วุ่นนัก รักคุณผู้จัดการ
-
เขียนโดย Hermione001
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.43 น.
20 ตอน
1 วิจารณ์
19.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 15.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ19:38 น.1อาทิตย์เต็มๆกับการรอเรียกสัมภาษณ์งาน ทำไมมันเงียบกริบแบบนี้ล่ะ ใจคอไม่ดีเลย ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อมา1อาทิตย์แล้ว บางวันก็จะออกไปหาสมัครงานตามบริษัทอื่นๆด้วย แต่มันเป็นไปค่อนข้างยากเพราะฉันถูกฝึกให้เป็นพนักงานฝึกหัดที่ PSTมาตลอด นอกจากงานตามบริษัทศิลปินดาราก็ไม่มีความสามารถด้านอื่นเลย หรือควรจะกลับไปทำงานที่ประเทศไทยกลับไปอยู่บ้าน แล้วก็ลองสมัครงานตามบริษัทนำเที่ยว หรือไม่ก็ล่ามแปลภาษา ฉันมีวุฒิภาษาเกาหลีนี่
“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการวางแผนชีวิตของฉันมาก ฉันหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาซึ่งมันเป็นชื่อของยัยเพื่อนรักเพื่อนเพี้ยน “สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ”“ฮัลโหลว่ายังไงคะ” ฉันกดรับสายฟีฟ่าด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนเต็มที่“แก ฟื้ด! มาหาฉันหน่อยฉันกลัว” แต่เดี๋ยวก่อน เสียงฟีฟ่าสูดน้ำมูกเข้าจมูกแบบนี้ไม่ป่วยก็คงร้องไห้อยู่ เธอสะอื้นเบาๆอีกต่างหาก ร้องไห้แน่ๆ“แกเป็นอะไรใครทำอะไร ร้องไห้อยู่หรอ” ฉันถามฟีฟ่าด้วยความเป็นห่วง ฉันกับฟีฟ่าเราสนิทกันมาก ฟีฟ่าคอยช่วยเหลือฉันมาตลอด2ปี มีอะไรเราก็มักจะเล่าให้อีกคนฟังและช่วยกันแก้ปัญหาเสมอ เวลาฟีฟ่าร้องไห้หรือมีเรื่องเสียใจก็จะโทรมาหาฉันก่อนคนอื่นตลอด“ฮือออออ มาหาฉันที เดี๋ยวนี้!” พอฉันถามไปฟีฟ่าก็ปล่อยโฮออกมาทันที แถมคำว่าเดี๋ยวนี้! ของเธอมักไม่ใช่ประโยคขอร้องเสมอ แต่มันคือประโยคคำสั่ง“โอเค แกอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันไปหา” ฉันรีบเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปหายัยนั่นทันทีที่เธอบอกที่อยู่ ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจจริงๆ ฟีฟ่ามักจะไม่ร้องไห้กับอะไรง่ายๆ เธอเป็นคนร่าเริงออกจะติ๊งต๊องและยิ้มเก่งมากๆฉันสั่งคนขับให้เร่งความเร็วไม่นานก็ถึงตามที่ฟีฟ่าบอก ที่นี่คือสนามกีฬาหรือเป็นศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาทุกชนิดที่เปิดให้เป็นสาธาณะนั่นเอง ฉันรู้เพราะว่าบริษัทมักจะมาถ่ายรายการที่นี่บ่อยๆ งั้นแสดงว่าฟีฟ่าคงจะมาทำงานที่นี่สินะ แต่ทำไมเวลางานถึงได้ร้องไห้ฟูมฟายโทรหาฉันแบบนั้นล่ะตอนนี้ฉันเดินมาถึงส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำของที่นี่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือTrust5 ทุกคนกับยัยฟีฟ่าที่นั่งอยู่ขอบสระว่ายน้ำ ถัดออกไปเป็นซีโน่และทางด้านหลังของซีโน่ก็มี พี่ซองมิน ยองวอน ฮยอนจุน พี่จุนโฮ ทุกคนอยู่กันครบเลย จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไงล่ะ ฉันออกมาจากคอนโดโดยไม่ได้บอกพวกเขาสักคำเลย“ดาด้า!” ฟีฟ่ามองมาเห็นฉันที่ประตูทางเข้าพอดีเธอตะโกนเรียกฉันเสียงดังลั่น ยัยเพื่อเพี้ยนรู้แล้วว่าดีใจที่เจอแต่ไม่ต้องตะโกนขนาดนี้ก็ได้ เพราะทันที่ฟีฟ่าตะโกนเรียกชื่อฉันทุกคนก็หันมามองฉันทันทีในนี้มีแค่พวกเขา ฉัน แล้วก็ฟีฟ่า คงจะมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ ยัยฟีฟ่าไปก่อเรื่องอะไรไว้เนี้ยแล้วทำไมต้องเป็นกับ Trust5 แถมยองวอนก็อยู่อีกต่างหาก แล้วฉันจะกล้ามองหน้าเขาไหมเนี้ยฉันรวบรวมความกล้าเดินไปหาฟีฟ่าที่นั่งสั่นอยู่ขอบสระ และถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกให้เธอก่อนเป็นอันดับแรก“เป็นอะไรมากหรือเปล่า หนาวไหม?” ฉันสวมเสื้อให้และกอดเธอเอาไว้เพราะฟีฟ่าตัวสั่นมาก อย่าบอกนะว่าตกสระว่ายน้ำ ยัยนี่ว่ายน้ำไม่เป็นและก็กลัวการจมน้ำเอามากๆเลยเพราะเคยมีประสบการณ์แย่ๆเกี่ยวกับการจมน้ำ ถึงว่าตัวเธอสั่นไปหมดคงจะกลัวมาก“ทำไมเป็น ซารังล่ะ” พี่จุนโฮที่ตอนนี้ดูแปลกใจมากที่เห็นฉันพูดขึ้น ฉันกับพี่จุนโฮเราชอบคุยกันเรื่องของยองวอน พี่จุนโฮชอบเล่านิสัยและก็สิ่งที่ยองวอนไม่ชอบให้ฉันฟัง บางอย่างก็เป็นสิ่งที่แฟนคลับอย่างฉันไม่เคยรู้มาก่อน“นี่เธอ จะลาออกไม่บอกพวกเราสักคำนะ เห็นพวกเราเป็นก้อนหินหรอ” ฮยอนจุนช่วยเสริม เขาคงจะโกรธที่ฉันหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว“นั่นสิซารัง เธอน่าจะบอกพวกพี่สักนิดก่อนจะย้ายออก พวกเราเป็นห่วงนะ โทรไปก็ไม่รับ” ฮืออออ พี่ซองมินของฉันพูดว่าเป็นห่วงฉันหรอเนี้ย พวกเขาทุกคนดีกับฉันมากจริงๆ ตอนที่ฉันอยู่ที่คอนโดพวกเขาทำเหมือนฉันเป็นเพื่อนของพวกเขา พี่ซองมินผู้อ่อนโยนฉันจะรับสายพวกเขาได้ยังไงในเมื่อลาออกมาแล้วถ้าติดต่อกันอยู่คงทำใจไม่ได้“ถึงคิวเธอเลือกร้านอาหารแล้วนะ ไหนว่ามีรานอาหารไทยอร่อยๆไง” ฮยอนจุนนี่นายห่วงร้านอาหารไทยมากกว่าฉันหรอเนี้ยตัวแสบ “ซารังอะไร นี่พาราดาเพื่อนฉัน” ฟีฟ่าพูดขัดขึ้นมา ซีโน่ก็เอาแต่จ้องฟีฟ่านิ่งจนน่ากลัวและยองวอนก็เอาแต่จ้องฉันนิ่งจนน่ากลัวกว่า ฉันไม่เคยเห็นซีโน่ผู้ร่าเริงในมุมนี้เลย สายตาของเขาดูแปลกไปมาก“ดา เรากลับกันเถอะพาฉันกลับบ้านหน่อย” ฟีฟ่าร้องไห้ไปพูดไป ยัยขี้งอแงเอ้ยขอฉันรู้เรื่องราวก่อนได้ไหมเนี้ยและฉันก็อยากจะขอโทษพวกเขาด้วย “ดา! กลับกัน” ฟีฟ่าเรียกสติฉันที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆว่าจะเอายังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้“เดี๋ยวฉันไปส่ง” ซีโน่คว้ามือข้างหนึ่งของฟีฟ่าเอาไว้และอาสาจะไปส่งพวกเรา“ไม่ต้อง!” ตกใจหมด! อยู่ดีๆยัยนี่ก็ตะโกนออกมาเสียงดังใส่ซีโน่และสะบัดข้อมือออกจากซีโน่ทันที ไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ ไม่เห็นต้องไปโมโหใส่เขาขนาดนั้น ตอนนี้ฉันอยากรู้มากจริงๆว่าซีโน่ไปทำอะไรทำไมยัยเพื่อนเพี้ยน ถึงกล้าตะคอกใส่เขาแบบนี้ ไม่กลัวเขาเอาไปฟ้องประธานแล้วโดนไล่ออกหรือไง ไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหนเนี้ย“เอ่อออ ตอนนี้เธอคงกำลังโกรธมาก เดี๋ยวฉันพาเธอกลับเองดีกว่านะซีโน่” ฉันบอกกับซีโน่เพื่อไม่ให้เขาโกรธที่ยัยนี่ไปตะคอกใส่“เดี๋ยวก่อนซารัง เธอยังไม่ได้บอกพวกเราเลยนะ” ฮยอนจุนเรียกฉันที่กำลังจะกลับหลังเดินออกจากที่นี่“เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ฉันต้องพาเพื่อนกลับก่อนเดี๋ยวเธอจะไม่สบาย”“ฉันจะไปส่งเอง” คราวนี้เป็นยองวอนที่จะไปส่งเราแทน โอ้ย!! แล้วฉันจะเอายังไงดี แค่มองหน้าเขายังไม่กล้ามองเลย ฉันได้แต่ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นจริงๆ“ทำไม? เพื่อนเธอเกลียดซีโน่แต่ไม่ได้เกลียดฉันนี่ ทำไมฉันจะไปส่งไม่ได้? เปียกขนาดนั้นแท็กซี่ไม่รับหรอกรถเมล์ก็อีกนานกว่าจะถึง” ที่เขาพูดก็ถูก แท็กซี่คงไม่รับแน่แต่ถึงฟีฟ่าไม่เกลียดนาย นายก็เกลียดฉันอยู่ดีนี่นา“ก็ได้” ฉันตอบตกลงเพราะเป็นห่วงฟีฟ่า ตอนนี้เธอสั่นไปทั้งตัว
ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าพูดหรือมองหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้คงจะรู้สึกดีและก็สบายใจที่ฉันไม่ได้อยู่ที่คอนโดแล้ว จะยังเกลียดฉันอยู่หรือเปล่านะ
"ถามได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของฉัน" เมื่อเห็นว่าฟีฟ่าหลับสนิทฉันเลยคิดว่าน่าจะลองถามยองวอนดูเผื่อว่าเขาอาจจะรู้เรื่อง"ไม่รู้ ตอนเราเข้าไปก็เห็นซีโน่อุ้มเพื่อนของเธอขึ้นมาจากสระว่ายน้ำแล้ว หลังจากนั้นเพื่อนเธอก็โวยวายใหญ่โตจะให้โทรหาเธออย่างเดียว" เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย ฟีฟ่าตกน้ำเธอถึงได้กลัวขนาดนั้นไม่นานเราก็มาถึงอพาร์ทเม้นท์ของฉัน"ฟีฟ่า ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วนะ" ฉันรีบลงจากรถและไปเรียกฟีฟ่าทันที ตอนนี้เธอตัวร้อนมากเธอมีไข้เพราะคงจะนั่งตัวเปียกอยู่นาน เธอไม่ตอบอะไรและตัวก็สั่นไปหมด"เดี๋ยวฉันอุ้มไปเอง" ยองวอนพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย เขาเดินอ้อมมาฝั่งที่ฉันยืนอยู่และกำลังจะเข้าไปอุ้มฟีฟ่า"เดี๋ยวก่อน ฉันกลัวว่าถ้าคนอื่นจะมาเห็น นายจะมีปัญหาได้นะ" ฉันจับแขนของเขาไว้ก่อนที่เขาจะช้อนร่างของฟีฟ่าขึ้นมา"ดึกขนาดนี้ไม่มีใครเห็นหรอก แล้วที่นี่ก็มืดจะตายไม่มีใครจำฉันได้หรอก" ยองวอนยืนยันที่จะเป็นคนอุ้มฟีฟ่าขึ้นไปข้างบน เหมือนพระเอกอุ้มนางเอกในละครไม่มีผิด นี่ฉันขอป่วยแทนได้ไหมเนี้ย แต่เดี๋ยวก่อนเขาเกลียดเธอขนาดนี้ไม่มีทางมาอุ้มเธอแน่ๆยัยพาราดาฉันเดินนำหน้ายองวอนขึ้นบันไดไปที่ชั้น2 ห้องของฉันอยู่สุดทางเดินเมื่อมาถึงหน้าห้องก็รีบเปิดให้ยองวอนเข้าไปทันที รู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องให้เขามาเห็นห้องนอนรูหนูของฉัน ยองวอนอุ้มฟีฟ่าไปที่เตียงและค่อยๆวางเธอลงช้าๆ ตอนนี้อสูรร้ายของฉันดูอ่อนโยนมากซะจนฉันอิจฉายัยฟีฟ่าเลย"เสื้อนายเปียกหมดเลย เข้าไปถอดออกก่อนเถอะเดี๋ยวป่วยอีกคน ฉันก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฟีฟ่าด้วย" ช่วงนี้เป็นหน้าหนาวเขาไม่ควรใส่เสื้อผ้าเปียกๆ แบบนั้นยิ่งป่วยง่ายอยู่ยองวอนถอดเสื้อตัวข้างในเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ ฉันเองก็ถอดเสื้อผ้าของฟีฟ่าเสร็จพอดี ตอนนี้ยองวอนดูเซ็กซี่มากจริงๆ เขาถอดเสื้อตัวในออกทำให้เห็นหน้าอกของเขาเพราะเสื้อคลุมตัวนอกเป็นแค่เสื้อแขนยาวคอวีเท่านั้น ฉันอดมองและคิดถึงรอยแผลที่เคยกัดเขาไม่ได้ จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่านะ ผิวของเขายิ่งขาวๆอยู่แล้วฉันก็ดันไปกัดตรงนั้นอีก โอ๊ย!! ทำไมยิ่งคิดหน้าของฉันก็เริ่มร้อนขึ้นมาแบบนี้"ขอบคุณนะที่มาส่งเรา" ฉันพยายามละสายตาจากแผงอกที่แสนเซ็กซี่ของยองวอน และกล่าวขอบคุณเขาเจ้าอสูรร้ายไม่ได้ตอบอะไรเอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่ง ตอนนี้เขายื่นอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนฉันก็ยื่นอยู่ปลายเตียง"เธอถามฉันแล้วฉันก็ตอบเธอแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ถามเธอเลยนะ""นายจะถามอะไรล่ะ" ฉันมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ยองวอนไม่ได้ตอบคำถามของฉัน แต่เขากลับก้าวเท้าเข้ามาหาฉันทีละก้าวๆ และตอนนี้เขาก็มายืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเรายืนห่างกันแค่นิดเดียว นิดเดียวมากๆจนแทบได้ยินเสียงหายใจของเขาตึกตึก ตึกตึก ตึกตัก หัวใจของฉันไม่ได้เต้นแรงด้วยความตกใจแบบนี้มานานแล้ว ก็เขาคือพโยยองวอนที่แสนเซ็กซี่ แต่ตอนนี้เขากำลังจ้องมองฉันอยู่มันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกใจเต้นแรงรู้สึกร้อนๆและก็พูดอะไรไม่ออกเลย"ทำไมไม่บอกฉัน เรื่องที่เธอตกลงกับประธาน" ในที่สุดก็เป็นเขาที่พูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอันแสนแปลกประหลาดนี่"ถ้าพูดไปแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นล่ะ" ใช่แล้ว นายเกลียดฉันนี่ แค่จะโดนไล่ออกทำไมต้องบอกนายด้วย บอกไปแล้วนายจะเกลียดฉันน้อยลงหรอ บอกไปแล้วมันจะเปลี่ยนทุกอย่างได้หรอ"อย่างน้อยก็น่าจะบอกฉันสิ ตอนที่เธออยากมาก็มาโดยที่ฉันไม่ได้ต้อนรับ พออยากจะไปก็ไปโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต คิดจะทำอะไรตามใจตัวเองไปถึงไหน" ยองวอนเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉัน เขาดูเหมือนกำลังหงุดหงิด เจ้าอสูรร้ายกำลังจะออกมาฆ่าฉันอีกแล้ว ฮืออออ"ก็เราตกลงกันไว้แล้ว อีกอย่างนายก็เกลียดฉันมากด้วย""เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเกลียดเธอ" เขาบีบแขนของฉันด้วยความโมโห ใช่แล้วตอนนี้เขากำลังโมโหใส่ฉัน เหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรกไม่มีผิด"ก็นายเป็นคนพูดเอง" คราวนี้ฉันตะคอกใส่เขาบ้างเพราะความตกใจและรู้สึกเจ็บที่แขนของตัวเอง ฉันอยากจะทำแบบนี้มานานแล้วตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดการแล้ว ก็สามารถตะคอกเขาได้เท่าที่ต้องการ "ฉันเกลียดเธอ แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ไม่ไปถ่ายรายการ นายเป็นคนพูดแบบนี้เองลืมแล้วหรอ" เขาอึ้งไปเลยเพราะฉันตะคอกใส่เขาหรือเพราะเขาพึ่งนึกออกมาพูดอะไรแย่ไว้บ้างยองวอนจับแขนสองข้างของฉันแน่น เขาก้าวขาเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นจนตัวเราติดกันทำให้ฉันต้องถอยหลังแต่ตอนนี้ถอยมาจนติดหน้าต่างแล้วนะ ไม่มีที่ให้ถอยหลังแล้วนี่เขาจะทำอะไรเนี้ย ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วหรือว่าเขากำลังแกล้งฉันอีกแล้ว ยองวอนก้มหน้าลงมาใกล้จนหน้าของเราจะติดกัน ไม่นะฉันจะทนไม่ไหวแล้วใจของฉันมันเต้นแรงจนจะระเบิด ยองวอนนายเล่นอะไรของนายฉันไม่สนุกนะ"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้เกลียดเธอเรากลับบ้านกันเถอะนะ พโยซารัง" ยองวอนก้มลงมาใกล้จนริมฝีปากนุ่มนิ่มอมชมพูของเขาติดกับใบหูของฉัน เขากระซิบเสียงแผ่วเบาซึ่งมันให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนมากๆ ต่างจากยองวอนคนเกี้ยวกราดที่พึ่งตะคอกใส่ฉันเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เหมือนเป็นคนละคน หลังจากยองวอนพูดจบเขาก็ถอยหลังออกไปยืนอยู่ที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ฉันจะกลับไปรอที่คอนโด ถ้าฉันไม่อนุญาตให้ลาออก ก็ห้ามออกเด็ดขาดเข้าใจไหม? ยัยลูกหมาขาสั้น” แล้วยองวอนก็เดินไปหยิบเสื้อตัวในที่เปียกชุ่มและเดินออกไปจากห้องของฉันทันที ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งกับการกระทำของเขาอยู่คนเดียว ยัยลูกหมาขาสั้นหรอเมื่อไหร่จะเลิกเรียกน่าเกลียดๆแบบนี้สักที
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่ยองวอนออกไปจากห้อง และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของฟีฟ่าเรียก "กลับบ้านกันเถอะ พโยซารัง" คำพูดเมื่อคืนยังดังอยู่ในหัวของฉัน บ้านหรอเขาหมายถึงคอนโดที่ฉันเคยอยู่ร่วมกับพวกเขาสินะ หมายความว่ายองวอนยอมให้ฉันอยู่ที่คอนโดแล้ว แถมเรียกมันว่าบ้านอีกต่างหาก แล้วยังจะมาเรียกฉันว่าพโยซารังอีก ทำอย่างกับเป็นภรรยาของเขาไปได้ ฉันเริ่มงงกับการแสดงออกและคำพูดของยองวอนที่สวนทางกันจริงๆ“ดาด้า ทำไมมานอนตรงนี้” เสียงฟีฟ่าที่กำลังตกใจกับสภาพของฉันที่นั่งกอดเขาอยู่ที่พื้นข้างหน้าต่างทั้งคืน “แกเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” ฉันเอามือไปทาบหน้าผากของฟีฟ่าเพื่อวัดไข้“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ฟีฟ่าจับมือของฉันออกจากหน้าผากของเธอและเอามาวางไว้ที่ตักแทนตอนนี้ฉันมองหน้าฟีฟ่าในใจก็คิดสงสัยขึ้นมาว่าเรื่องเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จากน้ำเสียงที่ดูกลัวและตกใจมากตอนที่โทรมาหาฉันเมื่อวาน บวกกับความโกรธความงอแงของยัยนี่ทำให้รู้สึกว่ายังไม่ควรถามตอนนี้ ถ้าฟีฟ่าอยากเล่าคงเล่าให้ฟังเองแหละ
เมื่อส่งฟีฟ่าขึ้นรถเรียบร้อยก็กลับขึ้นห้องมานอน วันนี้ก็โทรไปลางานที่ร้านสะดวกซื้อเรียบร้อยแล้วด้วยเพราะมันเพลียมากจริงๆ เมื่อคืนเหมือนไม่ได้นอนเลยแถมยังปวดหลังอีกต่างหากฉันเดินขึ้นมาที่ห้องและกระโดดขึ้นเตียงทันที เห้ออออ! เหนื่อยจังเลยแต่ละวันของฉันมันช่างมีเรื่องราวมากมายจริงๆ ตอนนี้คงต้องพักสักหน่อยแล้วล่ะ
2วันผ่านไป 19:25 น.นี่ก็ผ่านมา2วันแล้วนับตั้งแต่ที่เจอยองวอนครั้งล่าสุด แต่คำพูดของเขามันยังดังอยู่ในหัวฉันทุกวันเหมือนเราพึ่งเจอกันเมื่อไม่กี่นาที เห้อ! ทำยังไงดีนะ ฉันคิดเรื่องนี้ตลอด แต่ทำได้แค่ปล่อยให้มันผ่านไปแต่ละวันเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดจริงๆ ยองวอนต้องการให้ฉันกลับไปทำงานหรอ ถึงจะอยากกลับไปมากแค่ไหนแต่จะทำแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อฉันเป็นคนไปลาออกจากบริษัทเอง ใครๆก็รู้ว่ากว่าจะเข้าทำงานที่ PST ได้มันยากแค่ไหน แล้วยิ่งฉันไปก่อเรื่องแบบนั้นไว้คงไม่ได้กลับไปทำงานอีกแล้วแน่ๆ
“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”
“อื้ออออ” นี่ฉันเผลอหลับไปอีกแล้วหรอช่วงนี้ดูเหมือนจะเหนื่อยเพราะต้องตระเวนหางานและก็มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ เวลาพักผ่อนของฉันถูกทำลายลงด้วยเสียงเพลงอันไพเราะของTrust5 ฉันควานหาแว่นตาที่วางอยู่บนหัวเตียงมาใส่ และมองดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 19:25 น. ใครโทรมาป่านนี้นะ“สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับโทรศัพท์ด้วยเสียงงัวเงียโดยไม่ได้ดูที่หน้าจอ “ฮัลโหล ซารังของพวกเรานอนแล้วหรอเนี้ย ตกงานแล้วขี้เกียดจังเลยนะยัยแว่น นี่พึ่งจะทุ่มครึ่งเอง” ซารังของพวกเราหรอ ฉันรีบเอาโทรศัพท์ที่แนบหูออกมาเพื่อดูชื่อบนหน้าจอ “เจ้าอสูรร้าย” ใช่แล้วค่ะฉันบันทึกเบอร์ยองวอนว่าเจ้าอสูรร้านส่วนของพี่ซองมินคือเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ยองวอนไม่น่าจะเรียกฉันแบบนั้นนะ ฟังจากเสียงอันร่าเริงแล้วถ้าไม่ใช่ซีโน่ก็ฮยอนจุน แต่ถ้าเป็นซีโน่เขาก็พูดภาษาไทยกับฉันแล้วสิ“นั่นฮยอนจุนหรอ” ฉันถามกลับไปเมื่อเรียบเรียงความคิดได้“เธอนี่เก่งจังเลยนะ สมแล้วที่เป็นซารังเพื่อนรัก” 55555 ซารังเพื่อนรัก มีแต่ฮยอนจุนคนเดียวแหละที่เรียกฉันแบบนี้“55555” ฉันหลุดหัวเราะกับความน่ารักของเขา “นายโทรมามีอะไร”“เธอลืมของไว้ที่คอนโดน่ะ เป็นกล่องใบใหญ่ๆใบหนึ่ง ข้างในมีรูปปปป” ฮยอนจุนลากเสียงยาวตรงคำว่ารูป แต่ก็ทำให้ฉันนึกออกทันที นั่นมันกล่องรูปภาพของพวกเขาและของที่ระลึกบางอย่างที่ได้มาจากคอนเสิร์ต โอ้ย! ตายแล้ว ฉันลืมไปเลยว่าไม่ได้เอามาด้วย“นี่! นายเปิดดูแล้วหรอ นั่นมันของฉันนะ” ฉันตาสว่างทันทีที่คิดได้ว่าตัวเองลืมอะไรไว้“ก็เธอลืมไว้เองนี่ ถ้าไม่อยากให้พี่ๆคนอื่นรู้รีบมาเอาไปดีกว่านะ ไม่งั้นฉันอาจจะเรียกคนอื่นมาดูก็ได้” ฮยอนจุนทำเสียงล้อเลียนได้น่าหมั่นเคี้ยวมาก“นี่ไอ้ตัวแสบ ฉันไปถึงเมื่อไหร่นายตายแน่” ฉันตัดสายฮยอนจุนและรีบแต่งตัวตรงไปที่คอนโดทันที
ติ้ด ติ้ด ติ้ด ตื้อดือดือหื้อ! รหัสเข้าคอนโดไม่ได้เปลี่ยนหรอ ฉันลองกดรหัสเข้าห้องเดิมที่เคยใช้เมื่อก่อนเพราะว่าโทรหาฮยอนจุนแต่เขากลับไม่รับสาย“เย้ๆๆๆๆ”เมื่อเดินเข้าไปในห้องสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือ ซีโน่ที่วิ่งเข้ามาทำหน้าระรื่นใส่ฉัน “มาช้าจังเลยนะ พวกเรารอตั้งนาน” ซีโน่พูดกับฉันเป็นภาษาไทย“ซารัง มานั่งก่อนสิ” พี่อึนจูที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ส่วนกลางห้องที่เป็นที่นั่งเล่นพูดขึ้นทำให้ฉันต้องละสายตาจากซีโน่ที่ทำตัวน่ารักอยู่ข้างหน้าฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆพี่อึนจู พวกเขากำลังฉลองอะไรกันอยู่นะ ของกินเต็มโต๊ะเลยแล้วทำไมฮยอนจุนต้องมาอยากแกล้งฉันวันนี้ด้วย“ฉันอยู่ไม่นานหรอก แค่มาเอาของน่ะ” เมื่อเห็นว่าพี่อึนจูกำลังตักของกินใส่จาน ฉันเลยรีบบอกก่อนที่พี่เขาจะยกไก่ทั้งตัวมาใส่จานของฉัน “อ่าว เธอไม่ได้จะกลับมาทำงานวันนี้หรอ พวกพี่นึกว่าเธอจะกลับมาวันนี้เลยซื้อของมาฉลองเยอะแยะเลย ยังไงก็กินก่อนแล้วค่อยกลับแล้วกัน” คราวนี้เป็นพี่จุนโฮพูดขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน กลับมาทำงานหรอ ฉันจะกลับมาทำงานได้ไงก็ฉันไปลาออกกับบริษัทแล้ว“ฉันไม่ได้จะกลับมาทำงานนะคะ ฉันลาออกแล้ว” ฉันหันไปตอบพี่จุนโฮที่กำลังตักอาหารคำโตเข้าปาก“นี่เธอยังไม่รู้หรอว่ายองวอนไปบอกให้บริษัทจ้างเธอเป็นผู้จัดการของเขา” ห้ะ! ยองวอนเนี้ยนะ ไปบอกให้บริษัทจ้างฉันเป็นผู้จัดการ ฉันหันหน้าไปมองยองวอนทันทีที่พี่จุนโฮพูดจบ“อืม เธอก็กลับมาทำงานพรุ่งนี้เลย เพราะอาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มรับงานแล้ว” ยองวอนเงยขึ้นมาจากจานอาหารและตอบคำถามของฉันจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“แล้วคราวนี้อย่าลาออกโดยไม่บอกพวกเราอีกล่ะ เธอรู้มไหมยองวอนไปบอกท่านประธานว่าถ้าไม่ใช่เธอก็จะไม่รับผู้จัดการคนอื่นอีก55555” พี่ซองมินพูดขึ้นและหัวเราะพร้อมทำเสียงล้อเลียนยองวอน นี่เขาพูดแบบนั้นจริงๆหรอ“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย พี่อย่ามาแต่งเรื่อง” ยองวอนปฏิเสธเสียงดังลั่นทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาเป็นเสียงเดียวกัน“เขาพูดแบบนั้นแหละ ฉันยืนยันได้” ซีโน่หันมามองหน้าฉันและพูดเป็นภาษาไทย“นี่ บอกแล้วไงว่าอย่าคุยกันแค่2คน นายห้ามพูดภาษาไทยกับเธออีกนะ” พี่จุนโฮโวยวายเพราะฟังที่ซีโน่พูดไม่รู้เรื่อง 55555พวกเขานี่น่ารักกันจริงๆเลยนะ บรรยากาศแบบนี้ฉันคิดถึงมาก ถึงพวกเขาจะชอบเถียงกันไปมาแต่มันกลับทำให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้“แล้วทางบริษัทอนุญาตแล้วหรอคะ ฉันสามารถเริ่มงานได้เลยหรอ” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนฉันเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ทัน“ใช่สิ เธอก็ขนของกลับมาได้เลย” พี่อึนจูหันมาตอบคำถามของฉัน“เอ้ออ ของที่เธอจะมาเอาฉันวางไว้ที่เตียงเธอนะ” ฮยอนจุนยิ้มเจ้าเลห์ใส่ฉัน ฝากไว้ก่อนเถอะคราวหลังฉันจะจัดการนาย“เธอไปคอนเสิร์ตที่ไทยด้วยหรอ ตอนนั้นยืนอยู่ตรงไหนล่ะ” พี่ซองมินที่กำลังเกะไก่ให้ฮยอนจุนถามขึ้นมาทำให้ทุกๆคนมองมาที่ฉันยกเว้นยองวอนแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันไปดูคอนเสิร์ต อย่าบอกน่ะว่าฮยอนจุน!! นี่นายให้ทุกคนดูหมดแล้วหรอฉันรีบหันหน้าไปทางฮยอนจุน เป็นการถามคำถามซึ่งเขาก็น่าจะรู้ดี เพราะทันทีที่ฉันมองไปฮยอนจุนก็หัวเราะออกมาทันที“55555 ฉันเปล่านะ พี่มีรันต่างหาก เขาเอามาให้พวกเราดูวันที่พวกเรารู้ว่าเธอลาออกน่ะ” โอ้ยยยย แล้วทำไมฉันต้องมาลืมเอาไว้ที่นี่ด้วยเนี่ย“พี่ขอโทษ ก็พี่ไม่รู้นี่ว่าข้างในมันคืออะไร แค่ขอดูนิดเดียว แต่พวกเขาก็รื้อออกมาจนหมดเลย” ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้จะตอบคำถามพี่ซองมินยังไงดี ในนั้นรูปพี่ซองมินเยอะซะด้วย แถมรูปส่วนมากก็เป็นรูปที่เขาถอดเสื้อโชว์หุ่นเท่ๆทั้งนั้น“คือ ฉันยืนอยู่โซนหน้าเลยค่ะ” ฉันหันไปตอบพี่ซองมินพร้อมหยิบขนมเข้าปากแก้เขิน“นี่ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเป็นโรคจิตนะเนี้ย5555+ ก็เล่นเก็บรูปพี่ซองมินแก้ผ้าไว้เยอะขนาดนั้น” พี่จุนโฮอย่าทำร้ายฉันแบบนี้สิ ฉันก็อายเป็นนะ อีกอย่างฉันเป็นแค่แฟนคลับที่บังเอิญได้มาเป็นผู้จัดการก็แค่นั้น ไม่ใช่โรคจิตสะหน่อย“ฉันไม่ใช่โรคจิตนะ อีกอย่างในนั้นก็มีรูปพี่ตั้งเยอะไม่ได้มีแค่พี่ซองมินสะหน่อย” ฉันหันไปทำหน้างอใส่พี่จุนโฮที่ว่าฉันเป็นโรคจิต“แล้วทำไมไม่บอกพวกเราละว่าเป็นแฟนคลับพวกเรา แล้วคอนเสิร์ตที่เธอไปดูมันก็เมื่อ2ปีที่แล้วนะ” ซีโน่ถามเป็นภาษาเกาหลี คงกลัวโดนพี่ๆว่าเอาอีก“ก็ฉันอาย แถมถ้าบอกไปกลัวจะทำงานกัน ลำบากแล้วก็กลัวทุกคนคิดว่าเป็นโรคจิตด้วย”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ตื่นเต้นดีออกพวกเราไม่เคยมีผู้จัดการที่เป็นแฟนคลับเลย” หืออ พี่ซองมินที่แสนอบอุ่นของฉัน“งั้นพี่ยองวอนก็รู้เรื่องนี้นานแล้วสิ ไม่บอกพวกเราเลย” ฮยอนจุนหันไปว่ายองวอน“ก็เจ้าตัวเขาไม่อยากให้บอกจะให้ฉันพูดได้ไงล่ะ แต่ยัยนี่ไม่ได้พี่งจะมาเป็นแฟนคลับนะเธอเป็นมาตั้ง5ปี รายการเพลงในมือถือของเธอมีแต่เพลงของพวกเราเต็มไปหมด แถมวอลเปลปอร์ยังเป็นรูปพี่ซองมินอีก” ขอบคุณนะที่ช่วยฉันรักษาความลับเพื่อที่จะเอามาเปิดเผยวันนี้จนหมดเปลือก“โหวววว จริงหรอ นี่เราเจอแฟนคลับอันดับ1แล้วสิ” ซีโน่ทำหน้าตาตื่นเต้น “คอนเสิร์ตวันนั้นเธอยืนข้างหน้าก็เห็นพี่ซองมินถอดเสื้อชัดเลยล่ะสิ มองเพลินเลยไหมล่ะ” ฮยอนจุนนายจะล้อเลียนฉันใช่ไหม เรื่องเก่าที่หลอกฉันมาที่นี่ยังไม่ได้ชำระแค้นเลยนะ ได้เดี๋ยวจัดให้“ก็ชัดนะ ชัดพอที่จะเห็นว่ากางเกงนายเป้าแตก แล้วนายก็ใส่กางเกงในสีแดงลายดอกไม้ด้วย” ฉันหันไปทำหน้าล้อเลียนใส่ฮยอนจุน เขาทำหน้าเอ๋อไปเลย5555 ก็คอนเสิร์ตวันนั้นฮยอนจุนเต้นแรงจนเป้ากางเกงแตกเลย แฟนคลับนี่กรี้ดกันสนั่นไปหมด“55555+ ลืมไปเลยอ่ะ วันนั้นนายเต้นจนเป้าแตกเลย” พี่จุนโฮและคนอื่นๆหัวเราะกันลั่นเพราะสิ่งที่ฉันพึ่งจะพูดเพื่อเอาคืนฮยอนจุนไป“ฉันมีคลิปด้วยนะ ถ่ายไว้ทันพอดี พี่อยากดูกันไหม” ฉันทำท่าจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดคลิปให้พวกเขาดู“นี่ๆๆ อย่านะ” ฮยอนจุนรีบมาคว้ามือถือของฉันไปทันที“นี่เอาคืนมา นายจะอายทำไมแฟนคลับเขาก็เห็นกันทั้งนั้น” พี่จุนโฮพูดพร้อมกับแย่งมือถือที่ฮยอนจุน และส่งคืนมาให้เพื่อเปิดเขาไปในโฟลเดอร์วีดีโอที่บันทึกชื่อไว้ว่า “น้องเล็กฮยอนจุนเป้าแตก”“555555 นี่เธอบันทึกไว้แบบนี้มาตลอด2ปีเลยหรอ” พี่จุนโฮหัวเราะเมื่อเห็นชื่อไฟล์ที่ฉันบันทึกเอาไว้“ใช่ ฉันคิดว่าจะเอาให้เขาดูด้วยตัวเองในวันงานแฟนมีตติ้ง ไม่คิดเลยว่าจะได้เอาให้ดูที่นี่พร้อมทุกคน5555” ฉันกดเข้าไปในไฟล์ทันทีพร้อมกับกดเล่นวีดีโอหลังจากนั้นเสียงหัวเราะที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครนักก็ดังสนั่นเพราะสิ่งที่ได้เห็น ฮยอนจุนที่กำลังเต้นทำเท่โชว์แฟนคลับดันเป้าแตกสะได้55555+“นี่เราไม่ได้ดูคลิปนี้มานานแล้วนะเนี้ย เมื่อก่อนเราล้อฮยอนจุนทุกวันจนเขาโกรธเลย ดีนเที่เธอถ่ายไว้ได้แถมยังชัดมากด้วย” พี่ซองมินหันมาพูดกับฉันเมื่อพวกเขาดูคลิปจบและหัวเราะกันจนเหนื่อย“ถ้าพวกพี่ไม่หยุดขำ ผมก็จะโกรธอีกรอบแล้วเนี้ย” ฮยอนจุนที่นั่งทำหน้างออยู่พูดขึ้น55555+“โอ๋ๆๆๆ ฮยอนจุนเพื่อนรักอย่าโกรธนะ” ซีโน่แสร้งทำท่าเข้าไปโอ๋ทั้งๆที่เมื่อกี้นายหัวเราะดังสุดเลย“เล่าเรื่องแฟนคลับให้พวกเราฟังหน่อยสิ พวกเราไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาคิดยังไงกับเราบ้าง” พี่จุนโฮหยุดหัวเราะและกลับมาตักอาหารเข้าปากอีกครั้ง“อืมมมม เรื่องแฟนคลับหรอ” ฉันคิดอยู่สักพักว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี ถ้าฉันรู้ว่าจะได้มานั่งเล่าเรื่องแฟนคลับให้พวกเขาฟังแบบนี้คงเตรียมพร้อมสิ่งที่อยากพูดมาแล้วแหละ “อืม แฟนคลับยกให้พี่เป็นหน้าตาของTrust5 พวกเขาชอบบอกว่าพี่หล่อที่สุด” ฉันหันไปตอบพี่จุนโฮ“จริงหรอ นี่ฉันหล่อกว่ายองวอนอีกหรอเนี้ย55555” เสียงพี่จุนโฮดูหัวเราะชอบใจมาก พี่จุนโฮเป็นคนที่มีแฟนคลับเยอะมากเพราะเขาเป็นนักแสดงด้วย“แล้วก็เคยมีการโหวดเล่นๆในกลุ่มแฟนคลับว่าใครเซ็กซี่ที่สุดแล้วคนที่ได้ตำแหน่งไปก็คือพี่ซองมิน” พูดไปฉันก็เขินไป ตัวบิดจนจะเป็นเกรียวอยู่แล้ว“นี่ ไม่ต้องเขินออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้เพราะแบบนี้ถึงมีรูปพี่ซองมินแก้ผ้าอยู่เต็มกล่องสินะ” ซีโน่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่ยิ้มไม่หยุดตอนที่พูดถึงพี่ซองมิน “แล้วฉันละแฟนคลับไม่พูดอะไรถึงฉันบ้างหรอ”“พวกเขาบอกว่านายสองคนเป็นคนที่ทำให้Trust5 ดังไปทั่วโลก”“จริงหรอ พวกเราหล่อขนาดนั้นเลยหรอ” ฮยอนจุนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“เปล่าอะ เพราะความติ๊งต๊องทำให้แฟนคลับทั่วโลกหัวเราะออกมาตลอด” “นี่ยัยลูกหมาขาสั้น” ฮยอนจุนเปลี่ยนน้ำเสียงทันที“อย่าเรียกฉันแบบนี้นะ ฉันมีชื่อนะ ซารังๆๆ ห้ามเรียกแบบนี้อีก” เพราะยองวอนแน่ๆที่เอาแต่เรียกฉันแบบนี้คนอื่นเลยเรียกตาม“5555+” และทุกคนก็หัวเราะกับท่าทีร้อนรนของฉัน ไม่เห็นตลกเลยลูกหมาขาสั้นมันน่าเกลียดออกฉันเริ่มเล่าเรื่องของพวกเขาที่แฟนคลับชอบพูดถึงทีละคนทีละคน ซึ่งมันก็เยอะแยะเหลือเกินจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เราคุยกันอย่างสนุกสนานเสียงหัวเราะดังเป็นระยะๆ ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว และฉันก็อิ่มและง่วงนอนมากด้วยเลยขอกลับก่อน“ฉันจะไปส่งเอง”ยองวอนอาสาไปส่งฉันที่อพาร์ทเม้นท์“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันกลับเอง” แต่ฉันปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เขาขับรถดึกๆ ยองวอนไม่ชอบขับรถตอนดึกๆสักเท่าไหร่ฉันรู้เรื่องนี้จากพี่จุนโฮ เวลาไปทำงานฉันเลยต้องเป็นคนขับรถให้เขาตลอด“ฉันจะไปส่ง ฉันเป็นคนทำให้เธอลาออกจากงานให้ฉันไปส่งเพื่อเป็นการขอโทษ เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน” อ่อ แบบนี้เองสินะ ไม่ได้อยากไปส่งเพราะเป็นห่วงเลยสักนิด“ให้เขาไปส่งเถอะ ดึกแล้วมันอันตรายเธอกลับเองพวกเราจะเป็นห่วงเปล่าๆ” พี่ซองมินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเราสองคนยืนเถียงกันอยู่นาน ถ้าเป็นคำสั่งของพี่ซองมินฉันยินดีทำตามเสมอค่ะ
ไม่นานรถของยองวอนก็มาถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ของฉัน เขาขับรถไม่เร็วมากและมองซ้ายมองขวาตลอดคงเพราะไม่ชอบขับรถตอนกลางคืน ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมาส่งนี่ก็ต้องขับกลับคนเดียวอีก“ขอบคุณนะที่มาส่ง” ฉันปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับพูดขอบคุณเขา“เดี๋ยว” ยองวอนเอื่อมมือมาจับแขนของฉันที่กำลังจะเปิดประตูรถ “เรื่องวันนั้นที่ฉันตะคอกใส่เธอ ขอโทษนะ”คราวนี้เขาขอโทษฉันเป็นครั้งที่3แล้วตั้งแต่เราเจอกัน แต่เขาก็ควรขอโทษหรอก ฉันได้แต่นั่งนิ่งมองหนายองวอนเพราะไม่รู้จะตอบอะไร “แล้วก็ ฉันซื้อจักรยานแล้วด้วย” หือ นี่เขาซื้อจักรยานจริงๆหรอเนี้ยนึกว่าแค่พูดเล่น“นายอยากไปปั่นจักรยานเล่นอีกหรอ” ฉันถามเขาหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน“ใช่ มันก็สนุกดี” ฉันดีใจนะที่เขาสนุก “พรุ่งนี้เธอจะย้ายเข้าคอนโดกี่โมง เดี๋ยวฉันจะมารับ”ถ้าบอกว่าจะไปเองเขาก็คงดื้อรั้นที่จะมารับสินะ ก็ดี มีคนขับรถส่วนตัวอีกสักวันเดี๋ยวฉันก็ต้องกลับไปเป็นคนขับรถของเขาละ“สัก1ทุ่มแล้วกัน ฉันต้องคุยกับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์แล้วก็เรื่องงานที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ด้วย”“โอเค พรุ่งนี้ทุ่มนึงเจอกัน เก็บของให้เรียบร้อย”“รับทราบค่ะเจ้านาย”เมื่อฉันพูดจบยองก็วอนปล่อยมือออกจากแขนของฉันที่เขาจับอยู่ ฉันเดินลงจากรถและหันไปมองรถของยองวอน เพื่อรอให้เขาขับออกไปจากที่นี่ก่อน วันนี้สนุกมากที่ได้อยู่กับ5หนุ่มที่ฉันชื่นชอบ ได้กินข้าวด้วยกันหัวเราะด้วยกัน เล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง มันทำให้หายเหนื่อยจากเรื่องวุ่นวายที่เจอมาหลายๆวันได้ทันที ดีจังเลยที่ได้อยู่กับพวกเขา
“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการวางแผนชีวิตของฉันมาก ฉันหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาซึ่งมันเป็นชื่อของยัยเพื่อนรักเพื่อนเพี้ยน “สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ”“ฮัลโหลว่ายังไงคะ” ฉันกดรับสายฟีฟ่าด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนเต็มที่“แก ฟื้ด! มาหาฉันหน่อยฉันกลัว” แต่เดี๋ยวก่อน เสียงฟีฟ่าสูดน้ำมูกเข้าจมูกแบบนี้ไม่ป่วยก็คงร้องไห้อยู่ เธอสะอื้นเบาๆอีกต่างหาก ร้องไห้แน่ๆ“แกเป็นอะไรใครทำอะไร ร้องไห้อยู่หรอ” ฉันถามฟีฟ่าด้วยความเป็นห่วง ฉันกับฟีฟ่าเราสนิทกันมาก ฟีฟ่าคอยช่วยเหลือฉันมาตลอด2ปี มีอะไรเราก็มักจะเล่าให้อีกคนฟังและช่วยกันแก้ปัญหาเสมอ เวลาฟีฟ่าร้องไห้หรือมีเรื่องเสียใจก็จะโทรมาหาฉันก่อนคนอื่นตลอด“ฮือออออ มาหาฉันที เดี๋ยวนี้!” พอฉันถามไปฟีฟ่าก็ปล่อยโฮออกมาทันที แถมคำว่าเดี๋ยวนี้! ของเธอมักไม่ใช่ประโยคขอร้องเสมอ แต่มันคือประโยคคำสั่ง“โอเค แกอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันไปหา” ฉันรีบเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปหายัยนั่นทันทีที่เธอบอกที่อยู่ ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจจริงๆ ฟีฟ่ามักจะไม่ร้องไห้กับอะไรง่ายๆ เธอเป็นคนร่าเริงออกจะติ๊งต๊องและยิ้มเก่งมากๆฉันสั่งคนขับให้เร่งความเร็วไม่นานก็ถึงตามที่ฟีฟ่าบอก ที่นี่คือสนามกีฬาหรือเป็นศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาทุกชนิดที่เปิดให้เป็นสาธาณะนั่นเอง ฉันรู้เพราะว่าบริษัทมักจะมาถ่ายรายการที่นี่บ่อยๆ งั้นแสดงว่าฟีฟ่าคงจะมาทำงานที่นี่สินะ แต่ทำไมเวลางานถึงได้ร้องไห้ฟูมฟายโทรหาฉันแบบนั้นล่ะตอนนี้ฉันเดินมาถึงส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำของที่นี่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือTrust5 ทุกคนกับยัยฟีฟ่าที่นั่งอยู่ขอบสระว่ายน้ำ ถัดออกไปเป็นซีโน่และทางด้านหลังของซีโน่ก็มี พี่ซองมิน ยองวอน ฮยอนจุน พี่จุนโฮ ทุกคนอยู่กันครบเลย จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไงล่ะ ฉันออกมาจากคอนโดโดยไม่ได้บอกพวกเขาสักคำเลย“ดาด้า!” ฟีฟ่ามองมาเห็นฉันที่ประตูทางเข้าพอดีเธอตะโกนเรียกฉันเสียงดังลั่น ยัยเพื่อเพี้ยนรู้แล้วว่าดีใจที่เจอแต่ไม่ต้องตะโกนขนาดนี้ก็ได้ เพราะทันที่ฟีฟ่าตะโกนเรียกชื่อฉันทุกคนก็หันมามองฉันทันทีในนี้มีแค่พวกเขา ฉัน แล้วก็ฟีฟ่า คงจะมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ ยัยฟีฟ่าไปก่อเรื่องอะไรไว้เนี้ยแล้วทำไมต้องเป็นกับ Trust5 แถมยองวอนก็อยู่อีกต่างหาก แล้วฉันจะกล้ามองหน้าเขาไหมเนี้ยฉันรวบรวมความกล้าเดินไปหาฟีฟ่าที่นั่งสั่นอยู่ขอบสระ และถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกให้เธอก่อนเป็นอันดับแรก“เป็นอะไรมากหรือเปล่า หนาวไหม?” ฉันสวมเสื้อให้และกอดเธอเอาไว้เพราะฟีฟ่าตัวสั่นมาก อย่าบอกนะว่าตกสระว่ายน้ำ ยัยนี่ว่ายน้ำไม่เป็นและก็กลัวการจมน้ำเอามากๆเลยเพราะเคยมีประสบการณ์แย่ๆเกี่ยวกับการจมน้ำ ถึงว่าตัวเธอสั่นไปหมดคงจะกลัวมาก“ทำไมเป็น ซารังล่ะ” พี่จุนโฮที่ตอนนี้ดูแปลกใจมากที่เห็นฉันพูดขึ้น ฉันกับพี่จุนโฮเราชอบคุยกันเรื่องของยองวอน พี่จุนโฮชอบเล่านิสัยและก็สิ่งที่ยองวอนไม่ชอบให้ฉันฟัง บางอย่างก็เป็นสิ่งที่แฟนคลับอย่างฉันไม่เคยรู้มาก่อน“นี่เธอ จะลาออกไม่บอกพวกเราสักคำนะ เห็นพวกเราเป็นก้อนหินหรอ” ฮยอนจุนช่วยเสริม เขาคงจะโกรธที่ฉันหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว“นั่นสิซารัง เธอน่าจะบอกพวกพี่สักนิดก่อนจะย้ายออก พวกเราเป็นห่วงนะ โทรไปก็ไม่รับ” ฮืออออ พี่ซองมินของฉันพูดว่าเป็นห่วงฉันหรอเนี้ย พวกเขาทุกคนดีกับฉันมากจริงๆ ตอนที่ฉันอยู่ที่คอนโดพวกเขาทำเหมือนฉันเป็นเพื่อนของพวกเขา พี่ซองมินผู้อ่อนโยนฉันจะรับสายพวกเขาได้ยังไงในเมื่อลาออกมาแล้วถ้าติดต่อกันอยู่คงทำใจไม่ได้“ถึงคิวเธอเลือกร้านอาหารแล้วนะ ไหนว่ามีรานอาหารไทยอร่อยๆไง” ฮยอนจุนนี่นายห่วงร้านอาหารไทยมากกว่าฉันหรอเนี้ยตัวแสบ “ซารังอะไร นี่พาราดาเพื่อนฉัน” ฟีฟ่าพูดขัดขึ้นมา ซีโน่ก็เอาแต่จ้องฟีฟ่านิ่งจนน่ากลัวและยองวอนก็เอาแต่จ้องฉันนิ่งจนน่ากลัวกว่า ฉันไม่เคยเห็นซีโน่ผู้ร่าเริงในมุมนี้เลย สายตาของเขาดูแปลกไปมาก“ดา เรากลับกันเถอะพาฉันกลับบ้านหน่อย” ฟีฟ่าร้องไห้ไปพูดไป ยัยขี้งอแงเอ้ยขอฉันรู้เรื่องราวก่อนได้ไหมเนี้ยและฉันก็อยากจะขอโทษพวกเขาด้วย “ดา! กลับกัน” ฟีฟ่าเรียกสติฉันที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆว่าจะเอายังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้“เดี๋ยวฉันไปส่ง” ซีโน่คว้ามือข้างหนึ่งของฟีฟ่าเอาไว้และอาสาจะไปส่งพวกเรา“ไม่ต้อง!” ตกใจหมด! อยู่ดีๆยัยนี่ก็ตะโกนออกมาเสียงดังใส่ซีโน่และสะบัดข้อมือออกจากซีโน่ทันที ไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ ไม่เห็นต้องไปโมโหใส่เขาขนาดนั้น ตอนนี้ฉันอยากรู้มากจริงๆว่าซีโน่ไปทำอะไรทำไมยัยเพื่อนเพี้ยน ถึงกล้าตะคอกใส่เขาแบบนี้ ไม่กลัวเขาเอาไปฟ้องประธานแล้วโดนไล่ออกหรือไง ไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหนเนี้ย“เอ่อออ ตอนนี้เธอคงกำลังโกรธมาก เดี๋ยวฉันพาเธอกลับเองดีกว่านะซีโน่” ฉันบอกกับซีโน่เพื่อไม่ให้เขาโกรธที่ยัยนี่ไปตะคอกใส่“เดี๋ยวก่อนซารัง เธอยังไม่ได้บอกพวกเราเลยนะ” ฮยอนจุนเรียกฉันที่กำลังจะกลับหลังเดินออกจากที่นี่“เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ฉันต้องพาเพื่อนกลับก่อนเดี๋ยวเธอจะไม่สบาย”“ฉันจะไปส่งเอง” คราวนี้เป็นยองวอนที่จะไปส่งเราแทน โอ้ย!! แล้วฉันจะเอายังไงดี แค่มองหน้าเขายังไม่กล้ามองเลย ฉันได้แต่ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นจริงๆ“ทำไม? เพื่อนเธอเกลียดซีโน่แต่ไม่ได้เกลียดฉันนี่ ทำไมฉันจะไปส่งไม่ได้? เปียกขนาดนั้นแท็กซี่ไม่รับหรอกรถเมล์ก็อีกนานกว่าจะถึง” ที่เขาพูดก็ถูก แท็กซี่คงไม่รับแน่แต่ถึงฟีฟ่าไม่เกลียดนาย นายก็เกลียดฉันอยู่ดีนี่นา“ก็ได้” ฉันตอบตกลงเพราะเป็นห่วงฟีฟ่า ตอนนี้เธอสั่นไปทั้งตัว
ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าพูดหรือมองหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้คงจะรู้สึกดีและก็สบายใจที่ฉันไม่ได้อยู่ที่คอนโดแล้ว จะยังเกลียดฉันอยู่หรือเปล่านะ
"ถามได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของฉัน" เมื่อเห็นว่าฟีฟ่าหลับสนิทฉันเลยคิดว่าน่าจะลองถามยองวอนดูเผื่อว่าเขาอาจจะรู้เรื่อง"ไม่รู้ ตอนเราเข้าไปก็เห็นซีโน่อุ้มเพื่อนของเธอขึ้นมาจากสระว่ายน้ำแล้ว หลังจากนั้นเพื่อนเธอก็โวยวายใหญ่โตจะให้โทรหาเธออย่างเดียว" เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย ฟีฟ่าตกน้ำเธอถึงได้กลัวขนาดนั้นไม่นานเราก็มาถึงอพาร์ทเม้นท์ของฉัน"ฟีฟ่า ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วนะ" ฉันรีบลงจากรถและไปเรียกฟีฟ่าทันที ตอนนี้เธอตัวร้อนมากเธอมีไข้เพราะคงจะนั่งตัวเปียกอยู่นาน เธอไม่ตอบอะไรและตัวก็สั่นไปหมด"เดี๋ยวฉันอุ้มไปเอง" ยองวอนพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย เขาเดินอ้อมมาฝั่งที่ฉันยืนอยู่และกำลังจะเข้าไปอุ้มฟีฟ่า"เดี๋ยวก่อน ฉันกลัวว่าถ้าคนอื่นจะมาเห็น นายจะมีปัญหาได้นะ" ฉันจับแขนของเขาไว้ก่อนที่เขาจะช้อนร่างของฟีฟ่าขึ้นมา"ดึกขนาดนี้ไม่มีใครเห็นหรอก แล้วที่นี่ก็มืดจะตายไม่มีใครจำฉันได้หรอก" ยองวอนยืนยันที่จะเป็นคนอุ้มฟีฟ่าขึ้นไปข้างบน เหมือนพระเอกอุ้มนางเอกในละครไม่มีผิด นี่ฉันขอป่วยแทนได้ไหมเนี้ย แต่เดี๋ยวก่อนเขาเกลียดเธอขนาดนี้ไม่มีทางมาอุ้มเธอแน่ๆยัยพาราดาฉันเดินนำหน้ายองวอนขึ้นบันไดไปที่ชั้น2 ห้องของฉันอยู่สุดทางเดินเมื่อมาถึงหน้าห้องก็รีบเปิดให้ยองวอนเข้าไปทันที รู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องให้เขามาเห็นห้องนอนรูหนูของฉัน ยองวอนอุ้มฟีฟ่าไปที่เตียงและค่อยๆวางเธอลงช้าๆ ตอนนี้อสูรร้ายของฉันดูอ่อนโยนมากซะจนฉันอิจฉายัยฟีฟ่าเลย"เสื้อนายเปียกหมดเลย เข้าไปถอดออกก่อนเถอะเดี๋ยวป่วยอีกคน ฉันก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฟีฟ่าด้วย" ช่วงนี้เป็นหน้าหนาวเขาไม่ควรใส่เสื้อผ้าเปียกๆ แบบนั้นยิ่งป่วยง่ายอยู่ยองวอนถอดเสื้อตัวข้างในเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ ฉันเองก็ถอดเสื้อผ้าของฟีฟ่าเสร็จพอดี ตอนนี้ยองวอนดูเซ็กซี่มากจริงๆ เขาถอดเสื้อตัวในออกทำให้เห็นหน้าอกของเขาเพราะเสื้อคลุมตัวนอกเป็นแค่เสื้อแขนยาวคอวีเท่านั้น ฉันอดมองและคิดถึงรอยแผลที่เคยกัดเขาไม่ได้ จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่านะ ผิวของเขายิ่งขาวๆอยู่แล้วฉันก็ดันไปกัดตรงนั้นอีก โอ๊ย!! ทำไมยิ่งคิดหน้าของฉันก็เริ่มร้อนขึ้นมาแบบนี้"ขอบคุณนะที่มาส่งเรา" ฉันพยายามละสายตาจากแผงอกที่แสนเซ็กซี่ของยองวอน และกล่าวขอบคุณเขาเจ้าอสูรร้ายไม่ได้ตอบอะไรเอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่ง ตอนนี้เขายื่นอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนฉันก็ยื่นอยู่ปลายเตียง"เธอถามฉันแล้วฉันก็ตอบเธอแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ถามเธอเลยนะ""นายจะถามอะไรล่ะ" ฉันมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ยองวอนไม่ได้ตอบคำถามของฉัน แต่เขากลับก้าวเท้าเข้ามาหาฉันทีละก้าวๆ และตอนนี้เขาก็มายืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเรายืนห่างกันแค่นิดเดียว นิดเดียวมากๆจนแทบได้ยินเสียงหายใจของเขาตึกตึก ตึกตึก ตึกตัก หัวใจของฉันไม่ได้เต้นแรงด้วยความตกใจแบบนี้มานานแล้ว ก็เขาคือพโยยองวอนที่แสนเซ็กซี่ แต่ตอนนี้เขากำลังจ้องมองฉันอยู่มันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกใจเต้นแรงรู้สึกร้อนๆและก็พูดอะไรไม่ออกเลย"ทำไมไม่บอกฉัน เรื่องที่เธอตกลงกับประธาน" ในที่สุดก็เป็นเขาที่พูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอันแสนแปลกประหลาดนี่"ถ้าพูดไปแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นล่ะ" ใช่แล้ว นายเกลียดฉันนี่ แค่จะโดนไล่ออกทำไมต้องบอกนายด้วย บอกไปแล้วนายจะเกลียดฉันน้อยลงหรอ บอกไปแล้วมันจะเปลี่ยนทุกอย่างได้หรอ"อย่างน้อยก็น่าจะบอกฉันสิ ตอนที่เธออยากมาก็มาโดยที่ฉันไม่ได้ต้อนรับ พออยากจะไปก็ไปโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต คิดจะทำอะไรตามใจตัวเองไปถึงไหน" ยองวอนเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉัน เขาดูเหมือนกำลังหงุดหงิด เจ้าอสูรร้ายกำลังจะออกมาฆ่าฉันอีกแล้ว ฮืออออ"ก็เราตกลงกันไว้แล้ว อีกอย่างนายก็เกลียดฉันมากด้วย""เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเกลียดเธอ" เขาบีบแขนของฉันด้วยความโมโห ใช่แล้วตอนนี้เขากำลังโมโหใส่ฉัน เหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรกไม่มีผิด"ก็นายเป็นคนพูดเอง" คราวนี้ฉันตะคอกใส่เขาบ้างเพราะความตกใจและรู้สึกเจ็บที่แขนของตัวเอง ฉันอยากจะทำแบบนี้มานานแล้วตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดการแล้ว ก็สามารถตะคอกเขาได้เท่าที่ต้องการ "ฉันเกลียดเธอ แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ไม่ไปถ่ายรายการ นายเป็นคนพูดแบบนี้เองลืมแล้วหรอ" เขาอึ้งไปเลยเพราะฉันตะคอกใส่เขาหรือเพราะเขาพึ่งนึกออกมาพูดอะไรแย่ไว้บ้างยองวอนจับแขนสองข้างของฉันแน่น เขาก้าวขาเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นจนตัวเราติดกันทำให้ฉันต้องถอยหลังแต่ตอนนี้ถอยมาจนติดหน้าต่างแล้วนะ ไม่มีที่ให้ถอยหลังแล้วนี่เขาจะทำอะไรเนี้ย ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วหรือว่าเขากำลังแกล้งฉันอีกแล้ว ยองวอนก้มหน้าลงมาใกล้จนหน้าของเราจะติดกัน ไม่นะฉันจะทนไม่ไหวแล้วใจของฉันมันเต้นแรงจนจะระเบิด ยองวอนนายเล่นอะไรของนายฉันไม่สนุกนะ"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้เกลียดเธอเรากลับบ้านกันเถอะนะ พโยซารัง" ยองวอนก้มลงมาใกล้จนริมฝีปากนุ่มนิ่มอมชมพูของเขาติดกับใบหูของฉัน เขากระซิบเสียงแผ่วเบาซึ่งมันให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนมากๆ ต่างจากยองวอนคนเกี้ยวกราดที่พึ่งตะคอกใส่ฉันเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เหมือนเป็นคนละคน หลังจากยองวอนพูดจบเขาก็ถอยหลังออกไปยืนอยู่ที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ฉันจะกลับไปรอที่คอนโด ถ้าฉันไม่อนุญาตให้ลาออก ก็ห้ามออกเด็ดขาดเข้าใจไหม? ยัยลูกหมาขาสั้น” แล้วยองวอนก็เดินไปหยิบเสื้อตัวในที่เปียกชุ่มและเดินออกไปจากห้องของฉันทันที ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งกับการกระทำของเขาอยู่คนเดียว ยัยลูกหมาขาสั้นหรอเมื่อไหร่จะเลิกเรียกน่าเกลียดๆแบบนี้สักที
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่ยองวอนออกไปจากห้อง และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของฟีฟ่าเรียก "กลับบ้านกันเถอะ พโยซารัง" คำพูดเมื่อคืนยังดังอยู่ในหัวของฉัน บ้านหรอเขาหมายถึงคอนโดที่ฉันเคยอยู่ร่วมกับพวกเขาสินะ หมายความว่ายองวอนยอมให้ฉันอยู่ที่คอนโดแล้ว แถมเรียกมันว่าบ้านอีกต่างหาก แล้วยังจะมาเรียกฉันว่าพโยซารังอีก ทำอย่างกับเป็นภรรยาของเขาไปได้ ฉันเริ่มงงกับการแสดงออกและคำพูดของยองวอนที่สวนทางกันจริงๆ“ดาด้า ทำไมมานอนตรงนี้” เสียงฟีฟ่าที่กำลังตกใจกับสภาพของฉันที่นั่งกอดเขาอยู่ที่พื้นข้างหน้าต่างทั้งคืน “แกเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” ฉันเอามือไปทาบหน้าผากของฟีฟ่าเพื่อวัดไข้“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ฟีฟ่าจับมือของฉันออกจากหน้าผากของเธอและเอามาวางไว้ที่ตักแทนตอนนี้ฉันมองหน้าฟีฟ่าในใจก็คิดสงสัยขึ้นมาว่าเรื่องเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จากน้ำเสียงที่ดูกลัวและตกใจมากตอนที่โทรมาหาฉันเมื่อวาน บวกกับความโกรธความงอแงของยัยนี่ทำให้รู้สึกว่ายังไม่ควรถามตอนนี้ ถ้าฟีฟ่าอยากเล่าคงเล่าให้ฟังเองแหละ
เมื่อส่งฟีฟ่าขึ้นรถเรียบร้อยก็กลับขึ้นห้องมานอน วันนี้ก็โทรไปลางานที่ร้านสะดวกซื้อเรียบร้อยแล้วด้วยเพราะมันเพลียมากจริงๆ เมื่อคืนเหมือนไม่ได้นอนเลยแถมยังปวดหลังอีกต่างหากฉันเดินขึ้นมาที่ห้องและกระโดดขึ้นเตียงทันที เห้ออออ! เหนื่อยจังเลยแต่ละวันของฉันมันช่างมีเรื่องราวมากมายจริงๆ ตอนนี้คงต้องพักสักหน่อยแล้วล่ะ
2วันผ่านไป 19:25 น.นี่ก็ผ่านมา2วันแล้วนับตั้งแต่ที่เจอยองวอนครั้งล่าสุด แต่คำพูดของเขามันยังดังอยู่ในหัวฉันทุกวันเหมือนเราพึ่งเจอกันเมื่อไม่กี่นาที เห้อ! ทำยังไงดีนะ ฉันคิดเรื่องนี้ตลอด แต่ทำได้แค่ปล่อยให้มันผ่านไปแต่ละวันเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดจริงๆ ยองวอนต้องการให้ฉันกลับไปทำงานหรอ ถึงจะอยากกลับไปมากแค่ไหนแต่จะทำแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อฉันเป็นคนไปลาออกจากบริษัทเอง ใครๆก็รู้ว่ากว่าจะเข้าทำงานที่ PST ได้มันยากแค่ไหน แล้วยิ่งฉันไปก่อเรื่องแบบนั้นไว้คงไม่ได้กลับไปทำงานอีกแล้วแน่ๆ
“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”
“อื้ออออ” นี่ฉันเผลอหลับไปอีกแล้วหรอช่วงนี้ดูเหมือนจะเหนื่อยเพราะต้องตระเวนหางานและก็มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ เวลาพักผ่อนของฉันถูกทำลายลงด้วยเสียงเพลงอันไพเราะของTrust5 ฉันควานหาแว่นตาที่วางอยู่บนหัวเตียงมาใส่ และมองดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 19:25 น. ใครโทรมาป่านนี้นะ“สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับโทรศัพท์ด้วยเสียงงัวเงียโดยไม่ได้ดูที่หน้าจอ “ฮัลโหล ซารังของพวกเรานอนแล้วหรอเนี้ย ตกงานแล้วขี้เกียดจังเลยนะยัยแว่น นี่พึ่งจะทุ่มครึ่งเอง” ซารังของพวกเราหรอ ฉันรีบเอาโทรศัพท์ที่แนบหูออกมาเพื่อดูชื่อบนหน้าจอ “เจ้าอสูรร้าย” ใช่แล้วค่ะฉันบันทึกเบอร์ยองวอนว่าเจ้าอสูรร้านส่วนของพี่ซองมินคือเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ยองวอนไม่น่าจะเรียกฉันแบบนั้นนะ ฟังจากเสียงอันร่าเริงแล้วถ้าไม่ใช่ซีโน่ก็ฮยอนจุน แต่ถ้าเป็นซีโน่เขาก็พูดภาษาไทยกับฉันแล้วสิ“นั่นฮยอนจุนหรอ” ฉันถามกลับไปเมื่อเรียบเรียงความคิดได้“เธอนี่เก่งจังเลยนะ สมแล้วที่เป็นซารังเพื่อนรัก” 55555 ซารังเพื่อนรัก มีแต่ฮยอนจุนคนเดียวแหละที่เรียกฉันแบบนี้“55555” ฉันหลุดหัวเราะกับความน่ารักของเขา “นายโทรมามีอะไร”“เธอลืมของไว้ที่คอนโดน่ะ เป็นกล่องใบใหญ่ๆใบหนึ่ง ข้างในมีรูปปปป” ฮยอนจุนลากเสียงยาวตรงคำว่ารูป แต่ก็ทำให้ฉันนึกออกทันที นั่นมันกล่องรูปภาพของพวกเขาและของที่ระลึกบางอย่างที่ได้มาจากคอนเสิร์ต โอ้ย! ตายแล้ว ฉันลืมไปเลยว่าไม่ได้เอามาด้วย“นี่! นายเปิดดูแล้วหรอ นั่นมันของฉันนะ” ฉันตาสว่างทันทีที่คิดได้ว่าตัวเองลืมอะไรไว้“ก็เธอลืมไว้เองนี่ ถ้าไม่อยากให้พี่ๆคนอื่นรู้รีบมาเอาไปดีกว่านะ ไม่งั้นฉันอาจจะเรียกคนอื่นมาดูก็ได้” ฮยอนจุนทำเสียงล้อเลียนได้น่าหมั่นเคี้ยวมาก“นี่ไอ้ตัวแสบ ฉันไปถึงเมื่อไหร่นายตายแน่” ฉันตัดสายฮยอนจุนและรีบแต่งตัวตรงไปที่คอนโดทันที
ติ้ด ติ้ด ติ้ด ตื้อดือดือหื้อ! รหัสเข้าคอนโดไม่ได้เปลี่ยนหรอ ฉันลองกดรหัสเข้าห้องเดิมที่เคยใช้เมื่อก่อนเพราะว่าโทรหาฮยอนจุนแต่เขากลับไม่รับสาย“เย้ๆๆๆๆ”เมื่อเดินเข้าไปในห้องสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือ ซีโน่ที่วิ่งเข้ามาทำหน้าระรื่นใส่ฉัน “มาช้าจังเลยนะ พวกเรารอตั้งนาน” ซีโน่พูดกับฉันเป็นภาษาไทย“ซารัง มานั่งก่อนสิ” พี่อึนจูที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ส่วนกลางห้องที่เป็นที่นั่งเล่นพูดขึ้นทำให้ฉันต้องละสายตาจากซีโน่ที่ทำตัวน่ารักอยู่ข้างหน้าฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆพี่อึนจู พวกเขากำลังฉลองอะไรกันอยู่นะ ของกินเต็มโต๊ะเลยแล้วทำไมฮยอนจุนต้องมาอยากแกล้งฉันวันนี้ด้วย“ฉันอยู่ไม่นานหรอก แค่มาเอาของน่ะ” เมื่อเห็นว่าพี่อึนจูกำลังตักของกินใส่จาน ฉันเลยรีบบอกก่อนที่พี่เขาจะยกไก่ทั้งตัวมาใส่จานของฉัน “อ่าว เธอไม่ได้จะกลับมาทำงานวันนี้หรอ พวกพี่นึกว่าเธอจะกลับมาวันนี้เลยซื้อของมาฉลองเยอะแยะเลย ยังไงก็กินก่อนแล้วค่อยกลับแล้วกัน” คราวนี้เป็นพี่จุนโฮพูดขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน กลับมาทำงานหรอ ฉันจะกลับมาทำงานได้ไงก็ฉันไปลาออกกับบริษัทแล้ว“ฉันไม่ได้จะกลับมาทำงานนะคะ ฉันลาออกแล้ว” ฉันหันไปตอบพี่จุนโฮที่กำลังตักอาหารคำโตเข้าปาก“นี่เธอยังไม่รู้หรอว่ายองวอนไปบอกให้บริษัทจ้างเธอเป็นผู้จัดการของเขา” ห้ะ! ยองวอนเนี้ยนะ ไปบอกให้บริษัทจ้างฉันเป็นผู้จัดการ ฉันหันหน้าไปมองยองวอนทันทีที่พี่จุนโฮพูดจบ“อืม เธอก็กลับมาทำงานพรุ่งนี้เลย เพราะอาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มรับงานแล้ว” ยองวอนเงยขึ้นมาจากจานอาหารและตอบคำถามของฉันจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“แล้วคราวนี้อย่าลาออกโดยไม่บอกพวกเราอีกล่ะ เธอรู้มไหมยองวอนไปบอกท่านประธานว่าถ้าไม่ใช่เธอก็จะไม่รับผู้จัดการคนอื่นอีก55555” พี่ซองมินพูดขึ้นและหัวเราะพร้อมทำเสียงล้อเลียนยองวอน นี่เขาพูดแบบนั้นจริงๆหรอ“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย พี่อย่ามาแต่งเรื่อง” ยองวอนปฏิเสธเสียงดังลั่นทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาเป็นเสียงเดียวกัน“เขาพูดแบบนั้นแหละ ฉันยืนยันได้” ซีโน่หันมามองหน้าฉันและพูดเป็นภาษาไทย“นี่ บอกแล้วไงว่าอย่าคุยกันแค่2คน นายห้ามพูดภาษาไทยกับเธออีกนะ” พี่จุนโฮโวยวายเพราะฟังที่ซีโน่พูดไม่รู้เรื่อง 55555พวกเขานี่น่ารักกันจริงๆเลยนะ บรรยากาศแบบนี้ฉันคิดถึงมาก ถึงพวกเขาจะชอบเถียงกันไปมาแต่มันกลับทำให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้“แล้วทางบริษัทอนุญาตแล้วหรอคะ ฉันสามารถเริ่มงานได้เลยหรอ” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนฉันเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ทัน“ใช่สิ เธอก็ขนของกลับมาได้เลย” พี่อึนจูหันมาตอบคำถามของฉัน“เอ้ออ ของที่เธอจะมาเอาฉันวางไว้ที่เตียงเธอนะ” ฮยอนจุนยิ้มเจ้าเลห์ใส่ฉัน ฝากไว้ก่อนเถอะคราวหลังฉันจะจัดการนาย“เธอไปคอนเสิร์ตที่ไทยด้วยหรอ ตอนนั้นยืนอยู่ตรงไหนล่ะ” พี่ซองมินที่กำลังเกะไก่ให้ฮยอนจุนถามขึ้นมาทำให้ทุกๆคนมองมาที่ฉันยกเว้นยองวอนแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันไปดูคอนเสิร์ต อย่าบอกน่ะว่าฮยอนจุน!! นี่นายให้ทุกคนดูหมดแล้วหรอฉันรีบหันหน้าไปทางฮยอนจุน เป็นการถามคำถามซึ่งเขาก็น่าจะรู้ดี เพราะทันทีที่ฉันมองไปฮยอนจุนก็หัวเราะออกมาทันที“55555 ฉันเปล่านะ พี่มีรันต่างหาก เขาเอามาให้พวกเราดูวันที่พวกเรารู้ว่าเธอลาออกน่ะ” โอ้ยยยย แล้วทำไมฉันต้องมาลืมเอาไว้ที่นี่ด้วยเนี่ย“พี่ขอโทษ ก็พี่ไม่รู้นี่ว่าข้างในมันคืออะไร แค่ขอดูนิดเดียว แต่พวกเขาก็รื้อออกมาจนหมดเลย” ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้จะตอบคำถามพี่ซองมินยังไงดี ในนั้นรูปพี่ซองมินเยอะซะด้วย แถมรูปส่วนมากก็เป็นรูปที่เขาถอดเสื้อโชว์หุ่นเท่ๆทั้งนั้น“คือ ฉันยืนอยู่โซนหน้าเลยค่ะ” ฉันหันไปตอบพี่ซองมินพร้อมหยิบขนมเข้าปากแก้เขิน“นี่ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเป็นโรคจิตนะเนี้ย5555+ ก็เล่นเก็บรูปพี่ซองมินแก้ผ้าไว้เยอะขนาดนั้น” พี่จุนโฮอย่าทำร้ายฉันแบบนี้สิ ฉันก็อายเป็นนะ อีกอย่างฉันเป็นแค่แฟนคลับที่บังเอิญได้มาเป็นผู้จัดการก็แค่นั้น ไม่ใช่โรคจิตสะหน่อย“ฉันไม่ใช่โรคจิตนะ อีกอย่างในนั้นก็มีรูปพี่ตั้งเยอะไม่ได้มีแค่พี่ซองมินสะหน่อย” ฉันหันไปทำหน้างอใส่พี่จุนโฮที่ว่าฉันเป็นโรคจิต“แล้วทำไมไม่บอกพวกเราละว่าเป็นแฟนคลับพวกเรา แล้วคอนเสิร์ตที่เธอไปดูมันก็เมื่อ2ปีที่แล้วนะ” ซีโน่ถามเป็นภาษาเกาหลี คงกลัวโดนพี่ๆว่าเอาอีก“ก็ฉันอาย แถมถ้าบอกไปกลัวจะทำงานกัน ลำบากแล้วก็กลัวทุกคนคิดว่าเป็นโรคจิตด้วย”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ตื่นเต้นดีออกพวกเราไม่เคยมีผู้จัดการที่เป็นแฟนคลับเลย” หืออ พี่ซองมินที่แสนอบอุ่นของฉัน“งั้นพี่ยองวอนก็รู้เรื่องนี้นานแล้วสิ ไม่บอกพวกเราเลย” ฮยอนจุนหันไปว่ายองวอน“ก็เจ้าตัวเขาไม่อยากให้บอกจะให้ฉันพูดได้ไงล่ะ แต่ยัยนี่ไม่ได้พี่งจะมาเป็นแฟนคลับนะเธอเป็นมาตั้ง5ปี รายการเพลงในมือถือของเธอมีแต่เพลงของพวกเราเต็มไปหมด แถมวอลเปลปอร์ยังเป็นรูปพี่ซองมินอีก” ขอบคุณนะที่ช่วยฉันรักษาความลับเพื่อที่จะเอามาเปิดเผยวันนี้จนหมดเปลือก“โหวววว จริงหรอ นี่เราเจอแฟนคลับอันดับ1แล้วสิ” ซีโน่ทำหน้าตาตื่นเต้น “คอนเสิร์ตวันนั้นเธอยืนข้างหน้าก็เห็นพี่ซองมินถอดเสื้อชัดเลยล่ะสิ มองเพลินเลยไหมล่ะ” ฮยอนจุนนายจะล้อเลียนฉันใช่ไหม เรื่องเก่าที่หลอกฉันมาที่นี่ยังไม่ได้ชำระแค้นเลยนะ ได้เดี๋ยวจัดให้“ก็ชัดนะ ชัดพอที่จะเห็นว่ากางเกงนายเป้าแตก แล้วนายก็ใส่กางเกงในสีแดงลายดอกไม้ด้วย” ฉันหันไปทำหน้าล้อเลียนใส่ฮยอนจุน เขาทำหน้าเอ๋อไปเลย5555 ก็คอนเสิร์ตวันนั้นฮยอนจุนเต้นแรงจนเป้ากางเกงแตกเลย แฟนคลับนี่กรี้ดกันสนั่นไปหมด“55555+ ลืมไปเลยอ่ะ วันนั้นนายเต้นจนเป้าแตกเลย” พี่จุนโฮและคนอื่นๆหัวเราะกันลั่นเพราะสิ่งที่ฉันพึ่งจะพูดเพื่อเอาคืนฮยอนจุนไป“ฉันมีคลิปด้วยนะ ถ่ายไว้ทันพอดี พี่อยากดูกันไหม” ฉันทำท่าจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดคลิปให้พวกเขาดู“นี่ๆๆ อย่านะ” ฮยอนจุนรีบมาคว้ามือถือของฉันไปทันที“นี่เอาคืนมา นายจะอายทำไมแฟนคลับเขาก็เห็นกันทั้งนั้น” พี่จุนโฮพูดพร้อมกับแย่งมือถือที่ฮยอนจุน และส่งคืนมาให้เพื่อเปิดเขาไปในโฟลเดอร์วีดีโอที่บันทึกชื่อไว้ว่า “น้องเล็กฮยอนจุนเป้าแตก”“555555 นี่เธอบันทึกไว้แบบนี้มาตลอด2ปีเลยหรอ” พี่จุนโฮหัวเราะเมื่อเห็นชื่อไฟล์ที่ฉันบันทึกเอาไว้“ใช่ ฉันคิดว่าจะเอาให้เขาดูด้วยตัวเองในวันงานแฟนมีตติ้ง ไม่คิดเลยว่าจะได้เอาให้ดูที่นี่พร้อมทุกคน5555” ฉันกดเข้าไปในไฟล์ทันทีพร้อมกับกดเล่นวีดีโอหลังจากนั้นเสียงหัวเราะที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครนักก็ดังสนั่นเพราะสิ่งที่ได้เห็น ฮยอนจุนที่กำลังเต้นทำเท่โชว์แฟนคลับดันเป้าแตกสะได้55555+“นี่เราไม่ได้ดูคลิปนี้มานานแล้วนะเนี้ย เมื่อก่อนเราล้อฮยอนจุนทุกวันจนเขาโกรธเลย ดีนเที่เธอถ่ายไว้ได้แถมยังชัดมากด้วย” พี่ซองมินหันมาพูดกับฉันเมื่อพวกเขาดูคลิปจบและหัวเราะกันจนเหนื่อย“ถ้าพวกพี่ไม่หยุดขำ ผมก็จะโกรธอีกรอบแล้วเนี้ย” ฮยอนจุนที่นั่งทำหน้างออยู่พูดขึ้น55555+“โอ๋ๆๆๆ ฮยอนจุนเพื่อนรักอย่าโกรธนะ” ซีโน่แสร้งทำท่าเข้าไปโอ๋ทั้งๆที่เมื่อกี้นายหัวเราะดังสุดเลย“เล่าเรื่องแฟนคลับให้พวกเราฟังหน่อยสิ พวกเราไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาคิดยังไงกับเราบ้าง” พี่จุนโฮหยุดหัวเราะและกลับมาตักอาหารเข้าปากอีกครั้ง“อืมมมม เรื่องแฟนคลับหรอ” ฉันคิดอยู่สักพักว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี ถ้าฉันรู้ว่าจะได้มานั่งเล่าเรื่องแฟนคลับให้พวกเขาฟังแบบนี้คงเตรียมพร้อมสิ่งที่อยากพูดมาแล้วแหละ “อืม แฟนคลับยกให้พี่เป็นหน้าตาของTrust5 พวกเขาชอบบอกว่าพี่หล่อที่สุด” ฉันหันไปตอบพี่จุนโฮ“จริงหรอ นี่ฉันหล่อกว่ายองวอนอีกหรอเนี้ย55555” เสียงพี่จุนโฮดูหัวเราะชอบใจมาก พี่จุนโฮเป็นคนที่มีแฟนคลับเยอะมากเพราะเขาเป็นนักแสดงด้วย“แล้วก็เคยมีการโหวดเล่นๆในกลุ่มแฟนคลับว่าใครเซ็กซี่ที่สุดแล้วคนที่ได้ตำแหน่งไปก็คือพี่ซองมิน” พูดไปฉันก็เขินไป ตัวบิดจนจะเป็นเกรียวอยู่แล้ว“นี่ ไม่ต้องเขินออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้เพราะแบบนี้ถึงมีรูปพี่ซองมินแก้ผ้าอยู่เต็มกล่องสินะ” ซีโน่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่ยิ้มไม่หยุดตอนที่พูดถึงพี่ซองมิน “แล้วฉันละแฟนคลับไม่พูดอะไรถึงฉันบ้างหรอ”“พวกเขาบอกว่านายสองคนเป็นคนที่ทำให้Trust5 ดังไปทั่วโลก”“จริงหรอ พวกเราหล่อขนาดนั้นเลยหรอ” ฮยอนจุนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“เปล่าอะ เพราะความติ๊งต๊องทำให้แฟนคลับทั่วโลกหัวเราะออกมาตลอด” “นี่ยัยลูกหมาขาสั้น” ฮยอนจุนเปลี่ยนน้ำเสียงทันที“อย่าเรียกฉันแบบนี้นะ ฉันมีชื่อนะ ซารังๆๆ ห้ามเรียกแบบนี้อีก” เพราะยองวอนแน่ๆที่เอาแต่เรียกฉันแบบนี้คนอื่นเลยเรียกตาม“5555+” และทุกคนก็หัวเราะกับท่าทีร้อนรนของฉัน ไม่เห็นตลกเลยลูกหมาขาสั้นมันน่าเกลียดออกฉันเริ่มเล่าเรื่องของพวกเขาที่แฟนคลับชอบพูดถึงทีละคนทีละคน ซึ่งมันก็เยอะแยะเหลือเกินจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เราคุยกันอย่างสนุกสนานเสียงหัวเราะดังเป็นระยะๆ ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว และฉันก็อิ่มและง่วงนอนมากด้วยเลยขอกลับก่อน“ฉันจะไปส่งเอง”ยองวอนอาสาไปส่งฉันที่อพาร์ทเม้นท์“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันกลับเอง” แต่ฉันปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เขาขับรถดึกๆ ยองวอนไม่ชอบขับรถตอนดึกๆสักเท่าไหร่ฉันรู้เรื่องนี้จากพี่จุนโฮ เวลาไปทำงานฉันเลยต้องเป็นคนขับรถให้เขาตลอด“ฉันจะไปส่ง ฉันเป็นคนทำให้เธอลาออกจากงานให้ฉันไปส่งเพื่อเป็นการขอโทษ เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน” อ่อ แบบนี้เองสินะ ไม่ได้อยากไปส่งเพราะเป็นห่วงเลยสักนิด“ให้เขาไปส่งเถอะ ดึกแล้วมันอันตรายเธอกลับเองพวกเราจะเป็นห่วงเปล่าๆ” พี่ซองมินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเราสองคนยืนเถียงกันอยู่นาน ถ้าเป็นคำสั่งของพี่ซองมินฉันยินดีทำตามเสมอค่ะ
ไม่นานรถของยองวอนก็มาถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ของฉัน เขาขับรถไม่เร็วมากและมองซ้ายมองขวาตลอดคงเพราะไม่ชอบขับรถตอนกลางคืน ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมาส่งนี่ก็ต้องขับกลับคนเดียวอีก“ขอบคุณนะที่มาส่ง” ฉันปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับพูดขอบคุณเขา“เดี๋ยว” ยองวอนเอื่อมมือมาจับแขนของฉันที่กำลังจะเปิดประตูรถ “เรื่องวันนั้นที่ฉันตะคอกใส่เธอ ขอโทษนะ”คราวนี้เขาขอโทษฉันเป็นครั้งที่3แล้วตั้งแต่เราเจอกัน แต่เขาก็ควรขอโทษหรอก ฉันได้แต่นั่งนิ่งมองหนายองวอนเพราะไม่รู้จะตอบอะไร “แล้วก็ ฉันซื้อจักรยานแล้วด้วย” หือ นี่เขาซื้อจักรยานจริงๆหรอเนี้ยนึกว่าแค่พูดเล่น“นายอยากไปปั่นจักรยานเล่นอีกหรอ” ฉันถามเขาหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน“ใช่ มันก็สนุกดี” ฉันดีใจนะที่เขาสนุก “พรุ่งนี้เธอจะย้ายเข้าคอนโดกี่โมง เดี๋ยวฉันจะมารับ”ถ้าบอกว่าจะไปเองเขาก็คงดื้อรั้นที่จะมารับสินะ ก็ดี มีคนขับรถส่วนตัวอีกสักวันเดี๋ยวฉันก็ต้องกลับไปเป็นคนขับรถของเขาละ“สัก1ทุ่มแล้วกัน ฉันต้องคุยกับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์แล้วก็เรื่องงานที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ด้วย”“โอเค พรุ่งนี้ทุ่มนึงเจอกัน เก็บของให้เรียบร้อย”“รับทราบค่ะเจ้านาย”เมื่อฉันพูดจบยองก็วอนปล่อยมือออกจากแขนของฉันที่เขาจับอยู่ ฉันเดินลงจากรถและหันไปมองรถของยองวอน เพื่อรอให้เขาขับออกไปจากที่นี่ก่อน วันนี้สนุกมากที่ได้อยู่กับ5หนุ่มที่ฉันชื่นชอบ ได้กินข้าวด้วยกันหัวเราะด้วยกัน เล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง มันทำให้หายเหนื่อยจากเรื่องวุ่นวายที่เจอมาหลายๆวันได้ทันที ดีจังเลยที่ได้อยู่กับพวกเขา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ