มรสุมรักร้าย

8.3

เขียนโดย ดาวจรัด

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.00 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  8,552 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 03.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ความจริงที่น่าละอาย (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่๑
ความจริงที่น่าละอาย
 
                         ปัญรินทร์นั่งอ่านข่าวสารของเว็บไซต์หางานชื่อดังจากโทรศัพท์มือถือรุ่นล้าสมัย บนม้าหินอ่อนหน้าคณะ เพราะอีกไม่กี่เดือนเธอก็จบแล้วเลยต้องขยันหาที่ดีๆตั้งแต่เนิ่นๆเผื่อไว้
     “อ้าวเฟื่อง นี้ยังไม่กลับอีกเหรอ”
คนโดนทักเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นกันต์เดินมาพอดี เพื่อนชายแสนสนิทของเธอ
     “อ่อ..พอดีแจนมันชวนไปกินข้าวน่ะ เราเลยนั่งรอมัน”
กันต์พยักหน้า ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวหน้าหวานแสดงแววตาตัดพ้อ จนปัญรินทร์หลุดขำด้วยความสงสัย
     “เป็นอะไร”
     “แค่นอยท์เพื่อน ที่ไม่รู้จักชวน”
     “ก็วันนี้กันต์บอกไม่ว่างเราก็เลยไม่ได้ชวนไง”  พูดไปเพื่อนชายก็ยังมิวายทำหน้างอนเข้าไปอีก
     “เดี๋ยวเราพาไปหาผู้ชายหล่อๆเอาไหม”
ปัญรินทร์งัดไม้เด็ดขึ้นมาง้อคนหน้างอเพราะมันใช้ได้ผลทุกครั้งและครั้งนี้ก็เหมือนกันเพื่อนชายหน้าหล่อหันมายิ้มแฉ่งจนหน้าบาน เพราะกันต์มีรสนิยมชอบผู้ชายถึงแม้จะแมนทั้งแท่งทั้งรูปหล่อพ่อรวย เดินไปไหนสาวกรี๊ดลั่นแต่มิวายผิดหวังไปตามๆกันเพราะมารู้ทีหลังว่าชายหนุ่มเป็น เกย์
     “จะไปหาผู้ชายที่ไหนกันจ้ะ แจนคนสวยขอไปด้วยคนสิ”  เสียงสาวสุดมั่นเดินทอดน่องมาแต่ไกล
     “จะอ้วก”
     “ไอ้กันต์ แกนะแก”  แขวะเพื่อนเสียงเขียวที่มักทำลายความมั่นใจหล่อนเสมอ
     “เฟื่องป้ะ เราเรียนเสร็จแล้วไปกันเถอะเหม็นคนแถวนี้”
คนโดนเหม็นลุกพรวดขึ้นมาเกาะแขนปัญรินทร์แทรกแจนทันที คนกลางได้แต่ยืมขำสองคนนี้ที่ชอบกัดกันทุกทีที่เจอ สำหรับเธอแล้วการมีเพื่อนสองคนนี้ทำให้ชีวิตนอกบ้านสดใสขึ้นทำให้ลืมเรื่องแย่ๆได้บ้าง
     “นี้แกมาแทรกฉันทำไมนิ”
     “ฉันจะไปด้วย”
     “ฉันไม่ได้ชวนแก”  เดินไปดึงแขนอีกข้างหนึ่งของปัญรินทร์เดิน ทว่ากันต์กลับฉุดดึงไว้กลายเป็นว่าปัญรินทร์ในตอนนี้ไม่ต่างจากหุ่นถูกดึงซ้ายทีขวาทีจนเวียนหัวไปหมด
     “พอ เฟื่องชวนกันต์เอง ไปด้วยกันนี้แหละ”
 ทุกอย่างจบลงที่ร้านหมูกระทะข้างทางเจ้าประจำของทั้งสามก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านโดยมีกันต์เป็นผู้รับส่งทุกคน ปัญรินทร์ยืนโบกมือให้เพื่อนทั้งสองหน้าห้องพัก เธอไม่เคยอายที่อยู่ในที่จนตรอก ทั้งยังมีแม่เป็นผู้หญิงกลางคืน เพื่อนทั้งสองรู้ดีแต่เรียกที่จะไม่ซักถาม ไม่คิดรังเกียจเธอเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
กันต์กับเธอเป็นเพื่อนสนิทในคณะคบกันมาจะตั้งแต่ปีหนึ่ง ส่วนแจนเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปรายแต่ด้วยความชอบด้านสายเรียนที่ไม่เหมือนกันปัญรินทร์เลือกเรียนออกแบบส่วนแจนเลือกเรียนบัญชีถึงจะอยู่คนละคณะแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนิทที่มีลดลง
                ยังไม่ทันที่จะหันหลังตาก็เหลือบไปเห็นรถเบนซ์คันหรูเคลื่อนมาหยุดลงหน้าห้องเช่า ก่อนจะเห็นร่างระหงส์ของมารดาก้าวออกมาในสภาพผมเพล้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าตัวน้อยเปิดนิดโชว์หน่อยไม่เรียบร้อยนัก ทั้งแปลกใจเพราะแต่ไหนแต่ไรมารดาไม่เคยให้ใครมาส่งถึงรูนอน
     “คุณจะไม่ให้ผมขึ้นไปหน่อยเหรอ”
     “อย่าเลยค่ะ มันร้อนทั้งยังคับแคบภากลัวคุณอึดอัด”  ประภาวีปฏิเสธส่งยิ้มหวานให้ชายในรถอย่างหวานเชื่อม
     “ก็ได้ พรุ่งนี้นะครับ อย่าลืม”
     “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”  ประภาวีชะโงกหน้าเข้าไปจูบแก้มคนในรถก่อนจะปิดประตูถอยออกมาโบกมือให้รถที่ขับเคลื่อนออกไปจนรับตาหารู้ไม่ว่าการกระทำเมื่อครู่มันน่าเกียจแค่ไหนของคนวัยรุ่นนี้
     “แกมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
     “เฟื่องพึ่งถึงค่ะ”
     “วันนี้ไม่ได้ไปทำงานหรือไง”
     “วันนี้ร้านปิดค่ะ”  ปัญรินทร์ให้เหตุผลมารดาทั้งพยายามเดินเข้าห้อง ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าห้องนอนตนด้วยซ้ำแม่ก็พูดขึ้น
     “ต่อไปนี้ไม่ต้องออกไปทำงานแล้วนะ”
คนถูกสั่งหันขวับมามองผู้เป็นแม่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ท่านสั่งห้ามไม่ให้เธอออกไปทำงานพิเศษ แต่ก็ยังสั่งไม่เลิกทั้งที่น่าจะรู้ว่าเธอไม่ฟัง
     “แล้วถ้าหนูขอแม่ว่าต่อไปนี้แม่ก็เลิกออกไปทำงานบ้างละคะ”  ประชดประชันแต่ก็ต้องแปลกใจกลับคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
     “ได้ ต่อไปนี้ฉันจะเลิกไปทำงานแบบนั้น”ตอบสีหน้าอารมณ์ดี ตาพิศมองแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วเรียวปากก็ฉีกยิ้มแล้วยิ้มอีก
ปัญรินทร์แปลกใจแต่ในความแปลกใจก็ยังมีความดีใจจนยิ้มแทบฉีดเดินไปกอดเอวแม่อย่างขอบคุณ
     “จริงๆนะคะแม่ แม่จะเลิกมันจริงๆนะคะ”
     “จ้ะ ต่อไปนี้แม่จะเลิกและไม่กลับไปทำมันอีก”  มือก็ลูบหัวลูกสาวตาก็มิวายจดจ้องเพชรเม็ดโต
     “ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ  หนูใกล้จะเรียนจบแล้วอีกไม่นานก็จะมีงานทำ หนูจะเลี้ยงแม่เองคะ”     น้ำเสียงมาดมั่นแสดงให้เห็นว่าเธอจะทำมันให้ได้
ตอนนี้ก็มีสองบริษัทที่เข้ามาจ้องตัวเธอไว้ คงเป็นเพราะการเรียนเธออยู่ในเกณฑ์ดีทั้งยังได้เกรียติ์นิยมอันดับหนึ่งของมหาลัยชื่อดังที่เธอได้ทุนเรียน
ประภาวีรั้งลูกสาวเข้ามากอดบ้าง เพราะไม่รู้ว่าต่อไปลูกจะให้เธอกอดแบบนี้อีกไหม  หล่อนจำต้องหาที่ยึดเหนี่ยวที่แข็งแรงให้ตนเองและลูกสาว คนผ่านโลกมามากรู้ดีว่าความจนมันน่ากลัวและอยู่ในสังคมยาก แล้วมันจะผิดอะไรถ้าเธออยากจะมอบสิ่งดีให้ลูกถึงแม้ครั้งนี้ ปัญรินทร์จะโกรธมากก็ตาม ที่สำคัญชีวิตของตนและลูกต้องปลอดภัย
 
 
 
เข้ามาอ่านกันเยอะๆนร๊า คอมเม้นกันหน่อยยย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา