเพจ ซินซินจอมยุทธ์หญิง - หยุ่นหว่าหวา
*** ติชมได้ค่ะ แต่ขอไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงนะคะ เดี๋ยวผู้แปลจะหมดกำลังใจ ^ ^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ