มรสุมรักร้าย
เขียนโดย ดาวจรัด
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.00 น.
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 03.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) บทที่๒ จุดเริ่มต้นของนรก (3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ณ โต๊ะอาหารในเวลาเช้าครอบครัวศิลาวงษ์ดูจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าในรอบหลายปี เว้นเสียแต่มีส่วนเกินที่ดูจะทำให้บรรยากาศเสีย กัญญาร์ที่งอนสามีมาหลายวันพรางจะลุกหนีแต่โดนลูกๆห้ามไว้เลยต้องนั่งปวดใจ
“นี้สำลี ไปตามยายเฟื่องมาที” ประภาวีหันไปสั่งคนใช้วัยสามสิบต้นๆราวคุณผู้หญิงของบ้านทำเอาสามแม่ลูกนั่งหมั่นไส้จนตาเขียว ส่วนคนใช้เมื่อนายสั่งก็จำต้องทำตามแม้จะไม่ชอบใจผู้หญิงคนนี้นัก
สองพี่น้องจ้องประภาวีเอาเป็นเอาตายซึ่งแผ่ซ่านไปด้วยความเกลียดทว่าประภาวีหาได้สนใจไม่ทั้งยังปั้นหน้ายิ้มทักทายจนฝ่ายนั้นแทบแยกเขี้ยวใส่ เพราะการมาของบุคคลน่ารังเกียจไม่แพ้กันเดินเข้ามาซะก่อน
“อ้าวหนูเฟื่องมานั่งทานข้าวก่อนสิ” เศรษฐาเอ่ยชวน
“เอ่อ..” ถ้าเธอกินมีหวังซ็อกตายเพราะสายตาของสองพี่น้องที่มองมาแน่ “ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีเฟื่องมีเรียนเช้าเดี๋ยวสาย”
“ถ้ากลัวสายไปพร้อมลุงก่อนก็ได้วันนี้ลุงขี่รถผ่านแถวนั้น”
“เอ่อ...”
“มานั่งก่อนเถอะน่า เสียมารยาทจริงลูกคนนี้ ขอโทษทุกคนด้วยนะคะเลยต้องเสียเวลาเลย” ประภาวีดึงลูกสาวให้มานั่งข้างตน ทั้งยังส่งสายตาขอลุแก่โทษให้ทุกคน ก่อนจะหยุดลงที่ปวิชด้วยการกระตุกยิ้มน้อยๆ
“สำลีตักข้าว”ประมุขของบ้านสั่ง
“ก็อย่างว่าล่ะ คนที่มาจากที่ต่ำๆคำว่ามารยาทที่ดีมันคงไม่มีอยู่ในหัว” อยู่ๆปวิชก็พูดลอยๆขึ้นมาหากแต่สายตากลับจ้องแกงเขียวหวานตรงหน้า แต่ปัญรินทร์รู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร
“ตาฟาร์ม” เศรษฐาปรามพอจะรู้ว่าลูกคนสื่อถึงใคร ทว่าคนโดนปรามหากลัวไม่
“ต่ำทรามจริงๆ” น้ำข้าวเสริมทัพบ้างจากที่นั่งนิ่งมานาน ตอนนี้เธอมีพี่ชายเป็นกองหนุนแล้วเหตุใดจักต้องกลัวอีก ยอมรับอย่างลูกผู้หญิงเลยว่าหลอนยังจำตอนที่มันตบได้ไหนจะแววตาอันน่ากลัวแบบนั้นอีกมันทำให้เธอไม่กล้าต่อกรกับพวกมันได้แต่ยืนเบ้ปากเหลือกตาใส่กระโกนด่าจากที่ใกล้ไกลบ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เอาคืนเพียงแค่รอโอกาสเท่านั้น
“ยายข้าว” บิดาถึงขั้นตวาดลั่นกับวาจาบุตรสาว
“คุณภาททำไมตวาดลูกอย่างนี้” เป็นกัญญาร์ที่ออกเสียงด่ากลับเพราะแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยให้ใครมาตวาดใส่ลูกเธอสักคนมีก็แต่คนตรงหน้าที่บอกกี่ครั้งก็ไม่ฟัง
“คุณก็ให้ท้ายมันอยู่ได้ มันถึงไม่รู้จักโตสักทีงานการก็ไม่รู้จักทำบอกให้ไปเรียนต่อมันก็ไม่ไป”
“ลูกยังเด็ก ให้เวลาแกสักหน่อย” ถึงน้ำข้าวจะอายุยี่สิบหน้าแล้ว ถึงยังไงในสายตาคนเป็นแม่ลูกยังยังเป็นเด็กเสมอ
“คุณพ่อก็เอาแต่โทษคุณแม่ ที่ข้าวเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งมันก็มาจากพ่อทั้งนั้น ไม่รู้ตัวเลยหรือไง”น้ำข้าวตวาดกลับบิดาเสียงแข็งปนตัดพ้อ ทำเอาปัณรินทร์หน้าชาเพราะคงไม่พ้นตนกับแม่ที่เป็นเหตุ ต่างจากประภาวีที่ยิ้มในใจ
“อย่ามาตลาดใส่พ่อนะยายข้าว”
ไม่แม้แต่จะฟังสาวเจ้าก็เดินเท้ารัวออกไป ตามด้วยกัญญาร์ที่หันมาหลับตาชังใส่สามีก่อนจะตามลูกไปอีกคน
“ดูเอาเถอะแม่กับน้องแก” ถอนหายใจเบื่อหน่าย ปวิชไม่พูดอะไรเอาแต่จ้องสองแม่ลูกคนน่าชังแทบกลืนกิน
“เอ่อ..หนูขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุ”
“หึ..ถ้าสำนึกผิดจริงๆเธอสองคนแม่ลูกก็ไม่ควรมานั่งเสนอหน้าตรงนี้” ปวิชชิงพูดตัดหน้าบิดา
“นี้แกจะหุบปากเงียบสักคนไม่ได้หรือไง” ว่าพร้อมส่งสายตาขอลุแกโทษให้สตรีทั้งสอง “ผมขอโทษแทนลูกด้วยนะคุณภา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะภาเข้าใจดีว่าคุณคงไม่ชอบภา งั้นภาขอโทษคุณฟาร์มด้วยนะคะ” สีหน้าแสร้งเศร้ามองลูกเลี้ยงอย่างเข้าใจทว่าสายตาข้างในกลับยิ้มร่าสะใจ ชายหนุ่มถึงกลับกำหมัดแน่นถ้าคนตรงหน้าเขาเป็นชายคงได้ดวนหมัดกันวันละหลายรอบ
“หยุดตอแหลได้แล้วฉันจะอ้วก”
“ฟาร์ม”
ปวิชเดินออกไปแล้วแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเห็นใจเขานัก แม่เธอก็ทำเกินไปจริงๆปัญรินทร์ก็รู้จักนิสัยแม่ตัวเองดีถึงจะโดนคนบ้านนี้ด่า เขาก็ไม่ผิดผิดที่ครอบครัวเธอเข้ามาบุรุกเอง
ติดงานหนักไม่มีเวลาอัปคนที่ตามอย่าพึ่งลืมกันนร๊า จะพยายามอัปบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ