My Boss My Angel เจ้านายที่รัก นางฟ้าของผม
-
เขียนโดย จิณตนากานต์
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.21 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,086 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 17.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) คนรักบอส2018
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแม้บรรยากาศในที่ทำงานจะสดใส ด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจของเพื่อนร่วมงาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจอันบอบช้ำของผมฟื้นตัวได้เลย
พี่นุ หัวหน้าแผนกบัญชีการเงินการตลาดอยู่ในความดูแลของพี่นุหมด พี่นุอายุ 30 ปลายๆ แต่รูปร่างหน้าตาไม่ได้ดูแก่ตามอายุ พี่นุจะแต่งตัววันนี้เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเซ็ทเข้าทรงอย่างดี เสื้อเชิ้ตกางเกงเข้าชุดเรียบกริบไร้รอยยับ รองเท้าขาดเงาวับ แล้วจะมาถึงที่ทำงานไม่เกิน 8 โมงครึ่งของทุกวัน พี่นุเป็นคนที่เวลางานคืองานเวลาเล่นเครื่องเล่นแบบสุดขั้ว เวลางานก็จะจมอยู่กับงานบนโต๊ะอย่างจริงจัง ไม่พูดไม่คุยกับใคร แต่พอตอนพัก พี่นุพูดคุยได้อย่างสนุกสนานต่างจาก พี่ภูมิ รุ่นพี่อีกคนในแผนกผม ที่ไม่ว่าเวลาไหนก็เล่นได้ เขาอายุมากกว่าผมห้าปี ทำงานที่นี่มาปีกว่า เขาเป็นคนดังที่พูดถึงทุกคนในบริษัทต้องรู้จัก เพราะความช่างพูดช่างคุย และเข้าถึงง่ายของเขา ที่วันๆ ดูจะไปคุยกับคนโน้นทีคนนี้ทีเหมือนไม่มีงานทำ แต่จริงๆแล้ว พี่ภูมิมีงานต่อวันเยอะกว่างานผมทั้งอาทิตย์ด้วยซ้ำ ตลอดเนื่องจากพี่นุควบหลายตำแหน่ง งานฝ่ายบัญชีเกือบทั้งหมดเลยตกอยู่ในมือพี่ภูมิ แต่ที่พี่ภูมิเป็นคนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ งานจึงเสร็จก่อนเวลาทำให้มีเวลาคุยกับคนอื่นไปเรื่อย และการที่ผมมานั่งข้างๆ พี่ภูมิ จึงมักเป็นคนแรกๆ ที่พี่ภูมิจะหันมาคุยด้วย จนบางครั้งผมก็เพลินจนลืมไปว่างานผมยังไม่เสร็จเลย
จะว่าไปที่นี่ก็แปลกจากที่ผมเคยเจอมา เพราะเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น ทุกคนจะเก็บของกลับบ้านกันพร้อมหน้า ไม่มีการทำงานล่วงเวลา ซึ่งต่างจากบริษัทเก่าผมโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะช่วงปิดงบประจำปี พนักงานหลายคนรวมทั้งผมอาศัยอยู่ในที่ทำงานทั้งวันทั้งคืน อีกเรื่องที่แปลกก็คือ 90% ของพนักงานบริษัทเป็นผู้ชาย
“ไอ้กิด” พี่ภูมิเรียกผมราวกับสนิทกันมาชาติเศษแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน แต่มันก็ทำให้เราสนิทกันเร็วขึ้นจริงๆ “วันนี้บอสมาเว้ย” แค่ได้ยินคำว่า บอส ใจผมก็เต้นรัวผิดจังหวะอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ผมพยายามเก็บอาการสุดความสามารถ จะได้ไม่มีใครล่วงรู้เหตุผลลึกๆ ที่ผมอยากมาทำงานที่นี่
“มึงยังไม่เคยเจอบอร์ดใช่ไหม” พี่ภูมิถามแต่ไม่ทันรอให้ผมตอบพูดต่อ “เดี๋ยววันนี้บอสน่าจะเรียกมึงเข้าไปคุย”
หา! อะไรนะ ผมตะโกนลั่นอยู่ในความคิด
พี่ภูมิยังคงพูดต่อไป “จริงๆก็เหมือนกับไปแนะนำตัวกับบอสนั่นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอกบอสใจดีและที่สำคัญ” พี่ภูมิหยุดครู่หนึ่ง “โคตรน่ารักเลย”
อ้าว ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียวหนิ
“รู้ไหมทำไมบริษัทนี้มีแต่ผู้ชาย ตามบอสมาทั้งนั้น” พี่ภูมิไขความกระจ่างในข้อสงสัยของผมไม่พอ กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกผมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเป็นกัน
“กุจะให้มึงดูอะไรนี่” พี่ภูมิพูดพลางกดอะไรบางอย่างบนหน้าจอมือถือ ก่อนจะยื่นมาให้ผมดู “กรุ๊ปคนรักบอส2018 นี่ล่ะแหล่งข้อมูลชั้นดี ใครได้ข้อมูลอะไรของบอสเราจะเอามาแชร์กันในนี้ ถ้าอยู่เกินเดือนละไม่มีข้อมูลอัพเดทจะโดนไล่ออกไป” ผมดูตามไปสักพัก ก็มีคนมาตามผมไปหาบอสอย่างที่พี่ภูมิว่ามาจริงๆ
ผมยืนทำใจอยู่หน้าประตูห้องบอส มือใหม่ผมเริ่มสั่น ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ท้องไส้ปั่นป่วนแปรปรวนไปหมด แต่ทำใจได้ไม่นานก็ต้องเคาะประตูก่อนที่คนด้านนอกจะเห็นความผิดปกติของผม
“เชิญค่ะ” เสียงจากในห้องดังขึ้น ผมสูดหายใจลึกๆ และผลักประตูเข้าไป
“คุณกฤตพจน์ ใช่ไหมคะ” บอสกล่าวขึ้นพลางส่งยิ้มมาทำให้ผมแทบละลายกองอยู่หน้าประตู แต่ผมก็ต้องเรียกสติและตอบกลับไป
“ครับ”
“เชิญนั่งค่ะ”
ผมเดินเข้าไปนั่งอย่างนี้ครับมือผมยังสั่นไม่หาย ผมจึงต้องกำมือประสานไว้บนหน้าตัก เพื่อควบคุมความตื่นเต้นของตัวเอง ผมเหลือบมองบอสแวบหนึ่ง เห็นบอสกำลังอ่านใบประวัติของผมอยู่ ขณะที่บอสกำลังจะเงยหน้าขึ้น ผมก็หลบสายตาลงบนโต๊ะโดยความประหม่า
“คุณกฤตพจน์ บ้านไกลเหมือนกันนะคะเนี่ย” บอสถามขึ้น หลังจากปิดแฟ้มเอกสารของผมไป
“คะ...ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบแล้วก้มหน้าต่อ
“มาทำงานยังไงเหรอคะ”
“รถเมล์ครับ”
“รถเมล์ ต้องเปลี่ยนสายไหมคะ”
“เปลี่ยนครับ 3ต่อเลยครับ”
“3ต่อเลยเหรอคะ นานไหมคะกว่าจะถึง”
“ก็ประมาณ 3 ชั่วโมงครับ”
“ถ้าช่วงรถติดนี่ยิ่งนานแน่เลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับๆ” ผมตอบยิ้มๆ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมเริ่มไม่เกรง และคุยกับบอสได้แบบไม่ต้องหลบตาแล้ว
“มาทำงานที่นี่อาทิตย์หนึ่งแล้วเป็นยังไงบ้างคะ” บอสถามต่อ
“ก็ดีครับ”
“เพื่อนร่วมงานโอเคนะคะ”
“โอเคครับ” ผมเผลอยิ้มโดนไม่รู้ตัว เมื่อนึกถึงพี่ภูมิ
“คุณภูมิกับคุณนุเป็นคนเก่งนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไร 2 คนนี้น่าจะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว” นี่บอสจำชื่อพี่นุกับพี่ภูมิได้ด้วย หรือเขาจะเป็นคนดังในบริษัท
“ฉันดูงานชุดแรกของคุณแล้วนะคะ ทำได้ดีทีเดียวไม่ผิดเลยค่ะ” สวรรคโปรดโชคดีที่ตรวจทานไปหลายรอบก่อนส่ง
“งานชุดนี้ทำนานไหมคะ”
“ก็ประมาณ 5 วันครับ”
บอสชะงักไปเล็กน้อยกับคำตอบของผม “5 วันเหรอคะ”
“คะ...ครับ” ผมเริ่มตอบไม่เต็มเสียง
“นานอยู่เหมือนกันนะคะ” บอสพูดยิ้มๆ ผมเริ่มใจเสียหน่อยๆ เหมือนกำลังจะโดนด่ายังไงไม่รู้
“คุณกฤตพจน์ได้ตัว Timeline ในระบบรึยังคะ”
“ยังครับ”
“ยังเหรอคะ สงสัยฝ่ายไอทียังไม่ได้คีย์อีเมลคุณเข้าไป สักครู่นะคะ” บอสเปิดแล็ปท็อปของเธอขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่างเข้าไปพักหนึ่ง ก่อนพูดต่อ “เรียบร้อยแล้วค่ะ ลองเช็คอีเมลล์ดูนะคะ ทำตามขั้นตอนในเมลก็น่าจะเข้าได้แล้วละคะ แต่ถ้ายังเข้าไม่ได้ยังไง ตอบเมลกลับมานะคะ เดี๋ยวฉันไปติดต่อไอทีให้”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“อ๋อ พอเข้าระบบไปมันจะขึ้นเป็นtimeline ว่า งานนี้assignให้ใครไปวันไหนdeadlineเมื่อไหร่ งานรับเข้าระบบหรือยังอะไรประมาณนี้ เช็คdeadlineดีๆ นะคะ ช้าสุดขอให้เป็นภายในคืนนั้นนะคะ” บอสพูดด้วยรอยยิ้มพิฆาตก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า “ตั้งใจทำงานนะคะ”
“ตั้งใจทำงานนะคะ” คำพูดของบอสดังก้องอยู่ในหัวผม พร้อมกับภาพที่บอสยิ้มให้ผมตอนที่เราพูดคุยกัน แม้เพียงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ประทับตราตรึงอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆ ของผมไปอีกนานแสนนาน
“โอย” ผมร้องขึ้นเมื่อมีอะไรบางอย่างตีลงบนหัวผม ผมเห็นพี่ภูมิถือแฟ้มพลาสติกอันหนึ่งอยู่ในมืจ้องมาทางผม
“พี่มาตีผมทำไม” ผมถามอย่างงงงวย
“มึง ชอบ บอส ใช่ไหม” พี่ภูมิเน้นเป็นคำๆ พร้อมจองหน้าผมเพื่อหาคำตอบ “กูเห็นมึงนั่งเพ้อตั้งแต่ออกมาของบอสละ” นี่ผมออกอาการขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย “นี่เห็นว่าเป็นมึงนะ เดี๋ยวกูลากเข้ากรุ๊ปให้” พี่ภูมิพูดอย่างจริงจังและกดเชิญผมเข้าไปในกรุ๊ปแชท ผมกดรับอย่างไว สมาชิกกลุ่ม30+ พระเจ้าคู่แข่ง 30 กว่าคนจะเอาอะไรไปสู้เขา ผมไล่ดูซักพักก็ต้องชะงักเมื่อเห็น
“พี่นุอยู่ในกรุ๊ปด้วยเหรอพี่” ผมหันไปถามพี่ภูมิเบาๆ เพราะพี่นุไม่ได้นั่งห่างจากพวกเรามากนัก
“เออ” พี่ภูมิตอบเซ็งๆ “กูก็ไม่ได้อยากให้เข้ามาหรอก แต่ที่พี่นุดันมาเห็นตอนกูเล่นอยู่ แม่งกูเลยต้องaddเข้าไปด้วย กลายเป็นตัวท็อปทีเนี้ย กูละเซ็ง”
“ตัวท็อป?”
“เออดิ มึงไม่รู้เหรอเขาเรียนมาด้วยกัน” ผมทำหน้าเหรอหราพี่ภูมิเลยพูดต่อ “เออ มึงคงไม่รู้หรอก พี่นุเป็นนักเรียนทุน เรียนที่เดียวกับบอส ช่วยงานกันมาตั้งแต่เปิดบริษัทที่อังกฤษล่ะ ตอนนั้นเงินทุนไม่เยอะเลยไม่ได้รวมเป็นผู้ก่อตั้ง แต่ตอนนี้ดิทั้งฐานะหน้าตา ดูแต่งตัวเข้า กุเทียบติดที่ไหนล่ะ” ก็จริงอย่างที่พี่ภูมิพูด พี่นุตั้งใจทำงานควบไม่รู้กี่ตำแหน่ง ถึงอายุจะมากหน่อย แต่หน้ายังใสอย่างกะ20ปลายๆ ดูเด็กกว่าพี่ภูมิด้วยซ้ำ
“มึงกำลังคิดว่ากูหน้าแก่ใช่ไหม” พี่ภูมิพูดอย่างกับอ่านใจผมได้
“เปล่าพี่ๆ” ผมรีบปฏิเสธ
“แต่ช่างเถอะ กูว่าบอสไม่ชอบพี่นุหรอก” พี่ภูมิพูดกลับไปมาทำผมตามไม่ทัน “ถ้าชอบป่านนี้น่าจะคบกันไปแล้วไหม หลายปีละนะ” ก็จริงอย่างที่พี่ภูมิว่า อย่างนี้ผมก็ยังมีหวังสินะ ผมคิดไปยิ้มไปจนพี่ภูมิตบหัวผมอีกครั้ง
“เลิกเพ้อได้ล่ะ มึงอะ ไปทำงาน”
พี่นุ หัวหน้าแผนกบัญชีการเงินการตลาดอยู่ในความดูแลของพี่นุหมด พี่นุอายุ 30 ปลายๆ แต่รูปร่างหน้าตาไม่ได้ดูแก่ตามอายุ พี่นุจะแต่งตัววันนี้เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเซ็ทเข้าทรงอย่างดี เสื้อเชิ้ตกางเกงเข้าชุดเรียบกริบไร้รอยยับ รองเท้าขาดเงาวับ แล้วจะมาถึงที่ทำงานไม่เกิน 8 โมงครึ่งของทุกวัน พี่นุเป็นคนที่เวลางานคืองานเวลาเล่นเครื่องเล่นแบบสุดขั้ว เวลางานก็จะจมอยู่กับงานบนโต๊ะอย่างจริงจัง ไม่พูดไม่คุยกับใคร แต่พอตอนพัก พี่นุพูดคุยได้อย่างสนุกสนานต่างจาก พี่ภูมิ รุ่นพี่อีกคนในแผนกผม ที่ไม่ว่าเวลาไหนก็เล่นได้ เขาอายุมากกว่าผมห้าปี ทำงานที่นี่มาปีกว่า เขาเป็นคนดังที่พูดถึงทุกคนในบริษัทต้องรู้จัก เพราะความช่างพูดช่างคุย และเข้าถึงง่ายของเขา ที่วันๆ ดูจะไปคุยกับคนโน้นทีคนนี้ทีเหมือนไม่มีงานทำ แต่จริงๆแล้ว พี่ภูมิมีงานต่อวันเยอะกว่างานผมทั้งอาทิตย์ด้วยซ้ำ ตลอดเนื่องจากพี่นุควบหลายตำแหน่ง งานฝ่ายบัญชีเกือบทั้งหมดเลยตกอยู่ในมือพี่ภูมิ แต่ที่พี่ภูมิเป็นคนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ งานจึงเสร็จก่อนเวลาทำให้มีเวลาคุยกับคนอื่นไปเรื่อย และการที่ผมมานั่งข้างๆ พี่ภูมิ จึงมักเป็นคนแรกๆ ที่พี่ภูมิจะหันมาคุยด้วย จนบางครั้งผมก็เพลินจนลืมไปว่างานผมยังไม่เสร็จเลย
จะว่าไปที่นี่ก็แปลกจากที่ผมเคยเจอมา เพราะเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น ทุกคนจะเก็บของกลับบ้านกันพร้อมหน้า ไม่มีการทำงานล่วงเวลา ซึ่งต่างจากบริษัทเก่าผมโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะช่วงปิดงบประจำปี พนักงานหลายคนรวมทั้งผมอาศัยอยู่ในที่ทำงานทั้งวันทั้งคืน อีกเรื่องที่แปลกก็คือ 90% ของพนักงานบริษัทเป็นผู้ชาย
“ไอ้กิด” พี่ภูมิเรียกผมราวกับสนิทกันมาชาติเศษแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน แต่มันก็ทำให้เราสนิทกันเร็วขึ้นจริงๆ “วันนี้บอสมาเว้ย” แค่ได้ยินคำว่า บอส ใจผมก็เต้นรัวผิดจังหวะอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ผมพยายามเก็บอาการสุดความสามารถ จะได้ไม่มีใครล่วงรู้เหตุผลลึกๆ ที่ผมอยากมาทำงานที่นี่
“มึงยังไม่เคยเจอบอร์ดใช่ไหม” พี่ภูมิถามแต่ไม่ทันรอให้ผมตอบพูดต่อ “เดี๋ยววันนี้บอสน่าจะเรียกมึงเข้าไปคุย”
หา! อะไรนะ ผมตะโกนลั่นอยู่ในความคิด
พี่ภูมิยังคงพูดต่อไป “จริงๆก็เหมือนกับไปแนะนำตัวกับบอสนั่นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอกบอสใจดีและที่สำคัญ” พี่ภูมิหยุดครู่หนึ่ง “โคตรน่ารักเลย”
อ้าว ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียวหนิ
“รู้ไหมทำไมบริษัทนี้มีแต่ผู้ชาย ตามบอสมาทั้งนั้น” พี่ภูมิไขความกระจ่างในข้อสงสัยของผมไม่พอ กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกผมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเป็นกัน
“กุจะให้มึงดูอะไรนี่” พี่ภูมิพูดพลางกดอะไรบางอย่างบนหน้าจอมือถือ ก่อนจะยื่นมาให้ผมดู “กรุ๊ปคนรักบอส2018 นี่ล่ะแหล่งข้อมูลชั้นดี ใครได้ข้อมูลอะไรของบอสเราจะเอามาแชร์กันในนี้ ถ้าอยู่เกินเดือนละไม่มีข้อมูลอัพเดทจะโดนไล่ออกไป” ผมดูตามไปสักพัก ก็มีคนมาตามผมไปหาบอสอย่างที่พี่ภูมิว่ามาจริงๆ
ผมยืนทำใจอยู่หน้าประตูห้องบอส มือใหม่ผมเริ่มสั่น ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ท้องไส้ปั่นป่วนแปรปรวนไปหมด แต่ทำใจได้ไม่นานก็ต้องเคาะประตูก่อนที่คนด้านนอกจะเห็นความผิดปกติของผม
“เชิญค่ะ” เสียงจากในห้องดังขึ้น ผมสูดหายใจลึกๆ และผลักประตูเข้าไป
“คุณกฤตพจน์ ใช่ไหมคะ” บอสกล่าวขึ้นพลางส่งยิ้มมาทำให้ผมแทบละลายกองอยู่หน้าประตู แต่ผมก็ต้องเรียกสติและตอบกลับไป
“ครับ”
“เชิญนั่งค่ะ”
ผมเดินเข้าไปนั่งอย่างนี้ครับมือผมยังสั่นไม่หาย ผมจึงต้องกำมือประสานไว้บนหน้าตัก เพื่อควบคุมความตื่นเต้นของตัวเอง ผมเหลือบมองบอสแวบหนึ่ง เห็นบอสกำลังอ่านใบประวัติของผมอยู่ ขณะที่บอสกำลังจะเงยหน้าขึ้น ผมก็หลบสายตาลงบนโต๊ะโดยความประหม่า
“คุณกฤตพจน์ บ้านไกลเหมือนกันนะคะเนี่ย” บอสถามขึ้น หลังจากปิดแฟ้มเอกสารของผมไป
“คะ...ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบแล้วก้มหน้าต่อ
“มาทำงานยังไงเหรอคะ”
“รถเมล์ครับ”
“รถเมล์ ต้องเปลี่ยนสายไหมคะ”
“เปลี่ยนครับ 3ต่อเลยครับ”
“3ต่อเลยเหรอคะ นานไหมคะกว่าจะถึง”
“ก็ประมาณ 3 ชั่วโมงครับ”
“ถ้าช่วงรถติดนี่ยิ่งนานแน่เลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับๆ” ผมตอบยิ้มๆ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมเริ่มไม่เกรง และคุยกับบอสได้แบบไม่ต้องหลบตาแล้ว
“มาทำงานที่นี่อาทิตย์หนึ่งแล้วเป็นยังไงบ้างคะ” บอสถามต่อ
“ก็ดีครับ”
“เพื่อนร่วมงานโอเคนะคะ”
“โอเคครับ” ผมเผลอยิ้มโดนไม่รู้ตัว เมื่อนึกถึงพี่ภูมิ
“คุณภูมิกับคุณนุเป็นคนเก่งนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไร 2 คนนี้น่าจะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว” นี่บอสจำชื่อพี่นุกับพี่ภูมิได้ด้วย หรือเขาจะเป็นคนดังในบริษัท
“ฉันดูงานชุดแรกของคุณแล้วนะคะ ทำได้ดีทีเดียวไม่ผิดเลยค่ะ” สวรรคโปรดโชคดีที่ตรวจทานไปหลายรอบก่อนส่ง
“งานชุดนี้ทำนานไหมคะ”
“ก็ประมาณ 5 วันครับ”
บอสชะงักไปเล็กน้อยกับคำตอบของผม “5 วันเหรอคะ”
“คะ...ครับ” ผมเริ่มตอบไม่เต็มเสียง
“นานอยู่เหมือนกันนะคะ” บอสพูดยิ้มๆ ผมเริ่มใจเสียหน่อยๆ เหมือนกำลังจะโดนด่ายังไงไม่รู้
“คุณกฤตพจน์ได้ตัว Timeline ในระบบรึยังคะ”
“ยังครับ”
“ยังเหรอคะ สงสัยฝ่ายไอทียังไม่ได้คีย์อีเมลคุณเข้าไป สักครู่นะคะ” บอสเปิดแล็ปท็อปของเธอขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่างเข้าไปพักหนึ่ง ก่อนพูดต่อ “เรียบร้อยแล้วค่ะ ลองเช็คอีเมลล์ดูนะคะ ทำตามขั้นตอนในเมลก็น่าจะเข้าได้แล้วละคะ แต่ถ้ายังเข้าไม่ได้ยังไง ตอบเมลกลับมานะคะ เดี๋ยวฉันไปติดต่อไอทีให้”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“อ๋อ พอเข้าระบบไปมันจะขึ้นเป็นtimeline ว่า งานนี้assignให้ใครไปวันไหนdeadlineเมื่อไหร่ งานรับเข้าระบบหรือยังอะไรประมาณนี้ เช็คdeadlineดีๆ นะคะ ช้าสุดขอให้เป็นภายในคืนนั้นนะคะ” บอสพูดด้วยรอยยิ้มพิฆาตก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า “ตั้งใจทำงานนะคะ”
“ตั้งใจทำงานนะคะ” คำพูดของบอสดังก้องอยู่ในหัวผม พร้อมกับภาพที่บอสยิ้มให้ผมตอนที่เราพูดคุยกัน แม้เพียงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ประทับตราตรึงอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆ ของผมไปอีกนานแสนนาน
“โอย” ผมร้องขึ้นเมื่อมีอะไรบางอย่างตีลงบนหัวผม ผมเห็นพี่ภูมิถือแฟ้มพลาสติกอันหนึ่งอยู่ในมืจ้องมาทางผม
“พี่มาตีผมทำไม” ผมถามอย่างงงงวย
“มึง ชอบ บอส ใช่ไหม” พี่ภูมิเน้นเป็นคำๆ พร้อมจองหน้าผมเพื่อหาคำตอบ “กูเห็นมึงนั่งเพ้อตั้งแต่ออกมาของบอสละ” นี่ผมออกอาการขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย “นี่เห็นว่าเป็นมึงนะ เดี๋ยวกูลากเข้ากรุ๊ปให้” พี่ภูมิพูดอย่างจริงจังและกดเชิญผมเข้าไปในกรุ๊ปแชท ผมกดรับอย่างไว สมาชิกกลุ่ม30+ พระเจ้าคู่แข่ง 30 กว่าคนจะเอาอะไรไปสู้เขา ผมไล่ดูซักพักก็ต้องชะงักเมื่อเห็น
“พี่นุอยู่ในกรุ๊ปด้วยเหรอพี่” ผมหันไปถามพี่ภูมิเบาๆ เพราะพี่นุไม่ได้นั่งห่างจากพวกเรามากนัก
“เออ” พี่ภูมิตอบเซ็งๆ “กูก็ไม่ได้อยากให้เข้ามาหรอก แต่ที่พี่นุดันมาเห็นตอนกูเล่นอยู่ แม่งกูเลยต้องaddเข้าไปด้วย กลายเป็นตัวท็อปทีเนี้ย กูละเซ็ง”
“ตัวท็อป?”
“เออดิ มึงไม่รู้เหรอเขาเรียนมาด้วยกัน” ผมทำหน้าเหรอหราพี่ภูมิเลยพูดต่อ “เออ มึงคงไม่รู้หรอก พี่นุเป็นนักเรียนทุน เรียนที่เดียวกับบอส ช่วยงานกันมาตั้งแต่เปิดบริษัทที่อังกฤษล่ะ ตอนนั้นเงินทุนไม่เยอะเลยไม่ได้รวมเป็นผู้ก่อตั้ง แต่ตอนนี้ดิทั้งฐานะหน้าตา ดูแต่งตัวเข้า กุเทียบติดที่ไหนล่ะ” ก็จริงอย่างที่พี่ภูมิพูด พี่นุตั้งใจทำงานควบไม่รู้กี่ตำแหน่ง ถึงอายุจะมากหน่อย แต่หน้ายังใสอย่างกะ20ปลายๆ ดูเด็กกว่าพี่ภูมิด้วยซ้ำ
“มึงกำลังคิดว่ากูหน้าแก่ใช่ไหม” พี่ภูมิพูดอย่างกับอ่านใจผมได้
“เปล่าพี่ๆ” ผมรีบปฏิเสธ
“แต่ช่างเถอะ กูว่าบอสไม่ชอบพี่นุหรอก” พี่ภูมิพูดกลับไปมาทำผมตามไม่ทัน “ถ้าชอบป่านนี้น่าจะคบกันไปแล้วไหม หลายปีละนะ” ก็จริงอย่างที่พี่ภูมิว่า อย่างนี้ผมก็ยังมีหวังสินะ ผมคิดไปยิ้มไปจนพี่ภูมิตบหัวผมอีกครั้ง
“เลิกเพ้อได้ล่ะ มึงอะ ไปทำงาน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ