กุ่ยสิงเทียนเซี่ย หนึ่งหนู หนึ่งแมว ผ่าคดีปริศนา (ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้ B2S)
10.0
เขียนโดย จอมยุทธ์หญิงนักแปล
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.00 น.
19 บท
2 วิจารณ์
27.80K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 16.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) บทที่ 2 ตอนที่ 2.1 ภูมิหลังและสิ่งที่เห็น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตลับเล็กๆสีดำใบนี้มาช่วยแก้ไขในสถานกาณ์ที่ทั้งไป๋อวี้ถังและจั่นเจารู้สึกประหม่าได้พอดิบพอดี ไป๋อวี้ถังอยากจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ แต่ก็เห็นเสี่ยวซื่อจึทำตาปริบๆ มองเขาอยู่ ไป๋อวี้ถังหันกลับไปดูแล้วรู้สึกลังเลนิดหน่อย แต่ก็จูงมือจั่นเจาเดินกลับมา เดิมทีแค่คิดเพียงจะลากชายเสื้อเท่านั้น ‘เอาละจูงก็จูง ไม่สนละ’ ไป๋อวี้ถังจูงจั่นเจากลับมานั่งที่โต๊ะแล้วตัวเองก็นั่งลงตรงข้างจั่นเจาพิจารณาดูตลับสีดำใบเล็กๆ นี่ ไป๋อวี้ถังกำลังคิดที่จะเปิดตลับ แต่จั่นเจาขัดขวางไว้ก่อน “ข้าเอง !” ไป๋อวี้ถังขมวดคิ้วเป็นเชิงถามด้วยความสังสัย ด้วยความที่จั่นเจาเกิดความรู้สึกกังวลว่าจะตกหลุมพรางโดนยาพิษเข้าอีก อย่าทำให้ต้องโดนพิษซ้ำทั้งคู่ มันก็จะน่าขันมาก ที่มีคนตาบอดถึงสองคน.
แน่นอนว่าไป๋อวี้ถังไม่ส่งตลับสีดำใบนั้นให้กับจั่นเจา เขารู้เรื่องกลไกยาพิษเป็นอย่างดี เขารู้ว่าตลับเล็กขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีเล่ห์กลหลุมพรางอะไร แค่ต้องระวังบ้างในบางจุด เขาค่อยๆ เปิดฝาออก ข้างในไม่มีเข็มพิษ ไม่มีควันพิษซ่อนอยู่ และสิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปก็เพราะมันไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงตลับเปล่าเท่านั้น คิ้วของไป๋อวี้ถังยกขึ้นขมวดกันโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาจ้องมองตลับอยู่เป็นเวลานาน เขย่าตลับไปมา แต่ข้างในนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
“เฮ้” จั่นเจารู้สึกร้อนใจทนไหม่ไหวจึงเอ่ยถามไป๋อวี้ถัง “ข้างในคืออะไร ? มีอะไรก็รีบพูดมาอย่าเก็บไว้สิ!”ไป๋อวี้ถังส่ายหัวแล้วตอบว่า “ข้างในไม่มีอะไรเลย”
“ฮึ” จั่นเจาเกิดความสงสัย “ไม่มีอะไรเลยงั้นหรือ?”
“ก็แค่ตลับใบหนึ่งเท่านั้น ข้างในไม่มีอะไรเลย” ไป๋อวี้ถังพูดพลางเอาตลับวางลงไปบนมือของจั่นเจา เพื่อให้เขาได้สัมผัสมัน จั่นเจาคลำไปคลำมา มันก็เป็นแค่เพียงตลับธรรมดาเท่านั้น ข้างในไม่มีสิ่งใด นอกจากจะไม่มีอะไรอยู่ข้างในตลับแล้ว ตลับนี้ยังไม่มีลวดลายอะไรเลยด้วย
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้” จั่นเจานิ่วหน้าขมวดคิ้วเป็นปม
“พี่ใหญ่ไม่น่าจะซ่อนของไร้ประโยชน์เช่นนี้ไว้”....
“อาจจะโดนคนอื่นเอาไปแล้ว” ไป๋อวี้ถังคิดว่าอาจจะโดนผู้อื่นชิงลงมือแย่งไปก่อนแล้ว แต่มันก็เป็นแค่เพียงการสันนิษฐานของตัวเองเท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้”
ทั้งสองเกือบจะร้องออกมาพร้อมกัน พร้อมกับจิตใต้สำนึกของจั่นเจาที่ใช้สัญชาติญาณมองซึ่งกันและกัน เขามองไม่เห็นไป๋อวี้ถัง แต่ไป๋อวี้ถังมองเห็นเขา ดวงตาของจั่นเจาขณะนี้ความฉลาดกับความเจ้าเล่ห์ลดลงเหลือเพียงความสับสนที่มีมากขึ้น
ไป๋อวี้ถังยกมือขึ้นเท้าคางก่อนจะค่อยๆ เอนตัวไปเพ่งพินิจพิจารณาดวงตาของจั่นเจา ท่าทีการมองเช่นนี้ของเขาไม่เคยมองผู้ใดมาก่อน ถึงแม้ว่าจั่นเจาจะเติบโตขึ้นมาในยุทธภพแบบพวกจอมยุทธ์เจ้าสำอางค์ แต่นิสัยใจคอของเขากลับมีความกล้าหาญและไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใดโดยง่าย ครั้งนี้ดวงตาของเขาได้รับบาดเจ็บ แล้วยังจะออกมาเพียงลำพังอีก นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจั่นเจาไม่ใช่คนที่อ่อนแอแต่อย่างใด
จั่นเจาที่กำลังนั่งฟังอยู่พอไม่ได้ยินไป๋อวี้ถังพูดต่อ เขาไม่รู้ว่าไป๋อวี้ถังกำลังทำอะไรหรือคิดอะไรอยู่ จึงยื่นมือออกไปคลำๆ ที่ใบหน้าของไป๋อวี้ถัง ไป๋อวี้ถังขยับหนี จั่นเจาตะลึงงัน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสเป็นเช่นนี้นี่เอง ---ความรู้สึกเหมือนดั่งถูกธาตุไฟเข้าแทรกแตกซ่านไปทั้งตัว เมื่อได้สติจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เฮ้ เจ้าอย่าขยับ !”
“เจ้าจะทำอะไรนะ” ไป๋อวี้ถังรู้สึกงุนงง
“ข้าจำหน้าของเจ้าได้ ข้าจะลองคลำดูว่าเหมือนหรือไม่เหมือนในความทรงจำของข้า” จั่นเจาพูดเสร็จก็ยื่นมือออกไปคลำหน้าไป๋อวี้ถัง
“เฮ้ยๆ” ไป๋อวี้ถังร้องพลางรีบคว้าข้อมือของจั่นเจาเอาไว้
“ไม่ต้องก็ได้ ?”
“ครั้งต่อไปหากข้าจะต้องคลำหน้าผู้อื่นข้าจะได้มีประสบการณ์อย่างไรละ” ที่จั่นเจาพูดนั่นก็มีเหตุผลอยู่มาก และตัวเขาก็ไม่ใช่คนขี้อายอะไร เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ปล่อยให้จั่นเจาลูบคลำใบหน้าของตัวเองต่อไป จั่นเจาประคองใบหน้าของไป๋อวี้ถังขึ้นมาเล็กน้อย แล้วใช้มือคลำไปคลำมา ไป๋อวี้ถังเกิดรู้สึกประหม่าขึ้นมา มองไปทางไหนก็ไม่ได้ อยากจะหันไปทางอื่น “อย่าขยับ อยู่นิ่งๆ สิ”
ไป๋อวี้ถังรู้สึกเหมือนไร้ซึ้งอำนาจ จั่นเจาสั่งให้เขาห้ามขยับ เขาก็ทำได้แค่เพียงมองชิดเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้าเขา จั่นเจานั้นด้วยความที่มองไม่เห็นจึงไม่ได้รู้สึกประหม่าขัดเขินเลยสักนิด ส่วนไป๋อวี้ถังนั้นมองเห็นได้ชัดเจน ใบหน้าของจั่นเจาอยู่ตรงหน้า แถมมือทั้งสองยังคงคลำไปคลำมาที่หน้าของเขา ความรู้สึกอึดอัดขัดเขินเช่นนี้ช่างยากที่จะกล่าวออกมายิ่งนัก เสี่ยวซื่อจึกับเซียวเหลียงที่อยู่ข้างๆ ดวงตาเบิกโพลงมองเหตุการณ์ตรงหน้า ในใจพูดว่า ‘คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าความสัมพันธ์จะก้าวหน้าขนาดนี้ !’
จั่นเจาคลำใบหน้าอยู่สักพักก็เลื่อนมาคลำตรงดั้งจมูก ตรงจุดนี้จั่นเจาคลำอยู่นานหน่อย จมูกของไป๋อวี้ถังทั้งโด่งและเป็นสันตรง แต่ไม่ทำให้ดูขัดตา แต่ในขณะที่มือเขาคลำอยู่นั้นกลับรู้สึกว่าจมูกของไป๋อวี้ถังช่างโดดเด่นยิ่งนัก ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า สันเหลี่ยมหน้าช่างคล้ายกับหน้าของเจ้าผู่มาก คลำแล้วรู้สึกถึงความคมของใบหน้าได้อย่างชัดเจน จั่นเจารู้สึกว่าน่าสนใจดี ริมฝีปากจึงกระตุกยิ้มขึ้นมา ไป๋อวี้ถังเห็นจั่นเจายิ้มออกมา เขาก็รู้สึกฉงนสงสัยว่าจั่นเจาจะยิ้มทำไม
“พอแล้วรึยัง” ไป๋อวี้ถังเริ่มจะรู้สึกรับไม่ได้แล้ว ใบหน้าของเขารู้สึกจักกะจี้ ทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยปากกับจั่นเจา
“อืม” จั่นเจาหดมือกลับ แล้วหันมาพูดกับเสี่ยวซื่อจึ
“เสี่ยวซื่อจึ มานี่ มาให้ข้าลองสัมผัสหน่อย”
เสี่ยวซื่อจึรีบวิ่งมาทันที จั่นเจาลากเสี่ยวซื่อจึมาอยู่ข้างกายแล้วใช้มือบีบๆ จิ้มๆ คลำๆลงไปบนแก้มของเสี่ยวซื่อจึ ความรู้สึกที่สัมผัสไม่เหมือนกับที่สัมผัสไป๋อวี้ถังจริงๆด้วย
คนหนึ่งเป็นสันเป็นกระดูกยาว คนหนึ่งเป็นเนื้อหนัง
คนหนึ่งเหมือนซี่โครง คนหนึ่งเหมือนซาลาเปา คิดถึงตรงนี้ก็พาให้จั่นเจายิ้มขำออกมา
ไป๋อวี้ถังเข้าใจแล้วว่าจั่นเจายิ้มขำอะไร ได้แต่ส่ายหัว แล้วจึงก้มลงดูตลับสีดำนั่นต่อ...
++++โปรดติดตามตอนต่อไป อัพตอนใหม่ทุกวัน จันทร์ พฤหัส เสาร์ ตอน 2ทุ่มครึ่ง++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ