Zone D Hunter

7.7

เขียนโดย จูเนียร์เคะ

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.18 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  21.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2562 18.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ล่าให้สุด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 13
ล่าให้สุด
--------------------
               อาลิซได้ถูกลักพาตัวขึ้นเมืองหนึ่งในกลุ่มเมืองนักล้าหนีไปอีกที
แต่มันก็ดีที่เป็นแบบนั้นเพราะจะได้ไม่ต้องไปเป็นทาสบนลอนดอนอีกเด็ดขาด
เมืองนักล่าพวกนี้วิ่งเร็วกว่าลอนดอนอยู่ประมาณ์ ร้อยไมล์กว่าๆ ถือว่าเร็ว
มากในระดับเมืองเล็กแบบนี้ พวกเขาขับขึ้นเนินลงเนินเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แถมยังตกร่องเนินรอยสานพลานเก่าๆอีก เมืองนักล่าเล็กๆนี่โครงเครงไป
มา แถมยังตกร่องหลุมน้ำอีก ต่างกับลอนดอนที่กำลังเคลื่อนที่มาอย่างแน่นิ่ง
สายพลานโซ่ตะขาบขนาดใหญ่ยักษ์เคลื่อนวิ่งเหยียบเนินเขากระจายไป
เป็นลูกๆราบเป็นหน้ากองโดยไม่สั่นสะเทือนสักนิด
          "ไล่ตามมันไป..." มาตินเดินเปิดประตูเข้ามาในห้องควบคุมเมือง
พร้อมกับออกคำสั่งเลยทันที คนขับเมืองเอื้อมมือจับคันโยกสีดำและดันมัน
ไปข้างหน้า ความเร็วของลอนดอนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
          คนขับมองดูจากสถานการณ์แล้วลอนดอนยังวิ่งช้าเกินกว่าจะไล่
ทันได้ "ท่านครับ..." เชาเรียกมาติน
          "มีอะไร...?" มาตินถามด้วยน้ำเสียงแข็งและเดินก้าวเข้าไปหา
          "เราช้าเกินกว่าจะตามทันครับ"
          "นั่นสินะ..." "ส่งยานรบขึ้นไป..." มาตินสั่งเสร็จก็หันหลังเดินกลับไป
นั่งยังที่เก้าอี้ตัวโปรดของเขาก่อนที่คนส่งสารจะกดปุ่มสีแดงเอาปากจ่อไมล์
ประกาศ "ยานบินรบทุกลำโปรดทราบๆ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวออกรบ
ออกไล่ล่าเมืองและแย่งชิงมาเป็นของเราให้จงได้" ระหว่างนั้นคนขับยานบิน
ก็ได้วิ่งไปที่ยานของตัวเองกันแล้ว "...นี่ไม่ใช่การฝึกขอย้ำ นี่ไม่ใช่การฝึก"
 
               อาลิซที่ถูกจับขังอยู่ในห้องๆหนึ่งโดยมีหน้าต่างเหล็กอยู่บานเดียว
เธอเอาแต่ชโงกหน้ามองดูลอนดอนที่กำลังวิ่งเข้ามา แสงสะท้อนจากแดด
สะท้อนลงบนตึกกระจกแก้วหลายสิบชั้นด้านหน้าสุดของเมืองเข้ามายังตา
ของอาลิซจนเธอต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นบัง ภายในแสงที่สะท้อนมานั้น
ยานบินไปลอยเข้ามาหาหลายลำ ยายบินรูปทรงสามเหลี่ยมหางยาว
ไอพ่นสีม่วงพุ่งออกด้านละสามท่อมุ่งตรงมีที่กลุ่มเมืองเหล่านั้นและทิ้งระเบิด
ลงถล่ม
          "ชาวเมืองนักล่าขนาดเล็กบังคับพวงมาลัยเหล็กหันฟลบซ้ายขวา
แรงเหวี่ยงตัวของมันทำให้อาลิซล้มลงกับพื้น เมื่อรถเมืองได้เลี้ยวตัวอาลิซ
ก็กลิ้งตัวตามแรงผลักไป
          "ข้างนอกมันอะไรกันเนี่ยะ!" อาลิซรีบพยุงตัวลุกขึ้นและรีบวิ่งไปที่
บานหน้าต่างเหล็กช่องเดิมแหงนมองดูยานพวกนั้นที่บินอยู่หลายลำ
ทิ้งระเบิดลงและยิงปืนใส่ พวกนั่นไม่หวังว่าจะมีคนตายหรือไม่นอกจากการ
นำมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์ในลอนดอนที่กำลังรอคอยอาหาร
อยู่นั้น อาลิซมองดูยานพวกนั้นบินไล่ยิงแต่ก็เหลือบไปมองลอนดอนอีกครั้ง
ลอนดอนได้ปล่อยยาบบินรบออกมาจากข้างๆเมืองอีกหลายลำ มันอาจจะ
มีถึงสามสิบลำเลยก็ได้
 
          "มุ่งครงเข้าไปในป่านั่น!" คนขับเมืองที่นำหน้าอยู่ตะโกนออกโทรโข่ง
พร้อมกับเลี้ยวรถเมืองหันไป ป่าดิบต้นไม้สูงหน้าทึบเต็มไปด้วบไอหมอก
จางๆ รถเมืองพวกนี้สูงเลยยอดไม้ไม่เกินห้าสิบเซนติเมตรด้ายซ้ำ นั่นทำให้
พวกนั่นได้หลบเข้าไปอย่างปลอยภัย คนขับยานบินคนหนึ่งเปิดวิทยุสื่อสาร
บอกกับศูนย์ควบคุมเมือง "ป่าหนาทึบมาก เราหาตำแหน่งไม่เจอเลย"
          "ไม่เห็นอะไรเลยครับ!"
          "มืดอึมคลึมไปหมดเลย!" คนขับยานแต่ละคนต่างพูดเป็นเสียงเดียว
กันทั้งสิ้น ทางวิทยุที่ห้องควบคุมได้ฟังกันทั่วหน้า แจ่ละคนนั่งฟังนิ่ง
ไม่พูดอะไรกันเลยขนาดมาตินที่ว่าชอบออกคำสั่งก็ต้องหันหัวมองฟัง
          "หยุดรถ...ปล่อยชิ้นส่วนขับเคลื่อนออกไป..." มาตินนั่งไขว่ห้างพูดสั่ง
ลอยๆ
 
               ชิ้นส่วนขับเคลื่อนคือสายพานโซ่ตะขาบที่อยู่สองเส้นด้านนอก
ทั้งทางซ้ายและขวาหรือก็คือสายพานคู่นอกทั้งซ้ายและขวา มันเป็น
ส่วนที่สามารถถอดสละออกจากตัวฐานล้อได้เป็นส่วนในการขับเคลื่อน
แบบเดี่ยว มัยคือเมืองห้องเครื่องขนาดเล็กที่สามารถขับออกไปได้และเมื่อ
มันได้ออกวิ่งไปจะวิ่งไปได้เร็วมาก
 
               "เร็วๆรีบเข้าไปห้องเครื่อง" คนขับอีกหน่วยหนึ่งของเขาสามคนวิ่ง
ไปที่ประตูเหล็กสีเท่าเข้มที่ล็กอยู่และรีบไขกุญแจเปิดเข้าไปข้างใหน
ในด้านในนั้นมีฟังเฟืองเหล็กอันเท่าตึกห้าชั้นทำงานอยู่สลับซับซ้อน
เต็มไปหมด ชายสามคนวิ่งไปยังประตูที่อยู่ลึกเข้าไปอีกำร้อมกับใช้ศอก
แขนกระแทกประตูออกด้วยความเร่งรีบ ในห้องอีกห้องที่พวกเขาเข้าไป
เป็นห้องเครื่องในสายพานอีกห้องหนึ่ง แต่ห้องนี้ไม่มีระบบเฟืองสำหรับ
หมุนสายพานเหมือนห้องที่อยู่ถัดไปนั้น ห้องสายพานนี้มีอยู่สองฝั่ง
ฝั่งซ้ายและขวาได้มีคนเข้าไปแล้วเรียบร้อย
 
          "หยุดเมือง..." มาตินยกมือส่งสัญญาณพร้อมกับพูดสั้ง คนขับเมือง
ค่อยๆดึงขันโยกสีดำกลับเข้าหาตัวช้า
 
               "ลอนดอนได้หยุดวิ่งลง ขณะเดียวกันนั้นอาลิซมองดูอย่าง
สงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่ตามเรามา โครงเหล็กฝั่งนอกสุดทั้ง
ฝั่งซ้ายและขวาคนขับได้เปิดท่อไอเสียออกเพื่อเตรียมบางสิ่ง
เสียงสตาร์ทเครื่องของสายพานคู่ซ้ายและขวาดังขึ้น สายพานคู่นอกสอง
ฝั่งนั้นไม่ได้วิ่งเพราะมีเครื่องยนต์ทำงานมาตลอดเพราะมันวิ่งโดยคู่สาย
พานคู่ในเป็นตัวนำพา และตอนนี้มันกำลังจะเปิดตัวออกสู่พื้นที่กว้างแล้ว
 
          "เตรียมตัวออกได้!" มาตินยืนตะโกนพูดเสียงลิยใส่ไมล์ เสียงส่งไปยัง
คนขับพวกนั้น พวกเขาเหยียบคันเร่งจมมิด แรงเครื่องยนต์ทำให้สายพาน
หมุนเร็วและแรงจนสไลด์หน้าดินที่ด้านท้ายจนกระจายเป็นหลุมเป็นบ่อ
โครงเหล็กจับ ล็อกล้อไว้อย่างแน่นหนาคอยปล่อยตัว
          "ไปได้...!" ใาตินตะโกนสั่ง คนขับเมืองกดสวิสช์สีเขียวที่อยู่ข้างๆ
ปุ่มสีแดงทันที โครงเหล็กที่ยึดเกาะกับสายพานทั้งสองฝั่งได้ปลดออก
สายพานคู่นอกสุดทั้งซ้ายและขวาได้พุ่งตัวออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไล่ล่า
เมืองนักล้าขนาดเล็กนี่ เหลือทิ้งไว้แต่สายพานคู่หลักสองคู่ในสุด
ที่กำลังหยุดรอคอยชิ้นส่วนที่เหลือนั้นวิ่งกลับมา "เร็วเครื่องอีก..."คนขับออก
คำสั่ง เครื่องยนต์ดูมีความเร็วพอๆกับรถ แรมโบกี่นนี่เวเนโน่เลยทีเดียว
 
          "งานเข้าแล้วสิ!" อาลิซเห็นสายพายโซ่ตะขาบของลอนดอนกำลังวิ่ง
ไล่ตามอยู่อย่างรวดเร็ว และน่าจะเช้าไกล้ตัวเมืองแต่ละคันที่ขับหนีอยู่
ในไม่ช้า
          "หยิบอาวุธ!" "ต้านมันให้ได้...!" คนขับเมืองหน้าวุดออกคำสั่ง คนอื่นๆ
ได้วิ่งเข้าไปหยิบปืนและอุปกร์การสู่ต่างๆออกมาและก็ได้ยิงใส่พวกนั้น
เงาดำของโซ่สายพานคันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามายังเมืองๆหนึ่งที่กำลังยิ่งเมืองอีกฝั่ง
อย่างไม่ลืมหูลืมตา ผู้ชายคนหนึ่งหันมาและมันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อสายพาน
ของลอนดอนได้วิ่งเช้ามาเหยียบทับเมืองนั้นที่กำลังวิ่งอยู่จนแบนและระเบิด
ตู้ม~!!! เสียงดังจนสะเทือนไปทั่วเมืองรอบข้าง ถึงพวกเขาจะวิ่งหนีเข้าไป
ในเขจป่าดงดอบแล้วแต่ก็หลบไม่พ้นกับรถสายพานของลอนดอนที่กำลัง
วิ่งเหยียบต้นไม้พังระนาวเป็นทิวแถว
 
                    เมืองนักล่าขนาดเล็กได้โดนเหยียบไปจนแทบหมดสิ้น
หนึ่งในที่รอดตือเมืองที่อาลิซโดนลักพามานั้น แต่ไม่นานนักสายพานนั่นก็
ได้วิ่งตรงเช้ามาที่ท้ายเมืองที่อาลิซิอยู่นั้น เงามืดของสายพานครอบคลุม
ท้ายเมืองเป็นทร่เรียบร้อย แต่จังหวะนั้นเอง...
 
          "ทุกคนเกาะไว้" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งจะโกนมาจากที่ปริศนาไม่รู้ว่า
เสียงนั้นมาจากตรงใหนที่ใหน และไม่นานเมืองไม่ได้รับเชิญอีกเมืองหนึ่ง
ก็วิ่งเหินเนินเขาทะลุพุ่มไม้และต้นไม้ออกมาดิ่งกระแทนเข้ากับรถสายพาน
ของลอนดอนคู่หนึ่ง ปั้ง~!!! เสียงเหล็กปะทะกันดังลั่น สายพานคันนั้นเกือบ
คว่ำไปแล้ว เสียงรถเมืองปริศนานั่นได้บีบแตรส่งเสียงให้อาลิซ
          "นั่นใครกัน...!" เธอพูดลอยๆเบาๆ
          "อาลิซ~!" ลีตะโกนพร้อมโบกมือไปมาให้อาลิซเห็นอยู่ที่หน้าเมือง
          "อยู่นี่...!" "ฉันอยู่ตรงนี้...!" อาลิซเอามือสองข้างครอบปากตะโกน
ให้เสียงดังลั่นกลับไปหา เธอรู้สึกดีใจที่ได้เจอกับสะหายเพิ่อนอีกครั้ง
          "อาลิซ...อยู่เฉยๆนะ!" อาจารย์โทมัสตะโกนบอก เขาหันข้างรอรับ
เชือกฟางสีขาวอมเหลืองจากคูเปอร์ที่กำลังหาให้อยู่ "นี่ครับ" เขายื่นส่งให้
 
               เมืองแม็กซิโกอัหลายสิบเมืองได้วิ่งออกมาจากพุ่งไม้ป่ารอบข้าง
ขับตีคู้รถสายพานลอนดอนอย่างไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด แถมยังเลี้ยวเลียด
กันท่าให้พวกเขาอีกด้วย "เร็วเข้า...!" คนขับตะโกนด้วยความเร่งรีบพร้อม
กับเหยียบคันเร่งจนสุดมิดหน้าเท้าเพื่อให้เข้าใกล้เธอมากที่สุด
 
               "เมื่อถึ่วงระยะหนึ่ง โทมัสได้โยนเชือกฟายให้ลี "รับไว้...!" ลีแบบ
มือรับเชื่อนั่นก่อนจะกล่าวบอกอาลิซว่า "รับนะ!" และจากนั้นก็โยนเชือก
ออกไป อาลิซเธอรับได้
          "ผูกมันไว้...และต่ายข้ามฝั่งมา...!" ลีบอกเธอไปแบบนั้นทำให้เธอ
รู้สึกตกใจวืบเข้ามา "อะไร...!?!"
          "จะบ้าเหรอ สูงแบบนี้เนี่ยะนะ!"
          "ไม่มีทางอื่นแล้ว พวกรถของลอนดอนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!"
 
               รถสายพานลอนดอนสองคันขับใกล้เข้ามาคยขับจกลงปลงใขกับว่า
จะเหยียบให้แบนและจากนั้น พวกนั้นก็ขับมุ้งตรงมาพวกเขาอีกรอบ เงาดำ
ครอบคลุมท้ายเมืองแม็กซิโก ลีและคนอื่นๆหันมอง และตกใจกับสิ่งที่เห็น
"กำชัดๆ!" ลีพูดพลอยส่ายหน้า
 
               จู่ก็มีจรวดยิงเข้าใส่โครงรถส่บพานลอนดอนเข้าอย่างจัง แรงระเบิด
ทะลุเข้าไปจนถึงด้านในห้องคนขับ
          "โอ้ย...อะไรกัน!?!" คนขับตกใจ เสียงยานบินรบลำอื่นต่างฝ่ายบินเข้า
มาช่วยพวกเขา
          "ทุกคนยิงได้...!" คนขับยานคนหนึ่งออกคำสั่ง จรวดมิตไซต์ยิง
ติดตามเข้าหาตัวรถสายพาน ไฟลุกท่วมจนแทบจะไล่ตามไม่ได้แล้ว
ถึงไล่ไปก็มีแต่จะทิ้งชีวิตไว้ที่ป่าทึบๆนี่
          "เราต้องไปแล้ว....!" ผู้คุมคนหนึ่งตะโกนบอกคนขับอย่างลังเล
          "ไม่...!" "เราต้องตามทัน!"
          "แต่ตอนนี้เครื่องเราอยู่ภาวะวิกฤตแล้วนะ!"
คนขับฟังคำพูดของผู้คุมแต่อีกใจนึงก็อยากจับพวกนั้นมาเหมือนกัน
อาลิซกำลังต่ายเชื่อกกลับมาหาโดยมีเหล่าเพื่อนๆช่วยระวังไว้ให้ เมื่อเธอ
มาถึงอีกฝั่งของเมือง ทุกคนต่างยื่นมือเข้ารับตัวเธอ
          "ค่อยๆนะ ค่อยๆนะ"
          "ลงมาเลย ฉันรับเอง"
 
               "ขอบคุณนะ...ทุกคน" อาลิซยิ้มอย่างเก่งใจ "ไม่เป็นไรจะ" ลี
ยิ้มตอบพร้อมกับลูกหัวเธอเบาๆ
 
               เสียงโครงรถเอียงดังมาจากด้านหลังเมือง ทุกคนหันและเดินไปดู
รถสายพานของลอนดอนตีโค้งเลี้ยวกลับไปยังฐานเมือง โซ่สายพานวิ่ง
หมุนสไลด์เลี้ยวโค้งอย่างกับรถแข่ง มุ่งตรงไปยังเมืองทันที ยานรบก็หัน
เลี้ยวกลับไปเช่นกัน ลีคาดเดาได้ว่ามันจะไม่ตามเราแบบนี้อีกแน่นอน แต่
ว่าอาลิซไม่คิดแบบนั้น พวกนั้นอาจจะกลับมาเมื่อใหร่ก็ได้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้
 
********************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา